สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผม ที่ผมอยากมาแบ่งปันเรื่องราวดีๆของผมกับสัตว์ เพื่อนๆลองอ่านดูนะครับ
ผมขอเรียกชื่อตัวเองว่าเจ (นามสมมุติ) ผมจะมาเล่าเรื่องสุนัขตัวน้อยที่น่ารักของผมมันชื่อว่า “บ๊อบบี้” ผมเป็นเด็กที่ฉลาดแต่ค่อนข้างเป็นคนขี้เกียจ เรียนหนังสืออยู่ในระดับปานกลาง ทุกๆเช้าของวันเปิดเทอมผมจะตื่นแต่เช้า และก็ปั่นจักรยานคู่ใจของผมไปเรียนทุกวัน ทุกๆเย็นหลังเลิกเรียน ผมจะกลับบ้านทันทีไม่อยู่ในโรงเรียนเพื่อเล่นกับเพื่อนๆของผมหรอก เพราะผมค่อนข้างมีโลกส่วนตัวนิดๆ แต่ไม่ถึงขั้นเก็บตัวอยู่คนเดียว เย็นวันหนึ่งแม่ของผมกลับบ้านมา และมาพร้อมข่าวดี เป็นข่าวดีสำหรับเด็กตัวเล็กๆ ตาดำๆ อย่างผม แม่พูดว่า “วันนี้เพื่อนของแม่ จะให้สุนัข 1 ตัว ตัวเล็กๆ สีดำกลับมาเลี้ยงที่บ้าน ซักแปบคงจะมาถึงบ้านเราแล้วล่ะ” ทำให้ผมมีความรู้สึกดีใจมากๆ จนอยากจะให้เพื่อนของแม่พาหมามาถึงที่บ้านไวๆ เพราะในชีวิตของผมที่บ้านไม่เคยเลี้ยงสุนัขไว้ซักตัว และวันนี้ผมก็มีสุนัขเป็นของตัวเองซักที สักครู่ผมก็ได้ยินรถของเพื่อนแม่มาจอดที่หน้าบ้าน ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆจนอยากจะหัวเราะดังๆออกมา ทันใดนั้นเพื่อนของแม่ก็อุ้มสุนัขตัวเล็กๆ สีดำ น่ารัก ออกมาจากรถแล้ว พร้อมกล่องที่อยู่ของมัน เย็นวันนั้นผม น้องสาวผม พ่อ และแม่ ก็ช่วยกันคิดชื่อของมัน ว่าเอาชื่ออะไรกันดี สุดท้ายได้ชื่อว่า บ๊อบบี้ ทุกๆเย็นหลังเลิกเรียนผมก็ยังคงกลับบ้านเหมือนเดิมไม่เล่นกับเพื่อนๆอีกตามเคย แค่คราวนี้ผมไม่ได้มีโลกส่วนตัวอีกแล้ว เพราะผมมีสุนัขตัวเล็กๆของผมซึ่งกำลังรอที่จะเล่นกับผมอยู่ มันทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองจากเด็กที่มีโลกส่วนตัว กลับมาเป็นเด็กที่ร่าเริง ชอบเล่น ชอบวิ่งผมมีเพื่อนเป็นหมาไปซ้ะแล้ว (ฮ่าๆแอบขำตัวเอง) การที่บ้านเอาสุนัขมาเลี้ยงทำให้บ้านผมมีสีสันเพิ่มขึ้นอีก บ้านจะไม่เงียบอีกต่อไป เพราะจะมีแต่เสียงสุนัขร้อง โฮ่งๆๆ สองปีผ่านไป ไวมากๆ สุนัขของผมโตขึ้นมาอีกหน่อยผมว่ามันคงไม่โตไปกว่านี้อีกแล้วละ เพราะมันเป็นสุนัขพันธุ์แคระ ตอนนั้นผมปิดเทอมช่วงมิดเทอม แต่ก็ยังมีการบ้านที่ต้องทำเป็นกลุ่ม วันนั้นผมก็ปั่นจักรยานคู่ใจของผมไปทำงานกับเพื่อนๆที่โรงเรียน ก่อนจะออกมาเจ้าบ๊อบบี้ตัวเล็กๆของผมก็วิ่งมาส่งผมที่หน้าประตู แล้วผมก็ออกไป หลังจากเย็นวันนั้นผมกลับบ้านมาและรีบกลับมาเล่นกับเจ้าบ๊อบบี้ แต่วันนี้มาแปลกผมกลับไม่ได้ยินเสียงของมันเห่า ผมก็รู้สึกแปลกใจผมก็เดินเข้าไปในบ้าน พ่อผมก็เดินออกมาหาและพูดด้วนน้ำเสียงที่ดูเศร้าๆ เบาๆ พ่อพูดว่า “เจ้าบ๊อบบี้ตายแล้ว โดนหมาข้างซอยกัด” ผมได้ยินสิ่งที่พ่อบอก ผมหยุดนิ่งไปซักครู่นึ่ง และถามพ่อว่ามันอยู่ไหน พ่อผมก็บอกว่าอยู่ที่บ้านเจ้าของหมาที่กัด ผมกับพ่อก็รีบไปดูเจ้าบ๊อบบี้ พอเอาศพของมันกลับมาบ้าน ผมรู้สึกถึงบรรยากาศเดิมๆ มันเริ่มกลับมาอีก บรรยากาศที่เงียบสงบ มันเงียบเพราะละแวกที่ผมอยู่มันอยู่ในซอย และในซอยอีกที จึงทำให้บ้านเงียบสงบ ผมกับพ่อน้ำตาเริ่มซึมเพราะคิดถึงเจ้าบ๊อบบี้ตัวน้อยของเรา ผมไม่ได้ทั้งคืนได้แต่นอนคิดถึงมัน คิดถึงเสียงเห่า เสียงอ้อนของมัน หลายเดือนเลยที่ผมจะยอมรับกับความเป็นจริงที่ว่าสุนัขของผมได้ตายไปจริงๆแล้วหรือ จนทุกวันนี้ผมยังคิดถึงเจ้าบ๊อบบี้ของผมส่วนบ้านของผมก็ยังไม่มีสุนัขอีกเช่นเคย และคงไม่เอามาเลี้ยงอีกเพราะกลัวว่าจะตายจากพวกเราไปอีกตัว
ใครเคยมีประสบการณ์ที่น่าเศร้าแบบนี้บ้างครับ ลองแบ่งปันมาสิครับ
*** ปิดโหวต วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2561 เวลา 13:12:07 น.
1. ใครเคยมีประสบการณ์ที่น่าเศร้าแบบนี้บ้างครับ ลองแบ่งปันมาสิครับ
คุณลืมตอบคำถามที่ * จำเป็นต้องตอบ
เมื่อสัตว์เลี้ยงที่น่ารักของผมตาย
ผมขอเรียกชื่อตัวเองว่าเจ (นามสมมุติ) ผมจะมาเล่าเรื่องสุนัขตัวน้อยที่น่ารักของผมมันชื่อว่า “บ๊อบบี้” ผมเป็นเด็กที่ฉลาดแต่ค่อนข้างเป็นคนขี้เกียจ เรียนหนังสืออยู่ในระดับปานกลาง ทุกๆเช้าของวันเปิดเทอมผมจะตื่นแต่เช้า และก็ปั่นจักรยานคู่ใจของผมไปเรียนทุกวัน ทุกๆเย็นหลังเลิกเรียน ผมจะกลับบ้านทันทีไม่อยู่ในโรงเรียนเพื่อเล่นกับเพื่อนๆของผมหรอก เพราะผมค่อนข้างมีโลกส่วนตัวนิดๆ แต่ไม่ถึงขั้นเก็บตัวอยู่คนเดียว เย็นวันหนึ่งแม่ของผมกลับบ้านมา และมาพร้อมข่าวดี เป็นข่าวดีสำหรับเด็กตัวเล็กๆ ตาดำๆ อย่างผม แม่พูดว่า “วันนี้เพื่อนของแม่ จะให้สุนัข 1 ตัว ตัวเล็กๆ สีดำกลับมาเลี้ยงที่บ้าน ซักแปบคงจะมาถึงบ้านเราแล้วล่ะ” ทำให้ผมมีความรู้สึกดีใจมากๆ จนอยากจะให้เพื่อนของแม่พาหมามาถึงที่บ้านไวๆ เพราะในชีวิตของผมที่บ้านไม่เคยเลี้ยงสุนัขไว้ซักตัว และวันนี้ผมก็มีสุนัขเป็นของตัวเองซักที สักครู่ผมก็ได้ยินรถของเพื่อนแม่มาจอดที่หน้าบ้าน ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆจนอยากจะหัวเราะดังๆออกมา ทันใดนั้นเพื่อนของแม่ก็อุ้มสุนัขตัวเล็กๆ สีดำ น่ารัก ออกมาจากรถแล้ว พร้อมกล่องที่อยู่ของมัน เย็นวันนั้นผม น้องสาวผม พ่อ และแม่ ก็ช่วยกันคิดชื่อของมัน ว่าเอาชื่ออะไรกันดี สุดท้ายได้ชื่อว่า บ๊อบบี้ ทุกๆเย็นหลังเลิกเรียนผมก็ยังคงกลับบ้านเหมือนเดิมไม่เล่นกับเพื่อนๆอีกตามเคย แค่คราวนี้ผมไม่ได้มีโลกส่วนตัวอีกแล้ว เพราะผมมีสุนัขตัวเล็กๆของผมซึ่งกำลังรอที่จะเล่นกับผมอยู่ มันทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองจากเด็กที่มีโลกส่วนตัว กลับมาเป็นเด็กที่ร่าเริง ชอบเล่น ชอบวิ่งผมมีเพื่อนเป็นหมาไปซ้ะแล้ว (ฮ่าๆแอบขำตัวเอง) การที่บ้านเอาสุนัขมาเลี้ยงทำให้บ้านผมมีสีสันเพิ่มขึ้นอีก บ้านจะไม่เงียบอีกต่อไป เพราะจะมีแต่เสียงสุนัขร้อง โฮ่งๆๆ สองปีผ่านไป ไวมากๆ สุนัขของผมโตขึ้นมาอีกหน่อยผมว่ามันคงไม่โตไปกว่านี้อีกแล้วละ เพราะมันเป็นสุนัขพันธุ์แคระ ตอนนั้นผมปิดเทอมช่วงมิดเทอม แต่ก็ยังมีการบ้านที่ต้องทำเป็นกลุ่ม วันนั้นผมก็ปั่นจักรยานคู่ใจของผมไปทำงานกับเพื่อนๆที่โรงเรียน ก่อนจะออกมาเจ้าบ๊อบบี้ตัวเล็กๆของผมก็วิ่งมาส่งผมที่หน้าประตู แล้วผมก็ออกไป หลังจากเย็นวันนั้นผมกลับบ้านมาและรีบกลับมาเล่นกับเจ้าบ๊อบบี้ แต่วันนี้มาแปลกผมกลับไม่ได้ยินเสียงของมันเห่า ผมก็รู้สึกแปลกใจผมก็เดินเข้าไปในบ้าน พ่อผมก็เดินออกมาหาและพูดด้วนน้ำเสียงที่ดูเศร้าๆ เบาๆ พ่อพูดว่า “เจ้าบ๊อบบี้ตายแล้ว โดนหมาข้างซอยกัด” ผมได้ยินสิ่งที่พ่อบอก ผมหยุดนิ่งไปซักครู่นึ่ง และถามพ่อว่ามันอยู่ไหน พ่อผมก็บอกว่าอยู่ที่บ้านเจ้าของหมาที่กัด ผมกับพ่อก็รีบไปดูเจ้าบ๊อบบี้ พอเอาศพของมันกลับมาบ้าน ผมรู้สึกถึงบรรยากาศเดิมๆ มันเริ่มกลับมาอีก บรรยากาศที่เงียบสงบ มันเงียบเพราะละแวกที่ผมอยู่มันอยู่ในซอย และในซอยอีกที จึงทำให้บ้านเงียบสงบ ผมกับพ่อน้ำตาเริ่มซึมเพราะคิดถึงเจ้าบ๊อบบี้ตัวน้อยของเรา ผมไม่ได้ทั้งคืนได้แต่นอนคิดถึงมัน คิดถึงเสียงเห่า เสียงอ้อนของมัน หลายเดือนเลยที่ผมจะยอมรับกับความเป็นจริงที่ว่าสุนัขของผมได้ตายไปจริงๆแล้วหรือ จนทุกวันนี้ผมยังคิดถึงเจ้าบ๊อบบี้ของผมส่วนบ้านของผมก็ยังไม่มีสุนัขอีกเช่นเคย และคงไม่เอามาเลี้ยงอีกเพราะกลัวว่าจะตายจากพวกเราไปอีกตัว
ใครเคยมีประสบการณ์ที่น่าเศร้าแบบนี้บ้างครับ ลองแบ่งปันมาสิครับ