ขอบคุณ มะเร็ง ที่ทำให้ทุกอย่างกับครอบครัวของเรา

ก่อนอื่นต้องขอตกลงกันก่อนเลยนะครับ ว่าเรื่องมันจะยังไม่จบเลยซะทีเดียว
มันจะค่อยเป็นค่อยไป 1วัน – 2 วันอาจจะมาอัพเพิ่ม แต่ถ้ายุ่งๆอาจจะเป็นสัปดาห์เลยก็มี
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงครับแต่อาจจะเติมหรือขาดไปบ้างเพราะเวลาที่เริ่มต้มมันก็เป็นเวลาที่ผ่านมาได้ซักพักแล้ว

ถ้ารับข้อตกลงได้เรามาเริ่มกันเลย..........................

ขอแนะนำตัวเองและครอบครัวก่อนนะครับ  เจ้าของกระทู้ ชื่อมิ้น ทำงานอยู่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เป็นพี่คนโตและมีน้องอีก 2 คน ชื่อมด,หมิว  
น้องคนแรกเรียนจบพอดีกำลังหางานทำ อีกคนกำลังเรียนอยู่ในระดับมหาลัย(อยู่ต่างจังหวัด)
สถานะทางครอบครัวพ่อกับแม่แยกทางกัน ต่างคนต่างมีครอบครัวใหม่ มิ้นอาศัยอยู่กับพ่อและแฟนใหม่ของพ่อ
มิ้นกับแฟนใหม่ของพ่อไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน แต่กับตัวพ่อเองนั้น มิ้นก็ไม่ได้ลงรอยกันกับพ่อซักเท่าไหร่ มีเถียงกันบ้าง
มีบางเรื่องที่ไม่พอใจบ้าง ส่วนน้องอีก2คนไปๆมาๆ

จุดเริ่มต้นที่ได้รู้จักกับมะเร็ง.... (ไม่ได้อยากรู้จักเลยยยยยยยย)
ได้ยินมาซักพักจากน้า (ที่เป็นแฟนใหม่ของพ่อ) ว่าพ่อเจ็บคอมาซักพักแล้ว แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
(เพราะพ่อยังอายุไม่เยอะ ปกติพ่อเป็นคนที่ดูแลตัวเองอยู่แล้ว ออกกำลังกายตลอดเวลาที่มีเวลาว่าง)  
และได้ยินว่าเจ็บคอมาเป็นเวลานาน พ่อใช้วิธีการกินเบียร์ให้ตรงบริเวณคอที่เจ็บนั้นมันชา เพื่อนที่จะได้นอนหลับ
ซึ่ง....  ได้ยินก็ยังไม่ได้สนใจอยู่ดี คิดแค่ว่าวันนึงเค้าก็คงหายเอง

หลายเดือนต่อมา น้ามาบอกอีกว่า  “มิ้น พ่อเค้ายังเจ็บคอไม่หายเลยนะ ไม่รู้เป็นอะไร กลืนอะไรก็สำลักตลอดเลย”
ซึ่ง.......   ก็ยังไม่ได้สนใจอะไรอยู่ดีคิดแค่ว่า เดี๋ยวเค้าก็หายเองแหละน่า จะอะไรนักหนา

จนกระทั่งวันนึง........
พ่อเค้าเริ่มกลืนอาหารไม่ได้แบบจริงจัง  กลืนแล้วสำลักจนใช้วิธีการปั่นข้าวต้มแล้วใช้หลอดดูด
ด้วยตอนนั้นบอกตรงๆว่า ก็ไม่รู้จะทำยังไง พอถามพ่อ พ่อก็บอกแค่ว่า หมอบอกว่าเป็นกรดไหลย้อนกลืนไม่ลง เป็นแบบนี้แหละปกติ
จนมาวันนึงพ่อกำลังจะเข้านอนและเดินมาดื่มน้ำกินยา แต่นี่ยังนั่งกินข้าวอยู่  พ่อเดินมาดื่มน้ำอยู่หลายรอบมาก
จนสงสัยและถามว่าพ่อเป็นอะไร พ่อบอกแค่ว่ายามันติดคอกลืนไม่ลง ในใจเริ่มรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ
แต่พ่อก็ยังบอกว่าไม่เป็นอะไร ยังโอเค

กลางดึกคืนนั้น เสียงน้ามาเคาะประตูเรียกตอนกำลังนอนอยู่ บอกว่า..
“พ่อไม่ไหวแล้ว จะไปหาหมอยามันติดคอไม่ยอมลง ตอนนี้พ่อเดินไปที่รถแล้ว “
ตาตื่นเลยครับรีบแต่งตัวแล้วตามไปขับรถให้พ่อ ไปโรงพยาบาลแถวบ้าน  
เข้าห้องฉุกเฉินตอนนั่งรอพบหมอ ดูจากสีหน้าของพ่อแล้ว ท่าทางจะไม่ไหวจริงๆ ทำท่าเหมือนจะเดินไม่ไหวด้วยซ้ำ
แถมยังต้องนั่งรถเข็นของโรงพยาบาลอีกด้วย แต่พอมาหมอมาตรวจดูก็บอกว่าไม่มีอะไร ยาไม่ได้ค้างอยู่ในคอพ่อ
หมอได้ล้วงเข้าไปดูแล้วไม่มีอะไร แถมยังบอกอีกว่าพ่อคิดไปเอง จนพ่อทำท่าไม่พอใจบอกกลับๆๆช่างมันเถอะ มันมีทำไมมันจะไม่มี  
เราก็ทำอะไรไม่ได้ครับในเมื่อหมอบอกว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไร พ่อคิดไปเอง ก็เลยต้องขับรถกลับบ้าน ทั้งๆที่พ่อจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว

และตอนกำลังจะเข้าบ้านพ่อเกิดเป็นลมครับ ด้วยความที่พ่อตัวใหญ่มาก และมิ้นตัวเล็ก สูง173 หนัก 50
จะอุ้มพ่อ....  พูดตรงๆก็อุ้มไม่ไหวครับ ด้วยความตกใจทำได้แค่กอดพ่อเอาไว้เฉยๆ
เลยตะโกนเรียกน้าที่รีบเดินไปเปิดประตูมาช่วยหน่อยพ่อเป็นลม จะล้มแล้วมิ้นแบกไม่ไหว
น้ารีบวิ่งมาถึงแทนที่จะได้ช่วย  น้าตกใจจะเป็นล้มไปอีกคน ทำอะไรไม่ถูกครับตอนนั้น
ได้แต่ปลอมน้าให้มีสติและกอดพ่อค้างอยู่แบบนั้น.....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่