ถ้าพูดถึง "Shangril-la" เชื่อว่าหลายๆท่านที่ชื่นชอบในการท่องเที่ยวและการเดินทางนั้น น่าจะรู้จักกับชื่อนี้เป็นอย่างดี ชื่อของ "Shangril-la" ปรากฏขึ้นครั้งแรกในนวนิยาย เรื่อง "Lost Horizon" หรือ "ลับฟ้าปลายฝัน" ในฉบับภาษาไทย โดยผู้เขียนที่มีนามว่า "James Hilton. ว่ากันว่า "Shangril-la" เป็นดินแดนลึกลับที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาสูงชันทอดยาว รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นต่างมีชีวิตที่ยืนยาว มีแต่ความสุข ดินแดนแห่งนี้จึงเปรียบเหมือนสวรรค์ที่อยู่บนดิน "Shangril-la" จึงเป็นดินแดนที่นักท่องเที่ยวและนักเดินทางทั่วโลกต่างใฝ่ฝันที่จะมาสัมผัสกับดินแดนแห่งนี้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
"ตอนที่ 2 您好( หนี่-ห่าว) แชงกรีล่า " :
http://pantip.com/topic/34043232
ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน ผมได้มีโอกาสมาเยือนดินแดนแห่งนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ตามคำชักชวนของเพื่อนผมคนหนึ่ง ที่รู้จักกันผ่านทางอินเตอร์เนต ตัวอย่างรูปถ่ายต่างๆและคำบอกเล่าที่เพื่อนของผมส่งมาให้ผ่านทางโปรแกรมแชท MSN มันเหมือนมีมนต์สะกดบางอย่างที่ทำให้อยากไปเห็นด้วยสองตาของผมเอง ดังนั้นผมจึงไม่ลังเลที่จะตอบรับคำชักชวน
5 ปีต่อมา ภาพถ่ายพร้อมทั้งเรื่องเล่าประสบการณ์ในครั้งนั้นของผมได้ถูกถ่ายทอดต่อไปยังกลุ่มเพื่อนของผม คำชักชวนจากเพื่อนเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งกับตัวผม ผมลังเลในคำตอบ แต่สุดท้ายแล้วผมก็ตอบตกลง
ผมกำลังจะพาเพื่อนของผมออกไปเห็น "Shangril-la" ด้วยสองตาของเขาเอง ผมเองก็ไม่รู้ว่ากาลเวลาจะทำให้ "Shangril-la" เปลี่ยนไปมากแค่ไหน? "Shangril-la"จะจำผมคนนี้ได้หรือไม่? ท้ายที่สุดแล้วผมจะสามารถพาเพื่อนของผมออกตามหา "Shangril-la" ที่แท้จริงเจอหรือไม่? มาร่วมออกเดินทางตามหา ในมหากาพย์แห่งการรีวิว ภาพนิ่งประกอบคำบรรยายพร้อมด้วย คลิป VDO บันทึกภาพและเสียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ในรูปแบบ ซีรี่ย์ สารคดี หนังสั้น รายการท่องเที่ยวสุดแปลกแหวกแนว ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครอยากเหมือน ในชุดที่มีชื่อว่า "Hello / No / Let's Go ดี/ไม่/ไป Made in Shangri-la" ไปพร้อมๆกัน
"ออกตามหา"แชงกรีล่า"
"จากไทยแลนด์ถึงยูนนาน"
"10 เมษา 57 ณ.จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย"
ผมเริ่มออกเดินทางจากจังหวัดกาญจนบุรีเข้าสู่กรุงเทพมหานคร เพื่อต่อรถโดยสารประจำทางไปยัง สถานีขนส่งจังหวัดเชียงราย จากสถานีขนส่งเชียงรายผมโดยสารรถประจำทางต่อไปยัง อ.เชียงของ ก่อนที่จะทำเรื่องผ่านแดน ข้ามแม่น้ำโขง ไปยัง เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ที่สถานีขนส่งเมืองห้วยทราย สปป.ลาว จะมีรถโดยประจำทางวิ่งให้บริการ จาก เมืองห้วยทราย สปป.ลาว ไปยัง มณฑลยูนนาน สุดปลายทางที่ เมืองคุนหมิง ประเทศจีน ในทุกวันๆละ 1 เที่ยว โดยรถจะออกเวลาประมาณ 10.00 น.
"11 เมษา 57 ณ.เมืองห้วยทราย สปป.ลาว"
เริ่มออกเดินทางอีกครั้งจาก เมืองห้วยทราย สปป.ลาว มุ่งหน้าสู่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ด้วยรถโดยสารประจำทางอีกเช่นเคย จากเมืองห้วยทรายรถมุ่งหน้าสู่ "บ่อเต็น" ชายแแดนของ สปป.ลาวที่ติดอยู่กับประเทศจีน ระยะทางจากเมืองห้วยทรายถึงบ่อเต็น มีระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 - 8 ชั่วโมง รถวิ่งลัดเลาะไปตามภูมิประเทศในเวลาเขตภาคตะวันตกเฉียงเหนือของลาว ซึ่งส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นเขตภูเขาสูง ทำให้รถไม่สามารถทำความเร็วได้มากนัก 8 ชั่วโมงผ่านไปในที่สุดก็มาถึง "บ่อเต็น" ด่านชายแดนของ สปป.ลาว จากนี้เราต้องนำหนังสือเดินทางเพื่อไปทำเรื่องแสตมป์ออกจาก สปป.ลาว ก่อนที่จะเดินเท้าไปยัง “ด่านโม่ฮาน” ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศจีนที่อยู่ติดกับชายแดนของ สปป.ลาว เหตุที่ต้องเดินเท้าไปยังด่านจีนก็เพราะว่า ด้วยนั้นตอนนั้นมีรถขนสินค้าต่อคิวเพื่อทำเรื่องเข้าออกประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้การจราจรบริเวณนั้นค่อนข้างที่จะติดขัด รถที่เราโดยสารมานั้นไม่สามารถเคลื่อนตัวออกมาได้ คนขับรถจึงให้เราใช้วิธีเดินเท้าล่วงหน้าไปก่อน เพราะเกรงว่าจะทำเรื่องเข้าประเทศจีนไม่ทัน เราใช้เวลาที่ด่านจีนนานพอสมควร เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เข้าคิวเพื่อทำเรื่องแสตมป์เข้าประเทศจีน

ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็สามารถทำเรื่องแสตป์เข้าประเทศจีนได้เป็นที่เรียบร้อย ผมและผู้โดยสารท่านอื่นออกมารถอยู่ตรงบริเวณนอกอาคารที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองของประเทศจีน รออยู่นานพักใหญ่รถก็ไม่มาสักที จนเริ่มเกิดความกังวลว่ารถที่โดยสารมานั่น จะไม่สามารถทำเรื่องผ่านแดนมาได้ เพราะว่าในตอนนั้นก็ได้เลยเวลาทำการของด่านตรวจคนเข้าเมืองไปแล้ว รอจนแล้วจนเล่าในที่สุด ก็เห็นรถโดยสารที่เรานั่งมา มาจอดรอรับผู้โดยสารเพื่อออกเดินทางต่อ ผมและผู้โดยสารท่านอื่นๆต่างรีบขึ้นรถเพื่อออกเดินทางต่อ รถวิ่งต่อไปสถานีขนส่งโม่ฮานเพื่อจอดแวะรับผู้โดยสารเพิ่มและให้ผู้โดยสารได้พักผ่อน ทำธุระส่วนตัวและรับประทานอาหารเย็นก่อนที่จะออกเดินทางต่อในช่วงเวลากลางคืน แน่นอนว่าคืนนี้ผมและผู้โดยสารท่านอื่นๆต้องนอนค้างคืนกันบนรถ
"12 เมษา 57 ณ.มณฑลยูนนาน ประเทศจีน"
รถวิ่งฝ่าความมืด ผ่านที่ราบและเขตภูเขาสูงในมณฑลยูนนาน โดยมีแสงไฟจากหน้ารถ และแสงจากดวงจันทร์ที่คอยนำทางให้ความสว่าง เพื่อพาผู้โดยสารทุกคนไปให้ถึงจุดหมาย ช่วงสายของวันที่ 12 เมษา 57 รถได้มาหยุดพักบริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งระหว่างทางที่จะเข้าตัวเมืองคุนหมิง เพื่อให้ผู้โดยได้ลงมายืดเส้นยืดสาย เข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัว
รถแล่นออกมาอีกเกือบๆ 3 ชั่วโมง จากจุดหยุดพักบริเวณปั๊มน้ำมัน จนมาจอดอีกครั้งที่สถานีขนส่งภาคใต้ ของคุนหมิง อันเป็นปลายทางของรถโดยสารคันนี้ ผู้โดยสารที่เหลือต่างรีบกุลีกุจอ หยิบสัมภาระของตัวเองลงจากรถ เพื่อแยกย้ายไปตามจุดหมายปลายทางของแต่ละคน ส่วนตัวผมเองนั้นต้องเดินทางต่อไปยังที่พัก "The Hump Hostel" ที่ตั้งอยู่แถว Jinmafang บริเวณใจกลางเมืองคุนหมิง ส่วนการเดินทาง จากสถานีขนส่งภาคใต้ ให้นั่งรถ สาย 154 ไปลงที่ The International Trade Centre หลังจากนั้นให้เปลี่ยนไปนั่งรถ สาย 107 (นั่งประมาณ 5 ป้าย) ไปลงแถว Jinmafang
รถเมล์วิ่งฝ่าการจราจรบนท้องถนนของคุนหมิงใช้เวลาเดินทางรวมทั้งเวลาที่หลงไปเกือบๆ 2 ชั่วโมง จนในที่สุดก็มาถึงที่พักของผมในคืนนี้ หลังจากจัดการเช็คอินเรียบร้อยแล้ว ผมไม่รอช้าที่จะถามหารหัส WIFI เชื่อมต่ออินเตอร์เพื่อติดต่อส่งข่าวให้กับเพื่อนผมที่จะบินตามมาสมทบในวันรุ่งขึ้น ให้ทราบถึงแผนการในวันพรุ่งนี้
จากกาญจนบุรี ประเทศไทย ถึง คุนหมิง ประเทศจีน ผมใช้เวลาเดินทางด้วยรถโดยสารไป 2 วัน กับ 1 คืน เต็มๆ แน่นอนร่างกายย่อมมีความอ่อนเพลียเป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่รอช้าที่จะไปจัดการอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น พร้อมกับพักผ่อนเพื่อชาร์ตแบตให้กับร่างกาย ก่อนที่จะออกมาสำรวจบริเวณโดยรอบพร้อมกับไปจองตั๋วรถโดยสารไปแชงกรีล่าที่สถานีขนส่งให้ตัวผมเองกับเพื่อนๆที่จะบินตามมาสมทบในวันรุ่งขึ้นด้วย
สัมผัสแรก ณ.คุนหมิง
"13 เมษา 57 ณ.เมืองคุนหมิง ประเทศจีน"
ตัวผมเองได้มีโอกาสมาที่เมืองคุนหมิงนี่แล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้จึงไม่ครั้งแรกแต่เป็นครั้งที่สองที่ผมได้มาเยือน ณ.เมืองแห่งนี้ ดังนั้นสัมผัสแรกที่ผมจะเล่าจึงไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวผม แต่เป็นของเพื่อผมทั้ง 4 คนที่กำลังขึ้นเครื่องบินเพื่อตามมาสมทบเพื่อนร่วมกันตามหาแชงกรีล่าในทริปนี้ เพื่อนผมใน 4 คนนี้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทราบว่าผมจะนั่งรถเดินทางล่วงหน้ามาก่อน ส่วนอีก 3 คนที่เหลือ เข้าใจว่าผมจะบินมาพร้อมกันโดยนัดเจอกันที่สนามบินดอนเมือง แต่เหตุการณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ และ........
"จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเพื่อนของผมทั้ง 4 คนต้องเดินทางมาประเทศจีนครั้งแรกโดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย แชงกรีล่าที่เขาเคยฝันไว้ เขาจะสามารถตามหามันจนเจอได้หรือเปล่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพวกเขาจะรับมือและเอาตัวรอดได้อย่างไร และมาร่วมลุ้นกันว่า "สัมผัสแรก ณ.คุนหมิง" ของพวกเขาจะออกมาในรูปแบบใด มาร่วมชม ร่วมฟัง ภาพและเสียงเหตุการณ์จริงๆที่เกิดขึ้น ในรูปแบบ ซีรี่ย์ สารคดี หนังสั้น รายการท่องเที่ยวสุดแปลกแหวกแนว ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครอยากเหมือน ในชุดที่มีชื่อว่า "Hello / No / Let's Go ดี/ไม่/ไป Made in Shangri-la"ไปพร้อมๆกัน" ตามลิงค์ด้านล่างที่แปะไว้ให้ ได้เลยยยจ้าาาาา
...............................................................
"Hello / No / Let's Go ดี/ไม่/ไป Made in Shangri-la" EP 1 "สัมผัสแรก ณ.คุนหมิง"
เรามาเริ่มที่สนามบินคุนหมิงกันก่อนเลยนะครับ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ผมได้เดินทางมารอที่คุนหมิงอยู่ก่อนแล้ว 1 คืน โดยที่เพื่อนผมไม่มีใครทราบเลย มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ผมได้บอกล่วงหน้าไว้ก่อน ในคืนนั้นเองผมได้พยายามหาวิธีเข้า Facebook จากประเทศจีน เพราะปกติแล้วเวลาอยู่ที่ประเทศจีน เราจะไม่สามารถใช้งาน Facebook ได้ ในที่สุดความพยายามก็เป็นผล ผมไม่รอช้าที่จะรีบ ส่งข้อความไปหลอกเพื่อนผม ว่าผมไม่สามารถจะร่วมเดินทางมาในทริปนี้ได้ เหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ความรู้สึกแรกทันที ที่พวกเขาก้าวเข้าสัมผัสแผ่นดินจีนจะเป็นเช่น เราลองมาติดตามชมกันเลยนะครับ.....
...............................................................
"Hello / No / Let's Go ดี/ไม่/ไป Made in Shangri-la" EP 2 ตะลอนทัวร์ ช็อปปิ้ง ชิม เที่ยว ณ.คุนหมิง"
และในตอนนี้ผมและเพื่อนก็มาถึงคุนหมิงกันแล้วนะครับ พวกเรามีเวลาที่นี่แค่เพียงหนึ่งวัน มาลองดูซิว่าพวกเราจะไปไหน จะไปกินอะไรกัน รสชาติอาหารจีนจะถูกปากพวกเราหรือไม่ เราลองมาติดตามชมกันเลยนะครับ.....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ติดตามความเคลื่อนไหวและผลงานอื่นๆของพวกเราได้ที่
เพจ : Hello/No/Let's Go https://www.facebook.com/HELLONOLETSGO
F8 Production https://www.facebook.com/f8ProductionHouse
[CR] ตามหา"แชงกรีล่า" จากไทยแลนด์ถึงยูนนาน "ตอนที่ 1 สัมผัสแรก ณ.คุนหมิง"
"ตอนที่ 2 您好( หนี่-ห่าว) แชงกรีล่า " : http://pantip.com/topic/34043232
ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน ผมได้มีโอกาสมาเยือนดินแดนแห่งนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ตามคำชักชวนของเพื่อนผมคนหนึ่ง ที่รู้จักกันผ่านทางอินเตอร์เนต ตัวอย่างรูปถ่ายต่างๆและคำบอกเล่าที่เพื่อนของผมส่งมาให้ผ่านทางโปรแกรมแชท MSN มันเหมือนมีมนต์สะกดบางอย่างที่ทำให้อยากไปเห็นด้วยสองตาของผมเอง ดังนั้นผมจึงไม่ลังเลที่จะตอบรับคำชักชวน
5 ปีต่อมา ภาพถ่ายพร้อมทั้งเรื่องเล่าประสบการณ์ในครั้งนั้นของผมได้ถูกถ่ายทอดต่อไปยังกลุ่มเพื่อนของผม คำชักชวนจากเพื่อนเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งกับตัวผม ผมลังเลในคำตอบ แต่สุดท้ายแล้วผมก็ตอบตกลง
ผมกำลังจะพาเพื่อนของผมออกไปเห็น "Shangril-la" ด้วยสองตาของเขาเอง ผมเองก็ไม่รู้ว่ากาลเวลาจะทำให้ "Shangril-la" เปลี่ยนไปมากแค่ไหน? "Shangril-la"จะจำผมคนนี้ได้หรือไม่? ท้ายที่สุดแล้วผมจะสามารถพาเพื่อนของผมออกตามหา "Shangril-la" ที่แท้จริงเจอหรือไม่? มาร่วมออกเดินทางตามหา ในมหากาพย์แห่งการรีวิว ภาพนิ่งประกอบคำบรรยายพร้อมด้วย คลิป VDO บันทึกภาพและเสียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ในรูปแบบ ซีรี่ย์ สารคดี หนังสั้น รายการท่องเที่ยวสุดแปลกแหวกแนว ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครอยากเหมือน ในชุดที่มีชื่อว่า "Hello / No / Let's Go ดี/ไม่/ไป Made in Shangri-la" ไปพร้อมๆกัน
"จากไทยแลนด์ถึงยูนนาน"
"10 เมษา 57 ณ.จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย"
ผมเริ่มออกเดินทางจากจังหวัดกาญจนบุรีเข้าสู่กรุงเทพมหานคร เพื่อต่อรถโดยสารประจำทางไปยัง สถานีขนส่งจังหวัดเชียงราย จากสถานีขนส่งเชียงรายผมโดยสารรถประจำทางต่อไปยัง อ.เชียงของ ก่อนที่จะทำเรื่องผ่านแดน ข้ามแม่น้ำโขง ไปยัง เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ที่สถานีขนส่งเมืองห้วยทราย สปป.ลาว จะมีรถโดยประจำทางวิ่งให้บริการ จาก เมืองห้วยทราย สปป.ลาว ไปยัง มณฑลยูนนาน สุดปลายทางที่ เมืองคุนหมิง ประเทศจีน ในทุกวันๆละ 1 เที่ยว โดยรถจะออกเวลาประมาณ 10.00 น.
"11 เมษา 57 ณ.เมืองห้วยทราย สปป.ลาว"
เริ่มออกเดินทางอีกครั้งจาก เมืองห้วยทราย สปป.ลาว มุ่งหน้าสู่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ด้วยรถโดยสารประจำทางอีกเช่นเคย จากเมืองห้วยทรายรถมุ่งหน้าสู่ "บ่อเต็น" ชายแแดนของ สปป.ลาวที่ติดอยู่กับประเทศจีน ระยะทางจากเมืองห้วยทรายถึงบ่อเต็น มีระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 - 8 ชั่วโมง รถวิ่งลัดเลาะไปตามภูมิประเทศในเวลาเขตภาคตะวันตกเฉียงเหนือของลาว ซึ่งส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นเขตภูเขาสูง ทำให้รถไม่สามารถทำความเร็วได้มากนัก 8 ชั่วโมงผ่านไปในที่สุดก็มาถึง "บ่อเต็น" ด่านชายแดนของ สปป.ลาว จากนี้เราต้องนำหนังสือเดินทางเพื่อไปทำเรื่องแสตมป์ออกจาก สปป.ลาว ก่อนที่จะเดินเท้าไปยัง “ด่านโม่ฮาน” ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศจีนที่อยู่ติดกับชายแดนของ สปป.ลาว เหตุที่ต้องเดินเท้าไปยังด่านจีนก็เพราะว่า ด้วยนั้นตอนนั้นมีรถขนสินค้าต่อคิวเพื่อทำเรื่องเข้าออกประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้การจราจรบริเวณนั้นค่อนข้างที่จะติดขัด รถที่เราโดยสารมานั้นไม่สามารถเคลื่อนตัวออกมาได้ คนขับรถจึงให้เราใช้วิธีเดินเท้าล่วงหน้าไปก่อน เพราะเกรงว่าจะทำเรื่องเข้าประเทศจีนไม่ทัน เราใช้เวลาที่ด่านจีนนานพอสมควร เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เข้าคิวเพื่อทำเรื่องแสตมป์เข้าประเทศจีน
ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็สามารถทำเรื่องแสตป์เข้าประเทศจีนได้เป็นที่เรียบร้อย ผมและผู้โดยสารท่านอื่นออกมารถอยู่ตรงบริเวณนอกอาคารที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองของประเทศจีน รออยู่นานพักใหญ่รถก็ไม่มาสักที จนเริ่มเกิดความกังวลว่ารถที่โดยสารมานั่น จะไม่สามารถทำเรื่องผ่านแดนมาได้ เพราะว่าในตอนนั้นก็ได้เลยเวลาทำการของด่านตรวจคนเข้าเมืองไปแล้ว รอจนแล้วจนเล่าในที่สุด ก็เห็นรถโดยสารที่เรานั่งมา มาจอดรอรับผู้โดยสารเพื่อออกเดินทางต่อ ผมและผู้โดยสารท่านอื่นๆต่างรีบขึ้นรถเพื่อออกเดินทางต่อ รถวิ่งต่อไปสถานีขนส่งโม่ฮานเพื่อจอดแวะรับผู้โดยสารเพิ่มและให้ผู้โดยสารได้พักผ่อน ทำธุระส่วนตัวและรับประทานอาหารเย็นก่อนที่จะออกเดินทางต่อในช่วงเวลากลางคืน แน่นอนว่าคืนนี้ผมและผู้โดยสารท่านอื่นๆต้องนอนค้างคืนกันบนรถ
"12 เมษา 57 ณ.มณฑลยูนนาน ประเทศจีน"
รถวิ่งฝ่าความมืด ผ่านที่ราบและเขตภูเขาสูงในมณฑลยูนนาน โดยมีแสงไฟจากหน้ารถ และแสงจากดวงจันทร์ที่คอยนำทางให้ความสว่าง เพื่อพาผู้โดยสารทุกคนไปให้ถึงจุดหมาย ช่วงสายของวันที่ 12 เมษา 57 รถได้มาหยุดพักบริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งระหว่างทางที่จะเข้าตัวเมืองคุนหมิง เพื่อให้ผู้โดยได้ลงมายืดเส้นยืดสาย เข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัว
รถแล่นออกมาอีกเกือบๆ 3 ชั่วโมง จากจุดหยุดพักบริเวณปั๊มน้ำมัน จนมาจอดอีกครั้งที่สถานีขนส่งภาคใต้ ของคุนหมิง อันเป็นปลายทางของรถโดยสารคันนี้ ผู้โดยสารที่เหลือต่างรีบกุลีกุจอ หยิบสัมภาระของตัวเองลงจากรถ เพื่อแยกย้ายไปตามจุดหมายปลายทางของแต่ละคน ส่วนตัวผมเองนั้นต้องเดินทางต่อไปยังที่พัก "The Hump Hostel" ที่ตั้งอยู่แถว Jinmafang บริเวณใจกลางเมืองคุนหมิง ส่วนการเดินทาง จากสถานีขนส่งภาคใต้ ให้นั่งรถ สาย 154 ไปลงที่ The International Trade Centre หลังจากนั้นให้เปลี่ยนไปนั่งรถ สาย 107 (นั่งประมาณ 5 ป้าย) ไปลงแถว Jinmafang
รถเมล์วิ่งฝ่าการจราจรบนท้องถนนของคุนหมิงใช้เวลาเดินทางรวมทั้งเวลาที่หลงไปเกือบๆ 2 ชั่วโมง จนในที่สุดก็มาถึงที่พักของผมในคืนนี้ หลังจากจัดการเช็คอินเรียบร้อยแล้ว ผมไม่รอช้าที่จะถามหารหัส WIFI เชื่อมต่ออินเตอร์เพื่อติดต่อส่งข่าวให้กับเพื่อนผมที่จะบินตามมาสมทบในวันรุ่งขึ้น ให้ทราบถึงแผนการในวันพรุ่งนี้
จากกาญจนบุรี ประเทศไทย ถึง คุนหมิง ประเทศจีน ผมใช้เวลาเดินทางด้วยรถโดยสารไป 2 วัน กับ 1 คืน เต็มๆ แน่นอนร่างกายย่อมมีความอ่อนเพลียเป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่รอช้าที่จะไปจัดการอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น พร้อมกับพักผ่อนเพื่อชาร์ตแบตให้กับร่างกาย ก่อนที่จะออกมาสำรวจบริเวณโดยรอบพร้อมกับไปจองตั๋วรถโดยสารไปแชงกรีล่าที่สถานีขนส่งให้ตัวผมเองกับเพื่อนๆที่จะบินตามมาสมทบในวันรุ่งขึ้นด้วย
สัมผัสแรก ณ.คุนหมิง
"13 เมษา 57 ณ.เมืองคุนหมิง ประเทศจีน"
ตัวผมเองได้มีโอกาสมาที่เมืองคุนหมิงนี่แล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้จึงไม่ครั้งแรกแต่เป็นครั้งที่สองที่ผมได้มาเยือน ณ.เมืองแห่งนี้ ดังนั้นสัมผัสแรกที่ผมจะเล่าจึงไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวผม แต่เป็นของเพื่อผมทั้ง 4 คนที่กำลังขึ้นเครื่องบินเพื่อตามมาสมทบเพื่อนร่วมกันตามหาแชงกรีล่าในทริปนี้ เพื่อนผมใน 4 คนนี้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทราบว่าผมจะนั่งรถเดินทางล่วงหน้ามาก่อน ส่วนอีก 3 คนที่เหลือ เข้าใจว่าผมจะบินมาพร้อมกันโดยนัดเจอกันที่สนามบินดอนเมือง แต่เหตุการณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ และ........
"จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเพื่อนของผมทั้ง 4 คนต้องเดินทางมาประเทศจีนครั้งแรกโดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย แชงกรีล่าที่เขาเคยฝันไว้ เขาจะสามารถตามหามันจนเจอได้หรือเปล่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพวกเขาจะรับมือและเอาตัวรอดได้อย่างไร และมาร่วมลุ้นกันว่า "สัมผัสแรก ณ.คุนหมิง" ของพวกเขาจะออกมาในรูปแบบใด มาร่วมชม ร่วมฟัง ภาพและเสียงเหตุการณ์จริงๆที่เกิดขึ้น ในรูปแบบ ซีรี่ย์ สารคดี หนังสั้น รายการท่องเที่ยวสุดแปลกแหวกแนว ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครอยากเหมือน ในชุดที่มีชื่อว่า "Hello / No / Let's Go ดี/ไม่/ไป Made in Shangri-la"ไปพร้อมๆกัน" ตามลิงค์ด้านล่างที่แปะไว้ให้ ได้เลยยยจ้าาาาา
เรามาเริ่มที่สนามบินคุนหมิงกันก่อนเลยนะครับ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ผมได้เดินทางมารอที่คุนหมิงอยู่ก่อนแล้ว 1 คืน โดยที่เพื่อนผมไม่มีใครทราบเลย มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ผมได้บอกล่วงหน้าไว้ก่อน ในคืนนั้นเองผมได้พยายามหาวิธีเข้า Facebook จากประเทศจีน เพราะปกติแล้วเวลาอยู่ที่ประเทศจีน เราจะไม่สามารถใช้งาน Facebook ได้ ในที่สุดความพยายามก็เป็นผล ผมไม่รอช้าที่จะรีบ ส่งข้อความไปหลอกเพื่อนผม ว่าผมไม่สามารถจะร่วมเดินทางมาในทริปนี้ได้ เหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ความรู้สึกแรกทันที ที่พวกเขาก้าวเข้าสัมผัสแผ่นดินจีนจะเป็นเช่น เราลองมาติดตามชมกันเลยนะครับ.....
และในตอนนี้ผมและเพื่อนก็มาถึงคุนหมิงกันแล้วนะครับ พวกเรามีเวลาที่นี่แค่เพียงหนึ่งวัน มาลองดูซิว่าพวกเราจะไปไหน จะไปกินอะไรกัน รสชาติอาหารจีนจะถูกปากพวกเราหรือไม่ เราลองมาติดตามชมกันเลยนะครับ.....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้