เพิ่งกลับจากทริปเที่ยวโอซาก้า เกียวโต ช่วงหยุดยาว 4 วัน เข้าพรรษามา เลยอยากเล่าเรื่องต่างๆให้เพื่อนใน Pantip ฟังบ่ง
เพราะก่อนไปก็ได้มาแวะเอาความรู้จากในนี้ไปเยอะเหมือนกัน ไม่ไล่เรียงตามลำดับนะ แต่จะใส่เป็นข้อๆ ตามที่คิดได้เลยครับ

1. ไม่แนะนำให้เที่ยวหน้าร้อน กรกฎาคม-สิงหาคม โอซาก้า เกียวโต เพราะมันร้อนมากๆ ถึงแม้บางจุดจะมีพัดลมปล่อยไอเย็นให้คลายร้อน แต่ย้ำว่ามีแค่บางจุดเท่านั้น อย่างที่ จขกทไปคือ ปราสาทโอซาก้า ต้องบอกว่า หน้าร้อนไม่ควรเดินเลย เพราะมันไกลมากๆ ระยะทางการเดินจากสถานี Subway ไปจนถึงปราสาท เดินกันเกือบครึ่งชั่วโมง (ลูกชาย 6 ขวบ บ่นว่าไม่ไหวแล้วครับ) เจอแดดเปรี้ยงๆ ร้อนเกิน 35 องศา เดินไปพักไป ทางเดินขึ้นเนินอีกต่างหาก
2. กรณีที่ถ้าอยากไปจริงๆ แนะนำสิ่งที่ควรพก
- ร่ม
- ผ้าขนหนูผืนเล็ก ชุบน้ำ เอาใว้เช็ดหน้าเช็ดตา
- สเปรย์น้ำแร่ฉีดเพิ่มความชุ่มชื้น
- น้ำดื่ม เกลือแร่
3. แผนการเดินทางช่วงหน้าร้อน ควรจะเตรียมใว้หลายๆแผน กรณีที่ร้อนมากๆ ไปไม่ไหวจริงๆ จะได้เตรียมรับมือถูก อย่างเช่น จขกท วางแผนจะไปเกียวโตในวันที่สอง พอถึงโอซาก้าวันแรก เจอร้อนๆเข้าไป ยกเลิกเลยครับ เพราะเพื่อนแฟนอีกคนที่มาโอซาก้าก่อนหน้าเราวันนึง ก็ไม่สบายหนัก เพราะเจอแดดร้อนเข้าไป

4. แอร์เอเชียเปลี่ยนเกท 3 รอบ เพิ่งจะเดินถึงเกท 23 เจอประกาศขออภัยต้องเปลี่ยนไปเป็นเกท 14 เลยต้องเดินย้อนมาอีกรอบ นั่งรอ นอนรอ จนจะถึงเวลาขึ้นเครื่อง ก็ไม่เห็นไฟลท์ตรงกับที่ จขกท บิน เลยเดินไปดูอีกรอบ อ้าว...เปลี่ยนเป็นเกท 12 แถมแจ้งดีเลย์ไป จากเดิม 20.30 เป็น 20.45 แต่ออกจริงๆ เกือบๆ 21.30 ขอรับ
5. ต่อเครื่องที่มาเลเซีย ถึงมาเลย์ 23.30 น. เครื่องไปโอซาก้า ออก 05.30 น. ต้องหาที่นอน ตามที่ได้ข้อมูลมา ศูนย์อาหารชั้น 3 รึ 4 จำไม่ได้แล้ว มีที่นอนยาว นุ่มสบาย แต่เน้นเลือกให้ห่างๆทีวีเข้าใว้ เพราะมันเปิดเวียนทั้งคืน เสียงดังมากๆ
คำเตือน : ถ้ารู้เกทที่จะขึ้นเครื่องแล้ว แนะนำว่าให้ย้ายไปนอนที่เกทเลย อย่าให้เหมือน จขกท ที่ตั้งปลุกใว้ ตี 4 แต่ไม่ตื่น ดั๊นไปตื่นอีกทีตอน ตี 4 ครึ่ง เรียกได้ว่า วิ่งแหกขี้ตากันครอบครัวเลยขอรับท่าน แถมต้องไปตรวจกระเป๋ารอบ 2 ซ้ำก่อนออกไปที่เกทอีก.. ต้องบอกเค้าว่า โอซาก้าๆ เพราะมันจะไฟนอลคอลแล้ว... เลยได้ลัดคิวตรวจ
6. ต่อเครื่องมาเลเซีย เข้าที่ช่อง Transfer International ต้องตรวจสัมภาระก่อนเข้า 1 รอบ แล้วก็ก่อนจะออกไปที่เกทอีก 1 รอบ
- ถอดเข็มขัดด้วย
- เหรียญก็ด้วย
- น้ำดื่ม บางคนก็เอาทิ้ง แต่ของ จขกท. เอาใส่รวมกับถุงขนมของลูกชาย เค้าก็ไม่ว่าอะไรนะ ผ่านได้สบายๆ

7. ขากลับนั่งรถไฟ Kansai Airport Rapid Service จาก tennoji พึงระวังนะครับ ว่าต้องนั่งโบกี้ที่ 1-4 เท่านั้น เพราะโบกี้ที่ 5-8 จะถูกแยกทางไปที่สถานี Hibeno เค้าจะหยุดรถ และประกาศแจ้ง หากว่าเรานั่งโบกี้อื่น ก็ให้รีบยกของรถจากโบกี้นั้นๆ แล้วเกินไปขึ้นโบกี้ 1-4 ได้เลย อันนี้ จขกท. นั่งโบกี้ 8 เพลินๆ แต่เห็นทีวีมันเปิดย้ำแล้วย้ำอีกว่าที่ Hibeno จะถูกแยกขบวน เลยรีบไปถามคนญี่ปุ่น เค้าก็บอกว่าถึง Hibeno ค่อยลงไปขึ้นโบกี้ที่ 4 ก็ได้...เกือบพลาดแล้ว

8. ต่อเครื่อง ค่าโหลดกระเป๋าแพงมาก!!!! จขกท. เสียค่าโหลดกระเป๋าขากลับขาเดียว 20 กิโลในราคา 1830 บาท แพงกว่าบินตรง 1130 บาท (ตอนบินตรงโตเกียวโหลดขาละ 700 บาท) ที่โหลดขากลับขาเดียว เพราะไปวัดใจเอาว่าได้ช้อบของเยอะมั๊ย ถ้าเยอะเกินค่อยโหลด ซึ่ง จขกท ทำดังนี้
- เอาถุงกระสอบ 2 ชั้น ลายคลาสสิคสายรุ้ง(ราคาประมาณ 200 บาท) พับใส่กระเป๋าลากด้วย
- เอาตาชั่งกระเป๋าไปด้วย
- เปิดบริการ Roaming ของทรูมูฟด้วย เพื่อรับ OTP SMS ของบัตรเครดิต เวลาจ่ายตังค์ให้ Airasia แต่จขกท.ยกเลิก GPRS 3G ก่อนบินด้วย จะได้มั่นใจว่าไม่มี Shock Bill เกิดขึ้น (เช่า pocket wifi ใว้เล่นเน็ตอยู่แล้ว)
- ถ้าจะพันพลาสติกใส Wrap ก็ที่สนามบินเลย ประมาณ 8-900 เยน หรือไม่ก็หาซื้อมาพันเอา แต่ จขกท. ไม่เหลือเงินสดแล้ว เลยซื้อเทปกาวที่ Mega ดองกี้ ราคา 200 กว่าเยน เอามาพัน เรียกได้ว่าทดแทนกันได้ สบายๆ ถึงบ้านแกะเทปกาวทิ้ง ไม่เหลือคราบ 555 (ไม่ได้ประหยัด แต่ตังค์หมด)
ป.ล. เชื่อมั๊ยว่า จขกท. โหลดกระเป๋าสายรุ้ง + กระเป๋าเดินทางอีกใบ ได้น้ำหนักรวม 20.0 กิโล พอดีเป๊ะๆ
9. ถ้าไม่ให้เอาน้ำดื่มเข้า ก็เอาไปเฉพาะขวดเปล่าครับ ไปหากรอกเอาตามที่กดน้ำเอา ประหยัดได้หลายนะเธอ
10. ไอติมโคน Mc ราคาแค่ 100เยน พอกินดับร้อนได้ หากตังค์เหลือ ก็ไอติมโคน หรือน้ำแข็งใส ตามร้านทั่วๆไปครับ 300-450 เยนขึ้นไป (เฉียดร้อยบาท)
จริงๆ น่าจะมีราดนมข้นด้วยนะ มันจะอร่อยมากๆเลย น้ำแข็งใสของเค้าคือ น้ำแข็งบดราดน้ำแดง น้ำเขียวเฉยๆเลย ....จขกท.ว่า แพงชิบ

11. Shopping กันดั้ม จขกท. ซื้อที่ร้าน Joshin แถว den den town เห็นว่ามีเยอะสุดแล้ว ราคา Tax free ลดไป 8 % + จ่ายด้วย Visa ลดไปอีก 3 %
คิดง่ายๆว่าราคากันดั้มที่นี่ถูกกว่าบ้านเราเท่านึง

12. ขวดนี้ลิตรนึง 100 เยน ขอบอกว่าคุ้มมากๆ แต่เสียดายว่ามันไม่ใช่น้ำเปล่า...เพราะมันคือโซดา จขกท. ซื้อมาตอนเกือบๆเที่ยงคืนที่ร้าน K (ไม่รู้ชื่อ) ติดกับ Mega ดองกี้ แถวๆ DobutsuenMae Station เปิดขวดมา ได้ยินเสียงซ่าส์...น้ำตาจิไหล
13. ทาโกยากิ...มันร้อนมากนะครับ ระอุ ลวกปากกันเลยเชียว ขอบอก
14. H&M, Uniqlo เดินดูดีๆ อาจจะเจอเสื้อสวยๆราคา 300-500 เยน ถูกมาก ดีมาก จัดไป
15. Kitkat หลากรส หาซื้อได้ที่ ดองกี้ Don Quijote
16. ถ้ามีเงินเหรียญเหลือก่อนกลับ ในเกทยังพอจะหาตู้กดขนม น้ำ ให้ได้ละลายทรัพย์รอบสุดท้าย
คิดออกแค่นี้ครับ แถมคำอวยพรให้ทุกท่านที่อ่านกระทู้นี้แล้วกัน
"ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนในโลกนี้ ก็ให้ทุกท่านแคล้วคลาดอย่าได้ประสบพบเจอกับทัวร์จีนเลยด้วยประการทั้งปวง....เทอญ"
ป.ล. แถมอีกหน่อย
17. ใบ tax refund ที่ร้านค้าทั้งหลายเย็บใส่ passport ของเรา เมื่อเข้าถึงสนามบินคันไซ ก่อนที่จะผ่าน ตม. จะมีโต๊ะเขียนว่า Custom ตั้งอยู่มี จนท. นั่งเฉยๆ ไม่ค่อยสนใจอะไร และมีตะกร้าวางอยู่ 2 ใบพร้อมเอกสารใบน้อยๆกองจนล้นตะกร้า สิ่งที่เรานักช้อปทั้งหลายที่ใช้ Tax Free 8% เวลาซื้อของจะต้องทำคือ ดึงใบเอกสารเหล่านั้น ของต่ละร้านค้าหย่อนใส่ในตะกร้านั้น แล้วเดินจากไป เพียงเท่านั้นเอง ไม่ต้อง
โชว์สินค้าอะไรทั้งสิ้น เพราะส่วนใหญ่แล้วของที่เราซื้อมักจะถูกโหลดไปหร้อมกับกะเป๋าแล้ว....งง มั๊ยหล่ะว่าจะทำไปทำไม งงครับ แต่ช่างเถอะ เค้าให้ดึงให้เค้า ก็ทำๆไปเถอะ ทำไงก็ได้ แต่อย่ามาเก็บ tax คืนเป็นพอ
คำเตือน : ดึงใบเสร็จเบาๆนะ ไม่งั้นpassport ท่านอาจจะฉีกขาดได้เหมือน จขกท. 555
18. ถ้าจะไป Aquarium ลงจาก subway แล้วจะเจอร้านอาหาร sukiya เลย หิวๆแวะทานได้ หรือชอบ Mc ก็ฝั่งตรงข้ามเลย ขอบอกว่าวันเสาร์ที่แล้วใน Aquarium คนเยอะม๊ากกกก แต่ก็สนุก ได้เห็นปลาหลายๆแนว ได้จับปลากระเบนด้วย ค่าเข้าชมจ่ายบัตรเครดิตได้นะ ไม่มีชาร์จ แต่ก็ไม่มีส่วนลดใดๆให้นะ จะโชว์บัตรไรก็ไม่ลด เพราะไม่ยอมจ่ายสด 555 เป็นการเที่ยวแบบสิ้นเนื้อประดาตัวรอบที่สองของ จขกท. หลังจากครั้งแรกที่ทุบหม้อข้าวหลังจากออกจากโตเกียว แล้วไปช็อคที่นาริตะเพราะไฟลท์โดน Cancel หมดตรู๊ดดดดเลย!!!
+++คำเตือนและเรื่องเล่า+++ โอซาก้าหน้าร้อน ร้อนแทบละลาย & ต่อเครื่องมาเลเซีย มันเหนื่อยมาก
เพราะก่อนไปก็ได้มาแวะเอาความรู้จากในนี้ไปเยอะเหมือนกัน ไม่ไล่เรียงตามลำดับนะ แต่จะใส่เป็นข้อๆ ตามที่คิดได้เลยครับ
1. ไม่แนะนำให้เที่ยวหน้าร้อน กรกฎาคม-สิงหาคม โอซาก้า เกียวโต เพราะมันร้อนมากๆ ถึงแม้บางจุดจะมีพัดลมปล่อยไอเย็นให้คลายร้อน แต่ย้ำว่ามีแค่บางจุดเท่านั้น อย่างที่ จขกทไปคือ ปราสาทโอซาก้า ต้องบอกว่า หน้าร้อนไม่ควรเดินเลย เพราะมันไกลมากๆ ระยะทางการเดินจากสถานี Subway ไปจนถึงปราสาท เดินกันเกือบครึ่งชั่วโมง (ลูกชาย 6 ขวบ บ่นว่าไม่ไหวแล้วครับ) เจอแดดเปรี้ยงๆ ร้อนเกิน 35 องศา เดินไปพักไป ทางเดินขึ้นเนินอีกต่างหาก
2. กรณีที่ถ้าอยากไปจริงๆ แนะนำสิ่งที่ควรพก
- ร่ม
- ผ้าขนหนูผืนเล็ก ชุบน้ำ เอาใว้เช็ดหน้าเช็ดตา
- สเปรย์น้ำแร่ฉีดเพิ่มความชุ่มชื้น
- น้ำดื่ม เกลือแร่
3. แผนการเดินทางช่วงหน้าร้อน ควรจะเตรียมใว้หลายๆแผน กรณีที่ร้อนมากๆ ไปไม่ไหวจริงๆ จะได้เตรียมรับมือถูก อย่างเช่น จขกท วางแผนจะไปเกียวโตในวันที่สอง พอถึงโอซาก้าวันแรก เจอร้อนๆเข้าไป ยกเลิกเลยครับ เพราะเพื่อนแฟนอีกคนที่มาโอซาก้าก่อนหน้าเราวันนึง ก็ไม่สบายหนัก เพราะเจอแดดร้อนเข้าไป
4. แอร์เอเชียเปลี่ยนเกท 3 รอบ เพิ่งจะเดินถึงเกท 23 เจอประกาศขออภัยต้องเปลี่ยนไปเป็นเกท 14 เลยต้องเดินย้อนมาอีกรอบ นั่งรอ นอนรอ จนจะถึงเวลาขึ้นเครื่อง ก็ไม่เห็นไฟลท์ตรงกับที่ จขกท บิน เลยเดินไปดูอีกรอบ อ้าว...เปลี่ยนเป็นเกท 12 แถมแจ้งดีเลย์ไป จากเดิม 20.30 เป็น 20.45 แต่ออกจริงๆ เกือบๆ 21.30 ขอรับ
5. ต่อเครื่องที่มาเลเซีย ถึงมาเลย์ 23.30 น. เครื่องไปโอซาก้า ออก 05.30 น. ต้องหาที่นอน ตามที่ได้ข้อมูลมา ศูนย์อาหารชั้น 3 รึ 4 จำไม่ได้แล้ว มีที่นอนยาว นุ่มสบาย แต่เน้นเลือกให้ห่างๆทีวีเข้าใว้ เพราะมันเปิดเวียนทั้งคืน เสียงดังมากๆ
คำเตือน : ถ้ารู้เกทที่จะขึ้นเครื่องแล้ว แนะนำว่าให้ย้ายไปนอนที่เกทเลย อย่าให้เหมือน จขกท ที่ตั้งปลุกใว้ ตี 4 แต่ไม่ตื่น ดั๊นไปตื่นอีกทีตอน ตี 4 ครึ่ง เรียกได้ว่า วิ่งแหกขี้ตากันครอบครัวเลยขอรับท่าน แถมต้องไปตรวจกระเป๋ารอบ 2 ซ้ำก่อนออกไปที่เกทอีก.. ต้องบอกเค้าว่า โอซาก้าๆ เพราะมันจะไฟนอลคอลแล้ว... เลยได้ลัดคิวตรวจ
6. ต่อเครื่องมาเลเซีย เข้าที่ช่อง Transfer International ต้องตรวจสัมภาระก่อนเข้า 1 รอบ แล้วก็ก่อนจะออกไปที่เกทอีก 1 รอบ
- ถอดเข็มขัดด้วย
- เหรียญก็ด้วย
- น้ำดื่ม บางคนก็เอาทิ้ง แต่ของ จขกท. เอาใส่รวมกับถุงขนมของลูกชาย เค้าก็ไม่ว่าอะไรนะ ผ่านได้สบายๆ
7. ขากลับนั่งรถไฟ Kansai Airport Rapid Service จาก tennoji พึงระวังนะครับ ว่าต้องนั่งโบกี้ที่ 1-4 เท่านั้น เพราะโบกี้ที่ 5-8 จะถูกแยกทางไปที่สถานี Hibeno เค้าจะหยุดรถ และประกาศแจ้ง หากว่าเรานั่งโบกี้อื่น ก็ให้รีบยกของรถจากโบกี้นั้นๆ แล้วเกินไปขึ้นโบกี้ 1-4 ได้เลย อันนี้ จขกท. นั่งโบกี้ 8 เพลินๆ แต่เห็นทีวีมันเปิดย้ำแล้วย้ำอีกว่าที่ Hibeno จะถูกแยกขบวน เลยรีบไปถามคนญี่ปุ่น เค้าก็บอกว่าถึง Hibeno ค่อยลงไปขึ้นโบกี้ที่ 4 ก็ได้...เกือบพลาดแล้ว
8. ต่อเครื่อง ค่าโหลดกระเป๋าแพงมาก!!!! จขกท. เสียค่าโหลดกระเป๋าขากลับขาเดียว 20 กิโลในราคา 1830 บาท แพงกว่าบินตรง 1130 บาท (ตอนบินตรงโตเกียวโหลดขาละ 700 บาท) ที่โหลดขากลับขาเดียว เพราะไปวัดใจเอาว่าได้ช้อบของเยอะมั๊ย ถ้าเยอะเกินค่อยโหลด ซึ่ง จขกท ทำดังนี้
- เอาถุงกระสอบ 2 ชั้น ลายคลาสสิคสายรุ้ง(ราคาประมาณ 200 บาท) พับใส่กระเป๋าลากด้วย
- เอาตาชั่งกระเป๋าไปด้วย
- เปิดบริการ Roaming ของทรูมูฟด้วย เพื่อรับ OTP SMS ของบัตรเครดิต เวลาจ่ายตังค์ให้ Airasia แต่จขกท.ยกเลิก GPRS 3G ก่อนบินด้วย จะได้มั่นใจว่าไม่มี Shock Bill เกิดขึ้น (เช่า pocket wifi ใว้เล่นเน็ตอยู่แล้ว)
- ถ้าจะพันพลาสติกใส Wrap ก็ที่สนามบินเลย ประมาณ 8-900 เยน หรือไม่ก็หาซื้อมาพันเอา แต่ จขกท. ไม่เหลือเงินสดแล้ว เลยซื้อเทปกาวที่ Mega ดองกี้ ราคา 200 กว่าเยน เอามาพัน เรียกได้ว่าทดแทนกันได้ สบายๆ ถึงบ้านแกะเทปกาวทิ้ง ไม่เหลือคราบ 555 (ไม่ได้ประหยัด แต่ตังค์หมด)
ป.ล. เชื่อมั๊ยว่า จขกท. โหลดกระเป๋าสายรุ้ง + กระเป๋าเดินทางอีกใบ ได้น้ำหนักรวม 20.0 กิโล พอดีเป๊ะๆ
9. ถ้าไม่ให้เอาน้ำดื่มเข้า ก็เอาไปเฉพาะขวดเปล่าครับ ไปหากรอกเอาตามที่กดน้ำเอา ประหยัดได้หลายนะเธอ
10. ไอติมโคน Mc ราคาแค่ 100เยน พอกินดับร้อนได้ หากตังค์เหลือ ก็ไอติมโคน หรือน้ำแข็งใส ตามร้านทั่วๆไปครับ 300-450 เยนขึ้นไป (เฉียดร้อยบาท)
จริงๆ น่าจะมีราดนมข้นด้วยนะ มันจะอร่อยมากๆเลย น้ำแข็งใสของเค้าคือ น้ำแข็งบดราดน้ำแดง น้ำเขียวเฉยๆเลย ....จขกท.ว่า แพงชิบ
11. Shopping กันดั้ม จขกท. ซื้อที่ร้าน Joshin แถว den den town เห็นว่ามีเยอะสุดแล้ว ราคา Tax free ลดไป 8 % + จ่ายด้วย Visa ลดไปอีก 3 %
คิดง่ายๆว่าราคากันดั้มที่นี่ถูกกว่าบ้านเราเท่านึง
12. ขวดนี้ลิตรนึง 100 เยน ขอบอกว่าคุ้มมากๆ แต่เสียดายว่ามันไม่ใช่น้ำเปล่า...เพราะมันคือโซดา จขกท. ซื้อมาตอนเกือบๆเที่ยงคืนที่ร้าน K (ไม่รู้ชื่อ) ติดกับ Mega ดองกี้ แถวๆ DobutsuenMae Station เปิดขวดมา ได้ยินเสียงซ่าส์...น้ำตาจิไหล
13. ทาโกยากิ...มันร้อนมากนะครับ ระอุ ลวกปากกันเลยเชียว ขอบอก
14. H&M, Uniqlo เดินดูดีๆ อาจจะเจอเสื้อสวยๆราคา 300-500 เยน ถูกมาก ดีมาก จัดไป
15. Kitkat หลากรส หาซื้อได้ที่ ดองกี้ Don Quijote
16. ถ้ามีเงินเหรียญเหลือก่อนกลับ ในเกทยังพอจะหาตู้กดขนม น้ำ ให้ได้ละลายทรัพย์รอบสุดท้าย
คิดออกแค่นี้ครับ แถมคำอวยพรให้ทุกท่านที่อ่านกระทู้นี้แล้วกัน
"ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนในโลกนี้ ก็ให้ทุกท่านแคล้วคลาดอย่าได้ประสบพบเจอกับทัวร์จีนเลยด้วยประการทั้งปวง....เทอญ"
ป.ล. แถมอีกหน่อย
17. ใบ tax refund ที่ร้านค้าทั้งหลายเย็บใส่ passport ของเรา เมื่อเข้าถึงสนามบินคันไซ ก่อนที่จะผ่าน ตม. จะมีโต๊ะเขียนว่า Custom ตั้งอยู่มี จนท. นั่งเฉยๆ ไม่ค่อยสนใจอะไร และมีตะกร้าวางอยู่ 2 ใบพร้อมเอกสารใบน้อยๆกองจนล้นตะกร้า สิ่งที่เรานักช้อปทั้งหลายที่ใช้ Tax Free 8% เวลาซื้อของจะต้องทำคือ ดึงใบเอกสารเหล่านั้น ของต่ละร้านค้าหย่อนใส่ในตะกร้านั้น แล้วเดินจากไป เพียงเท่านั้นเอง ไม่ต้อง
โชว์สินค้าอะไรทั้งสิ้น เพราะส่วนใหญ่แล้วของที่เราซื้อมักจะถูกโหลดไปหร้อมกับกะเป๋าแล้ว....งง มั๊ยหล่ะว่าจะทำไปทำไม งงครับ แต่ช่างเถอะ เค้าให้ดึงให้เค้า ก็ทำๆไปเถอะ ทำไงก็ได้ แต่อย่ามาเก็บ tax คืนเป็นพอ
คำเตือน : ดึงใบเสร็จเบาๆนะ ไม่งั้นpassport ท่านอาจจะฉีกขาดได้เหมือน จขกท. 555
18. ถ้าจะไป Aquarium ลงจาก subway แล้วจะเจอร้านอาหาร sukiya เลย หิวๆแวะทานได้ หรือชอบ Mc ก็ฝั่งตรงข้ามเลย ขอบอกว่าวันเสาร์ที่แล้วใน Aquarium คนเยอะม๊ากกกก แต่ก็สนุก ได้เห็นปลาหลายๆแนว ได้จับปลากระเบนด้วย ค่าเข้าชมจ่ายบัตรเครดิตได้นะ ไม่มีชาร์จ แต่ก็ไม่มีส่วนลดใดๆให้นะ จะโชว์บัตรไรก็ไม่ลด เพราะไม่ยอมจ่ายสด 555 เป็นการเที่ยวแบบสิ้นเนื้อประดาตัวรอบที่สองของ จขกท. หลังจากครั้งแรกที่ทุบหม้อข้าวหลังจากออกจากโตเกียว แล้วไปช็อคที่นาริตะเพราะไฟลท์โดน Cancel หมดตรู๊ดดดดเลย!!!