ตอนที่แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ 1 http://pantip.com/topic/33963491
ตอนที่ 2 http://pantip.com/topic/33966512
ตอนที่ 3 part1 http://pantip.com/topic/33970889
ตอนที่ 3 part2 http://pantip.com/topic/33988203
ตอนที่ 4 http://pantip.com/topic/33996697
ตอนที่ 5 part1
ทิมมี่ในชุดใหม่เอี่ยมอ่องกับผมทรงใหม่ถูกตัดเล็มให้สั้นลงด้วยฝีมือการตัดผมของอดัม เขาอยากจะมาเปิดร้านตัดผมที่นี้แต่ก็โดนยักษ์บุกเมืองเสียก่อน ร้านตัดผมของเขาจึงได้ถูกเลื่อนออกไป อดัมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ตัดผมให้ทิมมี่เป็นคนแรก เขากระตือรือร้นสุดๆที่จะได้ใช้กรรไกรอีกครั้ง
“ผมว่าข้างนี้ไม่เท่ากันนะฮะ” ทิมมี่ตอนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัดผม มีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้า ทิมมี่ส่องกระจกดูข้างซ้ายสลับกับดูข้างขวาไปมาแล้วบอกกับช่างตัดผมมือใหม่
“อ่อ ไม่มีปัญหาทิมมี่ฉันแก้ไขให้ได้” ว่าแล้วอดัมก็ขวงกรรไกรไปมาแล้วลงมือตัดเล็มข้างขวาให้เท่ากับข้างซ้าย แต่พอตัดไปตัดมาจะดูเหมือนว่าข้างขวาจะเริ่มสั้นกว่าข้างซ้ายไปเสียแล้ว อดัมยืนเกาหัวแหงกๆ ส่วนทิมมี่นั่งมองผมตัวอย่างหวาดเสียวไม่แน่ใจว่ามันจะออกมาทรงไหนกันแน่
“อดัมครับ ผมว่าข้างหน้ามันดูแหว่งๆไปนะฮะ” ทิมมี่บอกอดัมอีกครั้งหลังจากที่มองดูผมข้างหน้าชี้ตรงไม่เท่ากัน
“ไม่มีปัญหาทิมมี่เดี๋ยวฉันจัดการให้เรียบร้อย” อดัมบอกทิมมี่อย่างอารมณ์ดีพร้อมกับลงมือตัดแต่งทรงผมใหม่ให้ทิมมี่อีกครั้ง เส้นผมของทิมมี่ค่อยๆหล่นลงมากองที่พื้นทีละนิดทีละหน่อย ทิมมี่มองดูผมทรงใหม่ในกระจกแบบพูดไม่ออก ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี แล้วผมทรงใหม่สุดเก๋ที่อดัมบรรจงตัดให้ทิมมี่ก็ออกมาโล้นเตียนผมบนศีรษะของทิมมี่หายไปหมด
อันโตนิโอผู้รอบรู้เรื่องดาวโลกบอกกับทิมมี่ว่าผมทรงนี้ที่ดาวโลกเขาเรียก “สกินเฮด” เป็นทรงที่ฮิตมากและอินเทรนสุดๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยทำให้ทิมมี่มีความมั่นใจขึ้นมาเลย ทิมมี่ต้องคอยลูบศีรษะตัวเองบ่อยครั้งเผื่อผมของเขาจะยาวเร็วขึ้นแต่นั่นก็ไม่ทำให้มันยาวเร็วขึ้นเลยอีกเช่นกัน
ได้เวลาที่อันโตนิและทิมมี่ต้องออกเดินทาง ชาวเมืองทุกคนต่างมารวมตัวกันที่ยานลำน้อยของอันโตนิโอ เพื่อส่งพวกเขาเดินทางไปตามหาพ่อแม่ของทิมมี่ ทุกคนต่างมามอบให้กำลังใจทิมมี่ และอวยพรขอให้เขาตามหาพ่อกับแม่ให้เจอ บางคนร่ำไห้เมื่อต้องบอกลาคนทั้งสอง
อันโตนิโอและทิมมี่ก้าวขึ้นมาอยู่บนยานทั้งสองต่างโบกมือให้กับผู้ที่มายืนรอส่งพวกเขา เซ็กตันที่ยืนอยู่ข้างเสาอากาศส่งสัญญาณ พยักพร้อมกับส่งยิ้มให้ทิมมี่ ทิมมี่เข้าใจความหมายของเขา เซ็กตันถึงแม้ภายนอกจะเป็นคนที่แข็งกระด้างและเป็นคนที่ดูไม่เป็นมิตร แต่แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่มีจิตใจดีคนหนึ่งเลยทีเดียว เซ็กตันอยากให้ทิมมี่ไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้เขาอยากให้ทิมมี่ไปจากดาวดวงนี้ไปค้นหาชีวิตใหม่ที่สดใสกว่าที่ทิมมี่เป็นอยู่ ทิมมี่ได้แต่พยักหน้ารับเนืองๆและโบกมือลาเขา
ทั้งสองนั่งประจำที่สายรัดนิรภัย รัดตัวผู้โดยสารไว้กับเบาะอย่างพอเหมาะพอดี อันโตนิโอนั่งตรงคนขับและมีทิมมี่นั่งขนาบข้าง พวกเขาพร้อมที่จะบินแล้ว ยานลำน้อยของอันโตนิโอพุ่งทะยานสู่อวกาศอีกครั้ง ด้วยพลังงานเต็มขีด เครื่องสั่นรัวเล็กน้อยเมื่อมันกำลังทะยานขึ้นสูง
ทิมมี่ใช้มือทั้งสองจับเบาะไว้แน่น นี่เป็นการนั่งยานครั้งแรกในชีวิตเขา เลือดภายในกายของเขาสูบฉีดด้วยความตื่นเต้นดีใจปะปนไปกับความหวาดกลัวแต่ก็น้อยนิดเท่านั้น ความสุขที่มีอยู่ในหัวใจของเขามีมากยิ่งกว่า เขาได้แต่นิ่งมองดูจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา โอบล้อมไปด้วยดวงดาวหลายล้านดวงที่เขาไม่คิดว่าจะได้มาดูใกล้แบบนี้
“กลัวเหรอ” อันโตนิโอเอ่ยถามผู้โดยสารตัวน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีเสียงหน้าตื่นตกใจ
“เปล่าฮะ ผมเออ ผมตื่นเต้นมากเลยฮะผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจักรวาลมันจะกว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้ มันตื่นตาตื่นใจมาก” ทิมมี่ตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น จนคนฟังอดที่จะยิ้มไม่ได้
“นี่แค่ส่วนน้อยนะในจักรวาลยังมีอะไรที่กว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่าที่เราจะคาดการณ์ถึง มีดวงดาวเป็นล้านล้านดวงเลยนะ กาแล็กซี่หนึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มดาวเคราะห์และดาวกฤกษ์เป็นล้านล้านล้านล้านดวงเลยล่ะ” อันโตนิโออธิบายอย่างผู้รอบรู้ ในขณะที่ทิมมี่ก็ตั้งใจฟัง
“งั้นดาวโลกก็คงอยู่ไกลมากน่ะซิฮะ” ทิมมี่ขมวดคิ้วเพราะฟังจากที่อันโตนิโอพูดแล้วจุดหมายปลายทางของเขาคงไกลน่าดู อันโตนิโอกำลังจะเอ่ยปากพูดยานลำน้อยก็สั่นรัวโครงเครงไปมา
“ตกหลุมอวกาศนะ ไม่เป็นไรปลอดภัยหายห่วง”อันโตนิโอบอกทิมมี่ที่มีสีหน้าตกใจ
“เธออยากรู้ใช่ไหมว่าเราจะไปดาวโลกได้ยังไง” อันโตนิโอพูดต่อเมื่อยานกลับมาอยู่ในสภาพปรกติ ทิมมี่พยักเนืองๆ
“ฮันนี่อธิบายให้เจ้าหนูน้อยฟังหน่อยซิ”อันโตนิโอโยนภาระให้กับฮันนี่เครื่องตอบโต้อัตโนมัติ
“สิบสองล้านปีแสงคือระยะทางจากที่เราอยู่ไปถึงดาวโลก” ฮันนี่ตอบโต้กลับมาเสียงใสแจ่วของเธอดังก้องทั่วยาน
“แล้วสิบสองล้านปีแสงมันคือเท่าไหร่ฮะ” ทิมมี่ถามกลับ
“จักรวาลประกอบไปด้วยกาแล็กซี่หลายกาแล็กซี่ และกาแล็กซี่ประกอบไปด้วยดวงดาวน้อยใหญ่หลายล้านดวง ดวงดาวแต่ล่ะดวงใช้เวลาเดินทางถึงกันเป็นระยะเวลาสิบปีแสง ณ.จุดที่เราอยู่คือกาแล็กซี่กังหันNGC4038 ถัดไปเป็นกาแล็กซี่ NGC3370 ถัดไปจะเป็นกาแล็กซี่ M81 ถัดไปเป็นกาแล็กซี่แอนโดรเมดา และกาแล็กซี่ทางช้างเผือกคือจุดที่ดาวโลกอยู่”
ฮันนี่ให้ข้อมูล แต่นี่ยิ่งทำให้ทิมมี่ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างครุ่นคิด
“ผมว่ามันไกลมากเลยนะฮะแล้วเราจะไปถึงได้อย่างไรจะไม่ตายไปก่อนหรือครับ” ทิมมี่พูดด้วยความตกใจเมื่อเขาพยายามคำนวณสิ่งที่ฮันนี่พูด
“ตลอดอายุไขของมนุษย์ก็ไม่มีวันไปถึง” ฮันนี่ย้ำเสริมอีกที
“แต่มันมีวิธีนะ” อันโตนิโอพูดขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้ทิมมี่คุยกับเครื่องตอบโต้อัตโนมัติ
“ยังไงฮะ” ทิมมี่หันไปมองคนพูดด้วยใจพองโตอย่างมีความหวัง
“การวาร์ปเดินทางผ่านรูหนอนของอวกาศ เป็นการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าแสง เคลื่อนย้ายสสารหนึ่งไปอยู่อีกที่หนึ่งในเวลาแค่เสี้ยววินาที ข้ามไปยังอีกมิติหนึ่งที่มีเวลาแตกต่างจากที่ๆเราอยู่”
อันโตนิโออธิบายเพิ่มเติม โดยมีทิมมี่ตั้งอกตั้งใจฟังที่เขาพูดด้วยความตื่นเต้นเป็นที่สุดที่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ เรื่องราวที่เขาเองไม่เคยรู้มาก่อน
“แล้วยานคุณวาร์ปได้มั้ยฮะ” ทิมมี่อยากถามให้แน่ใจว่าอันโตนิโอจะพาเขาไปยังดาวโลกได้ตามที่ตั้งใจ
“แน่นอน ยานทุกลำที่ติดตั้งระบบวาร์ป เออ..ของฉันก็มีแต่ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะไปถึงดาวโลกหรือเปล่า มันค่อยข้างจะ ล้าสมัยไปหน่อย อันที่จริงฉันว่าจะอัพเกรดระบบวาร์ปอยู่เหมือนกันแต่มันค่อนข้างจะใช้เงินมากทีเดียว ฉันยังไม่มีเงินพอไปปรับปรุงระบบให้ทันสมัย” อันโตนิโออธิบายยืดยาวติดๆขัดๆ
“แปลว่าไปไม่ได้ ไปไม่ถึงดาวโลกใช่ไหมฮะ”ทิมมี่ถามเสียงอ่อย
เขาทิ้งตัวพิงพนักเบาะแล้วระบายลมหายใจอย่างหมดความหวัง ทิมมี่มองออกไปนอกยาน ดวงดาวน้อยใหญ่ส่องแสงสว่าง บางครั้งเขามองเห็นดาวหางเคลื่อนที่ผ่านยานพวกเขาไปจนทำให้ยานสั่นสะเทือน หรือแม้แต่มองเห็นเศษอุกบาตทั้งเล็กใหญ่ลอยล่องอยู่รอบตัวยาน บางครั้งมาก็มาชนกับตัวยานแต่ก็ไม่สร้างความเสียหายอะไรมาก
อันโตนิโอขับเคลื่อน ยานเคพีฮอบ 752 หลบหลีกสิ่งกีดขว้างอย่างคล่องแคล่วชำนาญการ จึงไม่ต้องคอยห่วงเรื่องยานจะชนกับอุกบาตเว้นเสียมันจะพุ่งมาชนเองโดยคนขับไม่ทันได้ระวัง
“ก็ไม่เสมอไปนะ ถ้ายังไม่ลองไปดูจะรู้หรือ” อันโตนิโอบอกเด็กน้อยที่ได้แต่นั่งหมดความหวัง เมื่อคิดถึงหนทางนั่นไกลเกินคาดการณ์
“ฉันอาจจะต้องลองดูซักครั้ง” อันโตนิโอพูดต่อ แล้วหยุดเว้นวรรคเหมือนกำลังนึกอะไรอยู่ในใจ
“ฮันนี่ประเมินความเสี่ยงการเดินทางไปยังโลกให้หน่อย”
อันโตนิโอพูดกับระบบตอบโต้อัตโนมัติ แล้วจอแก้วที่อยู่ตรงหน้าเขาก็มีข้อมูลเคลื่อนขึ้นไปมามากมาย ตัวหนังสือไหลผ่านอย่างรวดเร็ว รูปดวงดาวสีน้ำเงินกลมโตเคลื่อนมาอยู่ตรงกลางหน้าจอกระจกแก้ว พลันแสดงข้อมูลต่างๆที่เป็นตัวเลข ทิมมี่มองดูอย่างตื่นเต้นแต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าแต่ละอย่างหมายถึงอะไร
“จากการวิเคราะห์ระยะห่างของโลก ณ.จุดนี้ และขีดความสามารถของเครื่องวาร์ป 60 เปอร์เซ็น คุณสามารถเดินทางไปถึงโลกได้อย่างปลอดภัยและมีพลังงานเหลือให้ใช้ได้อีกห้าวัน”
“แล้วอีก 40 เปอร์เซ็นที่เหลือล่ะ” อันโตนิโอถามอย่างใคร่รู้
“ยานอาจระเบิดกลางทางด้วยขีดจำกัดในระยะทางและความเก่าของเครื่องวาร์ปอาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ” ฮันนี่เสริมต่อ
อันโตนิโอและทิมมี่หันมองหน้ากันอย่างหวาดกลัว เพียงคิดว่ายานจะระเบิดก็ไม่อยากจะคิดอะไรต่อแล้ว อันโตนิโอครุ่นคิด 60 เปอร์เซ็น ก็ยังถือว่าเป็นเปอร์เซ็นที่ยังน้อยเขาไม่กล้าเสี่ยงและไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางมีจริงหรือเปล่า
ทิมมี่ราวกับอ่านความคิดของอันโตนิโอออก 60 เปอร์เซ็นมันอันตรายเกินไปที่จะเสี่ยง
“ผมไม่ไปแล้วฮะ ยังไงพวกเขาก็ทิ้งผมไปแล้ว พวกคงไม่อยากให้ผมกลับไปหรอกครับ” ทิมมี่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาไม่อยากให้ใครมาเสี่ยงอันตรายเพื่อเขา
อันโตนิโอไม่พูดอะไรเขากำลังครุ่นคิดและตัดสินใจทำในเรื่องที่สำคัญ
“ฮันนี่ถ้าผมไปถึงโลกล่ะ” อันโตนิโอเอ่ยถาม
“หากไปถึงอย่างปลอดภัยและมีผู้คนตามที่คาดการณ์ไว้คุณอาจเติมพลังงานแล้ววาร์ปกลับมาได้อย่างปรกติ แต่หากทางข้างหน้าเวิ้งว้างไร้ผู้คน คุณจะมีพลังงานให้ใช้ได้อีกแค่ห้าวันและไม่สามารถใช้เครื่องวาร์ปได้ พวกคุณจะตายในอีกห้าวันหลังจากพลังงาหมดสิ้น”
เสียงใสแจ่วของฮันนี่ดังก้องเข้าไปในโสตประสาทของทั้งสอง ทิมมี่แอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่อถึงสิ่งที่ฮันนี่พูด
“แต่เรามีตั้ง60 เปอร์เซ็นนะ” อันโตนิโอพูดลอยขึ้นมา
“60 เปอร์เซ็นเดินทางไป แต่ไม่ได้บอกว่าจะเดินทางกลับมาได้นะคะ” ฮันนี่ย้ำอีกที
“เธอจำที่ฉันเคยบอกเธอได้ไหมทิมมี่” อันโตนิโอหันมาพูดกับเด็กน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เราต้องมีความหวัง เธอก็ด้วย ฉันก็ด้วยเราทุกคนต้องมีความหวัง ฉันจะไปถึงแม้ยานจะระเบิดและถึงแม้เราสองคนจะไม่ได้กลับมาที่นี้อีกก็ตาม เธอคิดว่าไงอยากลองดูไหม” อันโตนิโอพูดกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมที่จะทำตามที่พูดทันที
“ครับ แต่ผมไม่อยากให้คุณเป็นอะไร” ทิมมี่หยุดพูด เขาซาบซึ้งใจจนพูดอะไรไม่ออก
“เธอแค่บอกว่าอยากไปฉันก็จะพาเธอไป ว่างั้นบอกมาเลย” อันโตนิโอจับบ่าน้อยๆของทิมมี่เพื่อบอกให้รู้ว่าเขาจะทำตามอย่างที่พูดแน่นอน
“ครับผมอยากไป ผมอยากเจอพ่อกับแม่ซักครั้ง” ทิมมี่เอ่ยขึ้น
“ต้องอย่างงี้ซิเจ้าหนูเด็ดเดี่ยวหน่อย พร้อมที่จะวาร์ปหรือยัง”
อันโตนิโอถามผู้โดยสารตัวน้อย อันโตนิโอคีย์ข้อมูลบนแผ่นแป้นที่อยู่ตรงหน้า ด้วยระบบสัมผัส นิ้วของเขาเคลื่อนสัมผัสหน้าจอด้วยความคล่องแคล่วว่องไว ทิมมี่ที่นั่งดูอยู่ข้างๆมองตามที่เขาทำแทบไม่ทัน เขาระบุพิกัดที่จะเดินทางไปการระบุพิกัดเสร็จสิ้นลง อันโตนิโอเลื่อนมือของตัวเองมาหยุดอยู่ที่ปุ่มสีฟ้าอ่อนซึ่งอยู่ทางซ้ายมือของเขา เตรีนมพร้อมที่จะกดได้ทุกเมื่อ
“พร้อมที่จะวาร์ปหรือยัง” อันโตนิโอเอ่ยถามผู้โดยสารตัวน้อยที่นั่งมั่นอยู่ข้างเขา
“พร้อมครับ” เสียงตอบกลับหนักแน่น แต่ก็ยังบังคับให้มือหยุดสั่นไม่ได้
“แต่ฉันมีคำถามหนึ่งอยากถามเธอ เธอเรียนยิงธนูมาจากไหนถึงได้ยิงแม่นอย่างนั้น” อันโตนิโอสงสัยอยู่นานและได้โอกาสถามซักที
“เซ็กตันสอนผมฮะ คุณอย่าลืมซิเซ็กตันเป็นทหารเก่า เขาเก่งกาจเรื่องการใช้อาวุธเกือบทุกชนิดเลยนะ” ทิมมี่อธิบาย
“เป็นอย่างนี้นี่เอง” จบคำอันโตนิโอก็กดปุ่มสีฟ้าอ่อนลงทันที
ฮัน อันโตนิโอ นักเล่าเรื่องแห่งจักรวาล ตอนที่ 5 Part 1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทิมมี่ในชุดใหม่เอี่ยมอ่องกับผมทรงใหม่ถูกตัดเล็มให้สั้นลงด้วยฝีมือการตัดผมของอดัม เขาอยากจะมาเปิดร้านตัดผมที่นี้แต่ก็โดนยักษ์บุกเมืองเสียก่อน ร้านตัดผมของเขาจึงได้ถูกเลื่อนออกไป อดัมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ตัดผมให้ทิมมี่เป็นคนแรก เขากระตือรือร้นสุดๆที่จะได้ใช้กรรไกรอีกครั้ง
“ผมว่าข้างนี้ไม่เท่ากันนะฮะ” ทิมมี่ตอนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัดผม มีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้า ทิมมี่ส่องกระจกดูข้างซ้ายสลับกับดูข้างขวาไปมาแล้วบอกกับช่างตัดผมมือใหม่
“อ่อ ไม่มีปัญหาทิมมี่ฉันแก้ไขให้ได้” ว่าแล้วอดัมก็ขวงกรรไกรไปมาแล้วลงมือตัดเล็มข้างขวาให้เท่ากับข้างซ้าย แต่พอตัดไปตัดมาจะดูเหมือนว่าข้างขวาจะเริ่มสั้นกว่าข้างซ้ายไปเสียแล้ว อดัมยืนเกาหัวแหงกๆ ส่วนทิมมี่นั่งมองผมตัวอย่างหวาดเสียวไม่แน่ใจว่ามันจะออกมาทรงไหนกันแน่
“อดัมครับ ผมว่าข้างหน้ามันดูแหว่งๆไปนะฮะ” ทิมมี่บอกอดัมอีกครั้งหลังจากที่มองดูผมข้างหน้าชี้ตรงไม่เท่ากัน
“ไม่มีปัญหาทิมมี่เดี๋ยวฉันจัดการให้เรียบร้อย” อดัมบอกทิมมี่อย่างอารมณ์ดีพร้อมกับลงมือตัดแต่งทรงผมใหม่ให้ทิมมี่อีกครั้ง เส้นผมของทิมมี่ค่อยๆหล่นลงมากองที่พื้นทีละนิดทีละหน่อย ทิมมี่มองดูผมทรงใหม่ในกระจกแบบพูดไม่ออก ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี แล้วผมทรงใหม่สุดเก๋ที่อดัมบรรจงตัดให้ทิมมี่ก็ออกมาโล้นเตียนผมบนศีรษะของทิมมี่หายไปหมด
อันโตนิโอผู้รอบรู้เรื่องดาวโลกบอกกับทิมมี่ว่าผมทรงนี้ที่ดาวโลกเขาเรียก “สกินเฮด” เป็นทรงที่ฮิตมากและอินเทรนสุดๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยทำให้ทิมมี่มีความมั่นใจขึ้นมาเลย ทิมมี่ต้องคอยลูบศีรษะตัวเองบ่อยครั้งเผื่อผมของเขาจะยาวเร็วขึ้นแต่นั่นก็ไม่ทำให้มันยาวเร็วขึ้นเลยอีกเช่นกัน
ได้เวลาที่อันโตนิและทิมมี่ต้องออกเดินทาง ชาวเมืองทุกคนต่างมารวมตัวกันที่ยานลำน้อยของอันโตนิโอ เพื่อส่งพวกเขาเดินทางไปตามหาพ่อแม่ของทิมมี่ ทุกคนต่างมามอบให้กำลังใจทิมมี่ และอวยพรขอให้เขาตามหาพ่อกับแม่ให้เจอ บางคนร่ำไห้เมื่อต้องบอกลาคนทั้งสอง
อันโตนิโอและทิมมี่ก้าวขึ้นมาอยู่บนยานทั้งสองต่างโบกมือให้กับผู้ที่มายืนรอส่งพวกเขา เซ็กตันที่ยืนอยู่ข้างเสาอากาศส่งสัญญาณ พยักพร้อมกับส่งยิ้มให้ทิมมี่ ทิมมี่เข้าใจความหมายของเขา เซ็กตันถึงแม้ภายนอกจะเป็นคนที่แข็งกระด้างและเป็นคนที่ดูไม่เป็นมิตร แต่แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่มีจิตใจดีคนหนึ่งเลยทีเดียว เซ็กตันอยากให้ทิมมี่ไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้เขาอยากให้ทิมมี่ไปจากดาวดวงนี้ไปค้นหาชีวิตใหม่ที่สดใสกว่าที่ทิมมี่เป็นอยู่ ทิมมี่ได้แต่พยักหน้ารับเนืองๆและโบกมือลาเขา
ทั้งสองนั่งประจำที่สายรัดนิรภัย รัดตัวผู้โดยสารไว้กับเบาะอย่างพอเหมาะพอดี อันโตนิโอนั่งตรงคนขับและมีทิมมี่นั่งขนาบข้าง พวกเขาพร้อมที่จะบินแล้ว ยานลำน้อยของอันโตนิโอพุ่งทะยานสู่อวกาศอีกครั้ง ด้วยพลังงานเต็มขีด เครื่องสั่นรัวเล็กน้อยเมื่อมันกำลังทะยานขึ้นสูง
ทิมมี่ใช้มือทั้งสองจับเบาะไว้แน่น นี่เป็นการนั่งยานครั้งแรกในชีวิตเขา เลือดภายในกายของเขาสูบฉีดด้วยความตื่นเต้นดีใจปะปนไปกับความหวาดกลัวแต่ก็น้อยนิดเท่านั้น ความสุขที่มีอยู่ในหัวใจของเขามีมากยิ่งกว่า เขาได้แต่นิ่งมองดูจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา โอบล้อมไปด้วยดวงดาวหลายล้านดวงที่เขาไม่คิดว่าจะได้มาดูใกล้แบบนี้
“กลัวเหรอ” อันโตนิโอเอ่ยถามผู้โดยสารตัวน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีเสียงหน้าตื่นตกใจ
“เปล่าฮะ ผมเออ ผมตื่นเต้นมากเลยฮะผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจักรวาลมันจะกว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้ มันตื่นตาตื่นใจมาก” ทิมมี่ตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น จนคนฟังอดที่จะยิ้มไม่ได้
“นี่แค่ส่วนน้อยนะในจักรวาลยังมีอะไรที่กว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่าที่เราจะคาดการณ์ถึง มีดวงดาวเป็นล้านล้านดวงเลยนะ กาแล็กซี่หนึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มดาวเคราะห์และดาวกฤกษ์เป็นล้านล้านล้านล้านดวงเลยล่ะ” อันโตนิโออธิบายอย่างผู้รอบรู้ ในขณะที่ทิมมี่ก็ตั้งใจฟัง
“งั้นดาวโลกก็คงอยู่ไกลมากน่ะซิฮะ” ทิมมี่ขมวดคิ้วเพราะฟังจากที่อันโตนิโอพูดแล้วจุดหมายปลายทางของเขาคงไกลน่าดู อันโตนิโอกำลังจะเอ่ยปากพูดยานลำน้อยก็สั่นรัวโครงเครงไปมา
“ตกหลุมอวกาศนะ ไม่เป็นไรปลอดภัยหายห่วง”อันโตนิโอบอกทิมมี่ที่มีสีหน้าตกใจ
“เธออยากรู้ใช่ไหมว่าเราจะไปดาวโลกได้ยังไง” อันโตนิโอพูดต่อเมื่อยานกลับมาอยู่ในสภาพปรกติ ทิมมี่พยักเนืองๆ
“ฮันนี่อธิบายให้เจ้าหนูน้อยฟังหน่อยซิ”อันโตนิโอโยนภาระให้กับฮันนี่เครื่องตอบโต้อัตโนมัติ
“สิบสองล้านปีแสงคือระยะทางจากที่เราอยู่ไปถึงดาวโลก” ฮันนี่ตอบโต้กลับมาเสียงใสแจ่วของเธอดังก้องทั่วยาน
“แล้วสิบสองล้านปีแสงมันคือเท่าไหร่ฮะ” ทิมมี่ถามกลับ
“จักรวาลประกอบไปด้วยกาแล็กซี่หลายกาแล็กซี่ และกาแล็กซี่ประกอบไปด้วยดวงดาวน้อยใหญ่หลายล้านดวง ดวงดาวแต่ล่ะดวงใช้เวลาเดินทางถึงกันเป็นระยะเวลาสิบปีแสง ณ.จุดที่เราอยู่คือกาแล็กซี่กังหันNGC4038 ถัดไปเป็นกาแล็กซี่ NGC3370 ถัดไปจะเป็นกาแล็กซี่ M81 ถัดไปเป็นกาแล็กซี่แอนโดรเมดา และกาแล็กซี่ทางช้างเผือกคือจุดที่ดาวโลกอยู่”
ฮันนี่ให้ข้อมูล แต่นี่ยิ่งทำให้ทิมมี่ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างครุ่นคิด
“ผมว่ามันไกลมากเลยนะฮะแล้วเราจะไปถึงได้อย่างไรจะไม่ตายไปก่อนหรือครับ” ทิมมี่พูดด้วยความตกใจเมื่อเขาพยายามคำนวณสิ่งที่ฮันนี่พูด
“ตลอดอายุไขของมนุษย์ก็ไม่มีวันไปถึง” ฮันนี่ย้ำเสริมอีกที
“แต่มันมีวิธีนะ” อันโตนิโอพูดขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้ทิมมี่คุยกับเครื่องตอบโต้อัตโนมัติ
“ยังไงฮะ” ทิมมี่หันไปมองคนพูดด้วยใจพองโตอย่างมีความหวัง
“การวาร์ปเดินทางผ่านรูหนอนของอวกาศ เป็นการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าแสง เคลื่อนย้ายสสารหนึ่งไปอยู่อีกที่หนึ่งในเวลาแค่เสี้ยววินาที ข้ามไปยังอีกมิติหนึ่งที่มีเวลาแตกต่างจากที่ๆเราอยู่”
อันโตนิโออธิบายเพิ่มเติม โดยมีทิมมี่ตั้งอกตั้งใจฟังที่เขาพูดด้วยความตื่นเต้นเป็นที่สุดที่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ เรื่องราวที่เขาเองไม่เคยรู้มาก่อน
“แล้วยานคุณวาร์ปได้มั้ยฮะ” ทิมมี่อยากถามให้แน่ใจว่าอันโตนิโอจะพาเขาไปยังดาวโลกได้ตามที่ตั้งใจ
“แน่นอน ยานทุกลำที่ติดตั้งระบบวาร์ป เออ..ของฉันก็มีแต่ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะไปถึงดาวโลกหรือเปล่า มันค่อยข้างจะ ล้าสมัยไปหน่อย อันที่จริงฉันว่าจะอัพเกรดระบบวาร์ปอยู่เหมือนกันแต่มันค่อนข้างจะใช้เงินมากทีเดียว ฉันยังไม่มีเงินพอไปปรับปรุงระบบให้ทันสมัย” อันโตนิโออธิบายยืดยาวติดๆขัดๆ
“แปลว่าไปไม่ได้ ไปไม่ถึงดาวโลกใช่ไหมฮะ”ทิมมี่ถามเสียงอ่อย
เขาทิ้งตัวพิงพนักเบาะแล้วระบายลมหายใจอย่างหมดความหวัง ทิมมี่มองออกไปนอกยาน ดวงดาวน้อยใหญ่ส่องแสงสว่าง บางครั้งเขามองเห็นดาวหางเคลื่อนที่ผ่านยานพวกเขาไปจนทำให้ยานสั่นสะเทือน หรือแม้แต่มองเห็นเศษอุกบาตทั้งเล็กใหญ่ลอยล่องอยู่รอบตัวยาน บางครั้งมาก็มาชนกับตัวยานแต่ก็ไม่สร้างความเสียหายอะไรมาก
อันโตนิโอขับเคลื่อน ยานเคพีฮอบ 752 หลบหลีกสิ่งกีดขว้างอย่างคล่องแคล่วชำนาญการ จึงไม่ต้องคอยห่วงเรื่องยานจะชนกับอุกบาตเว้นเสียมันจะพุ่งมาชนเองโดยคนขับไม่ทันได้ระวัง
“ก็ไม่เสมอไปนะ ถ้ายังไม่ลองไปดูจะรู้หรือ” อันโตนิโอบอกเด็กน้อยที่ได้แต่นั่งหมดความหวัง เมื่อคิดถึงหนทางนั่นไกลเกินคาดการณ์
“ฉันอาจจะต้องลองดูซักครั้ง” อันโตนิโอพูดต่อ แล้วหยุดเว้นวรรคเหมือนกำลังนึกอะไรอยู่ในใจ
“ฮันนี่ประเมินความเสี่ยงการเดินทางไปยังโลกให้หน่อย”
อันโตนิโอพูดกับระบบตอบโต้อัตโนมัติ แล้วจอแก้วที่อยู่ตรงหน้าเขาก็มีข้อมูลเคลื่อนขึ้นไปมามากมาย ตัวหนังสือไหลผ่านอย่างรวดเร็ว รูปดวงดาวสีน้ำเงินกลมโตเคลื่อนมาอยู่ตรงกลางหน้าจอกระจกแก้ว พลันแสดงข้อมูลต่างๆที่เป็นตัวเลข ทิมมี่มองดูอย่างตื่นเต้นแต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าแต่ละอย่างหมายถึงอะไร
“จากการวิเคราะห์ระยะห่างของโลก ณ.จุดนี้ และขีดความสามารถของเครื่องวาร์ป 60 เปอร์เซ็น คุณสามารถเดินทางไปถึงโลกได้อย่างปลอดภัยและมีพลังงานเหลือให้ใช้ได้อีกห้าวัน”
“แล้วอีก 40 เปอร์เซ็นที่เหลือล่ะ” อันโตนิโอถามอย่างใคร่รู้
“ยานอาจระเบิดกลางทางด้วยขีดจำกัดในระยะทางและความเก่าของเครื่องวาร์ปอาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ” ฮันนี่เสริมต่อ
อันโตนิโอและทิมมี่หันมองหน้ากันอย่างหวาดกลัว เพียงคิดว่ายานจะระเบิดก็ไม่อยากจะคิดอะไรต่อแล้ว อันโตนิโอครุ่นคิด 60 เปอร์เซ็น ก็ยังถือว่าเป็นเปอร์เซ็นที่ยังน้อยเขาไม่กล้าเสี่ยงและไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางมีจริงหรือเปล่า
ทิมมี่ราวกับอ่านความคิดของอันโตนิโอออก 60 เปอร์เซ็นมันอันตรายเกินไปที่จะเสี่ยง
“ผมไม่ไปแล้วฮะ ยังไงพวกเขาก็ทิ้งผมไปแล้ว พวกคงไม่อยากให้ผมกลับไปหรอกครับ” ทิมมี่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาไม่อยากให้ใครมาเสี่ยงอันตรายเพื่อเขา
อันโตนิโอไม่พูดอะไรเขากำลังครุ่นคิดและตัดสินใจทำในเรื่องที่สำคัญ
“ฮันนี่ถ้าผมไปถึงโลกล่ะ” อันโตนิโอเอ่ยถาม
“หากไปถึงอย่างปลอดภัยและมีผู้คนตามที่คาดการณ์ไว้คุณอาจเติมพลังงานแล้ววาร์ปกลับมาได้อย่างปรกติ แต่หากทางข้างหน้าเวิ้งว้างไร้ผู้คน คุณจะมีพลังงานให้ใช้ได้อีกแค่ห้าวันและไม่สามารถใช้เครื่องวาร์ปได้ พวกคุณจะตายในอีกห้าวันหลังจากพลังงาหมดสิ้น”
เสียงใสแจ่วของฮันนี่ดังก้องเข้าไปในโสตประสาทของทั้งสอง ทิมมี่แอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่อถึงสิ่งที่ฮันนี่พูด
“แต่เรามีตั้ง60 เปอร์เซ็นนะ” อันโตนิโอพูดลอยขึ้นมา
“60 เปอร์เซ็นเดินทางไป แต่ไม่ได้บอกว่าจะเดินทางกลับมาได้นะคะ” ฮันนี่ย้ำอีกที
“เธอจำที่ฉันเคยบอกเธอได้ไหมทิมมี่” อันโตนิโอหันมาพูดกับเด็กน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เราต้องมีความหวัง เธอก็ด้วย ฉันก็ด้วยเราทุกคนต้องมีความหวัง ฉันจะไปถึงแม้ยานจะระเบิดและถึงแม้เราสองคนจะไม่ได้กลับมาที่นี้อีกก็ตาม เธอคิดว่าไงอยากลองดูไหม” อันโตนิโอพูดกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมที่จะทำตามที่พูดทันที
“ครับ แต่ผมไม่อยากให้คุณเป็นอะไร” ทิมมี่หยุดพูด เขาซาบซึ้งใจจนพูดอะไรไม่ออก
“เธอแค่บอกว่าอยากไปฉันก็จะพาเธอไป ว่างั้นบอกมาเลย” อันโตนิโอจับบ่าน้อยๆของทิมมี่เพื่อบอกให้รู้ว่าเขาจะทำตามอย่างที่พูดแน่นอน
“ครับผมอยากไป ผมอยากเจอพ่อกับแม่ซักครั้ง” ทิมมี่เอ่ยขึ้น
“ต้องอย่างงี้ซิเจ้าหนูเด็ดเดี่ยวหน่อย พร้อมที่จะวาร์ปหรือยัง”
อันโตนิโอถามผู้โดยสารตัวน้อย อันโตนิโอคีย์ข้อมูลบนแผ่นแป้นที่อยู่ตรงหน้า ด้วยระบบสัมผัส นิ้วของเขาเคลื่อนสัมผัสหน้าจอด้วยความคล่องแคล่วว่องไว ทิมมี่ที่นั่งดูอยู่ข้างๆมองตามที่เขาทำแทบไม่ทัน เขาระบุพิกัดที่จะเดินทางไปการระบุพิกัดเสร็จสิ้นลง อันโตนิโอเลื่อนมือของตัวเองมาหยุดอยู่ที่ปุ่มสีฟ้าอ่อนซึ่งอยู่ทางซ้ายมือของเขา เตรีนมพร้อมที่จะกดได้ทุกเมื่อ
“พร้อมที่จะวาร์ปหรือยัง” อันโตนิโอเอ่ยถามผู้โดยสารตัวน้อยที่นั่งมั่นอยู่ข้างเขา
“พร้อมครับ” เสียงตอบกลับหนักแน่น แต่ก็ยังบังคับให้มือหยุดสั่นไม่ได้
“แต่ฉันมีคำถามหนึ่งอยากถามเธอ เธอเรียนยิงธนูมาจากไหนถึงได้ยิงแม่นอย่างนั้น” อันโตนิโอสงสัยอยู่นานและได้โอกาสถามซักที
“เซ็กตันสอนผมฮะ คุณอย่าลืมซิเซ็กตันเป็นทหารเก่า เขาเก่งกาจเรื่องการใช้อาวุธเกือบทุกชนิดเลยนะ” ทิมมี่อธิบาย
“เป็นอย่างนี้นี่เอง” จบคำอันโตนิโอก็กดปุ่มสีฟ้าอ่อนลงทันที