สวัสดีค่ะเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวพันทิป
...สืบเนื่องจากกะทู้ของคุณ สมาชิกหมายเลข 2548284
http://pantip.com/topic/34000540
เรามีเรื่องราวอยากแชร์ และขอตอบคำถามที่เรายังมีในใจ ระหว่างเรากับแม่..
เรากับแม่ผู้ให้กำเนิดไม่ได้อยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน คือ แม่ไม่ได้เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่ 7 ขวบ จนถึงปัจจุบันนี้เราจะ 30 แล้วค่ะ
เรื่อง คือ ตอนเราเด็กๆครอบครัวเรามี 5 คน คุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกันตั้งแต่เรา 7 ขวบ คุณแม่เลือกทางเดินชีวิตเป็นของตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น
ทำให้ภาระทั้งหมดในการเลี้ยงดูลูกๆทั้ง 3 คนตกไปอยู่ที่คุณพ่อ ตอนนั้นเรายังเด็กมากๆค่ะ ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง พ่อบอกแค่ว่า แม่ไปทำงานต่างประเทศ แต่ไม่มีสักครั้งที่พ่อจะพูดถึงแม่ในทางที่เสียหาย มีบ้างที่พ่อดื่มมาแล้วร้องไห้ บอกว่าแม่หนูตายจากพวกเราไปแล้ว
ด้วยเราที่เด็กมากๆไม่เข้าใจอะไรเท่าไหร่ สับสนระหว่างคำว่า ตกลงแม่ตายไปหรือ แม่ไปทำงานต่างประเทศกันนะ
เราถูกเลี้ยงดูมาโดยพ่อคนเดียว และมีพี่ๆช่วยกันเลี้ยงน้องคนเล็กแบบเรา ยอมรับว่าเหงาค่ะ พอโตมาอายุช่วง 13- 18 ปี ยิ่งเป็นช่วงที่เหงามากๆ ช่วงที่พี่ๆไม่อยู่ ไปเรียนต่อที่อื่น(ต่างจังหวัด) เราก็ต้องใช้ชีวิตกะพ่อสองคน พ่อไปส่งไปโรงเรียนตั้งแต่เด็กๆทุกวัน ไปรับกลับบ้าน ทั้งทำการบ้าน ทำกับข้าว แม้แต่ตอนโตเป็นสาว (ขออภัยนะคะ) ประจำเดือนมาครั้งแรก ทำอะไรไม่ถูกกันทั้งพ่อทั้งลูก คุณพ่อถึงกับไปปรึกษาหมอที่รพ.ว่าจะดูแลลูกอย่างไร... พ่อทั้งนั้นเลยค่ะ..
จนเราลืมคำว่า "แม่" จนวันนี้เราเลียนแบบพ่อทุกอย่าง ทั้งบุคลิกภาพ การพูดจา ท่าทาง และอุปนิสัย (แต่สุดท้ายเราไม่ได้เป็นทอมนะคะ 555)
พอเราจบมอปลาย ก็ไปเรียนต่อต่างจังหวัด พ่อจึงต้องอยู่บ้านคนเดียว และเป็นช่วงที่พ่อเริ่มป่วยค่ะ ตอนเราอยู่ปี 1 พ่อป่วยเป็นมะเร็ง และถูกส่งตัวมารักษาในรพ.ใหญ่ของจังหวัดที่เรามาเรียน ทำให้เรามีเวลาได้อยู่ดูแลพ่อที่รพ. เกือบๆหกเดือน สุดท้ายพ่อก็จากไปค่ะ
เป็นเหตุการณ์ที่เจ็บปวดสำหรับเรามากที่สุดในชีวิต กับการสูญเสียคุณพ่อ ผู้ที่เป็นทุกอย่าง เป็นเพื่อน เป็นคนปกป้องคุ้มครอง เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต ไม่เคยตีลูกๆเลยสักครั้ง แม้บางครั้งพ่อจะดื่มบ้าง หรือเละเทะไปบ้างตามประสา พ่อคงมีเรื่องราวเจ็บปวดในใจมากมาย เท่าที่เราสัมผัสได้ พ่อไม่เคยเรียกร้องอะไรจากลูกๆ หรือจากใครๆให้มาช่วยเหลือพวกเราเลย เงินทุกบาททุกสตางค์ คือคำว่าพ่อ... จนพวกเรา3คนพี่น้องเรียนจบ และมีทุกวันดีๆวันนี้ได้เพราะคุณพ่อคนนี้เพียงคนเดียว
.......... มาถึงพาร์ทของคุณแม่บ้างนะคะ หลังจากที่คุณแม่แยกทางกับคุณพ่อ พวกเราแทบไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย 20 ปี จนวันนึงเราใกล้เรียนจบ เรารู้ว่าแม่เราอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร เราจึงเริ่มตามหา และติดต่อไปหาแม่ .. เราเริ่มได้เจอกัน พูดคุยสารทุกข์กัน แต่ความรู้สึกในใจของเราที่มีต่อแม่ในตอนนั้น คือ แม่เหมือนเป็นแค่คนเคยรู้จักคนนึงที่เคยเจอกันเมื่อหลายสิบปีก่อน แล้วจากกันไปนานมากๆ จนเราแค่รู้สึกดีใจที่ได้เจอ... แต่ถ้าไม่ได้เจอก็ไม่เปนไร เรารู้สึกแค่ว่า "เราไม่อิน เราไม่ผูกพัน เราไม่มีแม้น้ำตาดีใจหรือเสียใจ ที่เราได้เจอแม่" หลังจากนั้นพวกเราก็ติดต่อกันไปมาเรื่อยๆ นานๆเจอกันบ้างตามโอกาส ไปดูหนังบ้าง กินข้าวบ้าง.. จนวันนี้ที่เรามีเกือบทุกอย่าง เรียกว่าชีวิตพร้อมแล้วที่จะสามารถดูแลพ่อแม่ได้.. เราไม่สามารถตอบแบบพระคุณของพ่อได้ นอกจากทำบุญไปให้ ก็คงจะเหลือแค่คุณแม่.. หลายๆพฤติกรรมของแม่ที่เราสัมผัส เราพยายามใช้ความเข้าใจอย่างมาก จึงไม่ถือโทษโกรธอะไรเลย เวลาไปไหว้พระทำบุญก็จะขอพรเผื่อแม่ ว่าสิ่งใดก็ตามที่เคยเกิดขึ้น หรือในอดีตแม่ไม่รักเราเท่าแม่คนอื่น ก็ขอให้มันแล้วต่อกันไป อย่าได้เปนเวรกรรมต่อกัน สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการเป็นเด็กกำพร้าแม่ในอดีต มันทำให้รู้ว่า ณ วันนึง ลูกสาวจะโหยหาแม่ จะต้องการแบบอย่างของผู้หญิงในการดำเนินชีวิต อยากฝากถึงคุณแม่ที่มีลูกสาวทุกคนนะคะ เด็กจะจดจำและเรียนรู้สิ่งที่เค้าได้รับและสภาพความเป็นอยู่ ณ ปัจจุบันได้ดี และสิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานติดตัวเค้าไปจนตาย
บางครั้งเราสงสัยในตัวเราเองว่า "ฉันควรดูแลแม่หรอ?"
" แม่ไม่ได้เลี้ยงดูฉันเลย เราควรตอบแทนท่านอย่างไร ?"
"ควรให้เงินท่าน ควรให้อะไรกับท่านบ้าง?"
แต่ทุกวันนี้เราแวะไปเยี่ยมแม่ตลอด ไลน์คุยกันตลอดนะคะ ว่างๆก้แวะซื้อของกินดีๆอร่อยๆไปให้ เรายังรู้สึกว่า แม่แก่ลงไปทุกวัน และไม่มีลูกกับครอบครัวใหม่ มีแค่พวกเรา 3 คน สิ่งใดๆก็ตามที่แม่ได้ทำลงไปในอดีต ก็ให้มันจบไปกับอดีต ...เราพยายามคิดแบบนี้ค่ะ แต่บางครั้งมันแค่มีคำถามเกิดขึ้นในใจ ว่าเราควรตอบแทนท่านเท่าไหร่ อย่างไร ถึงจะพอดี เหมาะสม ?
ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านนะคะ
แม่กับลูกสาวที่ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกว่า20ปี...
...สืบเนื่องจากกะทู้ของคุณ สมาชิกหมายเลข 2548284 http://pantip.com/topic/34000540
เรามีเรื่องราวอยากแชร์ และขอตอบคำถามที่เรายังมีในใจ ระหว่างเรากับแม่..
เรากับแม่ผู้ให้กำเนิดไม่ได้อยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน คือ แม่ไม่ได้เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่ 7 ขวบ จนถึงปัจจุบันนี้เราจะ 30 แล้วค่ะ
เรื่อง คือ ตอนเราเด็กๆครอบครัวเรามี 5 คน คุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกันตั้งแต่เรา 7 ขวบ คุณแม่เลือกทางเดินชีวิตเป็นของตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น
ทำให้ภาระทั้งหมดในการเลี้ยงดูลูกๆทั้ง 3 คนตกไปอยู่ที่คุณพ่อ ตอนนั้นเรายังเด็กมากๆค่ะ ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง พ่อบอกแค่ว่า แม่ไปทำงานต่างประเทศ แต่ไม่มีสักครั้งที่พ่อจะพูดถึงแม่ในทางที่เสียหาย มีบ้างที่พ่อดื่มมาแล้วร้องไห้ บอกว่าแม่หนูตายจากพวกเราไปแล้ว
ด้วยเราที่เด็กมากๆไม่เข้าใจอะไรเท่าไหร่ สับสนระหว่างคำว่า ตกลงแม่ตายไปหรือ แม่ไปทำงานต่างประเทศกันนะ
เราถูกเลี้ยงดูมาโดยพ่อคนเดียว และมีพี่ๆช่วยกันเลี้ยงน้องคนเล็กแบบเรา ยอมรับว่าเหงาค่ะ พอโตมาอายุช่วง 13- 18 ปี ยิ่งเป็นช่วงที่เหงามากๆ ช่วงที่พี่ๆไม่อยู่ ไปเรียนต่อที่อื่น(ต่างจังหวัด) เราก็ต้องใช้ชีวิตกะพ่อสองคน พ่อไปส่งไปโรงเรียนตั้งแต่เด็กๆทุกวัน ไปรับกลับบ้าน ทั้งทำการบ้าน ทำกับข้าว แม้แต่ตอนโตเป็นสาว (ขออภัยนะคะ) ประจำเดือนมาครั้งแรก ทำอะไรไม่ถูกกันทั้งพ่อทั้งลูก คุณพ่อถึงกับไปปรึกษาหมอที่รพ.ว่าจะดูแลลูกอย่างไร... พ่อทั้งนั้นเลยค่ะ..
จนเราลืมคำว่า "แม่" จนวันนี้เราเลียนแบบพ่อทุกอย่าง ทั้งบุคลิกภาพ การพูดจา ท่าทาง และอุปนิสัย (แต่สุดท้ายเราไม่ได้เป็นทอมนะคะ 555)
พอเราจบมอปลาย ก็ไปเรียนต่อต่างจังหวัด พ่อจึงต้องอยู่บ้านคนเดียว และเป็นช่วงที่พ่อเริ่มป่วยค่ะ ตอนเราอยู่ปี 1 พ่อป่วยเป็นมะเร็ง และถูกส่งตัวมารักษาในรพ.ใหญ่ของจังหวัดที่เรามาเรียน ทำให้เรามีเวลาได้อยู่ดูแลพ่อที่รพ. เกือบๆหกเดือน สุดท้ายพ่อก็จากไปค่ะ
เป็นเหตุการณ์ที่เจ็บปวดสำหรับเรามากที่สุดในชีวิต กับการสูญเสียคุณพ่อ ผู้ที่เป็นทุกอย่าง เป็นเพื่อน เป็นคนปกป้องคุ้มครอง เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต ไม่เคยตีลูกๆเลยสักครั้ง แม้บางครั้งพ่อจะดื่มบ้าง หรือเละเทะไปบ้างตามประสา พ่อคงมีเรื่องราวเจ็บปวดในใจมากมาย เท่าที่เราสัมผัสได้ พ่อไม่เคยเรียกร้องอะไรจากลูกๆ หรือจากใครๆให้มาช่วยเหลือพวกเราเลย เงินทุกบาททุกสตางค์ คือคำว่าพ่อ... จนพวกเรา3คนพี่น้องเรียนจบ และมีทุกวันดีๆวันนี้ได้เพราะคุณพ่อคนนี้เพียงคนเดียว
.......... มาถึงพาร์ทของคุณแม่บ้างนะคะ หลังจากที่คุณแม่แยกทางกับคุณพ่อ พวกเราแทบไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย 20 ปี จนวันนึงเราใกล้เรียนจบ เรารู้ว่าแม่เราอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร เราจึงเริ่มตามหา และติดต่อไปหาแม่ .. เราเริ่มได้เจอกัน พูดคุยสารทุกข์กัน แต่ความรู้สึกในใจของเราที่มีต่อแม่ในตอนนั้น คือ แม่เหมือนเป็นแค่คนเคยรู้จักคนนึงที่เคยเจอกันเมื่อหลายสิบปีก่อน แล้วจากกันไปนานมากๆ จนเราแค่รู้สึกดีใจที่ได้เจอ... แต่ถ้าไม่ได้เจอก็ไม่เปนไร เรารู้สึกแค่ว่า "เราไม่อิน เราไม่ผูกพัน เราไม่มีแม้น้ำตาดีใจหรือเสียใจ ที่เราได้เจอแม่" หลังจากนั้นพวกเราก็ติดต่อกันไปมาเรื่อยๆ นานๆเจอกันบ้างตามโอกาส ไปดูหนังบ้าง กินข้าวบ้าง.. จนวันนี้ที่เรามีเกือบทุกอย่าง เรียกว่าชีวิตพร้อมแล้วที่จะสามารถดูแลพ่อแม่ได้.. เราไม่สามารถตอบแบบพระคุณของพ่อได้ นอกจากทำบุญไปให้ ก็คงจะเหลือแค่คุณแม่.. หลายๆพฤติกรรมของแม่ที่เราสัมผัส เราพยายามใช้ความเข้าใจอย่างมาก จึงไม่ถือโทษโกรธอะไรเลย เวลาไปไหว้พระทำบุญก็จะขอพรเผื่อแม่ ว่าสิ่งใดก็ตามที่เคยเกิดขึ้น หรือในอดีตแม่ไม่รักเราเท่าแม่คนอื่น ก็ขอให้มันแล้วต่อกันไป อย่าได้เปนเวรกรรมต่อกัน สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการเป็นเด็กกำพร้าแม่ในอดีต มันทำให้รู้ว่า ณ วันนึง ลูกสาวจะโหยหาแม่ จะต้องการแบบอย่างของผู้หญิงในการดำเนินชีวิต อยากฝากถึงคุณแม่ที่มีลูกสาวทุกคนนะคะ เด็กจะจดจำและเรียนรู้สิ่งที่เค้าได้รับและสภาพความเป็นอยู่ ณ ปัจจุบันได้ดี และสิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานติดตัวเค้าไปจนตาย
บางครั้งเราสงสัยในตัวเราเองว่า "ฉันควรดูแลแม่หรอ?"
" แม่ไม่ได้เลี้ยงดูฉันเลย เราควรตอบแทนท่านอย่างไร ?"
"ควรให้เงินท่าน ควรให้อะไรกับท่านบ้าง?"
แต่ทุกวันนี้เราแวะไปเยี่ยมแม่ตลอด ไลน์คุยกันตลอดนะคะ ว่างๆก้แวะซื้อของกินดีๆอร่อยๆไปให้ เรายังรู้สึกว่า แม่แก่ลงไปทุกวัน และไม่มีลูกกับครอบครัวใหม่ มีแค่พวกเรา 3 คน สิ่งใดๆก็ตามที่แม่ได้ทำลงไปในอดีต ก็ให้มันจบไปกับอดีต ...เราพยายามคิดแบบนี้ค่ะ แต่บางครั้งมันแค่มีคำถามเกิดขึ้นในใจ ว่าเราควรตอบแทนท่านเท่าไหร่ อย่างไร ถึงจะพอดี เหมาะสม ?
ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านนะคะ