โกหกว่าแม่ป่วยใกล้ตาย ... สุดท้ายยืมเงินไปใช้ชีวิตแบบสโลวไลฟ์ (ลูกหนี้สตรอเบอรี่ VS เจ้าหนี้ซื่อบื้อ)

กระทู้สนทนา
เริ่มเลยนะคะ
คือเรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนคนนี้มายืมเงินค่ะ (ปกติสมัยตอนเรียนมหาลัยด้วยกันก็ชอบมายืมเงิน แบบไม่มีเหตุผล คือแค่เงินใช้ไม่พอ แต่จะยืมไม่มาก   ห้าร้อย พันนึง เราก็จะให้ยืมไปและกว่าจะคืนบางทีก็นาน ไม่เคยคืนตรงตามกำหนดที่สัญญา จนตอนหลังๆ ก็ไม่ค่อยได้ให้ยืมแล้ว) แต่ครั้งนี้เหตุผลที่ให้ยืมเพราะว่าคุณเพื่อนบอกว่า แม่ป่วยหนักค่ะ หัวใจล้มเหลว อยู่ห้องไอซียู ก็เลยเป็นที่มาของเรื่องค่ะ

ขอแบ่งเป็น 3 Part นะคะ
Part 1 เริ่มไลน์มาขอยืมเงิน
Part 2 ไม่คืนเงินตามกำหนด และมีพฤติกรรมน่าสงสัย
Part 3 เริ่มจับโกหกได้ และได้รู้ความจริงจากครอบครัว ว่าแม่ไม่ได้ป่วย ... ทั้งหมดคือเรื่องแต่ง

Part 1
เริ่มจากไลน์มาหาค่ะ วันที่ 6 กุมภามาขอยืมเงิน โดยบอกว่าแม่ไม่สบาย ป่วยหนักอยู่ไอซียู อาการเป็นตายเท่ากัน ตอนนั้นเราก็ตกใจค่ะ คือเป็นห่วงแม่เพื่อน และเป็นห่วงเพื่อนด้วยกลัวเค้าจะตกใจ แต่เราไม่ได้อยู่ไทยค่ะ ไปเรียนภาษา ก็เลยลำบากในเรื่องโอนเงินให้ แต่ก็พยายามช่วยเต็มที่

   

   

      

      

แหม่ะ รู้วิธีการเป็นอย่างดี มีหาข้อมูล วิธีการโอนมาให้พร้อม (ตอนอยากได้เงินเรานี่ทำได้ทุกอย่างจริงๆ) เลขที่บัญชีอะไร ส่งมาให้ไวม๊าก ดูเพื่อนเป็นห่วงแม่มากค่ะ กินไม่ได้นอนไม่หลับ เราก็พลอยเป็นห่วงไปด้วย เข้าใจว่ามันก็มีค่าใช้จ่ายเยอะ บอกว่าแม่อาการ 50/50 ต้องการพาแม่ย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ (เพื่อนเป็นคนจ.น่านค่ะ)

   

   

ถามยิกๆๆๆ ค่ะ เงินจะได้เมื่อไหร่ ถึงตอนไหน เราก็ทั้งทำงาน ไหนจะลูกค้าที่ร้าน ไหนจะเจ้านาย ก็วุ่นวาย แต่ก็ห่วงเพื่อน หาวิธีโอนเงินแล้ว กว่าเพื่อนจะได้เงินก็อีกหลายวัน กลัวจะไม่ทันการ เลยขอยืมพี่สาวที่ไทยค่ะ ให้พี่สาวโอนจากบัญชีเค้าไปให้เพื่อน ปกติพี่สาวเป็นคนดุค่ะ และก็ไม่ค่อยพอใจกับพฤติกรรมการยืมเงินของเพื่อนคนนี้มานานแล้ว แต่ครั้งนี้ที่ยอมโอนให้ เพราะเราบอกไปว่า แม่เพื่อนป่วยหนัก พี่สาวเลยยอมช่วยค่ะ ครั้งที่1 โอนไปวันที่ 7 กุมภา 5,000 บาทค่ะ และบอกแล้วว่าให้ทยอยคืนพี่สาวเราด้วย เดือนละพันก็ยังดี

   

   

ผ่านไป 2 วันค่ะ มาขอยืมเพิ่มอีก หนึ่งพันบาท บอกรวบรวมเงินจะครบแล้วขาดอีกนิด จะพาแม่ย้ายโรงพยาบาล เราก็โอเค ปลอบใจ ให้กำลังใจ ให้สู้ๆ เดี๋ยวจะถามพี่สาวให้ (อยู่ต่างประเทศนะคะ จะติดต่อกับพี่สาวก็ไม่ใช่ง่าย เวลาก็ไม่ตรงกัน) สรุปว่าพี่สาวก็ยอมค่ะ โอนให้อีกพันนึง วันที่ 9 กุมภา โอนให้อีกหนึ่งพันบาท ตอนนี้รวมเป็น 6,000 บาทแล้วค่ะ

   

   

   

แม่ออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ วันที่ 21 กุมภา เงียบหายไปค่ะ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร อยากให้เค้าดูแลแม่ไป ... วันที่ 2 มีนาค่ะ บอกว่าเดือนนี้ยังไม่มีเงินคืนนะ เราก็โอเคไม่เป็นไร ดูแลแม่ให้ดี สู้ๆ เป็นกำลังใจให้

   

วันที่ 11 มีนาค่ะ เราก็เห็นเงียบไปหลายวัน เป็นห่วง เลยทักไปว่าเป็นยังไงบ้าง ก็เลยโดนยืมเงินเพิ่มอีก 6 พันค่ะ แต่คราวนี้ไม่ได้เอาไปให้แม่ค่ะ จะเอาไปรักษาตัวเอง ... บอกให้เราไปขอพี่สาวอีกค่ะ (ของเก่ายังไม่ได้คืนนะคะ จะยืมอีก) เป็นโชคดีของพี่สาวเราค่ะ ที่ไม่ได้ให้เพื่อนเรายืมในครั้งนี้

   

   

   

เราก็ช่วยอะไรได้ไม่มากค่ะ แต่ก็เป็นห่วง คอยสอน คอยเตือนสติ ตอนนี้เพื่อนดูมืดแปดด้าน ขอยืมเงินใครก็ไม่มีใครให้ยืม เป็นเพราะพฤติกรรมที่ไม่ดีมาตลอด คือไม่ได้ยืมเงินเฉพาะตอนจำเป็นค่ะ เหมือนเป็นคนบริหารเงินไม่เป็น เงินไม่เคยพอใช้ ยืมคนนี้คืนคนนั้น หมุนไปเรื่อยๆ เลยไม่มีใครอยากให้ยืมแล้ว

   

วันนี้วันเกิดเราค่ะ วันเกิดเพื่อนเราไม่เคยลืมซักปีเลยค่ะ แต่เพื่อนดูจะไม่ได้ใส่ใจอะไร ... ไม่เป็นไรค่ะ เข้าใจ เพื่อนกำลังเครียดเรื่องแม่ เราก็อยากให้กำลังใจเพื่อน

   

วันที่ 18 มีนา มาถามเรื่องเครื่องสำอางค์ที่เมกาค่ะ ... จะไปแต่งหน้าให้แม่หรืออะไร ไม่สงสัยอะไรค่ะ ก็ถามให้คนอื่นนี่นา (แต่ก็ไม่มีพูดถึงเรื่องจะคืนเลย) จนได้เริ่มทวงไป แล้วคำตอบที่ได้ก็แบบ เหมือนตอบมาส่งๆ ว่าอืม สิ้นเดือนนู่นแหละ ตอนนี้ไม่มี ... หรอ ตอนยืมนี่เร่งยิกๆๆๆ แต่เราไม่ว่าไรค่ะ เข้าใจ ก็เงินเดือนเค้ายังไม่ออกน่ะเรารู้ค่ะ แต่แค่จะบอกว่าออกแล้วคืนพี่สาวเราด้วยนะ

   

เราคอยสอน คอยเตือนสติอยู่ตลอด เล่าเรื่องของเราให้ฟัง ว่าความจริงแล้วเราลำบากนะ มาเรียนต่างประเทศไม่ได้สบายอย่างที่คนอื่นคิดนะ อยากให้เค้ารู้ว่า ทุกคนก็มีปัญหากันทั้งนั้น อยากให้เค้าอดทนผ่านมันไปให้ได้ ... แล้วสิ้นเดือนก็เงียบหายค่ะ แต่เราก็ไม่ได้ทวงไป คิดว่าเพื่อนคงจะมีจิตสำนึกบ้าง เงินเดือนออกแล้วก็ควรจะคืน หรือถ้าจะไม่คืนยังไงก็ควรจะบอก ...

   
วันที่ 2 เมษาค่ะ มาบอกว่า จะคืนเงินพี่สาวเรา ประมาณวันที่ 7-8 เมษา เราก็ดีใจค่ะ อย่างน้อยเราจะได้ไม่โดนพี่สาวด่าค่ะ อุ่นใจละ เดี๋ยวเพื่อนจะคืนเงิน .... แต่ก็ไม่เอะใจนะคะ จนกระทั่งวันที่ 9 เมษา เราก็อ่าว นี่มันเลยกำหนดมาแล้วนี่นา ไหนบอกจะคืนวันที่ 7-8 แต่จนวันที่ 9 แล้ว ไม่เห็นมาขอเลขที่บัญชีพี่สาวเราเลย

   

เราถามไปว่ามีเลขที่บัญชีพี่สาวเรารึยังค่ะ ถึงได้บอกว่ายังไม่มี (นี่ถ้าไม่ทวงไป ก็จะนิ่งน่ะหรอ งง ...) ไม่พอค่ะ ขอเลขที่บัญชีไป แต่เงินก็ยังไม่โอนคืนนะ ผ่านไปหนึ่งวัน แม่เข้าโรงพยาบาลอีกรอบค่ะ เราก็กะว่าคราวนี้แม่เพื่อนต้องแย่แน่ๆ เลย เหมือนคราวก่อนก็หนัก แล้วนี่จะเข้าอีกแล้ว เป็นห่วงเพื่อนกับแม่เพื่อนค่ะตอนนั้น คิดว่าเพื่อนก็คงทำอะไรไม่ถูก เราก็พยามเตือนสติ ให้เค้าคิดเยอะๆ ให้กำลังใจเค้าค่ะ

   

วันที่ 10 เมษาค่ะ บอกว่าเป็นห่วงแม่มาก ร้องไห้ อยากกอดแม่ ตอนนี้แม่ต้องให้ออกซิเจน ... เหตุผลที่เข้าโรงพยาบาลครั้งนี้ เพราะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

   

   

เพื่อนเริ่มพูดไม่หยุดค่ะ เครียดอย่างงั้นอย่างงี้ (เหมือนรู้ว่าเราเป็นคนใจดี ใจอ่อน ยังไงก็ต้องหาทางช่วยจนได้) คือเราก็ได้บอกปัญหาขอเราไป เราก็ไม่ได้มีเงินมากมายนะ ยืมที่บ้านมาเหมือนกันเยอะด้วย ... มีพูดถึงเรื่องกู้นอกระบบค่ะ เราไม่สนับสนุนนะคะ แต่ถ้าจำเป็น ก็เป็นเรื่องที่เค้าควรจะปรึกษาครอบครัว พ่อกับพี่ชายมากกว่า

   

   

พูดบ่นว่าญาติตัวเองสารพัด ... จนเราก็สงสารค่ะ เหมือนเค้าหาใครพึ่งไม่ได้เลย (แต่จริงเค้าพยามไซโคเราค่ะ โดยที่เราก็หลงกลง่ายมาก ไม่รู้ว่าเค้าเก่ง หรือเราฉลาดน้อย)

   

กำลังคุยกันเพลินๆค่ะ อยู่ๆ พี่ชายก็โทรมาหาพ่อค่ะ บอกว่าแม่อาการทรุด เพื่อนดูร้อนรนมาก เราเองก็กลัวไปด้วย ตกใจค่ะ กลัวแม่เพื่อนตาย กลัวเพื่อนจะทำไรไม่ถูก พยายามบอกให้เค้าสวดมนต์ ตั้งสติ ในระหว่างนั้นเราก็พยายามหาวิถีทาง โอนเงินไปให้เค้าค่ะ โทรหาเพื่อนหลายคน ทั้งที่อยู่ด้วยกัน และที่ไทย ว่าใครพอจะมีเงินบ้าง จะเอาให้เพื่อนยืม แม่เพื่อนป่วยหนัก กำลังจะตาย

   

วันที่ 10 เมษาค่ะ โอนเงินไปให้อีก 10,000 บาทค่ะ (คราวนี้โทรไปขอยืมเงินเจ้านายให้โอนให้ค่ะ ซึ่งคิดเป็นเงินเหรียญ เรตเงินตอนนั้นก็ต่ำกว่าตอนนี้ 2 3 บาทเลย) คือเหมือนถูกไซโคค่ะตอนนั้น คือเป็นห่วงเพื่อนและแม่เพื่อนมาก และมีความคิดว่า เงินเราก็ไม่ได้มีเยอะ ก็พอจะช่วยเค้าได้นิดหน่อยก็อยากจะช่วย คือไม่อยากนอนดูเงินในบัญชีเพิ่มขึ้นๆ แล้วปล่อยให้แม่เพื่อนตายค่ะ รู้ว่าเงินแค่หนึ่งหมื่นอาจจะช่วยชีวิตแม่เค้าไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ช่วยอะไรเลย เลยรีบหาทางโอนไปให้ไวที่สุด กลัวว่าจะไม่ทัน สรุปตอนนี้ให้เงินเพื่อนยืมไป 16,000 ค่ะ (ของพี่สาวเราหกพัน ของเราหมื่นนึง)

       

       

เราเริ่มถามถึงอาการของแม่ เพราะเพื่อนเริ่มพูดจา กำกวม ดูไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่ หายใจเองแต่ใส่เครื่องช่วยหายใจ หรืออะไรยังไง ถามระดับออกซิเจนตอนไม่ได้ให้ออกซิเจนก็ไม่ตอบ

มีต่อค่ะ .. Part 2 และ Part 3
แท็กผิดขอภัยนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่