วันนี้จะมาขอเล่าเหตุการณ์ ที่ทำให้เกือบไม่ได้เดินทางมาเที่ยวที่มาเก๊า และ ฮ่องกงครับ เพราะว่าดันลืมเอาบัตรเครดิตที่ใช้ในการจองตั๋วมาด้วย เพราะตอนเช็คอินสายการบินส่วนใหญ่ เค้าจะขอดูบัตรเครดิตที่ใช้จองด้วย (แต่ถ้าจองผ่าน Agent ไม่ต้องแสดง)
ผมเองทราบเรื่องนี้อยู่แล้วนะครับ แต่มันดันลืมนึกไป เพราะเคยชินกับการเดินทางกับแอร์เอเชีย ที่ไม่ตรวจบัตรเครดิตเวลาเดินทาง และ บัตรที่ใช้จ่ายเงินมันดันเป็นบัตรแอร์เอเชีย-กสิกร ที่เค้าหมดสัญญากันและยกเลิกบัตรนี้ไปแล้ว ก็เลยหยิบออกจากกระเป๋าตังค์
วันที่ 30 ก.ค 2558 เวลาประมาณ 00.40 น. (เป็นคืนของวันที่ 29 นะครับ) ก็มาเช็คอินที่เคาน์เตอร์ของ Air Macau ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อที่จะเดินทางมา ที่มาเก๊า
พอมาถึง เคาน์เตอร์เช็คอิน จนท(A) แจ้งว่าไม่สามารถเช็คอินให้ได้ เพราะผมไม่สามารถแสดงบัตรเครดินที่ใช้ซื้อตั๋วได้ และได้บอกเรื่องนี้กับ จนท(B) และ จนท(B) ได้เดินไปคุยกับ ผจก เคาน์เตอร์ และกลับมาพร้อมคำตอบว่าไม่สามารถให้เราเดินทางได้ ความหวังในการเดินทางเหลือศูนย์ แนะให้เราซื้อตั๋วใหม่ ซึ่งถ้าซื้อวันเดินทางมันแพงอยู่แล้วครับ ตกคนละเกือบสองหมื่น
***เป็น จนท การบินไทยนะครับที่อยู่เคาน์เตอร์เช็คอิน
ผมก็เลยสอบถามว่าถ้าจะเลื่อนตั๋วละได้ไหม จนท(B) ก็แจ้งว่าคุณต้องไปดำเนินการเองผ่านเว็บที่คุณได้จองมาอารมณ์ ตอนนั้นคือสงสัยจะต้องกลับบ้านแล้วละ แต่ผมก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมความสังสัยว่ามันไม่มีวิธีอื่นเลยเหรอ ผมเป็นเจ้าของบัตรนั้นเลย บัตรประชาชนผมก็มี ดูใบแจ้งยอดไหม อยู่ในเมล์ก็มี แต่ จนท(B) ก็ยังยืนยันว่า ไม่สามารถ
และตอนนั้นมีจนทผู้ชาย เหมือนจะเป็นนักศึกษาฝึกงาน หรือ จนทผู้ช่วยรึป่าวไม่แน่ใจนะครับ แต่งตัวเหมือนนักศึกษา เดินเข้ามาตรงนั้น พร้อมกับบอก จนท A และ B ว่ามันเคยมีกรณีแบบนี้อยู่นะ แล้วก็เลยวิ่งไปถาม พี่ผู้หญิง ที่อยู่เคาน์เตอร์ข้างๆ ของอีกสายการบิน เห็นว่าเป็นอดีตแอร์ ของ Air Macau แล้วพี่ผู้หญิงคนนี้ก็เลยมาช่วยเช็คให้ โดย
1.เช็คว่ามีการตัดเงินจาก Booking นี้ไปแล้วรึยัง ก็โอเค ตัดไปแล้วตั้งแต่เดือน มกราคม 2558
2.เช็คว่าชื่อ เจ้าของบัตรซึ่งก็คือผม มีชื่ออยู่ในผู้โดยสารที่จะเดินทางหรือไม่ ก็โอเค มี
3.จากนั้น พี่เค้าก็ได้ถามผมว่ามีบัตรเครดิตใบอื่นไหม ผมตอบว่ามีครับ เพราะกรณีผมเห็นว่าสามารถที่จะใช้บัตรเครดิตใบอื่นที่เป็นชื่อผม เพื่อใช้เป็นการการันตีได้ ว่าถ้าสายการบินไม่สามารถเก็บเงินจากใบแรกได้ จะมาเก็บกับใบนี้แทน (จริงๆ ตัดเงินไปแล้วตั้งแต่ มกราคม แต่ จนท A และ B เค้าก็บอกว่าเชื่อไม่ได้เพราะเราไม่มีบัตรมาแสดง)
แล้ว จนท ผู้ชายก็เลยวิ่งไปคุยกับ ผู้จัดการเคาน์เตอร์ให้อีกทีว่า เราสามารถทำกรณีแบบนี้ได้ เค้าจะอนุญาตไหม โอเค ผู้จัดการเคาน์เตอร์อนุญาต ก็เลยได้ ออกตั๋วและได้เดินทางในที่สุด
ก็เลยขอบคุณ จนทผู้ชายมากๆ และ เดินไปยกมือไหว้ขอบคุณ จนท ผู้หญิงที่เป็นอดีตแอร์มาเก๊า ที่เข้ามาช่วยเรา เพราะ ตอนนั้น คิดว่าต้องได้ลากกระเป๋ากลับบ้านกันซะแล้ว เพราะ จนท B ปฏิเสธ ไม่ให้เราเดินทางลูกเดียว เราพยายามอ้อนวอนให้ไปช่วยพูดกับผู้จัดการให้ใหม่หน่อยได้ไหม ไม่มีแนวทางอื่นเลยเหรอ เพราะผมเป็น เจ้าของบัตรมาด้วย(ตอนนั้นคิดว่ามันน่าจะได้นะ) แต่ จนท B ก็ตอบว่าไม่อยากจะไปเซ้าซี้ ผู้จัดการ
ตอนนั้นผมรู้สึกว่าทำไม จนท B เค้าไม่คิดจะช่วยเราเลยแม้แต่นิดเดียวเลย คุยกับ จนท B คือ เห็นหนทางเดียวเลยคือเก็บกระเป๋ากลับบ้าน แต่ก็อย่างว่าแหละมันก็เป็นความผิดผมเองที่ดันไม่เอาบัตรเครดิตมา
สุดท้ายต้องขอขอบคุณ จนท ผู้ชาย คนนี้สำคัญมากๆ เพราะ วิ่งไปวิ่งมา จัดการให้เราได้แบบรวดเร็วมาก
และต้องขอบคุณ จนท ผู้หญิงอดีตแอร์มาเก๊าคนนั้น ที่เหมือนจะกำลังติดสอนงาน จนทของเค้าอยู่ แต่ก็สละเวลามาดูให้ แล้วก็รีบกลับไปทำงานต่อ
ผมซึ้งในน้ำใจของทั้ง 2 ท่านนี้มากครับ
แชร์ประสบการณ์ เกือบไม่ได้เดินทาง เพราะไม่มีบัตรเครดิตที่ใช้ซื้อตั๋วมาแสดง ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน Air Macau
ผมเองทราบเรื่องนี้อยู่แล้วนะครับ แต่มันดันลืมนึกไป เพราะเคยชินกับการเดินทางกับแอร์เอเชีย ที่ไม่ตรวจบัตรเครดิตเวลาเดินทาง และ บัตรที่ใช้จ่ายเงินมันดันเป็นบัตรแอร์เอเชีย-กสิกร ที่เค้าหมดสัญญากันและยกเลิกบัตรนี้ไปแล้ว ก็เลยหยิบออกจากกระเป๋าตังค์
วันที่ 30 ก.ค 2558 เวลาประมาณ 00.40 น. (เป็นคืนของวันที่ 29 นะครับ) ก็มาเช็คอินที่เคาน์เตอร์ของ Air Macau ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อที่จะเดินทางมา ที่มาเก๊า
พอมาถึง เคาน์เตอร์เช็คอิน จนท(A) แจ้งว่าไม่สามารถเช็คอินให้ได้ เพราะผมไม่สามารถแสดงบัตรเครดินที่ใช้ซื้อตั๋วได้ และได้บอกเรื่องนี้กับ จนท(B) และ จนท(B) ได้เดินไปคุยกับ ผจก เคาน์เตอร์ และกลับมาพร้อมคำตอบว่าไม่สามารถให้เราเดินทางได้ ความหวังในการเดินทางเหลือศูนย์ แนะให้เราซื้อตั๋วใหม่ ซึ่งถ้าซื้อวันเดินทางมันแพงอยู่แล้วครับ ตกคนละเกือบสองหมื่น
***เป็น จนท การบินไทยนะครับที่อยู่เคาน์เตอร์เช็คอิน
ผมก็เลยสอบถามว่าถ้าจะเลื่อนตั๋วละได้ไหม จนท(B) ก็แจ้งว่าคุณต้องไปดำเนินการเองผ่านเว็บที่คุณได้จองมาอารมณ์ ตอนนั้นคือสงสัยจะต้องกลับบ้านแล้วละ แต่ผมก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมความสังสัยว่ามันไม่มีวิธีอื่นเลยเหรอ ผมเป็นเจ้าของบัตรนั้นเลย บัตรประชาชนผมก็มี ดูใบแจ้งยอดไหม อยู่ในเมล์ก็มี แต่ จนท(B) ก็ยังยืนยันว่า ไม่สามารถ
และตอนนั้นมีจนทผู้ชาย เหมือนจะเป็นนักศึกษาฝึกงาน หรือ จนทผู้ช่วยรึป่าวไม่แน่ใจนะครับ แต่งตัวเหมือนนักศึกษา เดินเข้ามาตรงนั้น พร้อมกับบอก จนท A และ B ว่ามันเคยมีกรณีแบบนี้อยู่นะ แล้วก็เลยวิ่งไปถาม พี่ผู้หญิง ที่อยู่เคาน์เตอร์ข้างๆ ของอีกสายการบิน เห็นว่าเป็นอดีตแอร์ ของ Air Macau แล้วพี่ผู้หญิงคนนี้ก็เลยมาช่วยเช็คให้ โดย
1.เช็คว่ามีการตัดเงินจาก Booking นี้ไปแล้วรึยัง ก็โอเค ตัดไปแล้วตั้งแต่เดือน มกราคม 2558
2.เช็คว่าชื่อ เจ้าของบัตรซึ่งก็คือผม มีชื่ออยู่ในผู้โดยสารที่จะเดินทางหรือไม่ ก็โอเค มี
3.จากนั้น พี่เค้าก็ได้ถามผมว่ามีบัตรเครดิตใบอื่นไหม ผมตอบว่ามีครับ เพราะกรณีผมเห็นว่าสามารถที่จะใช้บัตรเครดิตใบอื่นที่เป็นชื่อผม เพื่อใช้เป็นการการันตีได้ ว่าถ้าสายการบินไม่สามารถเก็บเงินจากใบแรกได้ จะมาเก็บกับใบนี้แทน (จริงๆ ตัดเงินไปแล้วตั้งแต่ มกราคม แต่ จนท A และ B เค้าก็บอกว่าเชื่อไม่ได้เพราะเราไม่มีบัตรมาแสดง)
แล้ว จนท ผู้ชายก็เลยวิ่งไปคุยกับ ผู้จัดการเคาน์เตอร์ให้อีกทีว่า เราสามารถทำกรณีแบบนี้ได้ เค้าจะอนุญาตไหม โอเค ผู้จัดการเคาน์เตอร์อนุญาต ก็เลยได้ ออกตั๋วและได้เดินทางในที่สุด
ก็เลยขอบคุณ จนทผู้ชายมากๆ และ เดินไปยกมือไหว้ขอบคุณ จนท ผู้หญิงที่เป็นอดีตแอร์มาเก๊า ที่เข้ามาช่วยเรา เพราะ ตอนนั้น คิดว่าต้องได้ลากกระเป๋ากลับบ้านกันซะแล้ว เพราะ จนท B ปฏิเสธ ไม่ให้เราเดินทางลูกเดียว เราพยายามอ้อนวอนให้ไปช่วยพูดกับผู้จัดการให้ใหม่หน่อยได้ไหม ไม่มีแนวทางอื่นเลยเหรอ เพราะผมเป็น เจ้าของบัตรมาด้วย(ตอนนั้นคิดว่ามันน่าจะได้นะ) แต่ จนท B ก็ตอบว่าไม่อยากจะไปเซ้าซี้ ผู้จัดการ
ตอนนั้นผมรู้สึกว่าทำไม จนท B เค้าไม่คิดจะช่วยเราเลยแม้แต่นิดเดียวเลย คุยกับ จนท B คือ เห็นหนทางเดียวเลยคือเก็บกระเป๋ากลับบ้าน แต่ก็อย่างว่าแหละมันก็เป็นความผิดผมเองที่ดันไม่เอาบัตรเครดิตมา
สุดท้ายต้องขอขอบคุณ จนท ผู้ชาย คนนี้สำคัญมากๆ เพราะ วิ่งไปวิ่งมา จัดการให้เราได้แบบรวดเร็วมาก
และต้องขอบคุณ จนท ผู้หญิงอดีตแอร์มาเก๊าคนนั้น ที่เหมือนจะกำลังติดสอนงาน จนทของเค้าอยู่ แต่ก็สละเวลามาดูให้ แล้วก็รีบกลับไปทำงานต่อ
ผมซึ้งในน้ำใจของทั้ง 2 ท่านนี้มากครับ