สวัสดีคะ รีวิวนี้เป็นรีวิวเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวในต่างแดน หากผิดพลาดประการใดขอน้อมรับไว้คนเดียวนะคะ ส่วนภาพถ่ายในรีวิวมาจากกล้องมือถือทั้งหมด อาจมีเบลอ มีฟรุ้งฟริ้งจากการใช้แอฟบ้าง ต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะคะ
ขออนุญาตเกริ่นนำเบาๆ นิดนึงนะคะ ทริปยุโรปครั้งนี้เป็นความตั้งใจของบัวล้วนๆ หลังจากเราผลาญเงินกับการจัดงานแต่งงานเป็นที่เรียบร้อย บัวก็เริ่มปฏิบัติการสับขาหลอกล่อสามีของบัว ที่ต้องการให้บัวประหยัดเงิน แต่เพิ่งแต่งงานทั้งที ไม่มีฮันนีมูน ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์มันก็ไม่ใช่ป่ะ (คิดเอง 5555 ) เลยถามพี่จ๋าว่าอยากไปเที่ยวพักผ่อนถือว่าเป็นฮันนีมูนของเราทั้งสองคนล่ะกัน พี่จ๋าตกลงเห็นด้วยแค่ในประเทศหรือไม่ก็ญี่ปุ่นพอ ไม่ให้ไปไกลกว่านี้ โอ้ววววคุณพระ...... ได้ยินครั้งแรกถึงกับวูบ แต่ไม่เป็นไรบัวต้องให้คุณสามียอมไปยุโรปให้ได้ บัวจึงเอาข้อมูลท่องเที่ยว ราคาตั๋วเครื่องบินและที่พัก ระหว่างญี่ปุ่นกับฝรั่งเศสมาเปรียบเทียบให้ดูว่าต่างกันเพียงไม่กี่หมื่น ทำไมเราถึงไม่เลือกที่จะเดินทางไปยุโรปสักครั้งในชีวิต (แล้วบัวก็ชักแม่น้ำทั้ง 10 พูดจนคุณสามียอมไปเที่ยวยุโรป 55555 ซึ่งตอนนั้นเป็นการเที่ยวในตัวเมืองปารีสทั้งหมด ยังไม่มีซานโตรินี่โผล่เข้ามาในทริปนี้นะคะ นางจึงยอมให้ไป พอเพิ่มเท่านั้นละคะ งบบานปลาย 5555 แต่บัวก็อุบไม่ให้คุณสามีทราบนะคะ)
บัวเริ่มจากศึกษาข้อมูลท่องเที่ยวของฝรั่งเศสทั้งในเวปและหนังสือท่องเที่ยวเป็นฐานข้อมูลให้บัวใช้ในการวางแผนการเดินทาง การเลือกที่พักและอีกหลายๆอย่างประกอบกันคะ งานนี้ไม่มีถอยบัวรีบจองตั๋วเครื่องบินก่อนเลยจร้า บัวเข้าสกายสแกนเนอร์เพื่อเชคราคาตั๋วว่าสายการบินไหนราคาตั๋วถูกสุด ซึ่งแรกๆ บัวเจอราคาไปกลับประมาณ 18,000 – 23,000 บาทต่อคน ซึ่งถูกมากกกกกก โดยให้บริการโดย สายการบินแอโรฟลอต สายการบินอินเดีย เจทแอร์เวย์ บัวเลยลองหาข้อมูลของสายการบินเหล่านี้จากคนที่เคยใช้บริการจากห้องบลูแพลนเนท ก็เห็นหลายคนบอกเรื่องดีเลย์บ้าง สถานที่ต่อเครื่องไม่สะดวกบ้าง มีตกเครื่องบ้าง น่ากลัวไม่ใช่น้อย ดังนั้นบัวเลยดูสายการบินที่ดีขึ้นมาอีกนิดถึงแม้ว่าราคาจะสูงหน่อยก็ไม่น่าเป็นไร ถ้าแลกกลับการไม่ต้องรอเครื่องนาน หรือ เสียวันเที่ยวไป 1 วันคะ
พอดีช่วงนั้นมีโปรโมชั่นของสายการบินการ์ต้าแอร์เวย์ โปรโมชั่น กรุงเทพ – ปารีส ไปกลับ ชั้นประหยัด ได้ราคาคนละ 28,000 บาท โดยประมาณนะคะ ยอดเป๊ะๆ จำไม่ได้คะ บัวเลยจองซะเลยเพราะทุกคนทราบดี ว่าสายการบินอาหรับบริการดีเลิศ เครื่องบินใหม่ ที่นั่งก็สบาย
เตรียมตัวก่อนออกเดินทางกันคะ
1. หลังจากได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว บัวก็เริ่มทำวีซ่าเชงเก้น โดยทำผ่าน TLS Contact Center รายละเอียดและเอกสารดูได้จากลิ้งค์นี้เลยคะ
https://www.tlscontact.com/th2fr/login.php?l=th บัวว่าทำผ่าน TLS สะดวกรวดเร็วและง่ายมากคะ และประมาณ 2 สัปดาห์บัวกับพี่จ๋าก็ได้รับวีซ่าคะ
2. จากนั้นบัวก็จองที่พักในปารีส ผ่าน www.hotels.com เนื่องจากบัวเทียบกับเวปของโรงแรมเอง กับเวปอื่นๆ ราคาของ Hotels.com จะถูกกว่าเล็กน้อยและก็มีรายการสะสมคืน หากพักครบ 10 คืน ฟรี 1 คืน ชอบก็ตรงนี้ละคะ ซึ่งตอนนี้ละคะที่บัวอยากไปเกาะซานโตรินี่ ประเทศกรีซเพิ่มเติม เพราะยังไงเราก็ได้วีซ่าเชงเก้นแล้วเราก็สามารถเดินทางผ่านประเทศต่างๆ ในเชงเก้นได้เลย ซึ่งจุดหมายแรกของเรายังคงเที่ยวที่ปารีสเป็นที่แรกก่อนคะ แล้วค่อยเจียดเวลาซัก 3- 4 วันไปนอนทะเลที่ซานโตรินี่
บัวไม่รอช้าจองตั๋วเครื่องบินไปกลับ ปารีส – ซานโตรินี่ ด้วยสายการบินเอเจี้ยนแอร์ ชั้นประหยัด (ราคาโหดพอสมควรคะ ประมาณ 15,000 กว่าบาทต่อท่าน แต่ด้วยความอยากไปก็ยอมจ่ายคะ รูดปริ๊ดดดดดดดดดดดด) ซึ่งตั๋วปารีส – เอเธนส์ แค่คนละ 4,000 - 6,000 กว่าบาทเองคะ แล้วก็ค่อยนั่งเรือจากเอเธนส์ไปเกาะซานโตรินี่ แต่หากเดินทางด้วยวิธีนี้บัวจะเสียเวลาในการเดินทางถึง 2 วันคะ บัวจึงต้องเลือกเป็นนั่งเครื่องบินบินตรงลงเกาะแทนคะ
สำหรับที่พักในปารีส บัวจะเลือกโซนที่ปลอดภัย โดยศึกษาจากรุ่นพี่ห้องบลูแพลนเนทนี่ละคะ ว่าควรพักเขตไหนในปารีส ซึ่งบัวเลือกย่านที่ราคาไม่แพงมากนักแต่ยังคงอยู่ในโซนที่ปลอดภัยคะ (หลีกเลี่ยงเขต 17 18 19 20 และโซน 9 ตอนบนที่ติดกับโซน 18 คะ) บัวเลือกที่พักดังนี้คะ
- ATN Hotel 21, rue d’Athènes 75009 Paris สำหรับ 3 คืนแรกคะ อยู่ในเขต 8 ติดกับ 9 โรงแรมระดับ 3 ดาว (เราเลือกห้องพัก 1 เตียงใหญ่ ไม่สูบบุหรี่เฉลี่ยคืนละ 4,280 บาทรวมภาษีแล้ว/ไม่รวมอาหารเช้าคะ ถ้าทานอาหารเช้าคนละ 12 ยูโร แต่ไม่เคยได้ทานคะ ไปทานข้างนอกตลอด) จากการเข้าพักตัวโรงแรมอยู่ใกล้กับเมโทร เงียบสงบและก็ปลอดภัยคะ ภายในห้องมีเตียงขนาดควีนไซน์ มินิบาร์ ตู้เสื้อผ้า ไดร์เป่าผม ไม้แขวนเสื้อ ตู้เซฟ ห้องน้ำมีอุปกรณ์อาบน้ำให้ครบ น้ำดื่ม 2 ขวดฟรีทุกวัน และมีแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องให้ทุกวันคะ (ภาพถ่ายจากเวปไซน์คะ)
ส่วนภาพนี้บัวถ่ายก่อนเข้าโรงแรมหลังจากกลับจากประตูชัย ประมาณ 2 ทุ่มได้คะ
- Lumen Hotel Paris, 15 Rue des Pyramides, 75001 Paris สำหรับ 2 คืนสุดท้ายเราเลือกที่พักใกล้กับพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ อยู่ในเขต 2 คะ โรงแรมระดับ 4 ดาว (เราเลือกห้องแบบห้องสวีทจะอยู่ชั้นบนสุดคะ ประกอบด้วย ห้องนอน 1 ห้อง + ห้องน้ำและอ่างอาบน้ำ / ห้องนั่งเล่น 1 ห้อง + ห้องน้ำเฉพาะชักโครกและอ่างล้างหน้า / ห้องแต่งตัว 1 ห้อง ซึ่งภายในมีตู้เซฟ ร่ม เสื้อคลุมอาบน้ำ สลิปเปอร์ / มีระเบียงทั้งห้องนั่งเล่นและห้องนอน / ห้องพักไม่สูบบุหรี่ เฉลี่ยคืนละ 14,050 บาทรวมภาษีและอาหารเช้า) จากที่เข้าพักประทับใจมากคะ เพราะใกล้พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เราชอบระเบียงเพราะมองเห็นทัศนียภาพของตัวเมืองปารีส / อาหารเช้าหลากหลาย / พนักงานดูแลเอาใจใส่มากคะ (ภาพถ่ายห้องพักจากเวปไซน์ของโรงแรมนะคะ)
ส่วนภาพที่บัวถ่ายเองคะ ความสวยงามของภาพอาจต่างกันนิดนึงนะคะ 555
ภาพนี้เป็นตอนที่นั่งรอเชคอินบริเวณ Lobby คะ
ห้องนอนคะ
ห้องน้ำในห้องนอนคะ มีไดร์เป่าผม อุปกรณ์อาบน้ำแบบพรี่เมี่ยม
โซนห้องนั่งเล่นคะ และระเบียงที่มองเห็นตึกฝั่งตรงข้าม
ส่วนอันนี้เป็นภาพจากระเบียงห้องนอนในตอนเช้าและตอนกลางคืนคะ
ส่วนโรงแรมที่ซานโตรินี่จะขอรีวิวตอนที่บัวรีวิวถึงตอนเที่ยวที่ซานโตรินี่นะคะ
3. ช่วงที่เดินทางปารีสอากาศค่อนข้างแปรปรวนคะ อุณหภูมิตั้งแต่ 3 – 19 องศา บางช่วงมีฝนตก เลยต้องเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะกับอากาศที่นั่นด้วยคะ
4. บัวเตรียมศึกษาข้อมูลเรื่องสถานที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละจุดคะ ว่าต้องเดินทางอย่างไร ใช้ถนนเส้นไหน ซึ่งบัวใช้ Google Map คะ จากการใช้งานมาแล้วต้องบอกเลยว่าตรงเป๊ะๆ ไม่มีหลงเลยคะ มั่นใจได้ 100% (แต่อย่ามาใช้ในเมืองไทยนะคะ Google Map ไม่ได้ผล แถมพาหลงด้วยคะ T T)
3. พอดีบัวเห็นในเวป มี Paris Pass สำหรับนักท่องเที่ยว ซื้อผ่านทางเวปคะ บัวเลือกแบบ 4 วัน ตอนนั้นมีโปรโมชั่น เหลือคนละ 158 ยูโรคะ (เลยซื้อ 2 คน รวมค่าจัดส่ง ประมาณ 12,000 บาท) ซึ่งประกอบด้วย 3 บัตร
- Paris Museum Pass สำหรับเข้าชมพิพิธภัณ์ต่างๆในปารีส
- The Paris Pass สำหรับเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในปารีส (ยกเว้นหอไอเฟล และบางส่วนของพระราชวังแวร์ซาย)
- Paris Visite สำหรับใช้เดินทางในปารีสด้วยรถไฟใต้ดิน รถบัส รถราง ภายในเขตโซน 1-3 เท่านั้น
เป็นภาพด้านหน้าและหลังของบัตร Paris Museum Pass กับ The Paris Pass
นอกจากนี้ยังมี Guide Book 1 เล่ม / แผนที่ในเมืองปารีส 1 แผ่น / และส่วนลดของร้านอาหารและห้างต่างๆที่เข้าร่วมรายการ
อย่างเช่น หน้าของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ก็จะบอกรายละเอียดการเดินทาง แผนที่ วันและเวลาเปิดทำการ
แผนที่รถไฟใต้ดินในปารีส เรียก Metro เม-โทร คะ มีทั้งหมด 14 สาย โดยแต่ละสายจะแบ่งตามสี ซึ่งเวลาเราเดินทางไปลงสถานีไหนให้ดูชื่อสถานีปลายทางสุดท้ายคะ เวลาขึ้นจะได้ไม่ผิดขบวน
โดยส่วนตัวบัวคิดว่าสำหรับคนเดินทางครั้งแรกมันคุ้มดีคะ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆที่เราจะไปอยู่ใน Paris โซน 1-3 คะ แล้วจากที่ได้ใช้งานตรง บัวชอบส่วนลด 10% ภายในห้างแกลาลี่ลาฟาแยท / ค่ารถบัสฟรีไปปารีทเอาเลท (ปกติคนละ 25 ยูโรคะ) ที่มาพร้อมกับส่วนลดอีก 10% ในเอ้าเลท / ขึ้น Paris Bus Tour หรือ รสบัสสีแดงเที่ยวชมตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในปารีส 1 วัน (ปกติคนละ 30 ยูโรคะ)
แต่ถ้าบัวมาอีกครั้งบัวคงไม่ซื้อ Paris Pass ใช้คะเพราะส่วนใหญ่ บัวไม่ค่อยได้ใช้รถไฟใต้ดินในการเดินทางเลยคะ เพราะชอบที่จะเดินเองคะ หากระยะทางไกลๆ ค่อยนั่ง Metro ซื้อตั๋วรถแบบ T-ticket เป็นต่อเที่ยวดีกว่าคะ (ราคาตั๋วประมาณ 1.8 ยูโรต่อเที่ยวต่อคนคะ หรือจะซื้อ 10 ใบในราคาแค่ 14.10 ยูโรก็ได้ต้คะ ลองคำนวนดูคะว่าแบบไหนเหมาะสมกับการเดินทางของคุณ ส่วนลิ้งค์นี้เป็นลิ้งค์เกี่ยวกับการเดินทางสาธารณะในปารีสพร้อมราคาค่าบัตรโดยสารประเภทต่างๆ คะ
http://www.ratp.fr/en/ratp/c_21879/visiting-paris/)
ส่วนอันนี้บัตรส่วนลด 10% ภายในห้างแกลาลี่ลาฟาแยท และขวามือเป็นตั๋วรถ Paris Bus Tour คะ
สำหรับ Paris Bus Tour ในปารีสมีหลายบริษัทคะ สำหรับผู้ที่ใช้สิทธิของ Paris Pass เราจะเดินทางด้วยรถ BIG BUS PARIS เป็นรถแบบนี้เท่านั้นนะคะ ขึ้นรถของบริษัทอื่นไม่ได้คะ (ภาพจากเวปไซน์คะ)
สำหรับคนที่สนใจบัตร Paris Pass ลองดูในเวปไซค์นี้คะ
https://www.parispass.com/how-it-works/
[CR] H O N E Y M O O N T R I P (PARIS – SANTORINI ISLAND / 4 - 13 Apr 15 ) ครั้งแรกกับการเที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง
ขออนุญาตเกริ่นนำเบาๆ นิดนึงนะคะ ทริปยุโรปครั้งนี้เป็นความตั้งใจของบัวล้วนๆ หลังจากเราผลาญเงินกับการจัดงานแต่งงานเป็นที่เรียบร้อย บัวก็เริ่มปฏิบัติการสับขาหลอกล่อสามีของบัว ที่ต้องการให้บัวประหยัดเงิน แต่เพิ่งแต่งงานทั้งที ไม่มีฮันนีมูน ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์มันก็ไม่ใช่ป่ะ (คิดเอง 5555 ) เลยถามพี่จ๋าว่าอยากไปเที่ยวพักผ่อนถือว่าเป็นฮันนีมูนของเราทั้งสองคนล่ะกัน พี่จ๋าตกลงเห็นด้วยแค่ในประเทศหรือไม่ก็ญี่ปุ่นพอ ไม่ให้ไปไกลกว่านี้ โอ้ววววคุณพระ...... ได้ยินครั้งแรกถึงกับวูบ แต่ไม่เป็นไรบัวต้องให้คุณสามียอมไปยุโรปให้ได้ บัวจึงเอาข้อมูลท่องเที่ยว ราคาตั๋วเครื่องบินและที่พัก ระหว่างญี่ปุ่นกับฝรั่งเศสมาเปรียบเทียบให้ดูว่าต่างกันเพียงไม่กี่หมื่น ทำไมเราถึงไม่เลือกที่จะเดินทางไปยุโรปสักครั้งในชีวิต (แล้วบัวก็ชักแม่น้ำทั้ง 10 พูดจนคุณสามียอมไปเที่ยวยุโรป 55555 ซึ่งตอนนั้นเป็นการเที่ยวในตัวเมืองปารีสทั้งหมด ยังไม่มีซานโตรินี่โผล่เข้ามาในทริปนี้นะคะ นางจึงยอมให้ไป พอเพิ่มเท่านั้นละคะ งบบานปลาย 5555 แต่บัวก็อุบไม่ให้คุณสามีทราบนะคะ)
บัวเริ่มจากศึกษาข้อมูลท่องเที่ยวของฝรั่งเศสทั้งในเวปและหนังสือท่องเที่ยวเป็นฐานข้อมูลให้บัวใช้ในการวางแผนการเดินทาง การเลือกที่พักและอีกหลายๆอย่างประกอบกันคะ งานนี้ไม่มีถอยบัวรีบจองตั๋วเครื่องบินก่อนเลยจร้า บัวเข้าสกายสแกนเนอร์เพื่อเชคราคาตั๋วว่าสายการบินไหนราคาตั๋วถูกสุด ซึ่งแรกๆ บัวเจอราคาไปกลับประมาณ 18,000 – 23,000 บาทต่อคน ซึ่งถูกมากกกกกก โดยให้บริการโดย สายการบินแอโรฟลอต สายการบินอินเดีย เจทแอร์เวย์ บัวเลยลองหาข้อมูลของสายการบินเหล่านี้จากคนที่เคยใช้บริการจากห้องบลูแพลนเนท ก็เห็นหลายคนบอกเรื่องดีเลย์บ้าง สถานที่ต่อเครื่องไม่สะดวกบ้าง มีตกเครื่องบ้าง น่ากลัวไม่ใช่น้อย ดังนั้นบัวเลยดูสายการบินที่ดีขึ้นมาอีกนิดถึงแม้ว่าราคาจะสูงหน่อยก็ไม่น่าเป็นไร ถ้าแลกกลับการไม่ต้องรอเครื่องนาน หรือ เสียวันเที่ยวไป 1 วันคะ
พอดีช่วงนั้นมีโปรโมชั่นของสายการบินการ์ต้าแอร์เวย์ โปรโมชั่น กรุงเทพ – ปารีส ไปกลับ ชั้นประหยัด ได้ราคาคนละ 28,000 บาท โดยประมาณนะคะ ยอดเป๊ะๆ จำไม่ได้คะ บัวเลยจองซะเลยเพราะทุกคนทราบดี ว่าสายการบินอาหรับบริการดีเลิศ เครื่องบินใหม่ ที่นั่งก็สบาย
เตรียมตัวก่อนออกเดินทางกันคะ
1. หลังจากได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว บัวก็เริ่มทำวีซ่าเชงเก้น โดยทำผ่าน TLS Contact Center รายละเอียดและเอกสารดูได้จากลิ้งค์นี้เลยคะ https://www.tlscontact.com/th2fr/login.php?l=th บัวว่าทำผ่าน TLS สะดวกรวดเร็วและง่ายมากคะ และประมาณ 2 สัปดาห์บัวกับพี่จ๋าก็ได้รับวีซ่าคะ
2. จากนั้นบัวก็จองที่พักในปารีส ผ่าน www.hotels.com เนื่องจากบัวเทียบกับเวปของโรงแรมเอง กับเวปอื่นๆ ราคาของ Hotels.com จะถูกกว่าเล็กน้อยและก็มีรายการสะสมคืน หากพักครบ 10 คืน ฟรี 1 คืน ชอบก็ตรงนี้ละคะ ซึ่งตอนนี้ละคะที่บัวอยากไปเกาะซานโตรินี่ ประเทศกรีซเพิ่มเติม เพราะยังไงเราก็ได้วีซ่าเชงเก้นแล้วเราก็สามารถเดินทางผ่านประเทศต่างๆ ในเชงเก้นได้เลย ซึ่งจุดหมายแรกของเรายังคงเที่ยวที่ปารีสเป็นที่แรกก่อนคะ แล้วค่อยเจียดเวลาซัก 3- 4 วันไปนอนทะเลที่ซานโตรินี่
บัวไม่รอช้าจองตั๋วเครื่องบินไปกลับ ปารีส – ซานโตรินี่ ด้วยสายการบินเอเจี้ยนแอร์ ชั้นประหยัด (ราคาโหดพอสมควรคะ ประมาณ 15,000 กว่าบาทต่อท่าน แต่ด้วยความอยากไปก็ยอมจ่ายคะ รูดปริ๊ดดดดดดดดดดดด) ซึ่งตั๋วปารีส – เอเธนส์ แค่คนละ 4,000 - 6,000 กว่าบาทเองคะ แล้วก็ค่อยนั่งเรือจากเอเธนส์ไปเกาะซานโตรินี่ แต่หากเดินทางด้วยวิธีนี้บัวจะเสียเวลาในการเดินทางถึง 2 วันคะ บัวจึงต้องเลือกเป็นนั่งเครื่องบินบินตรงลงเกาะแทนคะ
สำหรับที่พักในปารีส บัวจะเลือกโซนที่ปลอดภัย โดยศึกษาจากรุ่นพี่ห้องบลูแพลนเนทนี่ละคะ ว่าควรพักเขตไหนในปารีส ซึ่งบัวเลือกย่านที่ราคาไม่แพงมากนักแต่ยังคงอยู่ในโซนที่ปลอดภัยคะ (หลีกเลี่ยงเขต 17 18 19 20 และโซน 9 ตอนบนที่ติดกับโซน 18 คะ) บัวเลือกที่พักดังนี้คะ
- ATN Hotel 21, rue d’Athènes 75009 Paris สำหรับ 3 คืนแรกคะ อยู่ในเขต 8 ติดกับ 9 โรงแรมระดับ 3 ดาว (เราเลือกห้องพัก 1 เตียงใหญ่ ไม่สูบบุหรี่เฉลี่ยคืนละ 4,280 บาทรวมภาษีแล้ว/ไม่รวมอาหารเช้าคะ ถ้าทานอาหารเช้าคนละ 12 ยูโร แต่ไม่เคยได้ทานคะ ไปทานข้างนอกตลอด) จากการเข้าพักตัวโรงแรมอยู่ใกล้กับเมโทร เงียบสงบและก็ปลอดภัยคะ ภายในห้องมีเตียงขนาดควีนไซน์ มินิบาร์ ตู้เสื้อผ้า ไดร์เป่าผม ไม้แขวนเสื้อ ตู้เซฟ ห้องน้ำมีอุปกรณ์อาบน้ำให้ครบ น้ำดื่ม 2 ขวดฟรีทุกวัน และมีแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องให้ทุกวันคะ (ภาพถ่ายจากเวปไซน์คะ)
ส่วนภาพนี้บัวถ่ายก่อนเข้าโรงแรมหลังจากกลับจากประตูชัย ประมาณ 2 ทุ่มได้คะ
- Lumen Hotel Paris, 15 Rue des Pyramides, 75001 Paris สำหรับ 2 คืนสุดท้ายเราเลือกที่พักใกล้กับพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ อยู่ในเขต 2 คะ โรงแรมระดับ 4 ดาว (เราเลือกห้องแบบห้องสวีทจะอยู่ชั้นบนสุดคะ ประกอบด้วย ห้องนอน 1 ห้อง + ห้องน้ำและอ่างอาบน้ำ / ห้องนั่งเล่น 1 ห้อง + ห้องน้ำเฉพาะชักโครกและอ่างล้างหน้า / ห้องแต่งตัว 1 ห้อง ซึ่งภายในมีตู้เซฟ ร่ม เสื้อคลุมอาบน้ำ สลิปเปอร์ / มีระเบียงทั้งห้องนั่งเล่นและห้องนอน / ห้องพักไม่สูบบุหรี่ เฉลี่ยคืนละ 14,050 บาทรวมภาษีและอาหารเช้า) จากที่เข้าพักประทับใจมากคะ เพราะใกล้พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เราชอบระเบียงเพราะมองเห็นทัศนียภาพของตัวเมืองปารีส / อาหารเช้าหลากหลาย / พนักงานดูแลเอาใจใส่มากคะ (ภาพถ่ายห้องพักจากเวปไซน์ของโรงแรมนะคะ)
ส่วนภาพที่บัวถ่ายเองคะ ความสวยงามของภาพอาจต่างกันนิดนึงนะคะ 555
ภาพนี้เป็นตอนที่นั่งรอเชคอินบริเวณ Lobby คะ
ห้องนอนคะ
ห้องน้ำในห้องนอนคะ มีไดร์เป่าผม อุปกรณ์อาบน้ำแบบพรี่เมี่ยม
โซนห้องนั่งเล่นคะ และระเบียงที่มองเห็นตึกฝั่งตรงข้าม
ส่วนอันนี้เป็นภาพจากระเบียงห้องนอนในตอนเช้าและตอนกลางคืนคะ
ส่วนโรงแรมที่ซานโตรินี่จะขอรีวิวตอนที่บัวรีวิวถึงตอนเที่ยวที่ซานโตรินี่นะคะ
3. ช่วงที่เดินทางปารีสอากาศค่อนข้างแปรปรวนคะ อุณหภูมิตั้งแต่ 3 – 19 องศา บางช่วงมีฝนตก เลยต้องเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะกับอากาศที่นั่นด้วยคะ
4. บัวเตรียมศึกษาข้อมูลเรื่องสถานที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละจุดคะ ว่าต้องเดินทางอย่างไร ใช้ถนนเส้นไหน ซึ่งบัวใช้ Google Map คะ จากการใช้งานมาแล้วต้องบอกเลยว่าตรงเป๊ะๆ ไม่มีหลงเลยคะ มั่นใจได้ 100% (แต่อย่ามาใช้ในเมืองไทยนะคะ Google Map ไม่ได้ผล แถมพาหลงด้วยคะ T T)
3. พอดีบัวเห็นในเวป มี Paris Pass สำหรับนักท่องเที่ยว ซื้อผ่านทางเวปคะ บัวเลือกแบบ 4 วัน ตอนนั้นมีโปรโมชั่น เหลือคนละ 158 ยูโรคะ (เลยซื้อ 2 คน รวมค่าจัดส่ง ประมาณ 12,000 บาท) ซึ่งประกอบด้วย 3 บัตร
- Paris Museum Pass สำหรับเข้าชมพิพิธภัณ์ต่างๆในปารีส
- The Paris Pass สำหรับเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในปารีส (ยกเว้นหอไอเฟล และบางส่วนของพระราชวังแวร์ซาย)
- Paris Visite สำหรับใช้เดินทางในปารีสด้วยรถไฟใต้ดิน รถบัส รถราง ภายในเขตโซน 1-3 เท่านั้น
เป็นภาพด้านหน้าและหลังของบัตร Paris Museum Pass กับ The Paris Pass
นอกจากนี้ยังมี Guide Book 1 เล่ม / แผนที่ในเมืองปารีส 1 แผ่น / และส่วนลดของร้านอาหารและห้างต่างๆที่เข้าร่วมรายการ
อย่างเช่น หน้าของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ก็จะบอกรายละเอียดการเดินทาง แผนที่ วันและเวลาเปิดทำการ
แผนที่รถไฟใต้ดินในปารีส เรียก Metro เม-โทร คะ มีทั้งหมด 14 สาย โดยแต่ละสายจะแบ่งตามสี ซึ่งเวลาเราเดินทางไปลงสถานีไหนให้ดูชื่อสถานีปลายทางสุดท้ายคะ เวลาขึ้นจะได้ไม่ผิดขบวน
โดยส่วนตัวบัวคิดว่าสำหรับคนเดินทางครั้งแรกมันคุ้มดีคะ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆที่เราจะไปอยู่ใน Paris โซน 1-3 คะ แล้วจากที่ได้ใช้งานตรง บัวชอบส่วนลด 10% ภายในห้างแกลาลี่ลาฟาแยท / ค่ารถบัสฟรีไปปารีทเอาเลท (ปกติคนละ 25 ยูโรคะ) ที่มาพร้อมกับส่วนลดอีก 10% ในเอ้าเลท / ขึ้น Paris Bus Tour หรือ รสบัสสีแดงเที่ยวชมตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในปารีส 1 วัน (ปกติคนละ 30 ยูโรคะ)
แต่ถ้าบัวมาอีกครั้งบัวคงไม่ซื้อ Paris Pass ใช้คะเพราะส่วนใหญ่ บัวไม่ค่อยได้ใช้รถไฟใต้ดินในการเดินทางเลยคะ เพราะชอบที่จะเดินเองคะ หากระยะทางไกลๆ ค่อยนั่ง Metro ซื้อตั๋วรถแบบ T-ticket เป็นต่อเที่ยวดีกว่าคะ (ราคาตั๋วประมาณ 1.8 ยูโรต่อเที่ยวต่อคนคะ หรือจะซื้อ 10 ใบในราคาแค่ 14.10 ยูโรก็ได้ต้คะ ลองคำนวนดูคะว่าแบบไหนเหมาะสมกับการเดินทางของคุณ ส่วนลิ้งค์นี้เป็นลิ้งค์เกี่ยวกับการเดินทางสาธารณะในปารีสพร้อมราคาค่าบัตรโดยสารประเภทต่างๆ คะ http://www.ratp.fr/en/ratp/c_21879/visiting-paris/)
ส่วนอันนี้บัตรส่วนลด 10% ภายในห้างแกลาลี่ลาฟาแยท และขวามือเป็นตั๋วรถ Paris Bus Tour คะ
สำหรับ Paris Bus Tour ในปารีสมีหลายบริษัทคะ สำหรับผู้ที่ใช้สิทธิของ Paris Pass เราจะเดินทางด้วยรถ BIG BUS PARIS เป็นรถแบบนี้เท่านั้นนะคะ ขึ้นรถของบริษัทอื่นไม่ได้คะ (ภาพจากเวปไซน์คะ)
สำหรับคนที่สนใจบัตร Paris Pass ลองดูในเวปไซค์นี้คะ https://www.parispass.com/how-it-works/