กลบท “นายโรงลืมกรับ”
๑ ราวสายลมเล่นไล้ล้อไอหมอก
ก่อนเย้าหยอกยอดหญ้าบรรดาสัตว์
แล้วบรรเลงเพลงกล่อมเห่ล้อมชัฏ
ในอ้อมหัตถ์วัฏฏะนิรมิต ฯ
๒ โปรยวัจน์หวานซ่านซึ้งรำพึงพาทย์
พราวพิลาสเรียงร้อยถ้อยลิขิต
วาบหวามไหวไหลหลั่งโถมถั่งฤทธิ์
ร่ายประดิษฐ์คำคมบ่มวาทะ ฯ
๓ อุดมการณ์ผสานใส่ในจารึก
กลั่นสำนึกลงลักษณ์อักขระ
ค่อยแทรกสอดคมคำและธรรมะ
นำสัจจะบรรจุมธุรส ฯ
๔ รำพันโศกแสนโศกดุจโลกราบ
ซ่านกำซาบโฉมช้อยหวานย้อยหยด
พิโรธกร้าวโกรธขึ้งบึ้งประชด
บริบทโดยตลอดต่างสอดรับ ฯ
๕ อุปมาอุปไมยอ้างไตรภพ
โสฬสจบชั้นฟ้ามาประดับ
ร้อยโวหารลีลาคณานับ
รุ้งระยับแผ้ววจีที่สาธก ฯ
๖ สะท้อนบุญสะท้อนกรรมอมตะ
น้อมชนละห่างชั่วกลัวตระหนก
ปรมัตถ์สัจธรรมนำหยิบยก
เสนอถกถ้อยชี้ถ่องศีลวัต ฯ
๗ ใช่เพื่อเลิศลือเลื่องฟูเฟื่องยศ
ทุกหยาดหยดส่องแจ้งแสงจรัส
แห่งพระธรรมอำไพเรืองไตรรัตน์
หวังขจัดโมหันธ์สะบั้นทุกข์ ฯ
วัคคุวัท
[... ปณิธานกวี ...]
๑ ราวสายลมเล่นไล้ล้อไอหมอก
ก่อนเย้าหยอกยอดหญ้าบรรดาสัตว์
แล้วบรรเลงเพลงกล่อมเห่ล้อมชัฏ
ในอ้อมหัตถ์วัฏฏะนิรมิต ฯ
๒ โปรยวัจน์หวานซ่านซึ้งรำพึงพาทย์
พราวพิลาสเรียงร้อยถ้อยลิขิต
วาบหวามไหวไหลหลั่งโถมถั่งฤทธิ์
ร่ายประดิษฐ์คำคมบ่มวาทะ ฯ
๓ อุดมการณ์ผสานใส่ในจารึก
กลั่นสำนึกลงลักษณ์อักขระ
ค่อยแทรกสอดคมคำและธรรมะ
นำสัจจะบรรจุมธุรส ฯ
๔ รำพันโศกแสนโศกดุจโลกราบ
ซ่านกำซาบโฉมช้อยหวานย้อยหยด
พิโรธกร้าวโกรธขึ้งบึ้งประชด
บริบทโดยตลอดต่างสอดรับ ฯ
๕ อุปมาอุปไมยอ้างไตรภพ
โสฬสจบชั้นฟ้ามาประดับ
ร้อยโวหารลีลาคณานับ
รุ้งระยับแผ้ววจีที่สาธก ฯ
๖ สะท้อนบุญสะท้อนกรรมอมตะ
น้อมชนละห่างชั่วกลัวตระหนก
ปรมัตถ์สัจธรรมนำหยิบยก
เสนอถกถ้อยชี้ถ่องศีลวัต ฯ
๗ ใช่เพื่อเลิศลือเลื่องฟูเฟื่องยศ
ทุกหยาดหยดส่องแจ้งแสงจรัส
แห่งพระธรรมอำไพเรืองไตรรัตน์
หวังขจัดโมหันธ์สะบั้นทุกข์ ฯ
วัคคุวัท