สวัสดีค่ะ ʕ♡˙ᴥ˙♡ʔ
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าจขกท.ได้ติดตามกระทู้รีวิวท่องเที่ยวในพันทิพย์มานานมาก แชร์ในเฟสบุ้คจนชาวบ้านเอือมระอาไปหมด วันนี้ได้มีโอกาสมาเขียนของตัวเองแล้ว ตื่นเต้นจัง แหะๆ

เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า... จขกท.อยากไปเที่ยวทะเล แล้วมันมีโปรของสายการบิน thai lion มาพอดี รีบชวนเพื่อนแก๊งตะลุยจักรวาล ตัดสินใจจองปุ๊ปปั๊ป ตอนจองก็ลืมคิดนะ กูมีแต่ตังค์ค่าตั๋วแต่ไม่มีตังค์ไปเที่ยวนิหว่า

อดข้าวอดน้ำไปหลายอาทิตย์เก็บตังค์ไปเที่ยวค่ะ เราใช้เวลาที่กระบี่เป็นเวลาทั้งหมด 3 วัน 2 คืน ค่าเสียหายก็ประมาณ 38 ล้านบาทค่ะ หลอกเล่นนะคะ

แต่จขกท.เป็นคนเด๋อชอบทำของพังค่ะ ใช้อะไรไม่มีไม่พังพังทุกอย่าง กลับมาต้องเสียค่าซ่อมอีก ตลกไปกันใหญ่
การเดินทางครั้งนี้มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 5 คนค่ะ เรานัดเจอกันที่สนามบินดอนเมือง เวลาตี 4 ครึ่งค่ะ แต่แน่นอนค่ะ จขกท.ไปสายยยยย เพราะมัวแต่ติดขนตาปลอมค่ะ -..- ถึงสนามบินเช็คอินอะไรเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นไปหลับบนเครื่องค่ะ
Day 1
เมื่อถึงสนามบินก็งงอยู่นานค่ะว่าจะไปไหนดี จะเช่ารถก็ไม่มีใบขับขี่ แล้วถ้าเช่าที่สนามบินต้องเอามาคืนที่สนามบินด้วย คิดว่าคงไม่สะดวกเพราะพักกันที่อ่าวนาง เราเลยโทรเช่ารถตู้จากที่พักให้มารับค่ะ รถตู้ใหญ่สบายมากกกกกก นั่งคุยกันเพลินๆ ก็ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีมาถึงอ่าวนางค่ะ เราพักที่
White sand resort คือพวกเรามาถึงกันเช้าไปค่ะ ยังเช็คอินเข้าที่พักไม่ได้เลยหาอะไรกินไปพลางๆระหว่างรอ กินนู่นนิดนี่หน่อย ไปๆมาๆพุงป่องมากค่ะ T^T
เช็คอินเข้าที่พักบ่ายโมง ก็ตกลงกับเพื่อนๆว่าจะเจอกันตอนบ่ายสามโมงครึ่ง เดี๋ยวไปเดินเล่นกัน เข้าห้องไปก็เปลี่ยนชุดเตรียมเล่นน้ำเต็มที่มากกกก

เมื่อถึงเวลานัดหมายพวกเราก็เดินเล่นกันไปจนถึงชาดหาดอ่าวนาง ใช้เวลาจากที่พักประมาณ 10-15 นาที ถ้าไม่แวะทุกมินิมาร์ทแบบเรานะคะ

แต่พอเดินไปถึงหาดพบว่าเล่นน้ำแทบไม่ได้ ไม่ได้สวยอย่างที่คิดไว้เท่าไหร่ แอบเสียใจ(ไม่)เล็ก เดินเล่นกันอยู่สักพักก็เดินกลับที่พัก กลับมาถึงไฟดับค่ะ

ให้ตายเหอะ!! ร้อนยิ่งกว่านรกแล้วไฟยังดับอีก กระโดดลงน้ำสระเลยค่ะไม่คิดอะไรแล้ว (สรุปแต่งตัวมาเต็มมากเพื่อเล่นน้ำสระ )
ตกเย็น(หกโมงครึ่งเกือบทุ่ม) เรากับเพื่อนๆก็ตกลงกันว่าจะเช่ามอไซค์ขับไปในตัวเมืองกันค่ะ พวกเราเช่ามอไซค์ทั้งหมด 3 คน เราเป็นคนซ้อนเพื่อนผญอีกคนเป็นคนขับ แวะเติมน้ำมัน+ถามทางนิดหน่อย สรุปว่าใช้ google map ค่ะ เสิร์ชว่า krabi town คันเรานำเพราะเราเป็นคนเปิดแมพ ขับเรียงกันสามคันเป็นเส้นตรงน่าร้ากกก ขับไปได้สัก 5-6 กิโลไฟทางเริ่มหายไป มืดมากกกกกกกกกกกก(ก.ไก่พันห้าล้านตัว) เรากลัวมากนั่งสวดมนต์ในใจ ระหว่างทางมีรถสวนมานิดหน่อย เพื่อนเราขับช้ามากเพราะเรากลัว(นี่เลือกไม่ถูกเลยจะกลัวอุบัติเหตุ กลัวผี หรือกลัวคนดี สับสนไปหมด T^T) ขับไปประมาณ 15-16 กิโลจากปั๊มก็ถึงเมืองกระบี่แล้วค่ะ (จะเห็นรูปปั้นเยอะๆ) เจอคุณป้าเลยแวะถามทางอีกนิดหน่อย
ป้า : มาจากไหนเนี่ยหนู
เรา : มาจากอ่าวนางค่ะ ในเมืองมีไรให้เที่ยวไหมคะ
ป้า : (หน้าตาตกใจมาก) ทำไมไม่เที่ยวอ่าวนางละป้าว่าอ่าวนางมีอะไรเยอะกว่า ที่นี่มีแต่ถนนคนเดิน สี่ห้าทุ่มก็ปิดแล้ว
เรา : (คิดในใจ กูนั่งมอไซค์มาสิบกว่าโลบุกป่าฝ่าดงมาเพื่อมาเดินแค่ถนนคนเดิน) จ้ะป้า ขอบคุณนะคะ
พวกเราขับตามป้าไปจนถึงถนนคนเดิน แวะเดินเล่นหาอะไรกินสักพักสามทุ่มครึ่งก็กลับแล้วเพราะกลัวว่าจะดึกเกินไป ถามทางแผนที่ขากลับจากร้านอาหารเรียบร้อยก็พร้อมออกเดินทาง(จะไม่ใช้เส้นทางเดินแน่นอนนนนน)
มันพีคตรงนี้แหละ
ขากลับเพื่อนๆรู้ทางก็เลยขับนำไป พวกมันแก๊งนักบิดขับเร็วมาก มอไซค์นิ้งหน่องของเราตามไปไม่ทัน สุดท้ายก็เหลือกันแค่สองคนเดียวดาย พอไปถึงแยก มันมีเขียนป้ายอ่าวนางตรงไป กับ อ่าวนางเลี้ยวซ้าย แต่เราจำได้ถ้าตรงไปจะเป็นทางเก่าแน่นอน เพื่อนเลยเลี้ยวซ้าย พอเลี้ยวเท่านั้นแหละ รู้เรื่อง มืดกว่าเดิมมมเปลี่ยวกว่าเดิม มีคันเรากับคันหน้าแค่สองคัน ไฟทางก็แทบไม่มี(กรูนี่หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ) นี่ก็เริ่มสวดมนต์คือเงียบตลอดทางกลัวมากๆๆๆๆๆๆ พออีกคันหายไปเหลือแค่คันเราในถนนเปลี่ยวๆนี่นึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่เลยกลัวมากกกกกกกกกกที่สุดในชีวิต กลัวจะเจอผีกลัวรถที่สวนมาจะมองไม่เห็นกลัวคนด้วยสารพัดไปหมด ไม่กล้าชวนเพื่อนคุยกลัวมันเสียสมาธิ บรรยากาศวังเวงมากกกก(ตกลงตั้งกระทู้รีวิวท่องเที่ยวหรือเล่าเรื่องสยองขวัญ ชักงง- -) กลัวจนขานี่สั่นพับๆ น้ำตาคลอเบ้า นี่กรูมาทำอะไรตรงนี้กลับบ้านได้ไหมให้ป๊ามารับหน่อย แต่สุดท้ายเพื่อนหญิงผู้กล้าหาญของเราก็พามาถึงอ่าวนางจนได้ ปลื้มปริ่มน้ำตาแทบไหล
**สรุปได้ว่าสองทางที่แยกกันมันจะไปโผล่กันคนละที่ ทางของเราสั้นกว่าของเพื่อนนิดหน่อย แต่น่ากลัวทั้งคู่ อย่าขับไปเลย อยู่อ่าวนางก็สนุกได้

พอถึงแถวถนนหน้าหาด มีพวกบาร์เยอะมากๆ ฝรั่งก็เยอะพอสมควร พวกเราตัดสินใจไปกันที่
ช้างบาร์(chang bar) เพลงนี่นึกว่าอยู่ทองหล่อเลย ที่นี่คนจะเริ่มเยอะประมาณ ห้าทุ่มสี่สิบห้าถึงเที่ยงคืน พวกเรานั่งดื่มกันนิดหน่อยจนเวลาล่วงไปตีหนึ่งตีสองก็กลับที่พัก ระหว่างทางกลับแน่นอนแวะซื้อของกินจุบจิ้บ พุงป่องหนักมากกกกกกกก ถึงที่พักไม่อาบน้ำแล้วขอนอนเลยละกัน เปลี่ยนชุดนอนห้อยพระ ตั้งนาฬิกาปลุกหลับปุ๋ยเลย
Day 2
ตอนเช้านาฬิกาปลุกของเราดัง แต่เราไม่ตื่น เพื่อนดันตื่นแทน

กว่าจะลุกกันก็เจ็ดโมงกว่าแล้ว (รถจะมารับไปเที่ยวตอน 8 โมง) รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วฝนก็ดันตกหนักมากกกก แต่รถก็สู้ขับมารับพวกเราไปจนได้ ระหว่างขึ้นรถมีน้ำท่วมและไหลแรงมาก

เราสูญเสียรองเท้าแตะไป 1 ข้าง เหมือนน้ำพัดไปสามกิโลในสามวิอะไรแบบนี้เลย

รถแวะรับคนอีกนิดหน่อย ไปถึงก็รอขึ้นเรือ นานมากกกกกกกก ระหว่างรอเพื่อนเราแวะไปซื้อรองเท้าแตะคู่ใหม่ให้มันบอกนุ่มมากคุณภาพดี๊ดี

เราจองทัวร์ one day trip แบบ 4 เกาะเรือหางยาวนิ้งหน่องแวะชมวิวทิวทัศน์ แต่สรุปเรือเสีย ได้ใช้สปีทโบ้ทแทน(ในราคาเท่าเดิม

) เราขึ้นเรือเป็นคนท้ายๆได้นั่งตรงหัวเรือ แดดแรงไม่เท่าไหร่ ตอนเรือออกแล้วคลื่นกระแทก เครื่องในทุกอย่างแทบจะไหลรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
เกาะแรกที่เราแวะคือ
เกาะปอดะ ค่ะที่นี่สวยมากน้ำใส(มีที่ให้ได้เล่นแต่เราไม่ได้เล่นนะคะ) เราแวะถ่ายรูปนิดหน่อย แดดร้อนรุนแรงพร้อมจะแผดเผามากค่ะ

ใช้เวลาอยู่บนเกาะประมาณ 1 ชั่วโมง
นั่งเรือต่อไปที่
ทะเลแหวก ค่ะ แต่วันที่เราไปมันไม่แหวกง่าาา เราเวียนหัวมากกกกเพราะนั่งข้างหน้าแล้วมันกระแทกแรงมากอ้วกไปรอบนึก ไส้กรอกเมื่อคืนออกมาเต็มๆเลยคะ

เราแวะกินข้าวกันตรงนี้กับข้าวก็อร่อยใช้ได้นะคะ(ผัดผัก กับ ไก่ผัดพริก)
จากนั้นเราก็ได้ดำน้ำกันที่
เกาะไก่ สีน้ำทะเลสวยมากกเขียวๆ มีน้องปลานิดนิดหน่อยถึงปานกลาง แต่หอยเม่นเยอะมาก จบที่สุดท้ายคือ
ไร่เลย์ กับถ้ำพระนาง (เขาว่ากันว่าขอเรื่องความรักแล้วจะสมหวัง นี่ก็รีบขอสิคะรอไรละ55555) ที่นี่เราประทับใจมากกกก สวยมากกกกก ต้องมาให้ได้สักครั้งในชีวิต ชอบบบบมีปีนผาด้วยแต่เราไม่ได้ปีนนน เดินในน้ำไปนิดหน่อยจะมีเหมือนคล้ายๆถ้ำน่าถ่ายรูปมากกกก ควรเอา go pro ไปอย่างแรงเพราะถ้าเอากล้องที่ไม่มีเคสไปต้องพังแน่นอน ที่นี่ฝรั่งเยอะมากกกกก(กว่าทุกที่ที่ผ่านมา)
{ไม่มีรูปที่ไร่เลย์เลย ไม่ได้เอากล้องกับโทรศัพท์ลงไป

}
หลังจากไปเที่ยวเกาะเราก็กลับถึงที่พักประมาณสี่โมงเย็น อาบน้ำแต่งตัวไปกินอาหารเย็นที่ร้าน
วังทราย เป็นร้านอาหารริมทะเล(ทะเลก็เฉยๆนะ ไม่ได้สวยไรมาก คหสต. แต่ว่ามองเห็นพระอาทิตย์ตกดิน) ตอนแรกว่าจะกินโรตีต่อ

แต่อิ่มมากกกกกกกกกินข้าวไปแค่ครึ่งจานแต่อิ่มสุดๆ กินเสร็จก็กลับไปที่พัก เรามอไซค์ไปคืน

ตอนแรกตกลงกับเพื่อนว่าจะเช่าต่ออีกวันแต่คิดไปคิดมาไม่คุ้มเท่าไหร่เพราะแถวอ่าวนางมันเดินถึงกันได้ไม่ได้ไกลกันมาก มีเวลาขับอีกแค่ครึ่งวันเอง เดินออกกำลังกายกันบ้างจะได้ผอมๆ
{ไหนบอกอิ่มมากไง

}
สุดท้ายของวันนี้.... แน่นอนค่ะ


จบที่ช้างบาร์เหมือนเดิมเพราะไม่รู้จะไปไหน วันนี้เกย์กับกระเทยเยอะมากกกก อดเจอฝรั่งหล่ออออๆเลย แต่พี่กระเทยที่ร้านนิสัยดีมากกกกกกกสวยด้วย ตัวเล็กจนนึกว่าเป็นผญเลยแหละ วันนี้ดื่มกันหนักมากไม่เมาไม่เลิก ตีสามเดินจากร้านมานั่งเล่นที่หาด เริ่มพูดกันไม่รู้เรื่องเดินเซแล้ว แปลกใจนิดหน่อยเพราะที่นี่เงียบกว่าที่คิดไว้มากกถ้าเทียบกับพวกพัทยาอะไรแบบนี้คนละเรื่องเลยแหะ เดินกลับที่พักจะสเต็ปเดินเลยล้างหน้าแปรงฟันแล้วนอนนอิอิ
⁝⁞⁝⁞ʕु•̫͡•ʔु☂⁝⁞⁝⁝Slow life @Krabi⁝⁞⁝⁞ʕु-̫͡-ʔु”♬⁝⁞⁝⁝
เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า... จขกท.อยากไปเที่ยวทะเล แล้วมันมีโปรของสายการบิน thai lion มาพอดี รีบชวนเพื่อนแก๊งตะลุยจักรวาล ตัดสินใจจองปุ๊ปปั๊ป ตอนจองก็ลืมคิดนะ กูมีแต่ตังค์ค่าตั๋วแต่ไม่มีตังค์ไปเที่ยวนิหว่า
การเดินทางครั้งนี้มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 5 คนค่ะ เรานัดเจอกันที่สนามบินดอนเมือง เวลาตี 4 ครึ่งค่ะ แต่แน่นอนค่ะ จขกท.ไปสายยยยย เพราะมัวแต่ติดขนตาปลอมค่ะ -..- ถึงสนามบินเช็คอินอะไรเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นไปหลับบนเครื่องค่ะ
Day 1
เมื่อถึงสนามบินก็งงอยู่นานค่ะว่าจะไปไหนดี จะเช่ารถก็ไม่มีใบขับขี่ แล้วถ้าเช่าที่สนามบินต้องเอามาคืนที่สนามบินด้วย คิดว่าคงไม่สะดวกเพราะพักกันที่อ่าวนาง เราเลยโทรเช่ารถตู้จากที่พักให้มารับค่ะ รถตู้ใหญ่สบายมากกกกกก นั่งคุยกันเพลินๆ ก็ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีมาถึงอ่าวนางค่ะ เราพักที่ White sand resort คือพวกเรามาถึงกันเช้าไปค่ะ ยังเช็คอินเข้าที่พักไม่ได้เลยหาอะไรกินไปพลางๆระหว่างรอ กินนู่นนิดนี่หน่อย ไปๆมาๆพุงป่องมากค่ะ T^T
เช็คอินเข้าที่พักบ่ายโมง ก็ตกลงกับเพื่อนๆว่าจะเจอกันตอนบ่ายสามโมงครึ่ง เดี๋ยวไปเดินเล่นกัน เข้าห้องไปก็เปลี่ยนชุดเตรียมเล่นน้ำเต็มที่มากกกก
ตกเย็น(หกโมงครึ่งเกือบทุ่ม) เรากับเพื่อนๆก็ตกลงกันว่าจะเช่ามอไซค์ขับไปในตัวเมืองกันค่ะ พวกเราเช่ามอไซค์ทั้งหมด 3 คน เราเป็นคนซ้อนเพื่อนผญอีกคนเป็นคนขับ แวะเติมน้ำมัน+ถามทางนิดหน่อย สรุปว่าใช้ google map ค่ะ เสิร์ชว่า krabi town คันเรานำเพราะเราเป็นคนเปิดแมพ ขับเรียงกันสามคันเป็นเส้นตรงน่าร้ากกก ขับไปได้สัก 5-6 กิโลไฟทางเริ่มหายไป มืดมากกกกกกกกกกกก(ก.ไก่พันห้าล้านตัว) เรากลัวมากนั่งสวดมนต์ในใจ ระหว่างทางมีรถสวนมานิดหน่อย เพื่อนเราขับช้ามากเพราะเรากลัว(นี่เลือกไม่ถูกเลยจะกลัวอุบัติเหตุ กลัวผี หรือกลัวคนดี สับสนไปหมด T^T) ขับไปประมาณ 15-16 กิโลจากปั๊มก็ถึงเมืองกระบี่แล้วค่ะ (จะเห็นรูปปั้นเยอะๆ) เจอคุณป้าเลยแวะถามทางอีกนิดหน่อย
ป้า : มาจากไหนเนี่ยหนู
เรา : มาจากอ่าวนางค่ะ ในเมืองมีไรให้เที่ยวไหมคะ
ป้า : (หน้าตาตกใจมาก) ทำไมไม่เที่ยวอ่าวนางละป้าว่าอ่าวนางมีอะไรเยอะกว่า ที่นี่มีแต่ถนนคนเดิน สี่ห้าทุ่มก็ปิดแล้ว
เรา : (คิดในใจ กูนั่งมอไซค์มาสิบกว่าโลบุกป่าฝ่าดงมาเพื่อมาเดินแค่ถนนคนเดิน) จ้ะป้า ขอบคุณนะคะ
พวกเราขับตามป้าไปจนถึงถนนคนเดิน แวะเดินเล่นหาอะไรกินสักพักสามทุ่มครึ่งก็กลับแล้วเพราะกลัวว่าจะดึกเกินไป ถามทางแผนที่ขากลับจากร้านอาหารเรียบร้อยก็พร้อมออกเดินทาง(จะไม่ใช้เส้นทางเดินแน่นอนนนนน) มันพีคตรงนี้แหละ
ขากลับเพื่อนๆรู้ทางก็เลยขับนำไป พวกมันแก๊งนักบิดขับเร็วมาก มอไซค์นิ้งหน่องของเราตามไปไม่ทัน สุดท้ายก็เหลือกันแค่สองคนเดียวดาย พอไปถึงแยก มันมีเขียนป้ายอ่าวนางตรงไป กับ อ่าวนางเลี้ยวซ้าย แต่เราจำได้ถ้าตรงไปจะเป็นทางเก่าแน่นอน เพื่อนเลยเลี้ยวซ้าย พอเลี้ยวเท่านั้นแหละ รู้เรื่อง มืดกว่าเดิมมมเปลี่ยวกว่าเดิม มีคันเรากับคันหน้าแค่สองคัน ไฟทางก็แทบไม่มี(กรูนี่หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ) นี่ก็เริ่มสวดมนต์คือเงียบตลอดทางกลัวมากๆๆๆๆๆๆ พออีกคันหายไปเหลือแค่คันเราในถนนเปลี่ยวๆนี่นึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่เลยกลัวมากกกกกกกกกกที่สุดในชีวิต กลัวจะเจอผีกลัวรถที่สวนมาจะมองไม่เห็นกลัวคนด้วยสารพัดไปหมด ไม่กล้าชวนเพื่อนคุยกลัวมันเสียสมาธิ บรรยากาศวังเวงมากกกก(ตกลงตั้งกระทู้รีวิวท่องเที่ยวหรือเล่าเรื่องสยองขวัญ ชักงง- -) กลัวจนขานี่สั่นพับๆ น้ำตาคลอเบ้า นี่กรูมาทำอะไรตรงนี้กลับบ้านได้ไหมให้ป๊ามารับหน่อย แต่สุดท้ายเพื่อนหญิงผู้กล้าหาญของเราก็พามาถึงอ่าวนางจนได้ ปลื้มปริ่มน้ำตาแทบไหล
**สรุปได้ว่าสองทางที่แยกกันมันจะไปโผล่กันคนละที่ ทางของเราสั้นกว่าของเพื่อนนิดหน่อย แต่น่ากลัวทั้งคู่ อย่าขับไปเลย อยู่อ่าวนางก็สนุกได้
พอถึงแถวถนนหน้าหาด มีพวกบาร์เยอะมากๆ ฝรั่งก็เยอะพอสมควร พวกเราตัดสินใจไปกันที่ ช้างบาร์(chang bar) เพลงนี่นึกว่าอยู่ทองหล่อเลย ที่นี่คนจะเริ่มเยอะประมาณ ห้าทุ่มสี่สิบห้าถึงเที่ยงคืน พวกเรานั่งดื่มกันนิดหน่อยจนเวลาล่วงไปตีหนึ่งตีสองก็กลับที่พัก ระหว่างทางกลับแน่นอนแวะซื้อของกินจุบจิ้บ พุงป่องหนักมากกกกกกกก ถึงที่พักไม่อาบน้ำแล้วขอนอนเลยละกัน เปลี่ยนชุดนอนห้อยพระ ตั้งนาฬิกาปลุกหลับปุ๋ยเลย
Day 2
ตอนเช้านาฬิกาปลุกของเราดัง แต่เราไม่ตื่น เพื่อนดันตื่นแทน
เกาะแรกที่เราแวะคือ เกาะปอดะ ค่ะที่นี่สวยมากน้ำใส(มีที่ให้ได้เล่นแต่เราไม่ได้เล่นนะคะ) เราแวะถ่ายรูปนิดหน่อย แดดร้อนรุนแรงพร้อมจะแผดเผามากค่ะ
นั่งเรือต่อไปที่ ทะเลแหวก ค่ะ แต่วันที่เราไปมันไม่แหวกง่าาา เราเวียนหัวมากกกกเพราะนั่งข้างหน้าแล้วมันกระแทกแรงมากอ้วกไปรอบนึก ไส้กรอกเมื่อคืนออกมาเต็มๆเลยคะ
จากนั้นเราก็ได้ดำน้ำกันที่ เกาะไก่ สีน้ำทะเลสวยมากกเขียวๆ มีน้องปลานิดนิดหน่อยถึงปานกลาง แต่หอยเม่นเยอะมาก จบที่สุดท้ายคือ ไร่เลย์ กับถ้ำพระนาง (เขาว่ากันว่าขอเรื่องความรักแล้วจะสมหวัง นี่ก็รีบขอสิคะรอไรละ55555) ที่นี่เราประทับใจมากกกก สวยมากกกกก ต้องมาให้ได้สักครั้งในชีวิต ชอบบบบมีปีนผาด้วยแต่เราไม่ได้ปีนนน เดินในน้ำไปนิดหน่อยจะมีเหมือนคล้ายๆถ้ำน่าถ่ายรูปมากกกก ควรเอา go pro ไปอย่างแรงเพราะถ้าเอากล้องที่ไม่มีเคสไปต้องพังแน่นอน ที่นี่ฝรั่งเยอะมากกกกก(กว่าทุกที่ที่ผ่านมา)
หลังจากไปเที่ยวเกาะเราก็กลับถึงที่พักประมาณสี่โมงเย็น อาบน้ำแต่งตัวไปกินอาหารเย็นที่ร้าน วังทราย เป็นร้านอาหารริมทะเล(ทะเลก็เฉยๆนะ ไม่ได้สวยไรมาก คหสต. แต่ว่ามองเห็นพระอาทิตย์ตกดิน) ตอนแรกว่าจะกินโรตีต่อ
สุดท้ายของวันนี้.... แน่นอนค่ะ
จบที่ช้างบาร์เหมือนเดิมเพราะไม่รู้จะไปไหน วันนี้เกย์กับกระเทยเยอะมากกกก อดเจอฝรั่งหล่ออออๆเลย แต่พี่กระเทยที่ร้านนิสัยดีมากกกกกกกสวยด้วย ตัวเล็กจนนึกว่าเป็นผญเลยแหละ วันนี้ดื่มกันหนักมากไม่เมาไม่เลิก ตีสามเดินจากร้านมานั่งเล่นที่หาด เริ่มพูดกันไม่รู้เรื่องเดินเซแล้ว แปลกใจนิดหน่อยเพราะที่นี่เงียบกว่าที่คิดไว้มากกถ้าเทียบกับพวกพัทยาอะไรแบบนี้คนละเรื่องเลยแหะ เดินกลับที่พักจะสเต็ปเดินเลยล้างหน้าแปรงฟันแล้วนอนนอิอิ