คนแรกในรั้วมหาวิทยาลัย ทั้งที่ความรักไม่ผิด แต่ผิดที่หยุดผิดคน .... (1)

นี่เป็นกระทู้แรกของผมครับ ถ้าหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ เรื่องที่ผมจะนำมาเล่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักของผม ตัวละครในเรื่องของผมก็คงไม่พ้นชายรักชาย เรื่องมันเริ่มจากผมเป็นเฟรชชี่ในมหาลัยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือและได้เริ่มรู้จักรุ่นพี่ที่ผมชอบ ตลอดเวลา 1 ปีที่ผมทุ่มเทให้กับคนๆนี้ ความเสียใจจากความรักครั้งนี้ทำให้ผมไม่อยากจะหยุดที่ใครอีกแล้วครับ
ผมขอใช้นามสมมุติว่า โอ นะครับผมศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ในการใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1ของผมที่ผ่านมา  ก็มีคนเริ่มเข้ามาในชีวิตของผมอยู่เรื่อยๆ เข้ามาคุย เข้ามาทัก ไม่ว่าจะเป็น ทางแชทเฟสบ้าง ทางไลน์บ้าง เพื่อแอดมาคุย ผมก็ไม่ได้หน้าตาดีมากหรอกนะครับแต่อาจจะเพราะด้วยความที่เป็นคนเฟรนลี่ ก็เลยมีคนเข้าหาเยอะ ผมก็เรียนไป ทำกิจกรรมไป และมาเริ่มเที่ยวตอนเทอม 2 หลังจากที่เริ่มปรับตัวเข้ากับสังคมที่มหาลัยได้แล้ว ก็จะขอเริ่มเรื่องราวที่เกี่ยวกับความรักของเรา

เริ่มตั้งแต่ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2557 คือ ผมเห็นโพสต์พี่คนนึงที่ผมรู้จัก พี่เขาชื่อพี่ T(นามสมมุติ)  พี่ทีไปคอมเม้นรูปของพี่ที่ผมรู้จัก ผมก็เข้าไปดูเฟสพี่ที ผมเห็นว่าน่ารักดี ผมเลยแอดไปครับ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น พี่เค้าก็ตอบรับเฟสผมเป็นเพื่อน และก็ส่งสติกเกอร์รูปยิ้มมาในแชทเฟสของผม ตอนนั้นผมรู้สึกเขินมาก เพราะพี่เค้าค่อนข้างหน้าตาดี น่ารัก ขาวๆ ตี๋ๆ หน่อย แถมพี่เขายังเป็นที่รู้จักในมหาวิทยาลัยอีกด้วยผมก็เริ่มที่จะคุยกับพี่เค้าเรื่อยๆ เริ่มจากถามชื่อ ถามเรียนคณะอะไร เรียนปีไหน และพี่เค้าก็ถามว่า อยู่หออะไร (ตอนนั้นผมรู้สึกเขินมาก) ผมก็เลยตอบไปว่าอยู่หอตรงนี้ตรงนี้นะ ผมก็เลยลองถามเล่นๆว่าจะมาหาหรอ แต่พี่เค้าก็กลับหายไปเกือบครึ่งชั่วโมงได้เลย ตอนนั้นผมก็รู้สึกโกรธนิดนึงที่อยู่ๆก็หายไปซะงั้น แต่พี่เขาตอบกลับมาก็แอบทำให้ผมอึ้ง พี่เขาถามกลับมาว่าถามอีก “ว่าอยู่หอไรนะ ลืมมม กำลังไป!!!”ผมคิดว่าเขาล้อเล่นซะอีก ผมเลยบอกชื่อหอของผมไปอีกทีผ่านไปประมาณ 10 นาที พี่เค้าก็ทักมาอีก บอกว่า อยู่หน้าหอแล้ว ตอนนั้นผมตกใจมาก ไม่รู้จะทำตัวยังไง ไม่คิดว่าจะมาจริง ผมออกไปดูตรงระเบียบก็ไม่เห็นอะไร เลยโทรหาพี่เค้า พี่เค้าบอกให้ผมลงไปหา ตอนนั้นก็เกือบ 4 ทุ่มแล้ว ผมเลยลงไปหาพี่เค้าข้างล่าง พี่เค้านั่งอยู่บนรถมอไซต์ที่หน้าหอ ผมเห็นก็เลยพามานั่งที่ม้าหินอ่อนข้างหอ แล้วก็นั่งคุยกันไม่คิดว่าจะมาหาจริงขนาดนี้ ก็ผมคุยกันไปเรื่อย คุยเรื่องในมอ เรื่องเรียน สังคม และหลายเรื่อง คุยกันจนเพลินดูเวลาอีกทีก็เกือบตีหนึ่งแล้ว ผมเลยบอกว่า “งั้นผมไปหลับก่อนนะ”ผมก็พูดต่อไปอีกว่า “มานอนด้วยไหม”(ผมก็พูดเล่นๆ ตามประสาคนขี้เล่น อิอิ) พี่เค้าก็บอกว่า“โอเค” (คือพี่เค้าตอบกลับแบบไวมาก)แล้วพี่เค้าก็ไปอาบน้ำที่หอพี่เค้าก่อน แล้วค่อยกลับมานอนที่หอผมพอตื่นเช้ามาเราก็เริ่มที่จะไปกินข้าวด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ไปรับไปส่งตอนเรียน ไปรอพี่เค้าที่สนามวอลเล่ตลอด (พี่เค้าเป็นนักวอลเล่บอลมหาลัย) เรามีเวลาคุยกันจริงๆ ก็แค่ตอนเย็นเท่านั้น ส่วนตอนกลางคืนพี่เค้าชอบออกไปร้านเหล้า ซึ่งผมยังเด็ก ไม่ชอบเที่ยวกลางคืนสักเท่าไหร่ หลังจากผ่านไปสักพัก ผมก็ลองถามว่า “แต่งงานกันในเฟสไหม” พี่เค้าก็ตอบกลับมาแบบเร็วมากว่า“ก็ได้แต่งกัน”ผมก็ขึ้นแต่งงานเพราะตอนนั้นผมคิดว่าอยากจะหยุดกับพี่เค้าคนนี้ เพราะผมอยากจะพอแล้ว คุยกับคนหลายๆคนบางทีมันก็เบื่อ ไม่อยากทำให้คนอื่นต้องหวังและเสียใจกับผม ผมเลยอยากจะหยุดที่เขาคนเดียว เพราะผมรู้สึกชอบเขามากขึ้นเรื่อยๆ ผมคิดว่าการแต่งงานบนเฟสน่าจะเป็นทางที่ดีสำหรับเรา และพี่เขาก็เป็นคนที่มีคนเข้าหาเยอะ ถ้าขึ้นเสตตัส น่าจะเป็นการบอกคนอื่นอีกทางนัยหนึ่งว่า นี้คนของผมนะ อย่ามายุ่งกับคนของผม แต่พอแต่งงานในเฟสไประยะหนึ่งแล้ว จากที่คิดว่าน่าจะมีแต่คนมาแสดงความยินดีบางคนกลับบอกว่า “คิดดีดีนะ ถ้าจะคบกับคนนี้”ตอนนั้นผมกำลังอินเลิฟ โลกเป็นสีชมพู่ เหมือนคนตาบอดมองอะไรก็สวยงามไปหมด ผมก็พยายามไม่คิดอะไรมากนัก เพราะผมเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมต้องยอมรับมันให้ได้ “จำไว้ จำคำนี้เอาไว้จำไว้”ผมบอกกับตัวเองแบบนี้เรื่อยมา

หลังจากที่ชีวิตเฟรชชี่จบลง ช่วงปิดเทอม ผมตัดสินใจที่ย้ายหอ ออกไปอยู่หอนอก เพราะหอเก่าผมไม่โอเคตรงนี้มันเป็นจุดเริ่มต้นของการทะเลาะกัน และการเปลี่ยนแปลง เพราะหอเก่านั้นพี่เค้ายังไม่ได้มายุ่งวุ่นวายเพราะช่วงนั้นก็ยังไม่ได้รู้จักกันมาก เขาแค่แวะมาเยี่ยม มาเที่ยวหาเฉยๆ แต่พอย้ายมาหอใหม่ เรื่องที่ผมเจอคือเรื่องปัญหาค่าใช้จ่าย ตอนแรกพี่เค้าบอกว่าจะหางานทำและจะช่วยจ่ายค่าหอครึ่งหนึ่ง (เพราะพี่เค้าพึ่งจบปี 4 รับปริญญาปีหน้า) แต่ตอนนั้นผมคิดว่าไม่เป็นไรหรอกมั้ง คงไม่ได้มาอยู่นานอะไร อยู่ด้วยกันก็ได้  แต่พอผ่านไปสักพักเขากลับอยู่แบบยึดเป็นหอตัวเองเลย  และพอพอบิลรอบเดือนมา เค้าก็ไม่พูดอะไรเลย มากไปกว่านั้นเวลาไปเที่ยวผมมาออกค่าเหล้าให้อีก ซึ่งผมเป็นคนไม่กินเหล้าเยอะ ก็กินพอเป็นพิธี แต่ต้องออกให้เขาทั้งนั้นซึ่งเขาก็เหมือนเดิมเดี๋ยวพี่คืนให้นะ(คือก็ยังไม่คืนเงินผม)

หลังจากที่รู้จักกันมากขึ้น ก็ยิ่งทะเลาะกันทุกวัน ผมร้องไห้ทุกวัน แทบไม่มีวันไหนที่ผมไม่ร้องไห้เลย จากการเอาแต่ใจของพี่เค้า เรื่องเล็กๆน้อยๆ ก็เอามาทะเลาะได้ ผมตามอารมณ์พี่เค้าไม่ถูกเลย   ในแต่ละครั้งที่ทะเลาะกัน ผมถูกมองว่าเป็นคนผิดตลอด เวลาไปเที่ยวกลางคืน พี่เค้าก็ชวนผมไปนะ ผมก็ไปทุกครั้งเพื่อว่าจะได้ไม่เป็นห่วงมาก คือ ผมเป็นห่วงเขาตลอด เพราะห้ามไปยังไงก็ไม่ฟังหรอก ทุกๆวันทะเลาะกันทุกครั้งผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรผิด ผมได้แต่ถามตัวเองตลอดว่าผม “ผมผิดหรอ” นั่งร้องไห้อยู่คนเดียว แล้วพี่เค้าก็จะหายไปอยู่กับเพื่อน ไม่รับสาย ตอนแรกๆก็ทะเลาะกันเบาๆเนี่ยแหละ น้อยใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่พอเริ่มอยู่ๆกันไปพี่เขาก็เริ่มออกลาย เริ่มแรงมากขึ้น

วันหนึ่งทะเลาะกันแค่เรื่อง การอัพสเตตัส ของผม  วันนั้นเขานัดจะไปกินข้าวด้วยกัน แต่พี่เขากลับปล่อยให้ผมรอนานมาก ผมเลยโมโหผมตั้งสเตตัสบนเฟสบุ๊คว่า “ไม่สำคัญอะไรนิ” พี่เค้าเห็นแล้วก็เลยโมโห เลยมาด่าว่าผม ตั้งทำไม? คนอื่นจะคิดกับพี่เค้าว่ายังไง? มีปัญหากับแฟนหรอ? พี่เค้าด่าผม และบอกว่า “ต่างคนต่างอยู่เลย” ตอนนั้นผมตกใจมาก เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ ถึงกับเลิกกันเลยหรอ ผมทำอะไรผิดอีกละ ตอนนั้นถึงกับขาอ่อนล้มลงไปกับพื้นเลยส่วนพี่เค้าก็ไม่ง้อเลย ได้แค่บอกว่าร้องไห้ทำไม เหมือนว่าพี่เค้าจะหลุดหัวเราะมานิดนึงเหมือนสมเพชผมอ่ะ และทำท่าด่าต่อ ผมก็เลยสงสัยว่าพี่เค้าแกล้งผมหรอ หรืออะไร ทำไมถึงไม่แคร์ความรู้สึกผมเลย ผมเลยพูดขอโทษไป แต่ที่ทำไปก็อยากให้เห็นความสำคัญบ้าง ผมเลยพยายามทำใจ พอเวลาผ่านไปผมก็พยายามปรับความเข้าใจกัน แต่ดูเหมือนผมจะทำอยู่คนเดียว พอไปกินข้าวกันแทนที่จะคุยกันกลับมองแต่โทรศัพท์ ผมเหนื่อยมาก ทั้งๆที่รักเขายอมเขาทุกอย่าง ผมพยายามทำใจเพราะอยากหยุดกับคนๆนี้จริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่