สวัสดีค่ะ รีวิวนี้คงต้องบอกว่าเฟสบุคเป็นเหตุ เพราะขยันเตือนเหลือเกินว่าปีที่แล้วเราไปทำอะไรมาบ้าง ปีนี้ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน ยิ่งทำให้คิดถึงทริปปีที่แล้วสุดๆ ช่วงนี้พอจะมีเวลาว่าง เลยอยากจะนำประสบการณ์และความทรงจำดีๆ มาเล่าให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันนะคะ ประเทศนี้ไปเที่ยวเองก็ได้ จะไปแบบ Backpack ก็ได้ คือสวย คือดีงาม และไม่น่ากลัว(มาก) อย่างที่คิด

เราได้ไปเที่ยวที่แอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม – 6 สิงหาคม ปีที่แล้วค่ะ ช่วงนี้เป็นฤดูหนาว ไปอยู่ 1 เดือนเต็มๆ ตามที่วีซ่าให้อยู่ได้ แล้วไปทำอะไร ทำไมถึงเลือกไปที่นี่ ละไปอยู่ที่ไหนเป็นเดือน....เดาไม่ยากค่ะ เราไปหาชายหนุ่มนี่เอง นางบินกลับบ้านไปเกือบปีแล้ว ขอไปหาให้หายคิดถึงซะหน่อย แล้วก็ถือโอกาสเที่ยวไปในตัวด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่เราบินเดี่ยวแบบไกลมากๆ ข้ามทวีปและต้องต่อเครื่องด้วย บอกเลยว่าตื่นเต้นสุดๆ ค่ะ

เรานัดชายหนุ่มไว้ที่สนามบิน O. R. Tambo International Airport เมือง Johannesburg ค่ะ เราขอให้นางมารับเพื่อบินต่อไปเมืองที่นางอยู่ คือ Durban เท่ากับว่านางก็ต้องบินมาจากบ้านนาง แล้วบินกลับ แต่เรามันกลัวอะ ช่วยมารับเถอะ กลัวคนผิวสี กลัวฟังภาษาไม่รู้เรื่อง กลัวไปหมด นางก็มารับพร้อมเซอร์ไพรส์ค่า ตุ๊กตาม้าน้อยเป็นตัวแทนของนางหนึ่งตัว และบอกว่านางจะยังไม่พากลับบ้าน แต่จะพาไป Cape Town ก่อน แล้วก็ไม่บอกว่าจะไปไหนบ้าง จะบอกแบบวันต่อวัน โอวววว กรี๊ดสิคะ เพราะก่อนมา ถูกหลอกว่าคงไม่ได้ไป Cape Town เราก็แอบผิดหวังเล็กๆ แต่นาทีนี้ตาโต โอเคทุกอย่างค่า ทริปนี้จึงมีนางเป็นผู้วางแผนและออกค่าที่พัก ส่วนค่ากินค่าเที่ยวก็ช่วยๆ กันค่ะ



กว่าจะถึง Cape Town ก็ 3 ทุ่มแล้วค่ะ ไปรับรถเช่าขับไปโรงแรม รถน่ารักถูกใจมากมาย เปิดหลังคาได้ด้วย โรงแรมของเราชื่อ Breakwater Protea Hotel อยู่ใกล้ๆ กับ V&A Waterfront ค่ะ เข้าที่พักแล้วเลยรีบออกไปหาอะไรกินกันหน่อย ได้เชียร์ฟุตบอลโลกคู่ Brazil vs Germany หนาวมากกกก สนุกมากกกกกกค่ะ



เริ่มเช้าวันแรก เราพร้อมจะไปผจญภัยละค่ะ วันนี้จะไปขับรถเล่นกัน ไปดูทะเล ไปดูเพนกวิน ขอบอกก่อนว่าแฟนเราไม่ได้เชี่ยวชาญถนนใน Cape Town นะคะ เค้าก็มาจากต่างเมือง ดังนั้น วันนี้เราฝากชีวิตไว้กับแผนที่ค่ะ

สำหรับเราแล้ว ถนนเลียบหาดที่นี่สวยแบบลืมหายใจ เรานั่งเงียบตลอดทาง เพราะเอาแต่ซึมซับความงามข้างทาง ซ้ายภูเขา ขวาทะเล ถนนโค้งไปมาตามแนวเขา ลุกแล้ว ลูกเล่า ไม่มีวันหมด



ออกเดินทางแล้ว เราขับรถลงทางใต้ แวะถ่ายรูปที่ Camps Bay ต่อด้วย Llandudno











เราไปทานมื้อกลางวันกันที่ Hout Bay ค่ะ ตรงนั้นเป็นท่าเรือชื่อ Mariner’s Wharf วิวสวยมาก มานั่งดูรูป เจอเซลฟี่ของตัวเองเพียบ 555 มาที่นี่ต้องกิน Fish&Chip ปลาสดมาก รสชาติคล้ายๆ ซาบะค่ะ







ก่อนเม็มโมรี่จะเต็ม รีบออกเดินทางกันต่อดีกว่าเนอะ ขับรถกันไปเรื่อยๆ จนถึง Penguin Colony ที่ Boulder’s beach เพนกวินเค้าอยู่กันตามพุ่มไม้ริมชายหาด เราก็เดินดูไปเรื่อยๆ จนเจอจุดเก็บเงินจึงหันหลังกลับ คุณไม่ได้ไปต่อค่า 555 เราคิดว่าค่าเข้าค่อนข้างแพงเกินไป ไม่ขอเสียเงินละกัน





ขับต่อไปจากบ้านเพนกวินอีกนิดก็ถึง Cape of good hope แต่เราไม่ได้เข้าค่ะ ตอนนั้นใกล้เวลาปิดแล้ว เข้าไปคงไม่คุ้ม ขับรถเที่ยวกันต่อดีกว่า ซึ่งวิวสองข้างทางก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังเลยจริงๆ มองยังไงก็ไม่เบื่อค่ะ แถมขับรถเปิดหน้าต่าง เปิดหลังคา อากาศเย็นๆ โอยย มันฟินสุดๆ แล้วเราก็ไปแวะเดินเล่น ถ่ายรูปกันที่ Scarborough Beach ต่อด้วย Long Beach ที่ Kommetjie ค่ะ หาดที่เราแวะกันนี่ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้านะคะ อยากแวะก็แวะเลยค่ะ กลับถึงที่พักบอกกับแฟนว่า แค่วันแรกก็คุ้มแล้วกับที่นั่งเมื่อยบนเครื่องบินมาเป็นสิบๆ ชั่วโมง







เช้าต่อมาอากาศดี๊ดี ท้องฟ้าโปร่ง เหมาะแก่การขึ้น Table mountain อย่างมาก นั่งรถกระเช้าขึ้นไป ได้วิวมาอย่างที่เห็นค่ะ เดินเล่นจนเหนื่อย เช้าวันนั้น อุณหภูมิด้านบนภูเขาโต๊ะอยู่ที่ 8 องศาเซลเซียสค่ะ มองไปไกลๆ เห็นกลุ่มภูเขา คิดว่าหิมะน่าจะตกด้วย เสียดายที่เราไม่ได้เจอหิมะ









บ่ายๆ ก็มานั่งชิว กันที่ V&A Waterfront คล้ายๆ กับ Asiatique ของบ้านเราละค่ะ บ่ายนี้ไม่ได้ทำอะไรมาก ให้คนขับพักผ่อน เพราะนางบอกพรุ่งนี้นางต้องขับอีกไกล เอ๊ะ! จะพาเราไปไหนนะ