นี่ไม่ใช่หนังสือนำเที่ยว (แต่ถ้ามีคนจ่ายเงินให้ไปเที่ยว แบบว่าสปอนเซอร์ตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถไฟ ค่าโรงแรม ธารรินก็พร้อมจะเขียนนะคะบอกก่อน 555)
นี่คือเรื่องเล่าที่คนคนนึงจะนั่งลง โชว์รูป และเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนสนิทด้วย
เรา เด็กผู้หญิงอายุ 19 ตัวคนเดียว ที่เพิ่งจบม.ปลาย กลับมาอยู่เมืองโบโลญญา ประเทศอิตาลี ที่ๆเคยมาแลกเปลี่ยนเมื่อ 3 ปีก่อนอีกครั้ง ก่อนจะมาเราคิดว่าอยากไปที่อื่นในยุโรปด้วย เราเลยโพสต์ในกรุ๊ปที่ใหญ่มากของ AFS ที่มีเด็กเอเอฟเอสทั่วโลก หาเพื่อนเที่ยวด้วย
ล้วเพื่อนที่เราค่อนข้างสนิทด้วย(แต่ไม่ได้คุยกันนานแล้ว)คนออสเตรีย ที่เจอกันตอนมาแลกเปลี่ยนในอิตาลี ชื่อเจนนิเฟอร์(เจนนี่)ก็เม้นมาว่า ถ้ามาเวียนนา ออสเตรีย ชั้นจะพาเธอไปดูทุกอย่างเลย
"เธออยู่เวียนนาเหรอ ไม่รู้มาก่อนเลย"
"ใช่ๆอยู่ในเมืองเลย มาๆมานอนบ้านชั้นนี่ จากโบโลญญามีรถไฟมาถึงเวียนนาเลย"
พอเราส่องเว็บ www.oebb.at เว็บการรถไฟออสเตรียจนเชี่ยวชาญก็รู้ว่าจากเวียนนาไปบูดาเปสต์ใช้เวลาไม่ถึง 3 ชม แถมตั๋วเริ่มที่ 19 ยูโรซึ่งก็ไม่ได้แพงมาก เราเลยส่งข้อความหาบาร์บาร่า(บาร์บี้)เพื่อนคนฮังการีที่เจอกันตอนแลกเปลี่ยนเหมือนกันว่าพาเราเที่ยวได้มั๊ย
กว่าจะหาวันที่โอเคสำหรับเรา เจนนี่และบาร์บี้ได้
สุดท้ายเราก็มายืนที่ชานชาลาพร้อมเป้หนึ่งใบ กระเป๋าถือและตั๋วรถไฟราคา 59 ยูโร
นี่คือแผนเรา วันที่ 4 มิถุนา ออกจากโบโลญญา 5 ทุ่มกว่า
ถึงเวียนนาวันที่ 5 8 โมงเช้า นั่งรถไฟต่อไปบูดาเปสต์ทันที (เพราะบาร์บี้ว่างแค่วันที่ 5-6)
ถึงบูดาเปสต์ตอนเที่ยง เที่ยวๆ นอนบ้านบาร์บี้
วันที่ 6 นั่งรถไฟจากบูดาเปสต์ตอน 4 โมง ถึงเวียนนาทุ่มกว่า (ต้องรีบมาเวียนนาเพราะวันที่ 6 เจนนี่จัดปาร์ตี้วันเกิด)
วันที่ 7-11 อยูบ้านเจนนี่ในเวียนนา
วันที่ 10 ไป Salzburg
วันที่11 1 ทุ่ม นั่งรถไฟกลับโบโลญญาถึงตอนตี 4
ใจเราเต้นตึกๆ เรากำลังจะขึ้นรถไฟคนเดียวไปต่างประเทศ ก็ใช่ ตอนนี้ก็อยู่ต่างประเทศ แต่อิตาลีเราคุ้นยิ่งกว่ากรุงเทพซะอีก
เราง่วงมาก แต่ไม่กล้าหลับสนิทเพราะกลัวของหาย ในตู้รถไฟที่เรานั่ง มี 6 ที่นั่ง แต่มีแค่คุณป้าคนอิตาลีคนเดียว ป้าใจดีมาก เห็นเราทำหน้าโง่ๆ เลยสอนวิธีกางที่นั่งในรถไฟออกมาเป็นเตียงให้ ในรถไฟมีตู้นอนแบบเป็นเตียงด้วยแต่มันแพงกว่ามาก เราเลยซื้อตั๋วนั่ง เพิ่งรู้ว่าที่นั่ง 2 ตัวกางออกมาชนกันเป็นเตียงได้ เก๋อยู่นะ
ตี 5 เราตื่นแบบสลึมสลือ เพราะแดดออกแล้ว ตอนนี้เป็นหน้าร้อน พระอาทิตย์ขึ้นตอน ตี 4 กว่า ตก 3 ทุ่มกว่า พอตื่นแล้วเราไม่กล้าหลับอีกเลย ก็อด! วิวสวยมาก รถไฟเร็วบวกกล้องเก่าๆผลที่ได้คือรูปเบลอๆ แต่ภาพที่เราเห็นคือ รถไฟผ่านป่าครึ้ม เหมือนในหนังเรื่องทไวไลท์ มองไปทางซ้ายเห็นแม่น้ำใสๆไหลช้าๆ มีหมอกลอยเหนือน้ำ ทางขวามีบ้านไม้หลังเล็กอยู่ประปราย วัวอ้วนๆสีน้ำตาลหลายตัวยืนอยู่บนหญ้าสีเขียวสด ปุยเมฆลอยต่ำจนเรารู้สึกว่าถ้าเปิดหน้าต่างแล้วเอื้อมมืออกไปคงคว้ามันได้
รถไฟถึงเวียนนาเลทไป 40 นาที หึ... ดาวว่าแล้ว! (ดาวเป็นคำแทนตัวเอง เหมือน คุณหลอกดาว) อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจรถไฟอิตาลี! คนอิตาลีไม่เคยตรงเวลา! ดีนะเราไม่จองตั๋วไปบูดาเปสต์ตอน 9 โมงที่ถูกกว่าเวลาอื่นครึ่งนึง ไม่งั้นคงตกรถไฟ เราพยายามถามทางหาที่ซื้อตั๋ว ความประทับใจแรก... คนออสเตรียพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แม้กระทั่งคนขายเคบับที่บอกทางเรา
จ่ายไป 36.6 ยูโร จาก `wien meidling ไป Budapest keleti ตั๋วเป็นแบบไม่จองที่นั่ง คือนั่งตรงไหนก็ได้ในที่ว่าง ถ้าจะจองให้ชัวร์ว่ามีที่นั่งต้องจ่ายเพิ่ม แต่ในรถไฟขบวนนั้นมีที่นั่งเหลือเฟือ
รถไฟ Railjet มีไวไฟฟรีถึงเขตออสเตรีย เกือบ 3 ชมผ่านไป รถไฟข้ามผ่านเหนือแม่น้ำดานูปแล้วก็พาเรามาถึงบูดาเปสต์ เราเพิ่งเห็นว่าแม่น้ำดานูปกว้างขนาดนี้ เคยแต่เรียนในวิชาภูมิศาสตร์ วันนี้ได้เห็นจริงๆแล้วนะ เราสะพายเป้เดินลงรถไฟ
เดินออกจากสถานี เราก็ตกหลุมรักบูดาเปสต์ทันที โอ้ย แค่นี้ก็สวยแล้ว
สถานีรถไฟ Keleti
บาร์บี้นัดเราที่ลานจอดรถ แต่รอตั้งนานก็ไม่มาเราเลยโทรหา ดีที่ว่าซิมเบอร์อิตาลีของเราโทรในฮังการีและออสเตรียได้ (ถึงแม้จะต้องจ่ายแพงกว่าปกติ) บาร์บี้บอกว่าจอดรถไม่ได้ ให้มาถนนใหญ่
"บาร์บี้ชั้นอยู่หน้าอนุสาวรีย์"
"อนุสาวรีย์อะไร"
"ชั้นไม่รู้อ่านไม่ออกนี่ "
"ชั้นอยู่หลังรถบัส"
"รถบัสไหน"
"ชั้นเห็นเธอแล้ว ขึ้นรถเร็ว"
เรารีบกระโดดขึ้นรถจี๊บของบาร์บี้ รถข้างหลังบีบแตรกันใหญ่ โอ้ยย ใจเย็นๆ!
เราสองคนถอนหายใจ หัวเราะ แล้วกอดกัน
"โอเค เริ่มเลยนะ คือชั้นเขียนโปรแกรมมาแล้วว่าอยากพาเธอไปไหนบ้าง มันมีที่เที่ยวเยอะมาก เพราะงั้นเราต้องไฟท์" บาร์บี้เป็นไกด์ที่จริงจังมาก...
คืนนี้เราจะนอนอพาร์ตเมนท์ใจกลางเมืองของพี่ชายบาร์บี้ที่จะไม่อยู่บ้านกัน เราเอาของไปเก็บแล้วก็เริ่มออกเดิน
จากบ้านเดินไปนิดเดียวก็ถึงสถานีเมโทร เราซื้อตั๋วแบบ 24 ชม. ที่ใช้ได้กับเมโทร บัสและแทรม ราคา 1650 HUF พอขึ้นจากสถานีมา บาร์บี้ก็พาเราเดินผ่านเมือง ผ่านสวนสาธารณะ ที่มีชิงช้าสวรรค์อยู่ แล้วเราก็เห็นคนใส่ชุดประจำชาติด้วย
ตรงหน้าเราคือสะพาน Széchenyi Chain bridge ที่โด่งดัง มันเป็นสะพานที่เชื่อฝั่งบูดากับเปสต์เข้าด้วยกันด้วยโครงสร้างที่ซับซ้อน นอกจากสะพานนี้ก็ยังมีสะพานอื่นๆตลอดแม่น้ำดานูบ มีสะพานนึงที่บาร์บี้เล่าให้ฟังว่าทุกปี 2 มหาลัยคู่แข่งจะเกณฑ์นักศึกษาเป็นพันๆมาแข่งชักกะเย่อกันบนสะพาน
แดดร้อนเปรี้ยงเหมือนกลัวเราคิดถึงประเทศไทย เราเดินข้ามสะพานจากฝั่งเปสต์ ไปบูดา
ตัวเมืองและที่เที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่ในฝั่งเปสต์ที่เป็นที่ราบ ส่วนฝั่งบูดาที่เป็นภูเขาก็มีที่อยู่อาศัยและปราสาทกับโบสถ์สำคัญ
ฝั่งบูดา
ภูเขาฝั่งบูดา เต็มไปด้วยบ้านเรือน
เรานั่งรถรางแบบนี้ขึ้นไปบนเนินที่มีปราสาท Kiràlyi palota, หอคอย Halàszbàstya โบสถ์ Màtyàs และพิพิธภัณฑ์สำคัญอยู่ เสียค่าขึ้นประมาณ 1800 HUF (พอขึ้นไปแล้วถึงได้เห็นว่ามีรถบัสที่ขึ้นมาถึงตรงนี้ได้ด้วย)
บนเนินเขา เหมือนเป็นเมืองเล็กๆ มากกว่าจะเป็นแค่บริเวณรอบประสาท มีร้านอาหาร ไปรษณีย์ และโรงแรม
นี่คือ Màtyàs-templom หรือ โบสถ์ Matthias โบสถ์ยุคกลางที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของฮังการีอายุกว่าพันปี เอกลักษณ์คือหลังคากระเบื้องที่เรียงสวยงาม
อยู่อิตาลีเห็นโบสถ์มาเป็นพันๆ ไม่เคยเห็นโบสถ์ไหนมีหลังคาแบบนี้เลย เราสนใจกับความแตกต่างทางสถาปัตยกรรมในยุโรปมาก
ป้อมปราการ Halàszbàstya (The fisherman's Bastion ) และรูปปั้นของ สเตฟานที่ 1
บนระเบียงของป้อมปราการมองเห็นฝั่งเปสต์ทั้งหมด
บาร์บี้บอกว่า "ชั้นพาเที่ยวได้ แต่อย่าถามนะ พวกประวัติความเป็นมา 555 ไม่รู้เหมือนกัน"
"ไม่เป็นไร ชั้นอ่านหนังสือมาแล้ว" เราโชว์หนังสือ 'ยุโรป เส้นทางสายโรแมนติค' ของคุณ travelkanumanให้ดู
"โอเค งั้นเธอเล่าให้ชั้นฟังแล้วกัน"
( 'ยุโรป เส้นทางสายโรแมนติค' หนังสือเล่มเดียวที่เราหาได้ที่มีเรื่องฮังการีและออสเตรีย ภาพสวยมากๆ ยังกับภาพวาด แค่ซื้อมาดูรูปก็คุ้มแล้ว เขียนเรื่องข้อมูลสถาณที่ท่องเที่ยวและประวัติความเป็นมาอย่างย่อๆได้ดี)
อากาศร้อนจนอยากลงไปว่ายน้ำพุ หน้า Magyar Nemzeti Galèria หรือหอศิลป์แห่งชาติ เที่ยวครั้งนี้ค่อนข้างจะเป็นแบบชะโงกทัวร์ เราไม่ได้เข้าไปดูข้างในเพราะเวลาน้อย แต่เราก็ได้เดินดูรอบๆ
บริเวณ Budapest Toreneti Muzeum หรือ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
อยู่ข้างบนนี้มองข้ามไปฝั่งเปสต์เห็นรัฐสภาทั้งหลัง
ปกติเราไม่เกี่ยงเรื่องเดิน แต่แดดเปรี้ยง กับอุณหภูมิเกือบ เกือบ 40 องศาทำให้เราสองคนยอมแพ้ คนที่ไม่เคยมายุโรปจะไม่เชื่อเลยว่ายุโรปร้อนขนาดนี้ได้ด้วย
เราลงจากเขากลับมาในตัวเมืองฝั่งเปสต์ เราบอกทางไม่ได้เพราะเดินตามบาร์บี้อย่างเดียว (ค่ะ ถ้านี่เป็นไกด์บุ๊ค จะเป็นไกด์บุ๊คที่แย่มาก 555) บาร์บี้พาเราขึ้นลิฟท์ไปที่ 360 Bar เป็นบาร์บนดาดฟ้าของตึกสูงที่เห็นวิวสวยๆของบูดาเปสต์ทั้งเมือง โอ้โห ได้อารมณ์กว่าดูวิวบนเขาอีก
[CR] Once in a lifetime trip แบกเป้คนเดียวเที่ยวฮังการี-ออสเตรียแบบนักเรียนแลกเปลี่ยนงบน้อย ตอนที่ 1 ตกหลุมรักบูดาเปสต์
นี่คือเรื่องเล่าที่คนคนนึงจะนั่งลง โชว์รูป และเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนสนิทด้วย
เรา เด็กผู้หญิงอายุ 19 ตัวคนเดียว ที่เพิ่งจบม.ปลาย กลับมาอยู่เมืองโบโลญญา ประเทศอิตาลี ที่ๆเคยมาแลกเปลี่ยนเมื่อ 3 ปีก่อนอีกครั้ง ก่อนจะมาเราคิดว่าอยากไปที่อื่นในยุโรปด้วย เราเลยโพสต์ในกรุ๊ปที่ใหญ่มากของ AFS ที่มีเด็กเอเอฟเอสทั่วโลก หาเพื่อนเที่ยวด้วย
ล้วเพื่อนที่เราค่อนข้างสนิทด้วย(แต่ไม่ได้คุยกันนานแล้ว)คนออสเตรีย ที่เจอกันตอนมาแลกเปลี่ยนในอิตาลี ชื่อเจนนิเฟอร์(เจนนี่)ก็เม้นมาว่า ถ้ามาเวียนนา ออสเตรีย ชั้นจะพาเธอไปดูทุกอย่างเลย
"เธออยู่เวียนนาเหรอ ไม่รู้มาก่อนเลย"
"ใช่ๆอยู่ในเมืองเลย มาๆมานอนบ้านชั้นนี่ จากโบโลญญามีรถไฟมาถึงเวียนนาเลย"
พอเราส่องเว็บ www.oebb.at เว็บการรถไฟออสเตรียจนเชี่ยวชาญก็รู้ว่าจากเวียนนาไปบูดาเปสต์ใช้เวลาไม่ถึง 3 ชม แถมตั๋วเริ่มที่ 19 ยูโรซึ่งก็ไม่ได้แพงมาก เราเลยส่งข้อความหาบาร์บาร่า(บาร์บี้)เพื่อนคนฮังการีที่เจอกันตอนแลกเปลี่ยนเหมือนกันว่าพาเราเที่ยวได้มั๊ย
กว่าจะหาวันที่โอเคสำหรับเรา เจนนี่และบาร์บี้ได้
สุดท้ายเราก็มายืนที่ชานชาลาพร้อมเป้หนึ่งใบ กระเป๋าถือและตั๋วรถไฟราคา 59 ยูโร
นี่คือแผนเรา วันที่ 4 มิถุนา ออกจากโบโลญญา 5 ทุ่มกว่า
ถึงเวียนนาวันที่ 5 8 โมงเช้า นั่งรถไฟต่อไปบูดาเปสต์ทันที (เพราะบาร์บี้ว่างแค่วันที่ 5-6)
ถึงบูดาเปสต์ตอนเที่ยง เที่ยวๆ นอนบ้านบาร์บี้
วันที่ 6 นั่งรถไฟจากบูดาเปสต์ตอน 4 โมง ถึงเวียนนาทุ่มกว่า (ต้องรีบมาเวียนนาเพราะวันที่ 6 เจนนี่จัดปาร์ตี้วันเกิด)
วันที่ 7-11 อยูบ้านเจนนี่ในเวียนนา
วันที่ 10 ไป Salzburg
วันที่11 1 ทุ่ม นั่งรถไฟกลับโบโลญญาถึงตอนตี 4
ใจเราเต้นตึกๆ เรากำลังจะขึ้นรถไฟคนเดียวไปต่างประเทศ ก็ใช่ ตอนนี้ก็อยู่ต่างประเทศ แต่อิตาลีเราคุ้นยิ่งกว่ากรุงเทพซะอีก
เราง่วงมาก แต่ไม่กล้าหลับสนิทเพราะกลัวของหาย ในตู้รถไฟที่เรานั่ง มี 6 ที่นั่ง แต่มีแค่คุณป้าคนอิตาลีคนเดียว ป้าใจดีมาก เห็นเราทำหน้าโง่ๆ เลยสอนวิธีกางที่นั่งในรถไฟออกมาเป็นเตียงให้ ในรถไฟมีตู้นอนแบบเป็นเตียงด้วยแต่มันแพงกว่ามาก เราเลยซื้อตั๋วนั่ง เพิ่งรู้ว่าที่นั่ง 2 ตัวกางออกมาชนกันเป็นเตียงได้ เก๋อยู่นะ
ตี 5 เราตื่นแบบสลึมสลือ เพราะแดดออกแล้ว ตอนนี้เป็นหน้าร้อน พระอาทิตย์ขึ้นตอน ตี 4 กว่า ตก 3 ทุ่มกว่า พอตื่นแล้วเราไม่กล้าหลับอีกเลย ก็อด! วิวสวยมาก รถไฟเร็วบวกกล้องเก่าๆผลที่ได้คือรูปเบลอๆ แต่ภาพที่เราเห็นคือ รถไฟผ่านป่าครึ้ม เหมือนในหนังเรื่องทไวไลท์ มองไปทางซ้ายเห็นแม่น้ำใสๆไหลช้าๆ มีหมอกลอยเหนือน้ำ ทางขวามีบ้านไม้หลังเล็กอยู่ประปราย วัวอ้วนๆสีน้ำตาลหลายตัวยืนอยู่บนหญ้าสีเขียวสด ปุยเมฆลอยต่ำจนเรารู้สึกว่าถ้าเปิดหน้าต่างแล้วเอื้อมมืออกไปคงคว้ามันได้
รถไฟถึงเวียนนาเลทไป 40 นาที หึ... ดาวว่าแล้ว! (ดาวเป็นคำแทนตัวเอง เหมือน คุณหลอกดาว) อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจรถไฟอิตาลี! คนอิตาลีไม่เคยตรงเวลา! ดีนะเราไม่จองตั๋วไปบูดาเปสต์ตอน 9 โมงที่ถูกกว่าเวลาอื่นครึ่งนึง ไม่งั้นคงตกรถไฟ เราพยายามถามทางหาที่ซื้อตั๋ว ความประทับใจแรก... คนออสเตรียพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แม้กระทั่งคนขายเคบับที่บอกทางเรา
จ่ายไป 36.6 ยูโร จาก `wien meidling ไป Budapest keleti ตั๋วเป็นแบบไม่จองที่นั่ง คือนั่งตรงไหนก็ได้ในที่ว่าง ถ้าจะจองให้ชัวร์ว่ามีที่นั่งต้องจ่ายเพิ่ม แต่ในรถไฟขบวนนั้นมีที่นั่งเหลือเฟือ
รถไฟ Railjet มีไวไฟฟรีถึงเขตออสเตรีย เกือบ 3 ชมผ่านไป รถไฟข้ามผ่านเหนือแม่น้ำดานูปแล้วก็พาเรามาถึงบูดาเปสต์ เราเพิ่งเห็นว่าแม่น้ำดานูปกว้างขนาดนี้ เคยแต่เรียนในวิชาภูมิศาสตร์ วันนี้ได้เห็นจริงๆแล้วนะ เราสะพายเป้เดินลงรถไฟ
เดินออกจากสถานี เราก็ตกหลุมรักบูดาเปสต์ทันที โอ้ย แค่นี้ก็สวยแล้ว
สถานีรถไฟ Keleti
บาร์บี้นัดเราที่ลานจอดรถ แต่รอตั้งนานก็ไม่มาเราเลยโทรหา ดีที่ว่าซิมเบอร์อิตาลีของเราโทรในฮังการีและออสเตรียได้ (ถึงแม้จะต้องจ่ายแพงกว่าปกติ) บาร์บี้บอกว่าจอดรถไม่ได้ ให้มาถนนใหญ่
"บาร์บี้ชั้นอยู่หน้าอนุสาวรีย์"
"อนุสาวรีย์อะไร"
"ชั้นไม่รู้อ่านไม่ออกนี่ "
"ชั้นอยู่หลังรถบัส"
"รถบัสไหน"
"ชั้นเห็นเธอแล้ว ขึ้นรถเร็ว"
เรารีบกระโดดขึ้นรถจี๊บของบาร์บี้ รถข้างหลังบีบแตรกันใหญ่ โอ้ยย ใจเย็นๆ!
เราสองคนถอนหายใจ หัวเราะ แล้วกอดกัน
"โอเค เริ่มเลยนะ คือชั้นเขียนโปรแกรมมาแล้วว่าอยากพาเธอไปไหนบ้าง มันมีที่เที่ยวเยอะมาก เพราะงั้นเราต้องไฟท์" บาร์บี้เป็นไกด์ที่จริงจังมาก...
คืนนี้เราจะนอนอพาร์ตเมนท์ใจกลางเมืองของพี่ชายบาร์บี้ที่จะไม่อยู่บ้านกัน เราเอาของไปเก็บแล้วก็เริ่มออกเดิน
จากบ้านเดินไปนิดเดียวก็ถึงสถานีเมโทร เราซื้อตั๋วแบบ 24 ชม. ที่ใช้ได้กับเมโทร บัสและแทรม ราคา 1650 HUF พอขึ้นจากสถานีมา บาร์บี้ก็พาเราเดินผ่านเมือง ผ่านสวนสาธารณะ ที่มีชิงช้าสวรรค์อยู่ แล้วเราก็เห็นคนใส่ชุดประจำชาติด้วย
ตรงหน้าเราคือสะพาน Széchenyi Chain bridge ที่โด่งดัง มันเป็นสะพานที่เชื่อฝั่งบูดากับเปสต์เข้าด้วยกันด้วยโครงสร้างที่ซับซ้อน นอกจากสะพานนี้ก็ยังมีสะพานอื่นๆตลอดแม่น้ำดานูบ มีสะพานนึงที่บาร์บี้เล่าให้ฟังว่าทุกปี 2 มหาลัยคู่แข่งจะเกณฑ์นักศึกษาเป็นพันๆมาแข่งชักกะเย่อกันบนสะพาน
แดดร้อนเปรี้ยงเหมือนกลัวเราคิดถึงประเทศไทย เราเดินข้ามสะพานจากฝั่งเปสต์ ไปบูดา
ตัวเมืองและที่เที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่ในฝั่งเปสต์ที่เป็นที่ราบ ส่วนฝั่งบูดาที่เป็นภูเขาก็มีที่อยู่อาศัยและปราสาทกับโบสถ์สำคัญ
ฝั่งบูดา
ภูเขาฝั่งบูดา เต็มไปด้วยบ้านเรือน
เรานั่งรถรางแบบนี้ขึ้นไปบนเนินที่มีปราสาท Kiràlyi palota, หอคอย Halàszbàstya โบสถ์ Màtyàs และพิพิธภัณฑ์สำคัญอยู่ เสียค่าขึ้นประมาณ 1800 HUF (พอขึ้นไปแล้วถึงได้เห็นว่ามีรถบัสที่ขึ้นมาถึงตรงนี้ได้ด้วย)
บนเนินเขา เหมือนเป็นเมืองเล็กๆ มากกว่าจะเป็นแค่บริเวณรอบประสาท มีร้านอาหาร ไปรษณีย์ และโรงแรม
นี่คือ Màtyàs-templom หรือ โบสถ์ Matthias โบสถ์ยุคกลางที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของฮังการีอายุกว่าพันปี เอกลักษณ์คือหลังคากระเบื้องที่เรียงสวยงาม
อยู่อิตาลีเห็นโบสถ์มาเป็นพันๆ ไม่เคยเห็นโบสถ์ไหนมีหลังคาแบบนี้เลย เราสนใจกับความแตกต่างทางสถาปัตยกรรมในยุโรปมาก
ป้อมปราการ Halàszbàstya (The fisherman's Bastion ) และรูปปั้นของ สเตฟานที่ 1
บนระเบียงของป้อมปราการมองเห็นฝั่งเปสต์ทั้งหมด
บาร์บี้บอกว่า "ชั้นพาเที่ยวได้ แต่อย่าถามนะ พวกประวัติความเป็นมา 555 ไม่รู้เหมือนกัน"
"ไม่เป็นไร ชั้นอ่านหนังสือมาแล้ว" เราโชว์หนังสือ 'ยุโรป เส้นทางสายโรแมนติค' ของคุณ travelkanumanให้ดู
"โอเค งั้นเธอเล่าให้ชั้นฟังแล้วกัน"
( 'ยุโรป เส้นทางสายโรแมนติค' หนังสือเล่มเดียวที่เราหาได้ที่มีเรื่องฮังการีและออสเตรีย ภาพสวยมากๆ ยังกับภาพวาด แค่ซื้อมาดูรูปก็คุ้มแล้ว เขียนเรื่องข้อมูลสถาณที่ท่องเที่ยวและประวัติความเป็นมาอย่างย่อๆได้ดี)
อากาศร้อนจนอยากลงไปว่ายน้ำพุ หน้า Magyar Nemzeti Galèria หรือหอศิลป์แห่งชาติ เที่ยวครั้งนี้ค่อนข้างจะเป็นแบบชะโงกทัวร์ เราไม่ได้เข้าไปดูข้างในเพราะเวลาน้อย แต่เราก็ได้เดินดูรอบๆ
บริเวณ Budapest Toreneti Muzeum หรือ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
อยู่ข้างบนนี้มองข้ามไปฝั่งเปสต์เห็นรัฐสภาทั้งหลัง
ปกติเราไม่เกี่ยงเรื่องเดิน แต่แดดเปรี้ยง กับอุณหภูมิเกือบ เกือบ 40 องศาทำให้เราสองคนยอมแพ้ คนที่ไม่เคยมายุโรปจะไม่เชื่อเลยว่ายุโรปร้อนขนาดนี้ได้ด้วย
เราลงจากเขากลับมาในตัวเมืองฝั่งเปสต์ เราบอกทางไม่ได้เพราะเดินตามบาร์บี้อย่างเดียว (ค่ะ ถ้านี่เป็นไกด์บุ๊ค จะเป็นไกด์บุ๊คที่แย่มาก 555) บาร์บี้พาเราขึ้นลิฟท์ไปที่ 360 Bar เป็นบาร์บนดาดฟ้าของตึกสูงที่เห็นวิวสวยๆของบูดาเปสต์ทั้งเมือง โอ้โห ได้อารมณ์กว่าดูวิวบนเขาอีก