แท็กผิด หรือควรแท็กห้องไหนไปอีกช่วยบอกด้วยนะคะ
จริงๆเรื่องเกิดเมื่อปีนึงแล้วค่ะ จนแม่และเราท้อและไม่คิดว่าจะได้เงินคืนแล้ว
เริ่มเลยนะคะ
ตอนนี้เราเป็นเด็กนักศึกษา อยู่ปี2 เอกภาษาญี่ปุ่นค่ะ เป็นคนชอบขายของมาก
ตอนปี 1 เราได้ขายของญี่ปุ่น ก็หาคนหิ้วของให้ จนไปเจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง อายุประมาณแม่เราค่ะ (50 ปลายๆ)
ซื้อของครั้งแรกหลักแสน ตอนนัดรับของมาถึงก็บอกก่อนเลยว่านี่เป็นญาติกับดาราดังคนนี้นะ บลาๆ (เราก็เฉยๆ ไม่ค่อยอะไรกับดาราค่ะ) จ่ายเงิน เช็คของอะไรเรียบร้อย บอกได้เลยว่าเค้า
ดูเป็นคนดี มีน้ำใจมากค่ะ
หลังจากนั้นเราก็สั่งของกับคนหิ้วคนนี้ได้ประมาณเกือบ 6 เดือน
สำหรับเราระยะเวลาเท่านี้มันทำให้เรารู้สึกสนิทใจมาก และคิดไปเองว่าเค้าคงเป็นคนดี
หลายๆครั้ง ตอนจ่ายเงินเค้าคงเห็นแม่เราหยิบเงินมาจ่ายเป็นฟ่อนๆ
เค้าจะชวนร่วมลงทุนบ่อยมากค่ะ แม่เราเป็นคนซื่อๆ (บ้านเราอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ออกแนวชนบทเลยล่ะ เวลาเค้ามาส่งของก็นัดรับแถวบ้านค่ะ)
อดีตแม่เราโดนคนโกงเงินบ่อย และใจอ่อนไม่แจ้งความ และไม่ให้ใครยืมเงินอีกเลยค่ะ ก็เลยปฎิเสธที่คนหิ้วคนนี้ชวนลงทุนทุกครั้ง
แต่ว่า.. พอค้าขายกันนานๆ เราคิดว่าเค้าเป็นคนดี ดูจริงใจ คนตรง ค้าขายเก่ง (โพสของที่หิ้วมาในเฟสเยอะมากๆ ดูขายดี)
มีอยู่วันหนึ่งเค้าก็โทรมาจากญี่ปุ่นเลยค่ะว่าต้องการเงินหมุน เอาไปซื้อทองขายคนไทย(ที่อาศัยอยู่ญี่ปุ่น ) กำไรดีมาก และเค้าไม่โกงเราหรอก
ก็รู้กันอยู่ว่าเป็นไง ค้าขายกันมานานแล้ว บลาๆๆ ประมาณกล่อมเด็กค่ะ
และเราก็เชื่อสนิทใจ พอเราเชื่อเราเลยบอกแม่ว่า ให้เค้ายืมเถอะ และคุยกับแม่ (แม่เราก็เอนเอียงตามเรากล่อมค่ะ และคิดว่าเค้าเป็นคนดีด้วย เพราะในเฟสเค้าจะโพสต์ว่าทำบุญ คติธรรมสอนใจ ตลอดเลยค่ะ)
สรุปนัดกันมาทำสัญญาค่ะ สัญญาใบแรก 3 แสนบาท ดอกเบี้ย 10% ที่เค้าจะให้เรา
ดอกเบี้ยให้ทุกเดือน เดือนละ 30,000 แต่ 1 เดือน ให้ 2 ครั้ง
( วันที่ 15 = 15,000 วันที่ 30 = 15,000 ) ซึ่งไม่เคยให้ตรงเวลาค่ะ เลตบ้างตามวันบินกลับ
ในวันทำสัญญาวันเดียวกัน
เค้าก็ชวนเรา " รับโอนเงินให้คนไทยที่อยู่ญี่ปุ่นค่ะ "
บอกก่อนว่าเราไม่มีความรู้ใดๆเกี่ยวกับพวกการเงินเลย แต่เราโอนเงินทางเนตเป็นค่ะ
เค้าก็บอกทุก 20,000 จะให้เรา 700 บาท เนี่ยลูกค้าเค้ารับทำกันหลายคน
แต่คนไทย(ที่อยู่ญี่ปุ่น)แล้วจะส่งเงินกลับมาให้พ่อแม่(ที่อยู่ไทย) มีเยอะมากเป็นหมู่บ้าน
ถ้าให้คนไทยโอนให้คนไทย ค่าธรรมเนียบจะน้อย คนไทย(ที่อยู่ญี่ปุ่น)บางคนก็โอนเงินทางธนาคารญี่ปุ่นไม่เป็น ก็มาให้เค้าโอน แล้วถามเราว่า เราสนใจรับโอนมั้ย ได้ดอกเบี้ยมากกว่าแบงค์เยอะนะ บลาๆๆ
( สรุปเราก็รับโอนอีกค่ะ อัตราทุก 20,000 บาท เค้าจะให้เรา 700 บาท )
แต่มันไม่เคยเป้ะค่ะ บางทีก็หมื่นห้าให้เรา 700 (ยอดน้อยๆก็มาค่ะนานๆครั้งนึงแบบ 6000 ได้ 700 งี้)
โดยเค้าจะให้เราโอนไปบัญชีลูกค้าเค้า (คนไทยนี่แหละ แต่ใครไม่รู้ รู้แต่ชื่อนามสกุล)
โอนไปบัญชีลูกชายเค้าบ้าง บัญชีของเค้าเองบ้าง พวกนี้เรามีหลักฐานทั้งหมดค่ะ เพราะโอนผ่านเนตชื่อนามสกุลครบ แล้วเค้าจะโอนเงินคืนเราตอนปลายเดือนค่ะ
พอตกลงกัน สรุป
1. เค้ายืมเงินเรา 300,000 ทำสัญญา (ไม่มีค้ำใดๆ นอกจากสัญญาแผ่นเดียว)
ตอนแรกเค้าบอกสัญญาไม่ต้องด้วยซ้ำ จะทำสัญญาใจกับเรา
เราเป็นเด็กก็ไม่รู้เรื่อง รู้สึกโง่มากค่ะตอนนั้น ใครอ่านก็อย่าด่าเรากับแม่เลยนะคะ แค่นี้ก็เสียใจพอแล้วค่ะ
เราซื่อและไม่รู้จริงๆค่ะ ตอนทำสัญญาครั้งแรกเราก็ถามแม่เหมือนกันว่าถ้าเค้าโกงเราทำอะไรเค้าได้มั้ย แม่ก็บอกคงได้แต่คดีแพ่งคงรอเป็น 10ๆปี (คือแม่เราเป็นคนสมัยก่อนไม่ค่อยได้เรียนหนังสือค่ะ ก็ไม่ค่อยรู้อ่าแหละเราว่า) อาศัยเชื่อใจว่าเค้าไม่โกงล้วนๆๆค่ะ
2. รับโอนเงินค่ะ
เราก็รับโอนเงินเรื่อยๆ และสัญญาคืนดอกเบี้ย 15,000 เดือนละ 2 ครั้ง แรกๆเค้าโอนคืนให้เราปกติค่ะ
ถัดไป 2 เดือน เค้าขอเงินหมุนเพิ่มอีก 200,000 บาทค่ะ
เราซึ่งเห็นว่าครั้งแรกเค้าให้เราครบทุกครั้ง และขายของกันอยู่ปกติทุกอย่างก็เลยให้อีกค่ะ !!
แต่อันนี้ตกลงกันว่า ตัดต้นตัดดอกเป็นเดือนๆค่ะ
คือคืน 20,000 ทุกเดือนและดอกตามเงินที่เหลือ 10% ค่ะ
คราวนี้เวลาเค้าโอนคืนเราปลายเดือน ยอดแต่ละอันเริ่มมั่วๆค่ะ ทั้งยอด 30,000 + ดอก 20,000 + ดอกเบี้ยของดอก20,000 ที่ได้ 10% + เงินที่เรารับโอนอีก (ไม่รู้ถ้าขึ้นศาลหลักฐานตรงนี้จะใช้อะไรได้มั้ย ค่อนข้างมึนค่ะ)
และหลังจากทำสัญญาครั้งที่ 2 นี้ถัดไปเพียง 1 เดือนกว่าๆ
เค้าก็เริ่มไม่โอนเงินคืนค่ะ! จากเดิมบินกลับไทย เดือนละ 2 ครั้ง เหลือเดือนละครั้งแล้วสุดท้ายก็บอกว่าไม่ได้บินกลับไทย !
หลายคนอาจจะงง ไม่บินกลับก็โอนคืนได้ใช่มั้ยคะ ?
เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ แต่เค้าก็จะมีโคตรสัพเพเหระมาอ้างค่ะ ขอโทษด้วยนะคะถ้าใช้คำไม่สุภาพไปบ้างแต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆค่ะ
ทั้งตั๋วเครื่องบินแพง ไม่มีเงินกลับไทย โดนภาษีศุลกากรเล่นหนัก บลาๆๆ ขาดทุนๆๆๆ
สรุปคือ บอกเราว่าถ้ากลับไทยไม่ได้ ก็โอนคืนให้ไม่ได้ค่ะ
แต่ ! เราดันรู้จักกับพี่อีกคนที่ขายของญี่ปุ่นเหมือนเราค่ะ และรับของจากคนหิ้วคนนี้เหมือนกัน
แต่ซื้อเยอะกว่าเรามาก เป็นเจ้าใหญ่ค่ะ ขอเรียกพี่ B นะคะ (และเราในตอนนั้นเลิกขายขนมญี่ปุ่นแล้วค่ะ เค้าบอกให้เลิกขายกินดอกเบี้ยสบายๆ รวมทั้งเราเปิดเทอมค่ะเลยต้องเลิกเพราะเรียนหนัก)
เราก็คุยกับพี่ B เล่าเรื่องให้เค้าฟังเรื่องสัญญาและรับโอน
สรุปพี่ B บอกกับเราว่าไงรู้มั้ยคะ ???
พี่ B บอกว่าเรา คนหิ้วคนนี้บินกลับไทยทุกเดือนนะ เค้าไปนัดรับของทุกเดือน
ใครบอกเค้าไม่ได้กลับไทย ?? และเค้าก็โดนบอกให้รับโอนเงินเหมือนกัน
คนหิ้วตื้อให้เค้ารับโอนทุกครั้ง แต่เค้าจะรับโอนเงินแค่ราคาของตลอดค่ะ (ยอดไม่เกินแสน)
แต่เราในตอนนั้นเฉพาะรับโอนยอดประมาน 3 แสนปลายๆ !!!
เพราะความเชื่อใจล้วนๆ ตอนนั้นเริ่มตกใจ ตาสว่างละค่ะ
(ขอเสริมอีกนิด ที่เราเชื่อใจเค้าเพราะ
1. เค้าดูใจใหญ่ ใจปล้ำ ของมารับเงินทีหลัง บางทีส่งทางไปรษณีย์ เราเช็คของก่อนค่อยโอนเงิน มีน้ำใจ ทำบุญ ดูนิสัยดีค่ะ
2. เราสืบมาว่าเค้าเป็นน้าของดาราดังคนนั้นจริงๆค่ะ
3. คนหิ้วคนนี้มีสามี 4 คนค่ะ ขอไม่ลงลึก แต่มีลูกเป็นคนญี่ปุ่น 3 คน และลูกคนไทย 1 คน
และลูกคนไทยนี่ล่ะค่ะทำให้เราเชื่อใจว่าเป็นคนดีสุดๆ ก่อนเราจะเจอคนหิ้วเราติดต่อผ่านลูกชายคนนี้ของเค้าค่ะ ทำงานตำแหน่งใหญ่ที่ห้างชื่อดังย่านสุขุมวิท ก่อนมาทำงานนี้เป็นสจ๊วตมาก่อนค่ะ นิสัยดีสุภาพมาก
ตอนทำสัญญาเค้าเอาชื่อลูกเค้า และชื่อดารามาพูดค่ะ ว่า** เค้าจะทำให้ลูกและญาติที่เป็นดาราดังของเค้าเสียหาย เสียชื่อเสียงหรอ ** ข้อนี้เป็นเหตุผลหลักเลยค่ะที่ทำให้เรายอมลงทุนกับเค้า
เพราะเราคิดว่าลูกเค้าน่าจะเลี้ยงแม่ได้ ไม่น่าจะปล่อยให้แม่มาโกงเงินคนอื่นได้ค่ะ)
ต่อค่ะ นอกจากนี้ พี่ B ก็ตกใจมากเหมือนกันค่ะ และหลังจากนั้นก็เลิกรับโอนให้เค้าไปเลย
และพี่ B ก็บอกจะให้ความช่วยเหลือเราค่ะ คือบอกวันบินกลับไทยของคนหิ้วคนนี้ค่ะ
ณ ตอนนี้เราตาสว่างละค่ะ กลับการผลัดไปผลัดมาไม่ยอมโอนเงินคืนประมาณ 2 เดือนของเค้า
เราเลยโทรไปคุยเลยค่ะ ว่าถ้าโกงจะประจานลงพันทิปทั้งเค้าและชื่อลูกเค้า (ขู่แบบเด็กๆ)
เค้าก็กลัวค่ะตอนแรก แต่บอกไม่มีเงินให้เราจริงๆ
เราเลยโทรไปคุยกับลูกชายเค้า ที่ทำงานห้างดังแถวสุขุมวิทค่ะ
โทรไปตอนแรกลูกเค้าดูตกใจค่ะ ขอเพิ่มเติมว่าสัญญาฉบับแรก นอกจากลงทุนทอง
เค้าบอกที่เค้าเงินไม่พอหมุน ก็เพราะเอาเงินไปซื้อ BMW ให้ลูกค่ะ เลยต้องมายืมเรา
ครั้งนี้พอเราบอกคนหิ้วว่าให้เอา BMW ไปขายแล้วมาคืนเรา
คนหิ้วบอกว่า BMW ขายไปนานแล้ว !!
แต่พอเราโทรคุยกับลูกชายเค้า
ถามลูกชายเค้าว่า แม่เอาเงินไปซื้อBMW ให้เค้าจริงรึเปล่า ลูกชายตอบว่าจริง และตอนนี้ยังไม่ได้ขาย !!!
สรุป เริ่มชัดค่ะว่า คนหิ้วคนนี้พยายามกันของและเงินตัวเอง+ลูกชายไว้แต่ไม่ยอมคืนเงินเรา คือคิดจะโกงค่ะ
เราเลยโทรหาคนหิ้วเรื่องจะประจานนี่แหละ สุดท้ายบอกจะโอนให้ก่อน 3 หมื่นนะ บลาๆ
มากกว่านี้ไม่มีจริงๆ เราก็เอาไว้ก่อนค่ะ
เรื่องก็เป็นประมาณนี้
แต่ที่มากกว่านี้คือยิ่งนานวันเค้าก็เริ่มไม่กลัวประจานค่ะ
+ กฏหมายใหม่ที่ออกมาคุ้มครองลูกหนี้ พอเราทักว่าโอนคืนวันนี้ใช่มั้ยคะ
เค้ากลับส่งกฏหมายคุ้มครองลูกหนี้มาให้เราอ่านค่ะ ยาว 2หน้าเอสี่ เรานี่เงิบเลย !!
คือเราไม่ได้ตามทวงรุนแรงเลย จะบอกว่าเราไม่เคยได้เจอหน้าเค้าอีกเลยค่ะ นับจากวันทำสัญญา
ทวงเนี่ยทางเดียวคือทางแชทเฟสบุ๊คค่ะ โทรต่างประเทศก็ไม่ได้ ติดต่อยากมาก
ถ้าเค้าไม่ตอบก็คือจบค่ะ
เค้าก็ส่งเนื้อหากฏหมายคุ้มครองลูกหนี้มาให้เราอ่านค่ะ และหลังจากนั้นก็ไม่โอนเงินคืนเราเลยค่ะ
เริ่มรู้กันแล้วแหละว่า ไม่เกี่ยวกับกลับไทยหรือไม่กลับ พอนานไปคนหิ้วคงพอรู้ค่ะว่าเรามีสาย บอกให้รู้ว่าเค้ากลับไทย
แต่เค้าไม่สนใจค่ะ +ใส่ร้ายเราให้พี่ B ไม่ชอบเราอีกค่ะ คือเล่าเป็นทำนองมีลูกค้าคนนึง บลาๆๆ กุเรื่องแต่งขึ้นมาค่ะ เราฟังแล้วแบบโมโหมากก
ขอเล่าคร่าวๆนะคะ (นี่คร่าวแล้วค่ะแต่ยาวมาก55)
ต่อค่ะ สุดท้ายหลังจากผ่านไปอีก 2 เดือนแล้วไม่ได้เงินคืนเราเลยแชทไปด่าเลยค่ะ
คืออารมณ์ตอนนั้นไม่อยากได้เงินคืนแล้วค่ะ มันเบื่อกับเหตุผลหลอกหลวง ลวงโลกมาก
ที่เอามาผลัดไปวันๆ คือรู้แหละว่าโกหก ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากฟัง
เค้าพล่ามข้ออ้างมาได้เป็น ชม. อ่าค่ะ คือบอกไม่คืนก็จบ
(ใครไม่ตกอยู่สถานะนี้เราคิดว่าคงไม่เข้าใจ มันเครียดจนไม่อยากฟังอ่าค่ะ
บอกตรงๆ บ้านเราธรรมะธรรโมด้วยค่ะ บอกให้คนหิ้วคนนี้อนุโมทนาทุกครั้งที่เราไปทำบุญ
นึกว่าคนใจบุญเหมือนกัน สุดท้ายได้ยินคำโกหกแล้วมันทนไม่ไหวจริงๆค่ะ )
เราเลยด่าไปยาวเลยค่ะ ด่าแรงด้วย จากนั้นเราก็บอกสรุปจะไม่ให้ใช่มั้ย ถ้าให้ก็โอนมาได้แล้ว กี่เดือนแล้ว บลาๆๆ ไม่ให้จะประจานนะ คำขู่เดิมๆค่ะ เค้าไม่กลัวแล้ว
เค้าก็ตอบว่า " คนจะโกงที่ไหนจะโอนคืนให้ ไปฟ้องศาลได้เลย แล้วเรามาคุยกันในศาล"
จากนั้นก็บล็อกไลท์ บล็อกเฟสเราทุกอย่าง บล็อกเบอร์ด้วยค่ะ ติดต่อไม่ได้เลย
ณ ตอนนั้นเค้าโอนคืนเรามา รวมทั้งสิ้น 200,000 บาทแล้วนะคะ
จากยอดของเรา เฉพาะเงินต้น ประมาณ 800,000 บาท
เล่าต่อ เมื่อติดต่อเค้าไม่ได้เราก็ไลน์หาลูกชายเค้าค่ะ ที่ทำงานห้างแถวสุขุมวิท
เราแคปข้อความที่เราคุยกับแม่ของเค้าให้เค้าอ่าน แต่เค้าเหมือนไม่ได้อ่านเลยค่ะ
ตอบกลับเรามาทันทีประโยคสั้นๆว่า " รับทราบครับ ผมขอดำเนินคดีคุณโทษฐานหมิ่นประมาทนะครับ "
เนื่องจากเค้าบอกว่าเค้าไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆค่ะ ไปคุยกับแม่เค้าเอง (แต่แม่เค้าบล็อกเราทุกทางไปแล้ว)
หลังจากนั้น เที่ยงคืนเค้าส่งรูป ที่เค้าไปแจ้งความที่สน.หัวหมาก เป็นชื่อเรา ว่าเราหมิ่นประมาทเค้า
ถ้าทำให้เค้าเสียชื่อเสียงเค้าจะดำเนินคดีเราค่ะ คือเรายังงง ตอนเช้าไลน์ไป ตอนเย็นส่งรูปให้เราทันที
รวดเร็วมากค่ะ คงกลัวเราประจานเลยหมิ่นประมาทเราก่อนเลย
เล่าเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้ที่แม่เค้าเริ่มไม่โอนมา แม่ของเราก็โทรไปหาลูกชายเค้า
แต่ลูกชายเค้าเริ่มไม่ให้ความร่วมมือเหมือนครั้งแรกค่ะ
ครั้งแรกเค้าดูตกใจและบอกจะคุยกับแม่ให้
ครั้งที่สอง เค้าบอกไปเคลียร์กันเอง ไม่เกี่ยวกับเค้า
และครั้งที่สาม ปิดมือถือใส่แม่เราเลย + บล๊อกเบอร์ค่ะ
ตรงนี้เรารู้ว่าผิดจริง ไม่ได้เกี่ยวกับเค้า แต่มันอดไม่ได้ค่ะ ทั้งๆที่เอาเงินเราไปซื้อ BMW ตัวเองแท้ๆ
นอกจากนี้ เราได้ติดต่อไปคุยเรื่องนี้ กับ" คุณแม่ของดาราดัง ญาติของคนหิ้วคนนี้ "
ซึ่งพิมไปทางแชทเฟสสั้นมากๆว่า เราถูกญาติเค้าคนนี้โกงเงินเกือบล้าน
ช่วยให้คำปรึกษาหน่อยได้มั้ยว่าควรทำอย่างไร เค้าเป็นญาติคุณจริงมั้ย แต่เราไม่โทษเค้าใดๆทั้งสิ้นค่ะ เป็นทำนองปรึกษาปกติเลย
สรุปคุณแม่ดาราคนนี้ตอบว่า
" ตัดญาติไปแล้วค่ะ ไม่ใช่แค่หนูที่โดนโกงเงิน คนอื่นก็โดน คุณแม่เองก็โดนค่ะ
คนแบบนี้ใครจะไปคบด้วยคะ และเค้าไม่เกี่ยวใดๆกับเรา หนูคงต้องไปคุยกับเค้าเอง ทุกวันนี้แม่ยังไม่รู้ว่าเค้าอยู่ไหนเลยค่ะ "
ตอบเท่านี้ จากนั้นเราถามอะไรไป ก็ไม่ตอบอีกเลยค่ะ
ทั้งนี้เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นปลายปี 56 และครั้งสุดท้ายที่ติดต่อเค้าคือ ต้นมค 58
(ต่อในความคิดเห็นค่ะ)
ถูกญาติดาราดังโกงเงินเกือบล้านบาทค่ะ เราจะทำอย่างไรดีคะ
จริงๆเรื่องเกิดเมื่อปีนึงแล้วค่ะ จนแม่และเราท้อและไม่คิดว่าจะได้เงินคืนแล้ว
เริ่มเลยนะคะ
ตอนนี้เราเป็นเด็กนักศึกษา อยู่ปี2 เอกภาษาญี่ปุ่นค่ะ เป็นคนชอบขายของมาก
ตอนปี 1 เราได้ขายของญี่ปุ่น ก็หาคนหิ้วของให้ จนไปเจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง อายุประมาณแม่เราค่ะ (50 ปลายๆ)
ซื้อของครั้งแรกหลักแสน ตอนนัดรับของมาถึงก็บอกก่อนเลยว่านี่เป็นญาติกับดาราดังคนนี้นะ บลาๆ (เราก็เฉยๆ ไม่ค่อยอะไรกับดาราค่ะ) จ่ายเงิน เช็คของอะไรเรียบร้อย บอกได้เลยว่าเค้าดูเป็นคนดี มีน้ำใจมากค่ะ
หลังจากนั้นเราก็สั่งของกับคนหิ้วคนนี้ได้ประมาณเกือบ 6 เดือน
สำหรับเราระยะเวลาเท่านี้มันทำให้เรารู้สึกสนิทใจมาก และคิดไปเองว่าเค้าคงเป็นคนดี
หลายๆครั้ง ตอนจ่ายเงินเค้าคงเห็นแม่เราหยิบเงินมาจ่ายเป็นฟ่อนๆ
เค้าจะชวนร่วมลงทุนบ่อยมากค่ะ แม่เราเป็นคนซื่อๆ (บ้านเราอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ออกแนวชนบทเลยล่ะ เวลาเค้ามาส่งของก็นัดรับแถวบ้านค่ะ)
อดีตแม่เราโดนคนโกงเงินบ่อย และใจอ่อนไม่แจ้งความ และไม่ให้ใครยืมเงินอีกเลยค่ะ ก็เลยปฎิเสธที่คนหิ้วคนนี้ชวนลงทุนทุกครั้ง
แต่ว่า.. พอค้าขายกันนานๆ เราคิดว่าเค้าเป็นคนดี ดูจริงใจ คนตรง ค้าขายเก่ง (โพสของที่หิ้วมาในเฟสเยอะมากๆ ดูขายดี)
มีอยู่วันหนึ่งเค้าก็โทรมาจากญี่ปุ่นเลยค่ะว่าต้องการเงินหมุน เอาไปซื้อทองขายคนไทย(ที่อาศัยอยู่ญี่ปุ่น ) กำไรดีมาก และเค้าไม่โกงเราหรอก
ก็รู้กันอยู่ว่าเป็นไง ค้าขายกันมานานแล้ว บลาๆๆ ประมาณกล่อมเด็กค่ะ
และเราก็เชื่อสนิทใจ พอเราเชื่อเราเลยบอกแม่ว่า ให้เค้ายืมเถอะ และคุยกับแม่ (แม่เราก็เอนเอียงตามเรากล่อมค่ะ และคิดว่าเค้าเป็นคนดีด้วย เพราะในเฟสเค้าจะโพสต์ว่าทำบุญ คติธรรมสอนใจ ตลอดเลยค่ะ)
สรุปนัดกันมาทำสัญญาค่ะ สัญญาใบแรก 3 แสนบาท ดอกเบี้ย 10% ที่เค้าจะให้เรา
ดอกเบี้ยให้ทุกเดือน เดือนละ 30,000 แต่ 1 เดือน ให้ 2 ครั้ง
( วันที่ 15 = 15,000 วันที่ 30 = 15,000 ) ซึ่งไม่เคยให้ตรงเวลาค่ะ เลตบ้างตามวันบินกลับ
ในวันทำสัญญาวันเดียวกัน
เค้าก็ชวนเรา " รับโอนเงินให้คนไทยที่อยู่ญี่ปุ่นค่ะ "
บอกก่อนว่าเราไม่มีความรู้ใดๆเกี่ยวกับพวกการเงินเลย แต่เราโอนเงินทางเนตเป็นค่ะ
เค้าก็บอกทุก 20,000 จะให้เรา 700 บาท เนี่ยลูกค้าเค้ารับทำกันหลายคน
แต่คนไทย(ที่อยู่ญี่ปุ่น)แล้วจะส่งเงินกลับมาให้พ่อแม่(ที่อยู่ไทย) มีเยอะมากเป็นหมู่บ้าน
ถ้าให้คนไทยโอนให้คนไทย ค่าธรรมเนียบจะน้อย คนไทย(ที่อยู่ญี่ปุ่น)บางคนก็โอนเงินทางธนาคารญี่ปุ่นไม่เป็น ก็มาให้เค้าโอน แล้วถามเราว่า เราสนใจรับโอนมั้ย ได้ดอกเบี้ยมากกว่าแบงค์เยอะนะ บลาๆๆ
( สรุปเราก็รับโอนอีกค่ะ อัตราทุก 20,000 บาท เค้าจะให้เรา 700 บาท )
แต่มันไม่เคยเป้ะค่ะ บางทีก็หมื่นห้าให้เรา 700 (ยอดน้อยๆก็มาค่ะนานๆครั้งนึงแบบ 6000 ได้ 700 งี้)
โดยเค้าจะให้เราโอนไปบัญชีลูกค้าเค้า (คนไทยนี่แหละ แต่ใครไม่รู้ รู้แต่ชื่อนามสกุล)
โอนไปบัญชีลูกชายเค้าบ้าง บัญชีของเค้าเองบ้าง พวกนี้เรามีหลักฐานทั้งหมดค่ะ เพราะโอนผ่านเนตชื่อนามสกุลครบ แล้วเค้าจะโอนเงินคืนเราตอนปลายเดือนค่ะ
พอตกลงกัน สรุป
1. เค้ายืมเงินเรา 300,000 ทำสัญญา (ไม่มีค้ำใดๆ นอกจากสัญญาแผ่นเดียว)
ตอนแรกเค้าบอกสัญญาไม่ต้องด้วยซ้ำ จะทำสัญญาใจกับเรา
เราเป็นเด็กก็ไม่รู้เรื่อง รู้สึกโง่มากค่ะตอนนั้น ใครอ่านก็อย่าด่าเรากับแม่เลยนะคะ แค่นี้ก็เสียใจพอแล้วค่ะ
เราซื่อและไม่รู้จริงๆค่ะ ตอนทำสัญญาครั้งแรกเราก็ถามแม่เหมือนกันว่าถ้าเค้าโกงเราทำอะไรเค้าได้มั้ย แม่ก็บอกคงได้แต่คดีแพ่งคงรอเป็น 10ๆปี (คือแม่เราเป็นคนสมัยก่อนไม่ค่อยได้เรียนหนังสือค่ะ ก็ไม่ค่อยรู้อ่าแหละเราว่า) อาศัยเชื่อใจว่าเค้าไม่โกงล้วนๆๆค่ะ
2. รับโอนเงินค่ะ
เราก็รับโอนเงินเรื่อยๆ และสัญญาคืนดอกเบี้ย 15,000 เดือนละ 2 ครั้ง แรกๆเค้าโอนคืนให้เราปกติค่ะ
ถัดไป 2 เดือน เค้าขอเงินหมุนเพิ่มอีก 200,000 บาทค่ะ
เราซึ่งเห็นว่าครั้งแรกเค้าให้เราครบทุกครั้ง และขายของกันอยู่ปกติทุกอย่างก็เลยให้อีกค่ะ !!
แต่อันนี้ตกลงกันว่า ตัดต้นตัดดอกเป็นเดือนๆค่ะ
คือคืน 20,000 ทุกเดือนและดอกตามเงินที่เหลือ 10% ค่ะ
คราวนี้เวลาเค้าโอนคืนเราปลายเดือน ยอดแต่ละอันเริ่มมั่วๆค่ะ ทั้งยอด 30,000 + ดอก 20,000 + ดอกเบี้ยของดอก20,000 ที่ได้ 10% + เงินที่เรารับโอนอีก (ไม่รู้ถ้าขึ้นศาลหลักฐานตรงนี้จะใช้อะไรได้มั้ย ค่อนข้างมึนค่ะ)
และหลังจากทำสัญญาครั้งที่ 2 นี้ถัดไปเพียง 1 เดือนกว่าๆ
เค้าก็เริ่มไม่โอนเงินคืนค่ะ! จากเดิมบินกลับไทย เดือนละ 2 ครั้ง เหลือเดือนละครั้งแล้วสุดท้ายก็บอกว่าไม่ได้บินกลับไทย !
หลายคนอาจจะงง ไม่บินกลับก็โอนคืนได้ใช่มั้ยคะ ?
เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ แต่เค้าก็จะมีโคตรสัพเพเหระมาอ้างค่ะ ขอโทษด้วยนะคะถ้าใช้คำไม่สุภาพไปบ้างแต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆค่ะ
ทั้งตั๋วเครื่องบินแพง ไม่มีเงินกลับไทย โดนภาษีศุลกากรเล่นหนัก บลาๆๆ ขาดทุนๆๆๆ
สรุปคือ บอกเราว่าถ้ากลับไทยไม่ได้ ก็โอนคืนให้ไม่ได้ค่ะ
แต่ ! เราดันรู้จักกับพี่อีกคนที่ขายของญี่ปุ่นเหมือนเราค่ะ และรับของจากคนหิ้วคนนี้เหมือนกัน
แต่ซื้อเยอะกว่าเรามาก เป็นเจ้าใหญ่ค่ะ ขอเรียกพี่ B นะคะ (และเราในตอนนั้นเลิกขายขนมญี่ปุ่นแล้วค่ะ เค้าบอกให้เลิกขายกินดอกเบี้ยสบายๆ รวมทั้งเราเปิดเทอมค่ะเลยต้องเลิกเพราะเรียนหนัก)
เราก็คุยกับพี่ B เล่าเรื่องให้เค้าฟังเรื่องสัญญาและรับโอน
สรุปพี่ B บอกกับเราว่าไงรู้มั้ยคะ ???
พี่ B บอกว่าเรา คนหิ้วคนนี้บินกลับไทยทุกเดือนนะ เค้าไปนัดรับของทุกเดือน
ใครบอกเค้าไม่ได้กลับไทย ?? และเค้าก็โดนบอกให้รับโอนเงินเหมือนกัน
คนหิ้วตื้อให้เค้ารับโอนทุกครั้ง แต่เค้าจะรับโอนเงินแค่ราคาของตลอดค่ะ (ยอดไม่เกินแสน)
แต่เราในตอนนั้นเฉพาะรับโอนยอดประมาน 3 แสนปลายๆ !!!
เพราะความเชื่อใจล้วนๆ ตอนนั้นเริ่มตกใจ ตาสว่างละค่ะ
(ขอเสริมอีกนิด ที่เราเชื่อใจเค้าเพราะ
1. เค้าดูใจใหญ่ ใจปล้ำ ของมารับเงินทีหลัง บางทีส่งทางไปรษณีย์ เราเช็คของก่อนค่อยโอนเงิน มีน้ำใจ ทำบุญ ดูนิสัยดีค่ะ
2. เราสืบมาว่าเค้าเป็นน้าของดาราดังคนนั้นจริงๆค่ะ
3. คนหิ้วคนนี้มีสามี 4 คนค่ะ ขอไม่ลงลึก แต่มีลูกเป็นคนญี่ปุ่น 3 คน และลูกคนไทย 1 คน
และลูกคนไทยนี่ล่ะค่ะทำให้เราเชื่อใจว่าเป็นคนดีสุดๆ ก่อนเราจะเจอคนหิ้วเราติดต่อผ่านลูกชายคนนี้ของเค้าค่ะ ทำงานตำแหน่งใหญ่ที่ห้างชื่อดังย่านสุขุมวิท ก่อนมาทำงานนี้เป็นสจ๊วตมาก่อนค่ะ นิสัยดีสุภาพมาก
ตอนทำสัญญาเค้าเอาชื่อลูกเค้า และชื่อดารามาพูดค่ะ ว่า** เค้าจะทำให้ลูกและญาติที่เป็นดาราดังของเค้าเสียหาย เสียชื่อเสียงหรอ ** ข้อนี้เป็นเหตุผลหลักเลยค่ะที่ทำให้เรายอมลงทุนกับเค้า
เพราะเราคิดว่าลูกเค้าน่าจะเลี้ยงแม่ได้ ไม่น่าจะปล่อยให้แม่มาโกงเงินคนอื่นได้ค่ะ)
ต่อค่ะ นอกจากนี้ พี่ B ก็ตกใจมากเหมือนกันค่ะ และหลังจากนั้นก็เลิกรับโอนให้เค้าไปเลย
และพี่ B ก็บอกจะให้ความช่วยเหลือเราค่ะ คือบอกวันบินกลับไทยของคนหิ้วคนนี้ค่ะ
ณ ตอนนี้เราตาสว่างละค่ะ กลับการผลัดไปผลัดมาไม่ยอมโอนเงินคืนประมาณ 2 เดือนของเค้า
เราเลยโทรไปคุยเลยค่ะ ว่าถ้าโกงจะประจานลงพันทิปทั้งเค้าและชื่อลูกเค้า (ขู่แบบเด็กๆ)
เค้าก็กลัวค่ะตอนแรก แต่บอกไม่มีเงินให้เราจริงๆ
เราเลยโทรไปคุยกับลูกชายเค้า ที่ทำงานห้างดังแถวสุขุมวิทค่ะ
โทรไปตอนแรกลูกเค้าดูตกใจค่ะ ขอเพิ่มเติมว่าสัญญาฉบับแรก นอกจากลงทุนทอง
เค้าบอกที่เค้าเงินไม่พอหมุน ก็เพราะเอาเงินไปซื้อ BMW ให้ลูกค่ะ เลยต้องมายืมเรา
ครั้งนี้พอเราบอกคนหิ้วว่าให้เอา BMW ไปขายแล้วมาคืนเรา
คนหิ้วบอกว่า BMW ขายไปนานแล้ว !!
แต่พอเราโทรคุยกับลูกชายเค้า
ถามลูกชายเค้าว่า แม่เอาเงินไปซื้อBMW ให้เค้าจริงรึเปล่า ลูกชายตอบว่าจริง และตอนนี้ยังไม่ได้ขาย !!!
สรุป เริ่มชัดค่ะว่า คนหิ้วคนนี้พยายามกันของและเงินตัวเอง+ลูกชายไว้แต่ไม่ยอมคืนเงินเรา คือคิดจะโกงค่ะ
เราเลยโทรหาคนหิ้วเรื่องจะประจานนี่แหละ สุดท้ายบอกจะโอนให้ก่อน 3 หมื่นนะ บลาๆ
มากกว่านี้ไม่มีจริงๆ เราก็เอาไว้ก่อนค่ะ
เรื่องก็เป็นประมาณนี้
แต่ที่มากกว่านี้คือยิ่งนานวันเค้าก็เริ่มไม่กลัวประจานค่ะ
+ กฏหมายใหม่ที่ออกมาคุ้มครองลูกหนี้ พอเราทักว่าโอนคืนวันนี้ใช่มั้ยคะ
เค้ากลับส่งกฏหมายคุ้มครองลูกหนี้มาให้เราอ่านค่ะ ยาว 2หน้าเอสี่ เรานี่เงิบเลย !!
คือเราไม่ได้ตามทวงรุนแรงเลย จะบอกว่าเราไม่เคยได้เจอหน้าเค้าอีกเลยค่ะ นับจากวันทำสัญญา
ทวงเนี่ยทางเดียวคือทางแชทเฟสบุ๊คค่ะ โทรต่างประเทศก็ไม่ได้ ติดต่อยากมาก
ถ้าเค้าไม่ตอบก็คือจบค่ะ
เค้าก็ส่งเนื้อหากฏหมายคุ้มครองลูกหนี้มาให้เราอ่านค่ะ และหลังจากนั้นก็ไม่โอนเงินคืนเราเลยค่ะ
เริ่มรู้กันแล้วแหละว่า ไม่เกี่ยวกับกลับไทยหรือไม่กลับ พอนานไปคนหิ้วคงพอรู้ค่ะว่าเรามีสาย บอกให้รู้ว่าเค้ากลับไทย
แต่เค้าไม่สนใจค่ะ +ใส่ร้ายเราให้พี่ B ไม่ชอบเราอีกค่ะ คือเล่าเป็นทำนองมีลูกค้าคนนึง บลาๆๆ กุเรื่องแต่งขึ้นมาค่ะ เราฟังแล้วแบบโมโหมากก
ขอเล่าคร่าวๆนะคะ (นี่คร่าวแล้วค่ะแต่ยาวมาก55)
ต่อค่ะ สุดท้ายหลังจากผ่านไปอีก 2 เดือนแล้วไม่ได้เงินคืนเราเลยแชทไปด่าเลยค่ะ
คืออารมณ์ตอนนั้นไม่อยากได้เงินคืนแล้วค่ะ มันเบื่อกับเหตุผลหลอกหลวง ลวงโลกมาก
ที่เอามาผลัดไปวันๆ คือรู้แหละว่าโกหก ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากฟัง
เค้าพล่ามข้ออ้างมาได้เป็น ชม. อ่าค่ะ คือบอกไม่คืนก็จบ
(ใครไม่ตกอยู่สถานะนี้เราคิดว่าคงไม่เข้าใจ มันเครียดจนไม่อยากฟังอ่าค่ะ
บอกตรงๆ บ้านเราธรรมะธรรโมด้วยค่ะ บอกให้คนหิ้วคนนี้อนุโมทนาทุกครั้งที่เราไปทำบุญ
นึกว่าคนใจบุญเหมือนกัน สุดท้ายได้ยินคำโกหกแล้วมันทนไม่ไหวจริงๆค่ะ )
เราเลยด่าไปยาวเลยค่ะ ด่าแรงด้วย จากนั้นเราก็บอกสรุปจะไม่ให้ใช่มั้ย ถ้าให้ก็โอนมาได้แล้ว กี่เดือนแล้ว บลาๆๆ ไม่ให้จะประจานนะ คำขู่เดิมๆค่ะ เค้าไม่กลัวแล้ว
เค้าก็ตอบว่า " คนจะโกงที่ไหนจะโอนคืนให้ ไปฟ้องศาลได้เลย แล้วเรามาคุยกันในศาล"
จากนั้นก็บล็อกไลท์ บล็อกเฟสเราทุกอย่าง บล็อกเบอร์ด้วยค่ะ ติดต่อไม่ได้เลย
ณ ตอนนั้นเค้าโอนคืนเรามา รวมทั้งสิ้น 200,000 บาทแล้วนะคะ
จากยอดของเรา เฉพาะเงินต้น ประมาณ 800,000 บาท
เล่าต่อ เมื่อติดต่อเค้าไม่ได้เราก็ไลน์หาลูกชายเค้าค่ะ ที่ทำงานห้างแถวสุขุมวิท
เราแคปข้อความที่เราคุยกับแม่ของเค้าให้เค้าอ่าน แต่เค้าเหมือนไม่ได้อ่านเลยค่ะ
ตอบกลับเรามาทันทีประโยคสั้นๆว่า " รับทราบครับ ผมขอดำเนินคดีคุณโทษฐานหมิ่นประมาทนะครับ "
เนื่องจากเค้าบอกว่าเค้าไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆค่ะ ไปคุยกับแม่เค้าเอง (แต่แม่เค้าบล็อกเราทุกทางไปแล้ว)
หลังจากนั้น เที่ยงคืนเค้าส่งรูป ที่เค้าไปแจ้งความที่สน.หัวหมาก เป็นชื่อเรา ว่าเราหมิ่นประมาทเค้า
ถ้าทำให้เค้าเสียชื่อเสียงเค้าจะดำเนินคดีเราค่ะ คือเรายังงง ตอนเช้าไลน์ไป ตอนเย็นส่งรูปให้เราทันที
รวดเร็วมากค่ะ คงกลัวเราประจานเลยหมิ่นประมาทเราก่อนเลย
เล่าเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้ที่แม่เค้าเริ่มไม่โอนมา แม่ของเราก็โทรไปหาลูกชายเค้า
แต่ลูกชายเค้าเริ่มไม่ให้ความร่วมมือเหมือนครั้งแรกค่ะ
ครั้งแรกเค้าดูตกใจและบอกจะคุยกับแม่ให้
ครั้งที่สอง เค้าบอกไปเคลียร์กันเอง ไม่เกี่ยวกับเค้า
และครั้งที่สาม ปิดมือถือใส่แม่เราเลย + บล๊อกเบอร์ค่ะ
ตรงนี้เรารู้ว่าผิดจริง ไม่ได้เกี่ยวกับเค้า แต่มันอดไม่ได้ค่ะ ทั้งๆที่เอาเงินเราไปซื้อ BMW ตัวเองแท้ๆ
นอกจากนี้ เราได้ติดต่อไปคุยเรื่องนี้ กับ" คุณแม่ของดาราดัง ญาติของคนหิ้วคนนี้ "
ซึ่งพิมไปทางแชทเฟสสั้นมากๆว่า เราถูกญาติเค้าคนนี้โกงเงินเกือบล้าน
ช่วยให้คำปรึกษาหน่อยได้มั้ยว่าควรทำอย่างไร เค้าเป็นญาติคุณจริงมั้ย แต่เราไม่โทษเค้าใดๆทั้งสิ้นค่ะ เป็นทำนองปรึกษาปกติเลย
สรุปคุณแม่ดาราคนนี้ตอบว่า
" ตัดญาติไปแล้วค่ะ ไม่ใช่แค่หนูที่โดนโกงเงิน คนอื่นก็โดน คุณแม่เองก็โดนค่ะ
คนแบบนี้ใครจะไปคบด้วยคะ และเค้าไม่เกี่ยวใดๆกับเรา หนูคงต้องไปคุยกับเค้าเอง ทุกวันนี้แม่ยังไม่รู้ว่าเค้าอยู่ไหนเลยค่ะ "
ตอบเท่านี้ จากนั้นเราถามอะไรไป ก็ไม่ตอบอีกเลยค่ะ
ทั้งนี้เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นปลายปี 56 และครั้งสุดท้ายที่ติดต่อเค้าคือ ต้นมค 58
(ต่อในความคิดเห็นค่ะ)