[CR] LET'S TAKE A SHORT TRIP! ll 24 hours at K H A O Y A I

สวัสดี
วันนี้จะพาไปเที่ยวแบบสั้นๆ
ชีวิตนี้เกิดมา30ปี เพิ่งจะเคยได้ไปเขาใหญ่เป็นครั้งแรก แถมไม่ได้หาข้อมูลอะไรเลยนอกจากจองห้องพักไว้
เพราะกะว่าจะไปพักผ่อนซะหน่อย มันเหนื่อยกับงานมากกกกกกก ร่างจะพัง
เลยตั้งโจทย์เล่นๆ ว่า ถ้าไปเขาใหญ่แค่วันเดียว จะทำอะไรได้บ้าง ...  ม า ดู กั น


ป.ล. 1 เราวางมือจากรีวิวไปนานมากกกกก นานจนลืมพาสเวิร์ดไปแล้ว ถึงกับต้องตั้งแอคเคานท์ใหม่กันเลย บ้าจริง
ติดขัด รูปใหญ่บ้างเล็กบ้างอย่าว่ากันนะก๊ะ
ป.ล. 2 ฝากกระทู้เก่าของเราแต่ก่อนไว้ด้วยนะ จะรักมากกกก
http://pantip.com/topic/31010511
พาเดินเล่นที่แฟรงก์เฟิร์ต เสนอตอน...ดมกลิ่นหนังสือที่งาน Frankfurt Book Fair 2012
http://pantip.com/topic/31013950
พาไปดูงานหนังสือที่ไทเป 'Taipei International Book Fair 2013'

เอาล่ะ ขายของเก่าเสร็จแล้วก็ออกเดินทางได้!!

12.00 น. วันที่ 10 กรกฎาคม
ภาพตัดไปอยู่ที่หน้าทางเข้าโรงแรมเลย หาไม่ยากจากถนนมิตรภาพเลี้ยวเข้าถนนธนะรัชต์
ถ้าคนมาเขาใหญ่บ่อยๆ คงนึกออกแหละเนอะ วิ่งยาวจนเกือบถึงทางเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ก็เลี้ยวซ้ายซะ ตรงไปอีกเก้ากิโลก็ถึงโรงแรมชาโต เดอ เขาใหญ่ ถูกต้องแล้ว!!
ครั้งแรกเราเลยขอมานอนที่พักในตำนานหน่อย ได้ยินชื่อมานานมาก

ป.ล. ถ้าเปิดกูเกิ้ลแมพ มันจะพาเราเข้าทางสถานีตำรวจหมูสี ซึ่งถนนกำลังทำอยู่ ใจบาปมาก TT TT

ตรงหน้าทางเข้านี้เราต้องแจ้งพี่ รปภ. หน่อยว่ามาพักที่นี่นะ
แล้วเขาก็จะให้บัตรที่เขียนว่า "ลูกค้าเข้าพัก" เอามาไว้หน้ารถ
เวลาเข้าออกจะได้ไม่ต้องถามกันทุกครั้งเนอะ


แผนผังในโรงแรม ตอนแรกเหมือนจะกว้างมากกก พอลองเดินและลองปั่นจักรยานแล้ว ฉันก็โอเค

เลี้ยวเข้าไปยังตึก Chateau (ชาโต) เพื่อเช็กอิน ตึกนี้จริงๆ แล้วก็มีห้องพักด้วย ไม่ใช่แค่ทำหน้าที่เป็นล็อบบี้เก๋ๆเท่านั้น
เราขอพนักงานเช็กอินก่อนเวลา ซึ่งเขาก็อนุญาตด้วย ดีจุง บางที่ต้องนั่งรอเวลา
กรอกรายละเอียดนิดหน่อย เสร็จพนักงานก็ให้บัตรกินอาหารเช้า
ส่วนกุญแจไม่ต้องนะ เพราะบ้านพักแต่ละหลังจะมีแม่บ้านอยู่ให้ไปรับได้ที่บ้านพักเลย

ชาโต ตกแต่งตามแบบ French Colonial Style สวยขลังๆ แบบสาวปารีเซียง มีน้ำพุอยู่หน้าตึกด้วย แต่วันนี้เขาไม่เปิด ตึง!!





ลงทะเบียนนิดหน่อย ตรงนี้มีแผนที่โรงแรมแจกด้วย อย่าลืมหยิบไว้เผื่อเป็นมนุษย์อ่านทิศพลาดบ่อย ยิ้ม



ด้านหลังของตึกนี้ จะเห็นภูเขาอยู่ไม่ไกล

อ้อ ตึกชาโตนี้มีคาเฟ่บริการด้วย (ชื่อ Demoiselle Cafe)
ถ้าชอบจิบชาหรือกาแฟแกล้มเบเกอรี่แนะนำมาก เพราะบรรยากาศตรงระเบียงเนี่ยละมุนสุดๆ

ยังคงสไตล์เฟรนช์โคโลเนียล




ไปดูห้องพักกัน เราจองบ้าน Victoria House ห้องแบบ Deluxe
บ้านหลังนี้เคยเป็นสถานที่ถ่ายละครเรื่องสี่หัวใจแห่งขุนเขาด้วย
จากประตูทางเข้าหน้าบ้านมองไปก็จะเห็นบ้านหลังสีชมพูหลังใหญ่ชื่อ Monet House


บ้านหลังนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวความรักของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียกับเจ้าชายอัลเบิร์ตเชียวนะ


มีสวนวงกตเล็กๆ อีกฝั่งของบ้านที่เราพักด้วย



อีกรูปแบบเต็มๆ


มองจากหน้าบ้าน Victoria House จะเห็น Monet House อยู่ไม่ไกล

มาดูห้องเราบ้าง เราได้ห้องชั้นล่าง เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอแบบนี้

เหมือนมาฮันนีมูนเลยเขียว ฮ่าๆๆ


กว้างมากกก กว้างกว่าห้องนอนที่บ้านอี้ก


มาดูสิ่งอำนวยความสะดวกบ้าง






ครบตามมาตรฐานโรงแรม

13.00 น. ไปกินอาหารกลางวันกัน

ยังสำรวจโรงแรมไม่เสร็จ เราเลยยังไม่อยากออกไปกินข้างนอก (ฮ่าๆ)
เลยแวะไปกินกันที่ห้องอาหารของโรมแรมฯ ไม่ไกลจากบ้านพักมาก
แต่แนะนำให้เรียกรถกอล์ฟจะดีกว่า บอกแม่บ้านได้นะ เขาจะเรียกให้เราเอง


Maria Restaurant ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเลย วิวดี ลมเย็น (ย้อนกลับไปดูแผนผังได้ว่าอยู่ตรงไหน ถ้านึกไม่ออกนะจ๊ะ)
ปกติครัวจะปิดตอนสี่ทุ่ม แต่วันที่เราไปพนักงานแจ้งว่าจะปิดเร็ว
ซึ่งโชคดีมากที่เราสั่งได้เป็นโต๊ะสุดท้ายพอดี เพราะมีกรุ๊ปสัมมนามา

เปิดเมนูแล้วเลือกที่เขาเขียนเป็นเมนูแนะนำไว้ ซึ่งก็คือ ลาบหมูทอด (ราคา 150 บาท)
ปลากะพงทอดน้ำปลา (360 บาท) และแกงส้มชะอมกุ้ง (ราคา 150 บาท)
ราคาอาหารเหมือนร้านอาหารทั่วไปเลย (ตอนแรกคิดว่าจะแพงกว่านี้นะเนี่ย)






ถ่ายภาพเดี่ยวไปแล้ว มาถ่ายภาพหมู่กันบ้าง กิกิ


จากโต๊ะอาหารเราจะมองเห็นบ้านพักอีกสองหลังที่อยู่อีกฟากของทะเลสาบ
คือบ้าน Buddy House 1 และ Buddy House 2
(สองหลังนี้สามารถพาสัตว์เลี้ยงมาได้ด้วยนะ เพราะเป็นบ้านแบบส่วนตัว)

กินเสร็จแล้วไปเดินเล่นกัน เดินไปไม่ไกลจากตรงนี้ ก็จะเจอบ้านหลังใหญ่
ดูจากที่เขาเตรียมของกันอยู่น่าจะเป็นห้องที่เอาไว้สัมนาหรืออะไรสักอย่าง
หลังนี้ ...

เดินไปอีกนิดเจอสระน้ำแหละ เห็นป้ายติดไว้ว่าเป็นบริเวณฟิตเนส
มีทั้งห้องฟิตเนส สระว่ายน้ำ แล้วก็สนามเทนนิส



15.30 น. ออกไปเที่ยวข้างนอกกัน

ขับรถออกมาที่ถนนธนะรัชต์หาร้านขนมหวานกินหน่อย เห็นร้าน The Chocolate Factory ใหญ่โตโอ่อ่า เลยแวะซะเลย


ป่ะ! เข้าโรงงานกัน


ร้านข้างในแบ่งเป็นโซนของฝาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์จากช็อกโกแลต
ข้างๆ กันเป็นห้องกระจกโชว์การผลิตช็อกโกแลต จากเชฟ และโซนเบเกอรี่ เครื่องดื่ม และที่นั่ง



อยากกวาดทั้งตู้เบยยยยย

เชฟกำลังทำช็อกโกแลตโชว์แหละ




ยืนส่องตู้เค้กอยู่นาน เพราะมีเค้กเยอะเกิน
เลยเลือกชิ้นที่ชอบกินที่สุด >> เครปเค้กและสตรอว์เบอร์ร่ีซอส (80 บาท) รสชาติใช้ได้ ไม่หวานดี
กินกับชาร้อน (50 บาท) และมอคค่าเย็น (จำราคาไม่ได้)



ระหว่างนั้นลองเสิร์ชหาที่เที่ยวแถวๆ นี้ ซึ่งไม่เอาพวก Palio หรืออะไรแบบนี้
ก็ไปเจอกับเขาใหญ่อาร์ตมิวเซียม เลยลองขับไปตามอแผนที่
ซึ่งไม่ไกลจากโรงแรมชาโต เดอ เขาใหญ่ ที่พักเราเท่าไร
ไปกันต่อดีกว่า!

17.15 น. เขาใหญ่อาร์ตมิวเซียม (Khao Yai Art Museum)



กว่าจะถึงก็เกือบหกโมงเย็นแล้ว จากเว็บรีวิวที่ดูมาบอกว่าวันศุกร์ปิดสองทุ่ม
แต่พอไปถึงหน้างาน ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์บอกว่าปิดหกโมงทุกวันนะคะ (คุณหลอกดาววว)
เลยขอพี่เขาขอดูหน่อย อุตส่าห์มาแล้ว
ซึ่งแกก็ใจดี ให้ดูด้วย แต่ต้องทำเวลานิดหนึ่ง


น่าจะคุ้นตากันเนอะ


ชิ้นนี้ชื่อ "ชาย-ผ้าเหลือง" ศิลปิน: อนุพงษ์ จันทร


ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของเจ้าของกิจการเครือจินดากรุ๊ป (ก๊อกน้ำซันว่าก็คือหนึ่งในนี้)
ตอนแรกคิดว่างานศิลปะข้างในจะธรรมดา ของศิลปินทั่วไป แต่ไม่เลย! มีแต่ชิ้นเด็ดๆ
ทั้งของอาจารย์ชลูด นิ่มเสมอ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี
และอาจารย์ปรีชา เถาทอง สุดยอดอ่ะ บอกเลย!

ชิ้นนี้ของอาจารย์เฉลิมชัย

19.00 น. อาหารเย็นร้าน ณ เขาใหญ่

ก่อนกลับโรงแรมเราหาข้าวเย็นกินกัน ซึ่งหวยตกที่ร้านอาหารอีสานสไตล์เพื่อชีวิต ณ เขาใหญ่ เสียดายลืมถ่ายรูป เพราะเราหิวมากกกก
ชื่อสินค้า:   ที่พักปากช่อง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่