จากที่ผมเคยนำเสนอไว้ว่า เทรนด์ของ Startup กำลังบูมไปทั่วโลก โดยจะสังเกตได้จากการที่มีหนังสือและสื่อต่างๆให้ความสนใจเรื่อง Startup มากขึ้น ทำให้ Startup ดูเท่ ดูมีราคา และอาจจะไปถึงขนาดที่ว่าสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คนที่อยากจะเจริญรอยตามบุคคลที่ประสบความสำเร็จในวงการนี้เลยก็เป็นได้
แต่คงมีคนไม่ใช่น้อยที่เพิ่งได้รับแรงบันดาลใจและมีไฟที่จะเริ่มทำ Startup ขึ้นมานั้น ต้องหยุดความฝันไว้ชั่วคราว
เพราะมองว่าการเขียนโค้ดนั้นเป็นเรื่องที่ไกลตัว ไม่มีใครที่พอจะไว้ใจได้มาเขียนโค้ดให้ (เพราะกลัวถูกขโมยไอเดีย) หรือมองว่าการจะไปจ้าง developer/programmer มาเขียนโค้ดให้เป็นอะไรที่แพงและควบคุมยากมาก
แต่เชื่อมั้ยครับว่า การที่จะล้มเลิกความคิดที่จะทำ Startup เพียงเพราะเขียนโค้ดไม่เป็น หรือไม่มีใครที่ไว้ใจได้มาเขียนโค้ดให้ หรือไม่มีเงินทุนที่จะจ้าง เป็นความคิดที่ผมอยากจะบอกว่า “เฮ้ยๆ เดี๋ยวก่อนๆ” แล้วก็จะพยายามโน้มน้าวให้ได้ว่า
มันมีทางแก้อยู่นะ… โดยการเขียนบทความนี้ขึ้นมาครับ
อย่างแรกที่เราต้องเข้าใจก่อนก็คือ
เราต้องโฟกัสเรื่องการตอบสนองความต้องการของลูกค้า มากกว่าการสร้าง Product ที่ไม่มีที่ติครับ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไปแคร์ว่า App เราจะต้องฉลาด หรือ ดูดีขั้นเทพ… เอาให้ลูกค้าใช้ได้ก่อนก็พอแล้วครับ เพราะจริงๆ แล้ว User ไม่ค่อยสนหรอกครับว่าวิธีการที่เราทำนั้นเราทำมันขึ้นมาได้ยังไง สิ่งที่ User คิดว่าสำคัญคือมันต้องทำได้อย่างที่พูด! ข้อดีอย่างหนึ่งของการคิดอย่างนี้ก็คือ
เราสามารถคิดอะไรได้นอกกรอบมากขึ้นโดยที่เรายังไม่ต้องไปคำนึงมากนักว่าเราจะสามารถทำมันได้จริงรึเปล่า
เมื่อเราลองมองในมุมนี้แล้ว เราก็จะรู้ว่า ในหลายๆ อย่าง เราใช้ ”คน” มาทำแทนก่อนก็ได้ครับ ยกตัวอย่าง เช่นถ้าเราอยากจะให้บริการจัดการ Email ของลูกค้าให้เป็นสัดเป็นส่วน เราก็ใช้คนทำงานแทน App ก่อนครับ พอลูกค้าต้องการนัดคนในบริษัทประชุมผ่าน Email ก็มีคน (ทีมเรา หรือ ตัวเรานี่แหละ!) เอาลง Google Calendar ให้ หรือ หากลูกค้ามี Flight บินในอีก 3 วัน เราก็แจ้งให้ลูกค้าทราบด้วยการส่ง Email เตือน
เมื่อเราทำเองโดยใช้แรงงานคน เราก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลานั่งหา นั่งคิด นั่งเขียน Algorithm ขั้นเทพให้ยุ่งยากครับ นอกจากนี้ เรายังได้ทดลองไอเดียของเราไปในตัวด้วยว่า มีคนต้องการ App ที่ให้บริการแบบนี้เยอะจริงอย่างที่เราคิดมั้ย… มีอะไรที่เราสามารถเพิ่มเติมได้อีกมั้ย ดีกว่าจะต้องมาเสียเวลาเป็นวันๆ หรือเดือนๆ ในการพัฒนา App ที่ไม่รู้ว่าจะมีลูกค้าอยากใช้จริงรึเปล่าครับ
นอกเหนือจากการแทนที่ระบบด้วยแรงงานคนไปก่อนแล้ว เรายังสามารถใช้บริการฟรีของหลายๆ เว็บเพื่อทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้อย่างง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องเขียน code ได้ด้วย ผมขอยกตัวอย่าง การใช้ WordPress ครับ ถ้าเราลองศึกษาดู เราจะรู้ว่า WordPress ไม่ได้ทำได้แค่ Blog เท่านั้น แต่ยังสามารถทำเว็บที่ฉลาดๆ ได้เยอะมากๆ (เราสามารถทำเว็บคล้ายๆ wongnai.com หรือ kaidee.com ขึ้นมาได้เลยนะ) ด้วยการใช้ template และ plugin เช่น E-commerce มาช่วย เรื่อง design ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะมี free template มากมายให้เลือกใช้ เพราะฉะนั้น ผมแนะนำให้ลองค้นหาใน Google ว่ามีบริการของเว็บหรือเครื่องมือไหนที่พอจะช่วยให้ไอเดียที่เราคิดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้บ้างครับ
แล้วมันมีใครในโลกทำอย่างนี้แล้วได้ผลหรอ? หลายคนอ่านมาตรงนี้ก็คงสงสัย… ผมขอบอกเลยครับว่า มี! Khan Academy (khanacademy.org) เว็บที่สอนวิชาต่างๆ ออนไลน์ ซึ่งตอนนี้โด่งดังมากๆ ก็เริ่มจากการที่ Salman Khan ติวเลขให้กับญาติของเขาซึ่งอยู่ไกลจากกันผ่าน Yahoo! Doodle Notepad แล้วหลังจากนั้นต้องเปลี่ยนมาโพสวีดีโอลง Youtube เพราะมีคนรู้จักคนอื่นมาขอให้ช่วยเหลือ หลังจากนั้นก็มีนักเรียนมาติดตามใน Youtube เยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาจึงตัดสินใจออกจากงานประจำ (ซึ่งเป็น Hedge Fund Analyst อยู่ที่ Boston เลยนะ) แล้วมาเปิด Khan Academy แบบจริงๆ จังๆ จนได้รับเงินสนับสนุนจากหลายที่ เช่น Bill and Melinda Gates Foundation และ Google เป็นต้นครับ (สามารถดูประวัติของเขาผ่าน Ted Talk ที่เขาไปพูดได้ที่นี่ครับ ted.com/talks/salman_khan_let_s_use_video_to_reinvent_education)
สรุปแบบง่ายๆ ก็คือ “ทำอะไรได้ ก็ทำไปก่อน” เพราะอย่าลืมครับว่า
เราต้องโฟกัสเรื่องการตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก มากกว่าการไปโฟกัสที่การสร้าง Product ที่ไร้ที่ติ! เพราะฉะนั้นลองถามตัวเองดูนะครับว่า เราทำอะไรได้บ้าง ด้วยความรู้ ฝีมือ ความสามารถ และไหวพริบที่เรามีอยู่ตอนนี้ เพื่อให้ไอเดียที่เราอยากจะทำ ออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้ครับ
ติดตามบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Startup ได้ที่:
lightmeup.me ครับ
ที่มาของรูป:
http://www.code-love.com/wp-content/uploads/2014/05/learn-code-from-home-620×420.jpg
ไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเป็น ก็เริ่มทำ Startup ได้เองเหมือนกัน (แค่มีไหวพริบ!) - Lightmeup
จากที่ผมเคยนำเสนอไว้ว่า เทรนด์ของ Startup กำลังบูมไปทั่วโลก โดยจะสังเกตได้จากการที่มีหนังสือและสื่อต่างๆให้ความสนใจเรื่อง Startup มากขึ้น ทำให้ Startup ดูเท่ ดูมีราคา และอาจจะไปถึงขนาดที่ว่าสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คนที่อยากจะเจริญรอยตามบุคคลที่ประสบความสำเร็จในวงการนี้เลยก็เป็นได้
แต่คงมีคนไม่ใช่น้อยที่เพิ่งได้รับแรงบันดาลใจและมีไฟที่จะเริ่มทำ Startup ขึ้นมานั้น ต้องหยุดความฝันไว้ชั่วคราว เพราะมองว่าการเขียนโค้ดนั้นเป็นเรื่องที่ไกลตัว ไม่มีใครที่พอจะไว้ใจได้มาเขียนโค้ดให้ (เพราะกลัวถูกขโมยไอเดีย) หรือมองว่าการจะไปจ้าง developer/programmer มาเขียนโค้ดให้เป็นอะไรที่แพงและควบคุมยากมาก
แต่เชื่อมั้ยครับว่า การที่จะล้มเลิกความคิดที่จะทำ Startup เพียงเพราะเขียนโค้ดไม่เป็น หรือไม่มีใครที่ไว้ใจได้มาเขียนโค้ดให้ หรือไม่มีเงินทุนที่จะจ้าง เป็นความคิดที่ผมอยากจะบอกว่า “เฮ้ยๆ เดี๋ยวก่อนๆ” แล้วก็จะพยายามโน้มน้าวให้ได้ว่า มันมีทางแก้อยู่นะ… โดยการเขียนบทความนี้ขึ้นมาครับ
อย่างแรกที่เราต้องเข้าใจก่อนก็คือ เราต้องโฟกัสเรื่องการตอบสนองความต้องการของลูกค้า มากกว่าการสร้าง Product ที่ไม่มีที่ติครับ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไปแคร์ว่า App เราจะต้องฉลาด หรือ ดูดีขั้นเทพ… เอาให้ลูกค้าใช้ได้ก่อนก็พอแล้วครับ เพราะจริงๆ แล้ว User ไม่ค่อยสนหรอกครับว่าวิธีการที่เราทำนั้นเราทำมันขึ้นมาได้ยังไง สิ่งที่ User คิดว่าสำคัญคือมันต้องทำได้อย่างที่พูด! ข้อดีอย่างหนึ่งของการคิดอย่างนี้ก็คือ เราสามารถคิดอะไรได้นอกกรอบมากขึ้นโดยที่เรายังไม่ต้องไปคำนึงมากนักว่าเราจะสามารถทำมันได้จริงรึเปล่า
เมื่อเราลองมองในมุมนี้แล้ว เราก็จะรู้ว่า ในหลายๆ อย่าง เราใช้ ”คน” มาทำแทนก่อนก็ได้ครับ ยกตัวอย่าง เช่นถ้าเราอยากจะให้บริการจัดการ Email ของลูกค้าให้เป็นสัดเป็นส่วน เราก็ใช้คนทำงานแทน App ก่อนครับ พอลูกค้าต้องการนัดคนในบริษัทประชุมผ่าน Email ก็มีคน (ทีมเรา หรือ ตัวเรานี่แหละ!) เอาลง Google Calendar ให้ หรือ หากลูกค้ามี Flight บินในอีก 3 วัน เราก็แจ้งให้ลูกค้าทราบด้วยการส่ง Email เตือน เมื่อเราทำเองโดยใช้แรงงานคน เราก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลานั่งหา นั่งคิด นั่งเขียน Algorithm ขั้นเทพให้ยุ่งยากครับ นอกจากนี้ เรายังได้ทดลองไอเดียของเราไปในตัวด้วยว่า มีคนต้องการ App ที่ให้บริการแบบนี้เยอะจริงอย่างที่เราคิดมั้ย… มีอะไรที่เราสามารถเพิ่มเติมได้อีกมั้ย ดีกว่าจะต้องมาเสียเวลาเป็นวันๆ หรือเดือนๆ ในการพัฒนา App ที่ไม่รู้ว่าจะมีลูกค้าอยากใช้จริงรึเปล่าครับ
นอกเหนือจากการแทนที่ระบบด้วยแรงงานคนไปก่อนแล้ว เรายังสามารถใช้บริการฟรีของหลายๆ เว็บเพื่อทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้อย่างง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องเขียน code ได้ด้วย ผมขอยกตัวอย่าง การใช้ WordPress ครับ ถ้าเราลองศึกษาดู เราจะรู้ว่า WordPress ไม่ได้ทำได้แค่ Blog เท่านั้น แต่ยังสามารถทำเว็บที่ฉลาดๆ ได้เยอะมากๆ (เราสามารถทำเว็บคล้ายๆ wongnai.com หรือ kaidee.com ขึ้นมาได้เลยนะ) ด้วยการใช้ template และ plugin เช่น E-commerce มาช่วย เรื่อง design ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะมี free template มากมายให้เลือกใช้ เพราะฉะนั้น ผมแนะนำให้ลองค้นหาใน Google ว่ามีบริการของเว็บหรือเครื่องมือไหนที่พอจะช่วยให้ไอเดียที่เราคิดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้บ้างครับ
แล้วมันมีใครในโลกทำอย่างนี้แล้วได้ผลหรอ? หลายคนอ่านมาตรงนี้ก็คงสงสัย… ผมขอบอกเลยครับว่า มี! Khan Academy (khanacademy.org) เว็บที่สอนวิชาต่างๆ ออนไลน์ ซึ่งตอนนี้โด่งดังมากๆ ก็เริ่มจากการที่ Salman Khan ติวเลขให้กับญาติของเขาซึ่งอยู่ไกลจากกันผ่าน Yahoo! Doodle Notepad แล้วหลังจากนั้นต้องเปลี่ยนมาโพสวีดีโอลง Youtube เพราะมีคนรู้จักคนอื่นมาขอให้ช่วยเหลือ หลังจากนั้นก็มีนักเรียนมาติดตามใน Youtube เยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาจึงตัดสินใจออกจากงานประจำ (ซึ่งเป็น Hedge Fund Analyst อยู่ที่ Boston เลยนะ) แล้วมาเปิด Khan Academy แบบจริงๆ จังๆ จนได้รับเงินสนับสนุนจากหลายที่ เช่น Bill and Melinda Gates Foundation และ Google เป็นต้นครับ (สามารถดูประวัติของเขาผ่าน Ted Talk ที่เขาไปพูดได้ที่นี่ครับ ted.com/talks/salman_khan_let_s_use_video_to_reinvent_education)
สรุปแบบง่ายๆ ก็คือ “ทำอะไรได้ ก็ทำไปก่อน” เพราะอย่าลืมครับว่า เราต้องโฟกัสเรื่องการตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก มากกว่าการไปโฟกัสที่การสร้าง Product ที่ไร้ที่ติ! เพราะฉะนั้นลองถามตัวเองดูนะครับว่า เราทำอะไรได้บ้าง ด้วยความรู้ ฝีมือ ความสามารถ และไหวพริบที่เรามีอยู่ตอนนี้ เพื่อให้ไอเดียที่เราอยากจะทำ ออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้ครับ
ติดตามบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Startup ได้ที่: lightmeup.me ครับ
ที่มาของรูป: http://www.code-love.com/wp-content/uploads/2014/05/learn-code-from-home-620×420.jpg