เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่พุธที่ 29 /7/58 ที่ผ่านมาค่ะ
ถามว่าทำไมมาตั้งเอาป่านนี้? เพิ่งมีโอกาสเลิกงานเร็ว และไม่เปียกฝน ชีวิตอยากนั่งตั้งกระทู้เฉยๆ ไม่ต้องเปียกปอนกลับมาบ้านแล้วต้องรีบไปอาบน้ำ สโลว์ไลฟ์ยามดึกค่ะ
นี่เป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิงอายุ 21 ปีค่ะ เนื่องจากปิดเทอมเออีซี 6 เดือน เลยหางานพาร์ทไทม์ทำ ซึ่งที่ทำงานก็ใกล้บ้านมากค่ะ(ประชด) บ้านอยู่แถวลาดปลาเค้า ที่ทำงานอยู่แถวราชเทวี วันนั้นเลิกงานก็ประมาณหกโมงเย็น เลยแวะซื้อกางเกงกับเสื้อสำหรับใส่ไปต่างจังหวัดที่อนุเสาวรีย์ เดินเลยเถิดจนลากเวลามาที่สามทุ่ม นั่งรถมาถึงตลาดบางเขนซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุค่ะ คนละแวกนี้จะรู้เป็นอย่างดีว่าถ้าวันไหนฝนตกหนักมาก รถจะติด รถกระป๋องที่จะวิ่งจากตลาดบางเขนเข้าสู่ถนนเส้นลาดปลาเค้าจากที่เคยมีเยอะแยะเป็นผักปลาจะหายไป และมาคันละชั่วโมง เพราะน้ำท่วม วิ่งเร็วไม่ได้ ยืนรอกันจนตำลึงเลื้อย
เข้าเรื่องเลยละกันค่ะ(ร่ายมาตั้งนาน) ทนรอกระป๋องวินลาดปลาเค้าไม่ไหวเลยเดินมาทางที่มีวินมอไซค์ปรากฏว่าวินก็ไร้ร่องรอยเพราะต้องส่งผู้โดยสารตามที่ต่างๆ มีฝูงชนที่ยืนรอรถกระป๋องวินเสนาเป็นกลุ่มใหญ่ ท่ามกลางฝูงชนที่รอรถก็มีพี่ผู้หญิงหน้าตาดีๆอยู่หนึ่งคน เห็นเราในสภาพ เน้นว่า ‘สภาพ’ เท้าเปล่า ถกกางเกงขายาวจนถึงเข่า มือข้างซ้ายถือรองเท้าผ้าใบ ข้างขวาถือถุงเสื้อผ้า
พี่สาวถามว่า “จะไปไหน”
เราเลยบอกไปว่า “ลาดปลาเค้าค่ะ” จากนั้นเราก็ถามต่ออีกว่า “ตรงนี้เขารอวินรึเปล่าคะ?”
พี่สาวตอบเรามาว่า “รอแฟนค่ะ” (ตอบคนละคำถาม 555)
หลังจากนั้นเราก็ยืนรอวินมอไซค์ค่ะ แต่ด้วยคนจำนวนมากก็อยากกลับบ้านก็มีแซงคิวกันบ้าง คือไม่ได้เข้าแถวกันคะเพราะต่างคนต่างหลบฝน จนกระทั่งรถของแฟนพี่สาวโผล่มา เป็นรถกระบะโตโยต้าวีโก้สีดำ มีคำว่า ‘ข่าว’ อยู่หน้ากระจกรถ
พี่สาววิ่งไปที่รถคันนั้น สักพักก็ตะโกนผ่าสายฝนที่ตกอยู่ว่า “มีใครจะไปเสนาไหมคะ?”
ด้วยความที่เราอยากกลับบ้านจัดเลยจะโกนกลับไปว่า“ผ่านแยกวังหินไหมคะ?” พี่สาวบอกผ่านค่ะ
จากนั้นพี่เขาก็ตะโกนชวนคนบริเวณแถวนั้นเพิ่มว่ามีใครจะติดรถไปด้วยไหม ก็มีคู่รักที่เป็นผู้ร่วมชะตากรรมกับเราสองคนวิ่งมาขึ้นรถ ระหว่างทางแฟนของพี่ผู้หญิง(ซึ่งต่อไปเราขอเรียกว่าพี่ผู้ชาย) ก็ถามว่าใครลงตรงไหนบ้าง พี่ผู้หญิงก็ชี้มาทางเราแล้วบอกว่า “พี่เขาลงแยกวังหิน”(เรามั่นใจว่าอายุน้อยกว่าค่ะ แต่หน้าเราแก่พี่เขาเลยคิดว่าเราเป็นพี่) ผู้ร่วมชะตากรรมีที่เหลือก็ขอลงแยกวังหิน
พี่ผู้ชายเลยพูดขึ้นว่า “มันดึกแล้ว มันหารถไปต่อยาก บ้านอยู่ที่ไหนกัน”
เราซึ่งเป็นคนขี้เกรงใจมากรีบตอบไปว่า “ลาดปลาเค้า 10 ค่ะ”
พี่ผู้ชายเลยอาสาจะไปส่งที่บ้านค่ะ ซึ่งตอนแรกก็เกรงใจจะให้ส่งแค่หน้าซอยแต่พี่เขาก็มาส่งถึงหน้าบ้าน โทรศัพท์ก็แบตหมด ไม่ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระทึก ไม่ได้ทงไม่ได้ชื่อแส่อะไร เลยได้แค่จำทะเบียนตอนพี่เขาขับรถออกไป
อยากบอกจริงๆ จากใจว่า ‘ขอบคุณมากๆนะคะ’ คือหนูไม่มีอะไรตอบแทนพี่เลยค่ะ แต่อยากขอบคุณมากจริงๆค่ะ
ท่ามกลางเมืองที่เต็มไปด้วยแสงศรีวิไล คนส่วนใหญ่ชิงดีชิงเด่น เห็นแก่ตัว ไร้น้ำใจ เก็บกระทั่งค่าจานเปล่า(เพิ่งไปอ่านกระทู้เขามาเลยอิน) เราซึ่งไม่คิดว่าจะได้รับการช่วยเหลือใดๆจากใคร หมดหวังกับคำว่ามีน้ำใจในเมืองหลวงแห่งนี้แล้ว ตอนนี้ได้พบแล้วค่ะ คนที่มีน้ำใจจริงๆ ขอบคุณนะคะ
ปล.นะคะ นะค่ะ ใช้ไม่ถูกโปรดให้อภัยด้วยนะคะ
ปล.2 เขาต้องแท๊กห้องอะไรบ้าง ตึ๊บ งง แท๊กผิดถูกขออภัยด้วยจริงๆค่ะ
*เข้ามาแก้นะคะ นะค่ะ
ฝากถึงรถกระบะ โตโยต้าวีโก้สีดำ ทะเบียน ‘ญค 4087’ ขอบคุณที่มาส่งที่บ้านคะ
ถามว่าทำไมมาตั้งเอาป่านนี้? เพิ่งมีโอกาสเลิกงานเร็ว และไม่เปียกฝน ชีวิตอยากนั่งตั้งกระทู้เฉยๆ ไม่ต้องเปียกปอนกลับมาบ้านแล้วต้องรีบไปอาบน้ำ สโลว์ไลฟ์ยามดึกค่ะ
นี่เป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิงอายุ 21 ปีค่ะ เนื่องจากปิดเทอมเออีซี 6 เดือน เลยหางานพาร์ทไทม์ทำ ซึ่งที่ทำงานก็ใกล้บ้านมากค่ะ(ประชด) บ้านอยู่แถวลาดปลาเค้า ที่ทำงานอยู่แถวราชเทวี วันนั้นเลิกงานก็ประมาณหกโมงเย็น เลยแวะซื้อกางเกงกับเสื้อสำหรับใส่ไปต่างจังหวัดที่อนุเสาวรีย์ เดินเลยเถิดจนลากเวลามาที่สามทุ่ม นั่งรถมาถึงตลาดบางเขนซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุค่ะ คนละแวกนี้จะรู้เป็นอย่างดีว่าถ้าวันไหนฝนตกหนักมาก รถจะติด รถกระป๋องที่จะวิ่งจากตลาดบางเขนเข้าสู่ถนนเส้นลาดปลาเค้าจากที่เคยมีเยอะแยะเป็นผักปลาจะหายไป และมาคันละชั่วโมง เพราะน้ำท่วม วิ่งเร็วไม่ได้ ยืนรอกันจนตำลึงเลื้อย
เข้าเรื่องเลยละกันค่ะ(ร่ายมาตั้งนาน) ทนรอกระป๋องวินลาดปลาเค้าไม่ไหวเลยเดินมาทางที่มีวินมอไซค์ปรากฏว่าวินก็ไร้ร่องรอยเพราะต้องส่งผู้โดยสารตามที่ต่างๆ มีฝูงชนที่ยืนรอรถกระป๋องวินเสนาเป็นกลุ่มใหญ่ ท่ามกลางฝูงชนที่รอรถก็มีพี่ผู้หญิงหน้าตาดีๆอยู่หนึ่งคน เห็นเราในสภาพ เน้นว่า ‘สภาพ’ เท้าเปล่า ถกกางเกงขายาวจนถึงเข่า มือข้างซ้ายถือรองเท้าผ้าใบ ข้างขวาถือถุงเสื้อผ้า
พี่สาวถามว่า “จะไปไหน”
เราเลยบอกไปว่า “ลาดปลาเค้าค่ะ” จากนั้นเราก็ถามต่ออีกว่า “ตรงนี้เขารอวินรึเปล่าคะ?”
พี่สาวตอบเรามาว่า “รอแฟนค่ะ” (ตอบคนละคำถาม 555)
หลังจากนั้นเราก็ยืนรอวินมอไซค์ค่ะ แต่ด้วยคนจำนวนมากก็อยากกลับบ้านก็มีแซงคิวกันบ้าง คือไม่ได้เข้าแถวกันคะเพราะต่างคนต่างหลบฝน จนกระทั่งรถของแฟนพี่สาวโผล่มา เป็นรถกระบะโตโยต้าวีโก้สีดำ มีคำว่า ‘ข่าว’ อยู่หน้ากระจกรถ
พี่สาววิ่งไปที่รถคันนั้น สักพักก็ตะโกนผ่าสายฝนที่ตกอยู่ว่า “มีใครจะไปเสนาไหมคะ?”
ด้วยความที่เราอยากกลับบ้านจัดเลยจะโกนกลับไปว่า“ผ่านแยกวังหินไหมคะ?” พี่สาวบอกผ่านค่ะ
จากนั้นพี่เขาก็ตะโกนชวนคนบริเวณแถวนั้นเพิ่มว่ามีใครจะติดรถไปด้วยไหม ก็มีคู่รักที่เป็นผู้ร่วมชะตากรรมกับเราสองคนวิ่งมาขึ้นรถ ระหว่างทางแฟนของพี่ผู้หญิง(ซึ่งต่อไปเราขอเรียกว่าพี่ผู้ชาย) ก็ถามว่าใครลงตรงไหนบ้าง พี่ผู้หญิงก็ชี้มาทางเราแล้วบอกว่า “พี่เขาลงแยกวังหิน”(เรามั่นใจว่าอายุน้อยกว่าค่ะ แต่หน้าเราแก่พี่เขาเลยคิดว่าเราเป็นพี่) ผู้ร่วมชะตากรรมีที่เหลือก็ขอลงแยกวังหิน
พี่ผู้ชายเลยพูดขึ้นว่า “มันดึกแล้ว มันหารถไปต่อยาก บ้านอยู่ที่ไหนกัน”
เราซึ่งเป็นคนขี้เกรงใจมากรีบตอบไปว่า “ลาดปลาเค้า 10 ค่ะ”
พี่ผู้ชายเลยอาสาจะไปส่งที่บ้านค่ะ ซึ่งตอนแรกก็เกรงใจจะให้ส่งแค่หน้าซอยแต่พี่เขาก็มาส่งถึงหน้าบ้าน โทรศัพท์ก็แบตหมด ไม่ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระทึก ไม่ได้ทงไม่ได้ชื่อแส่อะไร เลยได้แค่จำทะเบียนตอนพี่เขาขับรถออกไป
ท่ามกลางเมืองที่เต็มไปด้วยแสงศรีวิไล คนส่วนใหญ่ชิงดีชิงเด่น เห็นแก่ตัว ไร้น้ำใจ เก็บกระทั่งค่าจานเปล่า(เพิ่งไปอ่านกระทู้เขามาเลยอิน) เราซึ่งไม่คิดว่าจะได้รับการช่วยเหลือใดๆจากใคร หมดหวังกับคำว่ามีน้ำใจในเมืองหลวงแห่งนี้แล้ว ตอนนี้ได้พบแล้วค่ะ คนที่มีน้ำใจจริงๆ ขอบคุณนะคะ
ปล.นะคะ นะค่ะ ใช้ไม่ถูกโปรดให้อภัยด้วยนะคะ
ปล.2 เขาต้องแท๊กห้องอะไรบ้าง ตึ๊บ งง แท๊กผิดถูกขออภัยด้วยจริงๆค่ะ
*เข้ามาแก้นะคะ นะค่ะ