Day 2 Christchurch- Springfield- Castle Hill- Arthur's pass- Otira Viaduct- Punakaiki- Greymouth
วันนี้ออกจาก Christchurch เร็วหน่อย ประมาณ 7 โมง เพราะมีจุดหมายอยู่หลายที่ เส้นทางที่จะขับกันทั้งหมดในวันนี้ประมาณ 350 km. อย่างที่บอก เราต้องเผื่อเวลาในการขับรถไว้ด้วย เพราะเราคงต้องแวะจอดข้างทางเพื่อถ่ายรูปเป็นระยะๆ (ก็วิวมันสวยอ่ะ)
ท้องฟ้าวันนี้ไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่ มืดครึ้ม อืมครึมตั้งแต่เช้า และดูทีท่าว่าคงจะเป็นอย่างนี้ไปทั้งวัน รูปที่ได้คงจะไม่เหมือนอย่างคนอื่นเค้า ถึงจะเอาไปแต่งยังไงก็คงไม่ช่วย มองไปบนฟ้ามีแต่เมฆยาวสีขาวดั่งสโลแกน เห็นแล้วเพลีย
เส้นที่จะขับในวันนี้คือ Highway 73 ขับมุ่งไปทาง West Coast ผ่าน Springfield ที่ที่หลายๆรีวิวแนะนำให้แวะร้านพายชื่อดัง (มั้ย ไม่แน่ใจ แต่ก็แวะ) ชื่อร้าน Sheffield Pie Shop ในร้านมีขนมเยอะแยะ พายหน้าต่างๆเต็มไปหมด เลือกไม่ถูกเลย สุดท้ายเอามาคนละอันสองอัน
พายอันใหญ่มาก กินหมด มีจุก
จากนั้นก็ไปต่อจุดหมายถัดไป Castle Hill
เป็นลานหินปูนขนาดใหญ่ มีตั้งแต่หินก้อนเล็กมากไปจนถึงก้อนใหญ่มาก จอดรถตรงปากทางเข้า แล้วเดินชมไปเรื่อยๆ ไม่เสียค่าเข้าชมนะ แต่ควรระวังผึ้งไว้หน่อยก็ดี เพราะเดินไปสักพักจะได้ยินเสียงหึ่งๆๆๆๆ
หินปูนพวกนี้มีรูปร่างแตกต่างกันออกไป ดูอลังการดี เหมือนมีใครเอาหินมาวางเรียงรายอย่างตั้งใจอย่างงั้นแหละ
เมื่อถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว ก็ขึ้นรถไปยังจุดหมายต่อไป Arthur’s Pass
ชื่อที่เรียกก็ตามประวัติเลย มีนาย Arthur Dudley Dobson มาผ่านจึงค้นพบบริเวณนี้เข้าเมื่อปี 1864 เป็นจุดที่สูงที่สุดของ Southern Alps ด้วย
บริเวณนี้เราจะเห็นรถ ทั้งรถเก๋งและรถบ้านจอดแวะเพื่อถ่ายรูป กินข้าว และพักรถระหว่างทางด้วย จริงๆสวยมากนะ แต่เมฆเยอะไปหน่อยเลยไม่เห็นสีฟ้าของท้องฟ้าเลย รูปที่ได้ก็อย่างที่เห็น
แต่เดี๋ยวก่อน...ก่อนที่เราจะรีวิวจุดหมายถัดไป ขอแทรกด้วยวิวสองข้างทางที่เราแวะแล้วแวะอีกกันสักหน่อย
ถึงสีท้องฟ้าจะไม่สวย แต่มันได้อารมณ์ road trip มาก
วิวนี้ ถ้าไม่ได้ถ่ายถือว่าพลาด หาไม่ได้นะป้ายจราจรแบบนี้ในไทย
OMG! ตอนแรกนึกว่าก้อนอะไรอยู่ในทุ่ง ที่ไหนได้ น้องแกะ นั่นเอง
*เค้า (ใครไม่รู้เหมือนกัน) บอกว่า ประชากรแกะของที่นี่มีมากกว่าคนถึง 10 เท่า แต่ดูๆแล้ว เหมือนจะมากกว่านั้นนะ ไปไหนๆก็เจอแต่แกะ ไม่ค่อยเจอคน
ขับต่อมาอีกไม่นาน เราก็จะเจอ Otira Viaduct
เป็นสะพานที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนต่างๆ เช่น หินร่วง หิมะถล่ม เพราะตรงจุดนี้เป็นจุดที่เชื่อมต่อระหว่าง Highway 73 (ที่เราวิ่งมาจากเขต Canterbury) กับภูเขาสูงของ Southern Alps มันมีความลาดชันมาก วิศวกรจึงออกแบบสะพานนี้ขึ้นมาเพื่อประโยชน์นี้ แถมยังมีความสวยงามอีกด้วย
เอาเท้าเหยียบคันเร่งกันต่อจ้ะ อีกไม่นานเราก็มาถึง Punakaiki
เป็นชายฝั่งทะเลที่มีหินปูนเป็นชั้นๆเรียงรายอยู่ตลอดแนว หินพวกนี้เกิดจากการที่ถูกน้ำและลมกัดเซาะจนเป็นรูปร่างอย่างที่เห็น สวยงามตามธรรมชาติจริงๆ อย่างที่บอกหินพวกนี้เรียงรายยาวมาก ดังนั้นไม่ต้องไปยืนออกันอยู่แถวปากทางเข้าที่เพิ่งเริ่มเห็นหินนะจ้ะ (เราก็เป็นหนึ่งในนั้น) ยังมีอีกหลายร้อยก้อนให้ดูตามทางเดิน 555 ยิ่งลึกยิ่งสวย ขอบอก
ตรงปากทางเข้า นอกจากจะมี café ขายอาหารแล้ว ยังมีร้านขายของที่ระลึก รวมถึง ผลิตภัณฑ์จากผึ้งที่ขึ้นชื่อด้วยนะ Manuka Honey สรรพคุณของมันเยอะมาก ทั้งผสมเครื่องดื่มให้ความหวาน ช่วยระบายท้องสำหรับคนท้องผูก และเอามาทาแผลสดให้หายเร็วได้ด้วย
และแล้วเราก็บรรลุทุกจุดหมายในวันนี้ เตรียมขับตรงไปเข้า Greymouth หาที่พักชื่อ Apostle View Motel กันได้เลย
ครัวพร้อมมาก
หลังบ้านน่านั่งมาก แต่ไม่มีเวลานั่ง
ใครมาแวะค้างคืนแถวนี้ แนะนำอีกเช่นกัน ที่พักดี สะอาด ครัวพร้อมมาก
แล้วเจอกันใหม่ใน Day 3 นะคะ ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ
[CR] Tripfortreat: 11 วันหรรษา กับ Tiida ที่ New Zealand (เกาะใต้) Day 2
วันนี้ออกจาก Christchurch เร็วหน่อย ประมาณ 7 โมง เพราะมีจุดหมายอยู่หลายที่ เส้นทางที่จะขับกันทั้งหมดในวันนี้ประมาณ 350 km. อย่างที่บอก เราต้องเผื่อเวลาในการขับรถไว้ด้วย เพราะเราคงต้องแวะจอดข้างทางเพื่อถ่ายรูปเป็นระยะๆ (ก็วิวมันสวยอ่ะ)
ท้องฟ้าวันนี้ไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่ มืดครึ้ม อืมครึมตั้งแต่เช้า และดูทีท่าว่าคงจะเป็นอย่างนี้ไปทั้งวัน รูปที่ได้คงจะไม่เหมือนอย่างคนอื่นเค้า ถึงจะเอาไปแต่งยังไงก็คงไม่ช่วย มองไปบนฟ้ามีแต่เมฆยาวสีขาวดั่งสโลแกน เห็นแล้วเพลีย
เส้นที่จะขับในวันนี้คือ Highway 73 ขับมุ่งไปทาง West Coast ผ่าน Springfield ที่ที่หลายๆรีวิวแนะนำให้แวะร้านพายชื่อดัง (มั้ย ไม่แน่ใจ แต่ก็แวะ) ชื่อร้าน Sheffield Pie Shop ในร้านมีขนมเยอะแยะ พายหน้าต่างๆเต็มไปหมด เลือกไม่ถูกเลย สุดท้ายเอามาคนละอันสองอัน
จากนั้นก็ไปต่อจุดหมายถัดไป Castle Hill
เป็นลานหินปูนขนาดใหญ่ มีตั้งแต่หินก้อนเล็กมากไปจนถึงก้อนใหญ่มาก จอดรถตรงปากทางเข้า แล้วเดินชมไปเรื่อยๆ ไม่เสียค่าเข้าชมนะ แต่ควรระวังผึ้งไว้หน่อยก็ดี เพราะเดินไปสักพักจะได้ยินเสียงหึ่งๆๆๆๆ
หินปูนพวกนี้มีรูปร่างแตกต่างกันออกไป ดูอลังการดี เหมือนมีใครเอาหินมาวางเรียงรายอย่างตั้งใจอย่างงั้นแหละ
เมื่อถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว ก็ขึ้นรถไปยังจุดหมายต่อไป Arthur’s Pass
ชื่อที่เรียกก็ตามประวัติเลย มีนาย Arthur Dudley Dobson มาผ่านจึงค้นพบบริเวณนี้เข้าเมื่อปี 1864 เป็นจุดที่สูงที่สุดของ Southern Alps ด้วย
บริเวณนี้เราจะเห็นรถ ทั้งรถเก๋งและรถบ้านจอดแวะเพื่อถ่ายรูป กินข้าว และพักรถระหว่างทางด้วย จริงๆสวยมากนะ แต่เมฆเยอะไปหน่อยเลยไม่เห็นสีฟ้าของท้องฟ้าเลย รูปที่ได้ก็อย่างที่เห็น
แต่เดี๋ยวก่อน...ก่อนที่เราจะรีวิวจุดหมายถัดไป ขอแทรกด้วยวิวสองข้างทางที่เราแวะแล้วแวะอีกกันสักหน่อย
*เค้า (ใครไม่รู้เหมือนกัน) บอกว่า ประชากรแกะของที่นี่มีมากกว่าคนถึง 10 เท่า แต่ดูๆแล้ว เหมือนจะมากกว่านั้นนะ ไปไหนๆก็เจอแต่แกะ ไม่ค่อยเจอคน
ขับต่อมาอีกไม่นาน เราก็จะเจอ Otira Viaduct
เป็นสะพานที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนต่างๆ เช่น หินร่วง หิมะถล่ม เพราะตรงจุดนี้เป็นจุดที่เชื่อมต่อระหว่าง Highway 73 (ที่เราวิ่งมาจากเขต Canterbury) กับภูเขาสูงของ Southern Alps มันมีความลาดชันมาก วิศวกรจึงออกแบบสะพานนี้ขึ้นมาเพื่อประโยชน์นี้ แถมยังมีความสวยงามอีกด้วย
เอาเท้าเหยียบคันเร่งกันต่อจ้ะ อีกไม่นานเราก็มาถึง Punakaiki
เป็นชายฝั่งทะเลที่มีหินปูนเป็นชั้นๆเรียงรายอยู่ตลอดแนว หินพวกนี้เกิดจากการที่ถูกน้ำและลมกัดเซาะจนเป็นรูปร่างอย่างที่เห็น สวยงามตามธรรมชาติจริงๆ อย่างที่บอกหินพวกนี้เรียงรายยาวมาก ดังนั้นไม่ต้องไปยืนออกันอยู่แถวปากทางเข้าที่เพิ่งเริ่มเห็นหินนะจ้ะ (เราก็เป็นหนึ่งในนั้น) ยังมีอีกหลายร้อยก้อนให้ดูตามทางเดิน 555 ยิ่งลึกยิ่งสวย ขอบอก
ตรงปากทางเข้า นอกจากจะมี café ขายอาหารแล้ว ยังมีร้านขายของที่ระลึก รวมถึง ผลิตภัณฑ์จากผึ้งที่ขึ้นชื่อด้วยนะ Manuka Honey สรรพคุณของมันเยอะมาก ทั้งผสมเครื่องดื่มให้ความหวาน ช่วยระบายท้องสำหรับคนท้องผูก และเอามาทาแผลสดให้หายเร็วได้ด้วย
และแล้วเราก็บรรลุทุกจุดหมายในวันนี้ เตรียมขับตรงไปเข้า Greymouth หาที่พักชื่อ Apostle View Motel กันได้เลย
ใครมาแวะค้างคืนแถวนี้ แนะนำอีกเช่นกัน ที่พักดี สะอาด ครัวพร้อมมาก
แล้วเจอกันใหม่ใน Day 3 นะคะ ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ