บางครั้งความสุขก็ไม่ได้อยู่ไกล มันอยู่ใกล้ๆแค่เอื้อมนี่เอง หลายคนคิดว่าการไปเที่ยวครั้งนึงต้องใช้เงินเยอะ แต่เปล่าเลย
ทริปนี้เราใช้เงินไปแค่ 500บาทเท่านั้น ใช่แล้ว 500 บาทถ้วนจริงๆจ้า และที่สำคัญประสบการณ์ครั้งนี้เราว่ามันคุ้มซะยิ่งกว้าคุ้มอีกนะ
ลงทุน 500 แต่รู้สึกได้กำไร 5 ล้าน
เฮ้ยยยยยยยย มันฟินจริงๆนะแก
ทริปนี้ เราไปกัน 2 สาว เริ่มต้น จากขึ้นรถไฟ ต่อรถสองแถว โบกรถขึ้นเขา เดินเท้าเข้าป่า จับจองกางเต้นท์ เดินเท้าไปผากล้วยไม้ โบกรถต่อไปเหวสุวัต ติดรถกลับที่พัก ตั้งแคมป์ไฟ ทำอาหารเย็น จุดพีคของทริป ฟินๆกะหลุ่มหล่อ ตะลุยดงหมอก แวะถ่ายรูป ก่อนที่จะบอกลาเขาใหญ่พร้อมกับสายฝน

ทริปนี้ 500 บาทก็มีแค่นี้แหละ จบ!!
เอ้า ก็ลงทุนไป 500 จะเอาอะไรมากมายหละคะ ฮ่าๆๆๆ
แต่เดี๋ยวก่อน หากคุณเลื่อนลงมาอ่านในตอนนี้ คุณจะได้มาฟินกับกำไร 5 ล้านที่โม้ไว้ในตอนต้น
ยัยแป้ง เพื่อนสาวตั้งแต่สมัยม.ปลาย โทรมาปรึกษาปัญหาชีวิต ซึ่งในตอนนั้นตัวเราเองปัญหาก็เยอะมากมาย อาการป่วยเรื้อรัง 14 วันเต็มทำให้พลาด
ทิ้งตั๋วเครื่องบินไปตลุย 3 จังหวัดชายแดนใต้ แถมปล่อยให้"หมอสตีฟ" เพื่อนชายชาวพม่าไปสนุกอยู่คนเดียว ในวินาทีนั้นเลยพูดขึ้นมาลอยๆว่า
"
แป้ง เสาร์-อาทิตย์นี้ไปเที่ยวกันไหม" แป้งตอบตกลงโดยไม่คิด เพราะถ้าแกคิดแกคงจะพลาดมากเลยแหละยัยแป้ง
เย็นวันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2558 เราออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะเสร็จ อาบน้ำแต่งตัวรีบบึ่งไปหาแป้งที่หัวรถไฟ (สถานีรถไฟนครราชสีมา) ด้วยการที่แป้งออกจากบ้านมารอได้สักพักใหญ่ๆ นางก็ทักทายเมื่อเจอหน้าเรา "
มันใช่เวลามารักสุขภาพไหมยะ" แป้งเหน็บแนมก่อนที่เราจะไปซื้อตั๋วรถไฟไว้ก่อน
เราซื้อตั๋วรถไฟในราคา 48 บาท ปลายทางปากช่อง **จริงๆมันเป็นขบวนรถไฟฟรี แต่พวกเราอยากมั่นใจว่าจะต้องมีที่นั่งเลยยอมเสียเงินในส่วนนี้ไป**
หลังจากที่เราได้ตั๋วรถไฟเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้เวลาก็เพิ่งจะ 3ทุ่ม เราเลยเดินออกไปหาที่นั่งเล่นรอเวลา เพราะกว่ารถไฟจะมาก็อีก 3 ชั่วโมงกว่า
เราเดินมาที่ ตลาดร้อยปีเมืองย่า ซึ่งมันไม่ได้ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก
ตลาดร้อยปีเมืองย่า เป็นร้านอาหารตามสั่งที่เป็นอาคารไม้สองชั้นในส่วนหน้า ตรงกลางเว้นพื้นที่วางโต๊ะเพื่อให้เราเลือกที่นั่งทานอาหาร และจะมีส่วนที่เป็นบาร์เบียร์ ร้านเหล้าเล็กๆอยู่ด้านใน ที่นี่ถูกตกแต่งด้วยไม้เก่าๆให้สมกับชื่อตลาดร้อยปี แป้ง สั่งข้าวมากินรองท้องเพราะนางไม่รู้ว่า คืนนี้นางจะต้องเจออะไรบ้าง เรานั่งคุยกัน ถามไถ่ความเป็นมาของกันและกันตามประสาเพื่อนที่ไม่เจอกันนาน
เราใช้เวลาที่ตลาดร้อยปีจนใกล้ถึงเวลาที่รถไฟจะมา และเดินกลับไปรอที่สถานี
สถานีรถไฟตอนกลางคืนมันเป็นอะไรที่แบบว่า อธิบายไม่ถูกจริงๆ เก้าอี้ไม้ตัวยาว ถูกยึดเป็นที่หลับที่นอนของคนที่มารอใช้บริการ
เหลือเพียงโต๊ะม้าหินหน้าห้อง ตำรวจรถไฟประจำสถานี เรากับแป้งเลือกไปนั่งรอรถไฟที่โต๊ะม้าหินนั้น จริงๆไม่ได้เลือก แต่มันว่างแค่ตรงนั้น
ในระหว่างที่รอรถไฟ โทรศัพท์มือถือของแป้งก็พลีชีพดับไปต่อหน้าต่อตา ก็เลยตัดสินใจไปขอชาร์ตแบตใน้ห้องพักตำรวจ
ลุงตำรวจก็ใจดีให้ใช้บริการ แถมออกมานั่งคุยสอบถาม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพวกเราอีกด้วย
เสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ดึงความสนใจเราจากหนังสือในมือ สิ้นสุดเสียงประกาศเราสะพายเป้เดินไปรอที่ชานชลา รถไฟไทยมาตรงเวลา
เวลา เที่ยงคืนห้าสิบ รถไฟมาเทียบชานชลา เราสองคนเดินไปที่ตู้สุดท้าย เพราะที่งนั่งของเราอยู่ที่นั่น และทันที่ที่ก้วขาเข้าไปบนตู้ ต้องถึงกับอ้าปากค้าง
โอ้ววววววววววววว โน่วววววววววววววว ม่ายยยยยยยย นะ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ตู้สุดท้ายที่เรานั่ง เต็มไปด้วยชายชาติทหาร(เกณฑ์) และชาวบ้านที่ส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามมองมาที่เราสองคน และเมื่อเราเจอหมายเลขที่นั่ง ปัญหาก็เกิดขึ้น พี่ทหารใหม่ กับลุงขี้เมา และพี่ชายหนึ่งคนไม่ยอมคืนพื้นที่ให้เรานั่ง เราเริ่ม
ทวงสิทธิ์ที่มันเป็นของเรา แต่ยัยแป้งกับเลือกที่จะเดินหนีเข้าไปที่ตู้เสบียง และเจ้าหน้าที่ที่นั่งหมอบที่โต๊ะก็ไล่เรากลับมา หากจะนั่งตู้เสบียงจะต้องจ่ายเพิ่ม
แต่เจ้าหน้าที่อีกคนบอกให้เรากลับไปที่เดิมและจะทวงสิทธิ์ที่เป็นของเราให้ เมื่อเราไปถึง พี่ชายคนนั้นหายไปไหนแล้ว เหลือแค่พี่ทหารใหม่กับลุงขี้เมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเราสองคน แต่ด้วยช่วงเวลาที่ดึกพอสมควรทำให้ผู้โดยสารส่วนใหญ่เริ่มอ่อนแรง นั่งหลับอย่างไม่แคร์ใคร เราเลือกที่หยิบโทรศัพท์และเสียบหูฟังเพื่อฟังเพลงแก้เบื่อ จ
นกระทั่งเรามาถึงสถานีปากช่อง ตามเวลาที่กำหนดเป๊ะ !! ไม่อยากจะเชื่อ อยากให้รถไฟไทยตรงเวลาแบบนี้ทุกๆขบวนด้วยเถิด
ที่นี่ สถานีปากช่อง....เสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ ทำให้เราตาสว่างขึ้นมาทันทีแม้จะดึกมากแล้วก็ตาม เราเดินเข้ามาในสถานีเพื่อหาที่พอจะหลับได้อย่างสบายใจบ้าง แต่..มันไม่เป็นอย่างที่คิด ไม่มีพื้นที่ที่รู้สึกปลอดภัย เจ้าหน้าที่ยืนประจำอยู่ด้านหน้าไถ่ถามตามมารยาท "
จะไหนกันหนู" "
จะไปเขาใหญ่ค่ะ" "
อืม...งั้นต้องรอตอนเช้า รอนานหน่อยนะ" เราสองคนยังเดินหามุมนั่งงีบกันอยู่ ก็มีพี่ รปภ.ประจำสถานีเดินผ่านมา เราส่งยิ้มหวานปากแทบฉีกถึงหู พี่รปภ.หลงกลเราแล้ว เลยเดินเข้ามาถาม เราก็บอกความประสงค์ของเราไป พี่รปภ.เดินหายไปสักพักก็เดินกลับมาพร้อมกุญแจห้องรับรอง หัวหน้าสถานีอนุญาติให้เราสองคนไปนอนหลับใน
ห้องรับรองก่อนเพื่อความปลอดภัยของคนแถวนั้น เอ้ย! เพื่อความปลอดภัยของเราทั้งคู่
แต่กว่าที่เราสองคนจะหลับลงก็เล่นเอาเกือบเช้า
ราตรีสวัสดิ์จากสถานีรถไฟปากช่อง
คืนนี้ขอจบเท่านี้ก่อน พรุ่งนี้จะมาต่อนะคะ
[CR] เขาใหญ่สุดฟิน จิ้นฝรั่งหล่อ พอหอมปากหอมคอด้วยเงิน 500 บาท
ทริปนี้เราใช้เงินไปแค่ 500บาทเท่านั้น ใช่แล้ว 500 บาทถ้วนจริงๆจ้า และที่สำคัญประสบการณ์ครั้งนี้เราว่ามันคุ้มซะยิ่งกว้าคุ้มอีกนะ
ลงทุน 500 แต่รู้สึกได้กำไร 5 ล้าน เฮ้ยยยยยยยย มันฟินจริงๆนะแก
ทริปนี้ เราไปกัน 2 สาว เริ่มต้น จากขึ้นรถไฟ ต่อรถสองแถว โบกรถขึ้นเขา เดินเท้าเข้าป่า จับจองกางเต้นท์ เดินเท้าไปผากล้วยไม้ โบกรถต่อไปเหวสุวัต ติดรถกลับที่พัก ตั้งแคมป์ไฟ ทำอาหารเย็น จุดพีคของทริป ฟินๆกะหลุ่มหล่อ ตะลุยดงหมอก แวะถ่ายรูป ก่อนที่จะบอกลาเขาใหญ่พร้อมกับสายฝน
ทริปนี้ 500 บาทก็มีแค่นี้แหละ จบ!!
เอ้า ก็ลงทุนไป 500 จะเอาอะไรมากมายหละคะ ฮ่าๆๆๆ
แต่เดี๋ยวก่อน หากคุณเลื่อนลงมาอ่านในตอนนี้ คุณจะได้มาฟินกับกำไร 5 ล้านที่โม้ไว้ในตอนต้น
ยัยแป้ง เพื่อนสาวตั้งแต่สมัยม.ปลาย โทรมาปรึกษาปัญหาชีวิต ซึ่งในตอนนั้นตัวเราเองปัญหาก็เยอะมากมาย อาการป่วยเรื้อรัง 14 วันเต็มทำให้พลาด ทิ้งตั๋วเครื่องบินไปตลุย 3 จังหวัดชายแดนใต้ แถมปล่อยให้"หมอสตีฟ" เพื่อนชายชาวพม่าไปสนุกอยู่คนเดียว ในวินาทีนั้นเลยพูดขึ้นมาลอยๆว่า
"แป้ง เสาร์-อาทิตย์นี้ไปเที่ยวกันไหม" แป้งตอบตกลงโดยไม่คิด เพราะถ้าแกคิดแกคงจะพลาดมากเลยแหละยัยแป้ง
เย็นวันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2558 เราออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะเสร็จ อาบน้ำแต่งตัวรีบบึ่งไปหาแป้งที่หัวรถไฟ (สถานีรถไฟนครราชสีมา) ด้วยการที่แป้งออกจากบ้านมารอได้สักพักใหญ่ๆ นางก็ทักทายเมื่อเจอหน้าเรา "มันใช่เวลามารักสุขภาพไหมยะ" แป้งเหน็บแนมก่อนที่เราจะไปซื้อตั๋วรถไฟไว้ก่อน
เราซื้อตั๋วรถไฟในราคา 48 บาท ปลายทางปากช่อง **จริงๆมันเป็นขบวนรถไฟฟรี แต่พวกเราอยากมั่นใจว่าจะต้องมีที่นั่งเลยยอมเสียเงินในส่วนนี้ไป**
หลังจากที่เราได้ตั๋วรถไฟเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้เวลาก็เพิ่งจะ 3ทุ่ม เราเลยเดินออกไปหาที่นั่งเล่นรอเวลา เพราะกว่ารถไฟจะมาก็อีก 3 ชั่วโมงกว่า
เราเดินมาที่ ตลาดร้อยปีเมืองย่า ซึ่งมันไม่ได้ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก
ตลาดร้อยปีเมืองย่า เป็นร้านอาหารตามสั่งที่เป็นอาคารไม้สองชั้นในส่วนหน้า ตรงกลางเว้นพื้นที่วางโต๊ะเพื่อให้เราเลือกที่นั่งทานอาหาร และจะมีส่วนที่เป็นบาร์เบียร์ ร้านเหล้าเล็กๆอยู่ด้านใน ที่นี่ถูกตกแต่งด้วยไม้เก่าๆให้สมกับชื่อตลาดร้อยปี แป้ง สั่งข้าวมากินรองท้องเพราะนางไม่รู้ว่า คืนนี้นางจะต้องเจออะไรบ้าง เรานั่งคุยกัน ถามไถ่ความเป็นมาของกันและกันตามประสาเพื่อนที่ไม่เจอกันนาน
เราใช้เวลาที่ตลาดร้อยปีจนใกล้ถึงเวลาที่รถไฟจะมา และเดินกลับไปรอที่สถานี
สถานีรถไฟตอนกลางคืนมันเป็นอะไรที่แบบว่า อธิบายไม่ถูกจริงๆ เก้าอี้ไม้ตัวยาว ถูกยึดเป็นที่หลับที่นอนของคนที่มารอใช้บริการ
เหลือเพียงโต๊ะม้าหินหน้าห้อง ตำรวจรถไฟประจำสถานี เรากับแป้งเลือกไปนั่งรอรถไฟที่โต๊ะม้าหินนั้น จริงๆไม่ได้เลือก แต่มันว่างแค่ตรงนั้น
ในระหว่างที่รอรถไฟ โทรศัพท์มือถือของแป้งก็พลีชีพดับไปต่อหน้าต่อตา ก็เลยตัดสินใจไปขอชาร์ตแบตใน้ห้องพักตำรวจ
ลุงตำรวจก็ใจดีให้ใช้บริการ แถมออกมานั่งคุยสอบถาม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพวกเราอีกด้วย
เสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ดึงความสนใจเราจากหนังสือในมือ สิ้นสุดเสียงประกาศเราสะพายเป้เดินไปรอที่ชานชลา รถไฟไทยมาตรงเวลา
เวลา เที่ยงคืนห้าสิบ รถไฟมาเทียบชานชลา เราสองคนเดินไปที่ตู้สุดท้าย เพราะที่งนั่งของเราอยู่ที่นั่น และทันที่ที่ก้วขาเข้าไปบนตู้ ต้องถึงกับอ้าปากค้าง โอ้ววววววววววววว โน่วววววววววววววว ม่ายยยยยยยย นะ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ตู้สุดท้ายที่เรานั่ง เต็มไปด้วยชายชาติทหาร(เกณฑ์) และชาวบ้านที่ส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามมองมาที่เราสองคน และเมื่อเราเจอหมายเลขที่นั่ง ปัญหาก็เกิดขึ้น พี่ทหารใหม่ กับลุงขี้เมา และพี่ชายหนึ่งคนไม่ยอมคืนพื้นที่ให้เรานั่ง เราเริ่มทวงสิทธิ์ที่มันเป็นของเรา แต่ยัยแป้งกับเลือกที่จะเดินหนีเข้าไปที่ตู้เสบียง และเจ้าหน้าที่ที่นั่งหมอบที่โต๊ะก็ไล่เรากลับมา หากจะนั่งตู้เสบียงจะต้องจ่ายเพิ่ม
แต่เจ้าหน้าที่อีกคนบอกให้เรากลับไปที่เดิมและจะทวงสิทธิ์ที่เป็นของเราให้ เมื่อเราไปถึง พี่ชายคนนั้นหายไปไหนแล้ว เหลือแค่พี่ทหารใหม่กับลุงขี้เมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเราสองคน แต่ด้วยช่วงเวลาที่ดึกพอสมควรทำให้ผู้โดยสารส่วนใหญ่เริ่มอ่อนแรง นั่งหลับอย่างไม่แคร์ใคร เราเลือกที่หยิบโทรศัพท์และเสียบหูฟังเพื่อฟังเพลงแก้เบื่อ จนกระทั่งเรามาถึงสถานีปากช่อง ตามเวลาที่กำหนดเป๊ะ !! ไม่อยากจะเชื่อ อยากให้รถไฟไทยตรงเวลาแบบนี้ทุกๆขบวนด้วยเถิด
ที่นี่ สถานีปากช่อง....เสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ ทำให้เราตาสว่างขึ้นมาทันทีแม้จะดึกมากแล้วก็ตาม เราเดินเข้ามาในสถานีเพื่อหาที่พอจะหลับได้อย่างสบายใจบ้าง แต่..มันไม่เป็นอย่างที่คิด ไม่มีพื้นที่ที่รู้สึกปลอดภัย เจ้าหน้าที่ยืนประจำอยู่ด้านหน้าไถ่ถามตามมารยาท "จะไหนกันหนู" "จะไปเขาใหญ่ค่ะ" "อืม...งั้นต้องรอตอนเช้า รอนานหน่อยนะ" เราสองคนยังเดินหามุมนั่งงีบกันอยู่ ก็มีพี่ รปภ.ประจำสถานีเดินผ่านมา เราส่งยิ้มหวานปากแทบฉีกถึงหู พี่รปภ.หลงกลเราแล้ว เลยเดินเข้ามาถาม เราก็บอกความประสงค์ของเราไป พี่รปภ.เดินหายไปสักพักก็เดินกลับมาพร้อมกุญแจห้องรับรอง หัวหน้าสถานีอนุญาติให้เราสองคนไปนอนหลับในห้องรับรองก่อนเพื่อความปลอดภัยของคนแถวนั้น เอ้ย! เพื่อความปลอดภัยของเราทั้งคู่
แต่กว่าที่เราสองคนจะหลับลงก็เล่นเอาเกือบเช้า ราตรีสวัสดิ์จากสถานีรถไฟปากช่อง
คืนนี้ขอจบเท่านี้ก่อน พรุ่งนี้จะมาต่อนะคะ