สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ทุกคดี ที่พระราม 4 ถ้า(ผู้พิพากษา)ให้ความสำคัญ ลิ้น มากกว่า หลักฐานทางวิทยาศาสตร์
ว่า ทิศทาง + รอยกระสุน เหล่านี้ เกิดจากกระสุนยาง
ก็น่าจะปรับ นิติวิทยาศาสตร์ + ฟิสิกส์ ที่สอนกันอยู่ ให้ใช้ หลักแบบไทยๆ
-------------
ในการตัดสินของศาล ครั้งก่อน เรื่องสาเหตุการตาย แม้นศาลจะสรุปสาเหตุการตาย ว่าไม่ได้เกิดจากกระสุนที่ยิง
แต่ก็มีการ เบิกความหลักฐานทาง นิติวิทยาศาสตร์ ของ ทิศทาง และ รอยกระสุนไว้ เป็นกระสุนจริง และยิงมาจากทหารที่ประจำจุดอยู่
http://www.prachatai.com/journal/2013/02/45171
ดูคลิป เหตุที่พระราม 4 ได้ที่ http://www.prachatai.com/journal/2012/02/39403
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยในวันนี้ พ.ต.อ.สืบศักดิ์ พันธุสุระ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีนี้ ได้เบิกความมีความเห็นโดยเชื่อว่าผู้ตายคือ นายฐานุทัศน์ เสียชีวิตจากการปฏิบัติงานของ เจ้าพนักงานที่ปฏิบัติงานตามหน้าที่
พ.ต.อ.สืบศักดิ์ เบิกความด้วยว่า จากการสอบสวนพยานหลักฐาน 18 ปาก มีพยานใกล้ชิดเห็นเหตุการณ์ ยืนยันเห็นเหตุการณ์ขณะที่ทหารขอคืนพื้นที่ใช้อาวุธปืนมาทางผู้ชุมนุม มีทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวได้นำมาประกอบไว้ในสำนวนด้วย และจากการตรวจสถานที่เกิดเหตุ ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ได้ตรวจพบร่องรอยกระสุนและทิศทางที่มีการยิง ถนนพระราม 4 จากทางแยกวิทยุไปทางบ่อนไก่และทางด่วนทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 61 รอย ซึ่งใน 61 รอย เป็นรอยของกระสุน .223 นิ้ว หรือ 5.56 มม. ที่ให้กับ ปืนเล็กยาวประจำกาย M 653 และรอยกระสุนปืนลูกซอง ซึ่งมีทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณนั้นใช้อยู่ รวมทั้งมีรอยที่ไม่ทราบขนาดด้วย
-------- ยิงสวนกลับ มีแค่ 2 รอย และไม่ทราบขนาด--------
นอกจากนี้ยังพบรอยกระสุนที่มีทิศทางจากทางด่วนทางพิเศษเฉลิมมหานคร มาทางแยกวิทยุ จำนวน 2 รอย แต่ไม่ทราบขนาดกระสุน
-----------------------------------------------------------------------------
รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญตรวจเฉพาะบริเวณที่ผู้ตายถูกยิงยังพบรอยกระสุน. 223 จำนวน 15 รอย ซึ่งมีทิศทางจาก ถนนพระราม 4 แยกวิทยุ มายังทางด่วนทางพิเศษเฉลิมมหานคร สอดคล้องกับขณะที่ผู้ตายถูกยิงด้านหลังในขณะที่หันหลังให้กับแนวทหารที่ตั้งแนวอยู่ที่สะพานไทย – เบลเยียม ดังนั้นจากเหตุผลทั้งหมด ทำให้ พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนและมีความเห็นเชื่อว่าผู้ตายเสียชีวิตจากการปฏิบัติงานของ เจ้าพนักงานที่ปฏิบัติงานตามหน้าที่
พ.ต.อ.สืบศักดิ์ เบิกความว่าจากการสอบสวน ได้ความว่าระหว่างวันที่ 12 มี.ค. ถึง 19 พ.ค.53 ได้มีการชุมนุมของกลุ่มประชาชนที่ใช้.ชื่อว่า แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชา หรือ นปช. โดยเริ่มชุมนุมที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลขณะนั้นยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ แต่รัฐบาลขณะนั้นไม่ยินยอม ผู้ชุมนุมจึงมีการชุมนุมต่อเนื่องและขยายมาที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์
ถนน ดินสอ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1417178189
พล.ต.ต.วัลลภเบิกความต่อว่าต่อมาคณะพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน
เพื่อหาว่าอาวุธปืนและลูกกระสุนปืนที่ยิงถูกผู้ตายทั้ง 3 คน มาจากทิศทางใด
จากรายงานของแผนกตรวจสถานที่เกิดเหตุและแผนกตรวจร่องรอยวิถีกระสุน กองพิสูจน์หลักฐานกลาง
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรายงานการตรวจร่องรอยวิถีกระสุนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)
โดยทั้ง 2 หน่วยงานยืนยันตรงกันว่า พบร่องรอยวิถีกระสุนปืนในบริเวณที่เกิดเหตุ 114 รอย
ในจำนวนนี้สามารถบอกทิศทางได้ 108 รอย โดยทั้ง 2 หน่วยงาน ยืนยันสอดคล้องกันว่า
วิถีกระสุนปืนมาตามแนวถ.ดินสอจากทางด้านสะพานวันชาติ มุ่งหน้าไปทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพียงด้านเดียว
แถม ถ้าทหารเหล่านั้นพูดจริง แสดงว่า มีกระสุนจริงหายไป เกือบ 200,000 นัด
นักข่าวสายทหารชี้ยอดกระสุนสลายเสื้อแดงเกือบสองแสนนัด
http://www.prachatai.com/journal/2012/09/42763
ว่า ทิศทาง + รอยกระสุน เหล่านี้ เกิดจากกระสุนยาง
ก็น่าจะปรับ นิติวิทยาศาสตร์ + ฟิสิกส์ ที่สอนกันอยู่ ให้ใช้ หลักแบบไทยๆ
-------------
ในการตัดสินของศาล ครั้งก่อน เรื่องสาเหตุการตาย แม้นศาลจะสรุปสาเหตุการตาย ว่าไม่ได้เกิดจากกระสุนที่ยิง
แต่ก็มีการ เบิกความหลักฐานทาง นิติวิทยาศาสตร์ ของ ทิศทาง และ รอยกระสุนไว้ เป็นกระสุนจริง และยิงมาจากทหารที่ประจำจุดอยู่
http://www.prachatai.com/journal/2013/02/45171
ดูคลิป เหตุที่พระราม 4 ได้ที่ http://www.prachatai.com/journal/2012/02/39403
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยในวันนี้ พ.ต.อ.สืบศักดิ์ พันธุสุระ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีนี้ ได้เบิกความมีความเห็นโดยเชื่อว่าผู้ตายคือ นายฐานุทัศน์ เสียชีวิตจากการปฏิบัติงานของ เจ้าพนักงานที่ปฏิบัติงานตามหน้าที่
พ.ต.อ.สืบศักดิ์ เบิกความด้วยว่า จากการสอบสวนพยานหลักฐาน 18 ปาก มีพยานใกล้ชิดเห็นเหตุการณ์ ยืนยันเห็นเหตุการณ์ขณะที่ทหารขอคืนพื้นที่ใช้อาวุธปืนมาทางผู้ชุมนุม มีทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวได้นำมาประกอบไว้ในสำนวนด้วย และจากการตรวจสถานที่เกิดเหตุ ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ได้ตรวจพบร่องรอยกระสุนและทิศทางที่มีการยิง ถนนพระราม 4 จากทางแยกวิทยุไปทางบ่อนไก่และทางด่วนทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 61 รอย ซึ่งใน 61 รอย เป็นรอยของกระสุน .223 นิ้ว หรือ 5.56 มม. ที่ให้กับ ปืนเล็กยาวประจำกาย M 653 และรอยกระสุนปืนลูกซอง ซึ่งมีทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณนั้นใช้อยู่ รวมทั้งมีรอยที่ไม่ทราบขนาดด้วย
-------- ยิงสวนกลับ มีแค่ 2 รอย และไม่ทราบขนาด--------
นอกจากนี้ยังพบรอยกระสุนที่มีทิศทางจากทางด่วนทางพิเศษเฉลิมมหานคร มาทางแยกวิทยุ จำนวน 2 รอย แต่ไม่ทราบขนาดกระสุน
-----------------------------------------------------------------------------
รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญตรวจเฉพาะบริเวณที่ผู้ตายถูกยิงยังพบรอยกระสุน. 223 จำนวน 15 รอย ซึ่งมีทิศทางจาก ถนนพระราม 4 แยกวิทยุ มายังทางด่วนทางพิเศษเฉลิมมหานคร สอดคล้องกับขณะที่ผู้ตายถูกยิงด้านหลังในขณะที่หันหลังให้กับแนวทหารที่ตั้งแนวอยู่ที่สะพานไทย – เบลเยียม ดังนั้นจากเหตุผลทั้งหมด ทำให้ พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนและมีความเห็นเชื่อว่าผู้ตายเสียชีวิตจากการปฏิบัติงานของ เจ้าพนักงานที่ปฏิบัติงานตามหน้าที่
พ.ต.อ.สืบศักดิ์ เบิกความว่าจากการสอบสวน ได้ความว่าระหว่างวันที่ 12 มี.ค. ถึง 19 พ.ค.53 ได้มีการชุมนุมของกลุ่มประชาชนที่ใช้.ชื่อว่า แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชา หรือ นปช. โดยเริ่มชุมนุมที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลขณะนั้นยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ แต่รัฐบาลขณะนั้นไม่ยินยอม ผู้ชุมนุมจึงมีการชุมนุมต่อเนื่องและขยายมาที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์
ถนน ดินสอ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1417178189
พล.ต.ต.วัลลภเบิกความต่อว่าต่อมาคณะพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน
เพื่อหาว่าอาวุธปืนและลูกกระสุนปืนที่ยิงถูกผู้ตายทั้ง 3 คน มาจากทิศทางใด
จากรายงานของแผนกตรวจสถานที่เกิดเหตุและแผนกตรวจร่องรอยวิถีกระสุน กองพิสูจน์หลักฐานกลาง
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรายงานการตรวจร่องรอยวิถีกระสุนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)
โดยทั้ง 2 หน่วยงานยืนยันตรงกันว่า พบร่องรอยวิถีกระสุนปืนในบริเวณที่เกิดเหตุ 114 รอย
ในจำนวนนี้สามารถบอกทิศทางได้ 108 รอย โดยทั้ง 2 หน่วยงาน ยืนยันสอดคล้องกันว่า
วิถีกระสุนปืนมาตามแนวถ.ดินสอจากทางด้านสะพานวันชาติ มุ่งหน้าไปทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพียงด้านเดียว
แถม ถ้าทหารเหล่านั้นพูดจริง แสดงว่า มีกระสุนจริงหายไป เกือบ 200,000 นัด
นักข่าวสายทหารชี้ยอดกระสุนสลายเสื้อแดงเกือบสองแสนนัด
http://www.prachatai.com/journal/2012/09/42763
แสดงความคิดเห็น
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยย..... คุณขนมสาคูอยู่ไหนครับ คุณสิงห์สนามหลวงอยู่ไหนครับ ช่วยด้วยยยยย.....
...จากการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ทั้งที่บริเวณแยกคอกวัว บริเวณ ถ.ราชปรารภ บริเวณ ถ.พระราม 4 และบริเวณอื่นๆ ที่มีการเสียชีวิตของประชาชนและทหาร โดยเจ้าหน้าที่ทหารส่วนใหญ่ที่พนักงานสอบสวนเรียกเข้ามาให้ปากคำนั้นยืนยันว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่ในวันและเวลาดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) และยืนยันด้วยว่าใช้กระสุนยางเพียงอย่างเดียว ไม่มีการใช้กระสุนจริงแต่อย่างใด...
http://prachatai.org/journal/2015/07/60597
อภิสิทธิ์ : เราอนุญาตให้ใช้กระสุนจริง
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU5UTTNPVFV6TlE9PQ==
http://www.udon108.com/thai/attachment.php?attachmentid=80838&d=1355320469&thumb=1
ขอเพียงยุติธรรม
แม้โดนหยามย่ำสักเพียงไหน
ขอเพียงสักนิดเห็นหัวใจ
เพื่อชีวิตจากไปได้รับธรรม