เมื่อสาย ๆ ของวันนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้อ่านคำพิพากษาตัดสินว่า นายวรวีร์ มะกูดี หรือ บังยี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ นายองอาจ ก่อสินค้า หรือ บิ๊กเปี๊ยก ประธานไทยพรีเมียร์ลีก มีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2556
โดยระบุโทษว่า ต้องจำคุก 2 ปี และปรับเงิน 6,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยกระทำความผิด จึงลดโทษให้ 1 ใน 4 เหลือเพียง จำคุก 1 ปี 4 เดือน และปรับเงิน 4,000 บาท ในส่วนของโทษจำคุกให้รอลงอาญา โดยสามารถยื่นอุทรณ์ได้ภายใน 30 วัน และดูว่าทางฝั่งจำเลยก็ยังคงที่จะ “แสดงความบริสุทธิ์” โดยการจะไปสู้ในศาลอุทรณ์และศาสฎีกาตามลำดับ
นายจำรัส ยิ้มสง่า
ถ้าจะให้ผมมานั่งเล่าถึงความวุ่นวายต่าง ๆ เมื่อ 2 ปีที่แล้วกับการเลือกตั้ง ต้องบอกเลยว่าคงจำไม่ได้หมด แต่เอาคร่าว ๆ ก็คือ ในการเลือกตั้งครั้งนั้น มีการ “สวมสิทธิ์” เกิดขึ้นมากมาย ส่วนใหญ่เป็นทีมในระดับดิวิชั่น 2 ยกตัวอย่าง นายจำรัส นุ้ยสง่า คณะกรรมการ บ.สโมสฟุตบอลพังงา (ในขณะนั้น) ออกมากล่าวว่า “ตนเองเป็นผู้บริหารทีมฟุตบอล พังงา และได้รับการอนุมัติจาก กกต. แล้ว แต่เหตุใดคณะกรรมการอุทธรณ์จึงมีมติให้ ก่อแก้ว พิกุลทอง ซึ่งเป็นผู้บริหารชุดเก่าได้ใช้สิทธิ์” และอีกหลาย ๆ กลุ่มมากมายที่ออกมาเรียกร้องในประเด็นคล้าย ๆ กัน
นายณฐภณ ปัญญาคณานุกูล
จริง ๆ แล้ว บังยี ได้ถูกยกฟ้องคดีในเรื่องนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยศาลปกครองกลาง โดยระบุว่า “การจัดการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาชอบด้วยกฏหมาย” และต่อมา คุณณฐภณ ปัญญาคณานุกูล ประธานสโมสรพัทยา เอฟซี ใต้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพฯใต้ และก็ได้ผลออกมาตามที่กล่าวไว้ข้างต้น
เรื่องรูปคดีต่าง ๆ ผมคงไม่พูดถึงต่อไปแล้ว เพราะเอาเข้าจริง ๆ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า เรื่องจริงแท้มันเป็นยังไง ก็ขอให้ท่านผู้อ่านให้วิจารณญาณในการตัดสินเองละกันนะครับ แต่สิ่งที่ผม “สงสัย” มาอยู่ตลอด ก็คือ เรื่องความสง่างามของนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยนี่ละครับ
ไปมอบถ้วยแชมป์ดิวิชั่น 1 แต่ไม่ไปมอบถ้วยแชมป์ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก??
พฤติกรรมหลาย ๆ อย่าง ของประมุขฟุตบอลไทยรายนี้ แสดงออกอย่างชัดเจนในการ แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น การไม่ไปมอบถ้วยแชมป์ให้กับแชมป์โตโยต้าไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ปี 2557 แต่ดันเลือกที่จะไปมอบถ้วยให้กับ แชมป์ ยามาฮ่า ลีกวัน แทน, การบริหารงานของคณะทำงานที่ “ชุ่ย” เอามาก ๆ ในว่าจะเป็น นำผู้เล่นติดโทษแบน 2 รายไปเล่นกับญี่ปุ่นในนัดเยือน ปี 2554, กรณีล้มเลือกตั้ง ปี พ.ศ. 2554, การขายเสียง ที่ ลอร์ด ทรีสแมน อดีตประธานสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ได้ออกมากล่าวหา, การจัดสร้างสนามฟุตซอลโลก, โปรแกรมอุ่นเครื่องทีมชาติที่โหว่ไปจนทำให้อันดับโลกของไทยตกต่ำจนถึงปัจจุบัน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ คือ ข้อสงสัยของผมที่มีต่อการทำงานของคุณวรวีร์ มะกูดี ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่
แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกในฐานะแฟนฟุตบอลชาวไทยคนนึง ก็คือ การที่ท่านถูกแฟนบอล (ที่ผมเชื่อ) ว่ามากกว่าร้อยละ 90 ของแฟนฟุตบอลทั่วประเทศ รุมประณาม, เกลียดชัง, ด่าทอ, สาบแช่ง จนถึงขนาดบางรายต้องการให้เกิดอาเพศกับตัวท่าน ทั้งในและนอกสนาม ความสง่างามของนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มันไปมุดอยู่ตรงไหนครับ? ท่านไม่รู้สึกเขอะเขินบ้างเหรอครับ เวลาที่เข้าไปในสนามบอลแล้วมีแต่คนตะโกน ด่าทอ สาบแช่ง อยู่ตลอดเวลา
กราฟอันดับโลกฟุตบอลทีมชาติไทย
และอย่ามาอ้างเลยครับ ว่า ตอนที่ท่านเป็นเลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ภายใต้เงาของ “วีเจ” วิจิตร เกตุแก้ว ท่านทำให้ทีมชาติไทยไปอยู่ในอันดับโลกที่สูงที่สุดที่ 43 หากนั้นคือความสำเร็จเพียงอันเดียวที่ท่านจะเอามากล่าวอ้างได้ รบกวนช่วย “แหงนมอง” อันดับปัจจุบันของทีมชาติไทยอันเป็นที่รักของท่านหน่อยจะได้ไหมครับ? ถ้านับตั้งแต่ท่านดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมาคมฯ จนถึงเถลิงอำนาจเป็น นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย อันดับทีมชาติก็ “ตกต่ำ” ลงเรื่อย ๆ ไม่มีแนวโน้มที่จะผงกหัวขึ้นมาเลย นี่หรือครับ ผลงานของบุคคลคุณภาพคับแก้วคับจอ?
ผมคงไม่บอกว่าให้ท่าน “ลาออก” หรืออะไรหรอกนะครับ เพราะรู้ว่าพูดไป เขียนไป ก็เท่านั้น เพียงแต่หวังว่าหากท่าน “คิดได้” และเห็นแก่ความเจริญก้าวหน้าของฟุตบอลไทย ก็ควรที่จะ “ถอยตัวออกมา” เพื่อให้คนมีความสามารถได้ดำรงตำแหน่งต่อไป ซึ่งในปัจจุบัน มีหลากหลายบุคคลที่พัฒนาฝีมือขึ้นมาตามฟุตบอลอาชีพไทยที่กำลังคึกคัก และเป็นที่ยอมรับของนักฟุตบอล, ทีมฟุตบอล รวมถึง แฟนฟุตบอล ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของฟุตบอลไทย
กองเชียร์ วรวีร์ มะกูดี
หรือจะมัวมาอ้างว่าสร้างความสุขให้กับ “กองเชียร์ข้าวกล่อง” ของท่าน อันนี้ก็แล้วแต่ละกันนะครับ เพราะยังไงก็ตาม สำหรับผม (คนเดียว) แล้ว ท่านก็เป็น “นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยที่เป็นจุดด่างพร้อยของประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย” อยู่ดีครับ
หลังห้าหน้าสาม
credit : goal.com, pantip.com, ballthaifc.com,manager.co.th
credit ผู้เขียนบทความ :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://lung5nah3.wordpress.com/2015/07/22/%E0%B8%9F%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-11/
Page ผู้เขียนบทความ :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://facebook.com/soccercafenews
ความสง่างามอยู่ตรงไหน? : คำถามคาใจที่มีต่อประมุขฟุตบอลไทย
เมื่อสาย ๆ ของวันนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้อ่านคำพิพากษาตัดสินว่า นายวรวีร์ มะกูดี หรือ บังยี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ นายองอาจ ก่อสินค้า หรือ บิ๊กเปี๊ยก ประธานไทยพรีเมียร์ลีก มีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2556
โดยระบุโทษว่า ต้องจำคุก 2 ปี และปรับเงิน 6,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยกระทำความผิด จึงลดโทษให้ 1 ใน 4 เหลือเพียง จำคุก 1 ปี 4 เดือน และปรับเงิน 4,000 บาท ในส่วนของโทษจำคุกให้รอลงอาญา โดยสามารถยื่นอุทรณ์ได้ภายใน 30 วัน และดูว่าทางฝั่งจำเลยก็ยังคงที่จะ “แสดงความบริสุทธิ์” โดยการจะไปสู้ในศาลอุทรณ์และศาสฎีกาตามลำดับ
นายจำรัส ยิ้มสง่า
ถ้าจะให้ผมมานั่งเล่าถึงความวุ่นวายต่าง ๆ เมื่อ 2 ปีที่แล้วกับการเลือกตั้ง ต้องบอกเลยว่าคงจำไม่ได้หมด แต่เอาคร่าว ๆ ก็คือ ในการเลือกตั้งครั้งนั้น มีการ “สวมสิทธิ์” เกิดขึ้นมากมาย ส่วนใหญ่เป็นทีมในระดับดิวิชั่น 2 ยกตัวอย่าง นายจำรัส นุ้ยสง่า คณะกรรมการ บ.สโมสฟุตบอลพังงา (ในขณะนั้น) ออกมากล่าวว่า “ตนเองเป็นผู้บริหารทีมฟุตบอล พังงา และได้รับการอนุมัติจาก กกต. แล้ว แต่เหตุใดคณะกรรมการอุทธรณ์จึงมีมติให้ ก่อแก้ว พิกุลทอง ซึ่งเป็นผู้บริหารชุดเก่าได้ใช้สิทธิ์” และอีกหลาย ๆ กลุ่มมากมายที่ออกมาเรียกร้องในประเด็นคล้าย ๆ กัน
นายณฐภณ ปัญญาคณานุกูล
จริง ๆ แล้ว บังยี ได้ถูกยกฟ้องคดีในเรื่องนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยศาลปกครองกลาง โดยระบุว่า “การจัดการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาชอบด้วยกฏหมาย” และต่อมา คุณณฐภณ ปัญญาคณานุกูล ประธานสโมสรพัทยา เอฟซี ใต้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพฯใต้ และก็ได้ผลออกมาตามที่กล่าวไว้ข้างต้น
เรื่องรูปคดีต่าง ๆ ผมคงไม่พูดถึงต่อไปแล้ว เพราะเอาเข้าจริง ๆ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า เรื่องจริงแท้มันเป็นยังไง ก็ขอให้ท่านผู้อ่านให้วิจารณญาณในการตัดสินเองละกันนะครับ แต่สิ่งที่ผม “สงสัย” มาอยู่ตลอด ก็คือ เรื่องความสง่างามของนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยนี่ละครับ
ไปมอบถ้วยแชมป์ดิวิชั่น 1 แต่ไม่ไปมอบถ้วยแชมป์ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก??
พฤติกรรมหลาย ๆ อย่าง ของประมุขฟุตบอลไทยรายนี้ แสดงออกอย่างชัดเจนในการ แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น การไม่ไปมอบถ้วยแชมป์ให้กับแชมป์โตโยต้าไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ปี 2557 แต่ดันเลือกที่จะไปมอบถ้วยให้กับ แชมป์ ยามาฮ่า ลีกวัน แทน, การบริหารงานของคณะทำงานที่ “ชุ่ย” เอามาก ๆ ในว่าจะเป็น นำผู้เล่นติดโทษแบน 2 รายไปเล่นกับญี่ปุ่นในนัดเยือน ปี 2554, กรณีล้มเลือกตั้ง ปี พ.ศ. 2554, การขายเสียง ที่ ลอร์ด ทรีสแมน อดีตประธานสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ได้ออกมากล่าวหา, การจัดสร้างสนามฟุตซอลโลก, โปรแกรมอุ่นเครื่องทีมชาติที่โหว่ไปจนทำให้อันดับโลกของไทยตกต่ำจนถึงปัจจุบัน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ คือ ข้อสงสัยของผมที่มีต่อการทำงานของคุณวรวีร์ มะกูดี ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่
แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกในฐานะแฟนฟุตบอลชาวไทยคนนึง ก็คือ การที่ท่านถูกแฟนบอล (ที่ผมเชื่อ) ว่ามากกว่าร้อยละ 90 ของแฟนฟุตบอลทั่วประเทศ รุมประณาม, เกลียดชัง, ด่าทอ, สาบแช่ง จนถึงขนาดบางรายต้องการให้เกิดอาเพศกับตัวท่าน ทั้งในและนอกสนาม ความสง่างามของนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มันไปมุดอยู่ตรงไหนครับ? ท่านไม่รู้สึกเขอะเขินบ้างเหรอครับ เวลาที่เข้าไปในสนามบอลแล้วมีแต่คนตะโกน ด่าทอ สาบแช่ง อยู่ตลอดเวลา
กราฟอันดับโลกฟุตบอลทีมชาติไทย
และอย่ามาอ้างเลยครับ ว่า ตอนที่ท่านเป็นเลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ภายใต้เงาของ “วีเจ” วิจิตร เกตุแก้ว ท่านทำให้ทีมชาติไทยไปอยู่ในอันดับโลกที่สูงที่สุดที่ 43 หากนั้นคือความสำเร็จเพียงอันเดียวที่ท่านจะเอามากล่าวอ้างได้ รบกวนช่วย “แหงนมอง” อันดับปัจจุบันของทีมชาติไทยอันเป็นที่รักของท่านหน่อยจะได้ไหมครับ? ถ้านับตั้งแต่ท่านดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมาคมฯ จนถึงเถลิงอำนาจเป็น นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย อันดับทีมชาติก็ “ตกต่ำ” ลงเรื่อย ๆ ไม่มีแนวโน้มที่จะผงกหัวขึ้นมาเลย นี่หรือครับ ผลงานของบุคคลคุณภาพคับแก้วคับจอ?
ผมคงไม่บอกว่าให้ท่าน “ลาออก” หรืออะไรหรอกนะครับ เพราะรู้ว่าพูดไป เขียนไป ก็เท่านั้น เพียงแต่หวังว่าหากท่าน “คิดได้” และเห็นแก่ความเจริญก้าวหน้าของฟุตบอลไทย ก็ควรที่จะ “ถอยตัวออกมา” เพื่อให้คนมีความสามารถได้ดำรงตำแหน่งต่อไป ซึ่งในปัจจุบัน มีหลากหลายบุคคลที่พัฒนาฝีมือขึ้นมาตามฟุตบอลอาชีพไทยที่กำลังคึกคัก และเป็นที่ยอมรับของนักฟุตบอล, ทีมฟุตบอล รวมถึง แฟนฟุตบอล ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของฟุตบอลไทย
กองเชียร์ วรวีร์ มะกูดี
หรือจะมัวมาอ้างว่าสร้างความสุขให้กับ “กองเชียร์ข้าวกล่อง” ของท่าน อันนี้ก็แล้วแต่ละกันนะครับ เพราะยังไงก็ตาม สำหรับผม (คนเดียว) แล้ว ท่านก็เป็น “นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยที่เป็นจุดด่างพร้อยของประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย” อยู่ดีครับ
credit : goal.com, pantip.com, ballthaifc.com,manager.co.th
credit ผู้เขียนบทความ : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Page ผู้เขียนบทความ : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้