จากเหมยถึงกาสะลอง จากโกวเล้งถึงคุณยิ่งลักษณ์ ( บุรุษทางการเมือง บุรุษในบอร์ดการเมือง ตอนที่สอง )

ท่านที่เคารพรักครับ การต่อสู้ในโลกเสมือนสองโลกที่ซ้อนทับกันระหว่างการเมืองกับหมากล้อมสถานะการณ์เวลานี้
ขมวดปมตรงคำถามนี้ที่ว่า    " รูปแบบเวลานี้ ใครเป็นฝ่ายรุก ? "

  ระหว่างฝ่ายหนึ่งเคลื่อนไหวทุกวัน กับฝ่ายหนึ่งที่เงียบใช้ความสงบ สยบเคลื่อนไหว ตามสำนวนกำลังภายในของท่าน โกวเล้ง

เวลาคือส่วนประกอบสำคัญอย่างหนึ่งในความสำเร็จผลครับ ปัญหาของอีกฝ่ายคือ เวลาจำกัด
นับถอยหลังทุกลมหายใจเข้าออก เวลาก็น้อยลง น้อยลง

  เราจะพบได้ถึงการบ่นแกมคำรามบ่อยๆว่า ข้าราชการเกียร์ว่าง เพราะรู้ว่าปีสองปีนี้ แป๊บเดียวก็ไป  
ปัญหาเกียร์ว่าง ทำให้งานไม่เดิน  ที่พบเจอนี่แหละเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด เพราะงานปฏิรูปที่สำคัญของประเทศนี้คือ

ต้องปฏิรูประบบราชการ

  เมื่อสู้กับระบบราชการ จึงเป็นการเปิดศึกทุกทิศ เพราะระบบราชการฝังลงรากลึก ลำพังเพียงการย้ายคนเก่าไป
ย้ายคนใหม่มา  ก็ไม่ได้แก้ปัญหาได้ จึงเหมือนลิงแก้แห เพราะส่วนมากคนที่ขึ้นมาใหม่ ก็ไม่ใช่ลูกหม้อที่รู้งาน  
คนมาใหม่จึงมาเรียนรู้งานเพียงเท่านั้น และไม่ใช่ว่าจะสามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ มีตัวอย่างหลายตำแหน่ง
ที่ย้ายเข้าไป สุดท้ายก็ย้ายออกมา หรือย้ายเข้าไปแล้วเกิดปัญหา

  ยกตัวอย่างสาธารณสุขที่แตกแยก แฉกันไปมา เอาแต่พวกของตน  และยกตัวอย่างกรณีปลัดไอซีที พี่สาว อ.ปณิธาน
ที่ย้ายเข้า ย้ายออก ทำให้งานไม่มีความต่อเนื่อง  ระบบราชการงานเมืองก็ยังดำรงอยู่เหมือนเดิม
  เสียเวลาเปล่าๆ  สุดท้ายก็วนกลับมาสู่  จุดเดิม

นั่นคือเทือก ออกมาจุดกระแสปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง  เป็นการไม่ไปไหน มีแต่ซ้ำเติมเศรษฐกิจมากกว่าเดิม
กับผลที่ต่างชาติคว่ำบาตรกำลังเริ่มต้นจริงจัง

ส่วนเทือกนั้น ก็ยังคงลีลาเดิม ที่จะให้กษิต เดินสายชี้แจงต่างชาติ  ซึ่งคิดว่าเปลืองงบประมาณเปล่าๆ
เหมือนสมัยหนึ่ง เปลืองงบประมาณไล่ล่าท่านทักษิณ สมัยกษิตนั่งกระทรวงต่างประเทศ

สำหรับใครที่จดจำเหตุการณ์ที่ฮุนเซ็นเคยพูดถึงการเดินทางไปเขมรของเทือก สมัยมาร์ค คงพอจำได้ว่า
ฮุนเซ็นติงที่เทือก พยายามเจรจาลับ  ซึ่งไม่ใช่พฤติกรรมที่เปิดเผยของงานบ้าน งานเมือง เรื่องผลประโยชน์ของชาติ

ท่านที่เคารพรักครับ ธรรมดาการต่อสู้จะสนุก เมื่อมีคู่ต่อสู้ที่ คู่คี่ สูสี เกมส์จึงตื่นเต้นเร้าใจ กินกันไม่ลง
แต่เมื่อต่อสู้ยืดเยื้อไประยะหนึ่ง  ต่างฝ่ายต่างจะจับทางกันได้ว่า อีกฝ่ายมี " จุดอ่อน " ตรงไหน  

     และกลยุทธ์สำคัญคือ ดึงอีกฝ่ายมาเล่นในเกมส์ที่เราถนัด  แต่อีกฝ่ายไม่ถนัด

  ในตอนที่แล้ว ข้าพเจ้าพูดถึง " ภาพซ้ำซ้อน " ในหนังเรื่อง The Matrix เดอะ เมทริกซ์ และคุณสมคิด และหม่อมอุ๋ย
ก็คือ ภาพซ้ำซ้อน  ในเวลานี้ ที่ซ้ำซ้อนกับยุครัฐบาล ฤษีขี่เต่า แบบไม่น่าเป็นไปได้  เพราะเวลาและเหตุการณ์ต่างกันจะเป็นสิบปี

ก็เพราะนี่คือ " สไตล์ " การเล่นที่จับจุดได้ว่า มี " จุดอ่อน " ตรงงานด้านเศรษฐกิจ
และพรรคฝ่ายตรงข้ามก็มีจุดอ่อนเรื่องการทำงานที่ไม่มีผลงาน ไม่มีนโยบาย และไม่มีการปรับปรุงพรรค

มองให้ชัดเจนนี่คือการที่ฝ่ายตรงข้าม ถลำลึกเข้ามาเล่นในเกมส์ที่อีกฝ่ายถนัดนั่นเอง

นั่นคืองานบริหารบ้านเมือง แก้ปัญหาปากท้อง ที่ไม่ใช่ว่า จะแก้ไขได้ง่ายๆ หรือ ใครจะมาทำก็ได้

และอย่าแปลกใจที่เห็นรูปหมากเวลานี้กำลังแย่  ก็เพราะนี่เป็นเกมส์ที่ฝ่ายนี้ไม่มีความชำนาญเอาเสียเลย

ท่านที่เคารพรักครับ  หากจับตามคำพูดในหนังเรื่อง " โหมโรง "  อันมีคำพูดที่ว่า

ข้ามาเล่นดนตรี คงออมมือให้ใครไม่ได้   "ขุนอิน"

ถ้าเอ็งแพ้มา ก็ใช่ว่าจะแพ้ตลอดไป
ถ้าเอ็งชนะ ชัยชนะของเอ็งจะยั่งยืนสักเพียงไหน   " ครูเทียน "

และตามด้วยคำพูดที่ว่า

"คนเราแม้เกิดมาแตกต่าง แต่ศักดิ์ศรีของเราย่อมเท่าเทียมกัน "

"ชัยชนะมันสำคัญมากนักหรือ เมื่อเทียบกับการได้กลับไปกินข้าวกับครอบครัว "

คำพูดจากเรื่อง IP MAN ภาค 2

สรุปด้วยคำคมที่ว่า

"มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อพ่ายแพ้ การทำลายมนุษย์นั้นย่อมทำได้ แต่จะทำให้มนุษย์พ่ายแพ้ไม่ได้ "
อันเป็นคำคมของท่าน เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์

นี่คือภาพที่ชัดเจนของเกมส์เวลานี้ครับ ที่ใครถนัด ใครเชี่ยวชาญ ใครเก่งกว่าใคร  ใครกำลังรุก
และสุดท้ายของ การแข่งขันนี้  ผลสุดท้าย ใครจะเป็นฝ่ายชนะ  ท่านผู้เจริญย่อมมีคำตอบอยู่แล้ว ในใจท่านครับ

ขอขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่