ระวัง ธนชาต และ อู่บางละมุง31 ซ่อมรถโดยไม่ชี้แจงรายละเอียด หมกเม็ด ไม่น่าไว้ใจ

กระทู้สนทนา
รถผมได้ทำประกันภัยไว้กับ ป.ธนชาต ครับ
วันที่ 2 ก.พ. 58 ประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำที่บางละมุง-ชลบุรี เนื่องจากหักหลบสิบล้อ ก็เลยเสียหลักรถหมุนไปชนต้นไม้แล้วลงไปนอนหงายท้องอยู่ในร่องกลางถนน ผมไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร (เพราะรัดเข็มขัดนิรภัย) มีพี่ๆที่อยู่แถวนั้นมาช่วยดึงผมขึ้นจากร่องที่ตกลงไป (ขอขอบคุณไว้ ณ.ที่นี้ด้วยครับ) และโทรแจ้งประกันมาดูที่เกิดเหตุ





ผมก็รอเจ้าหน้าที่ประมาณ 30-40 นาที เจ้าหน้าที่ธนชาตชื่อพี่จำเนียร ก็มาถึง คำถามแรกที่เจอพี่แกผมถามว่ารถเสียหายขนาดนี้คืนทุนไหม(บางคนเรียกคืนซาก) แกบอกว่าซ่อมได้เพราะค่าซ่อมไม่น่าถึง 70% ของทุนประกัน (รถผมตอนเกิดเหตุก็อายุเกือบ 10 ปีแล้วครับ ทุนประกันอยู่ที่ 250,000) แกแนะนำให้ลากรถไปซ่อมที่อู่ "บางละมุง31" โดยแกบอกว่าอู่ใหญ่ ซ่อมดี ผมก็โอเคแต่ก็ตะหงิดใจอยู่ว่ามันน่าจะคืนทุนมากกว่า
พอไปถึงอู่ก็ถามเจ้าหน้าที่ที่อู่อีกที เขาก็บอกว่าไม่น่าจะต้องคืนซาก และต้องให้อู่เช็คความเสียหายก่อน ผมก็กลับบ้านไป รอเขาโทรมาแจ้งรายละเอียดว่าความเสียหายเป็นไงบ้าง รออยู่หลายวันครับ ทั้งธนชาตและอู่ไม่มีใครโทรมาเลย

ผมก็เลยโทรไปถามอู่ว่ารถผมต้องซ่อมอะไรบ้างความเสียประมาณเท่าไหร่อยากรู้รายละเอียด เพราะในใจยังคิดว่ามันน่าจะต้องคืนทุนประกัน ตอนนั้นผมคุยกับเจ้าหน้าที่อู่ชื่อติ๊ก ซึ่งแกเป็นคนดูเรื่องรถผมอยู่ แกบอกว่ารถซ่อมไปเยอะแล้ว (ผมก็งงอยู่ว่า เอ้า!ไม่แจ้งเราเลยเหรอว่าจะซ่อม แล้วความเสียหายอะไรบ้าง) ผมก็เลยถามว่าซ่อมอะไรบ้าง แกบอกว่า"บอกไม่ได้เป็นความลับระหว่างอู่กับ บ.ประกัน" เอ้ยอะไรนี่! รถเราเราก็น่าจะมีสิทธิ์รู้ได้ซิว่าความเสียหายอะไร ตรงไหนบ้าง เถียงกันอยู่พักนึงแกก็ไม่ยอมบอก ผมก็เลยถามว่างั้นค่าซ่อมที่ประเมินไปประมาณเท่าไหร่ แกก็ยึกยักอยู่นานจนสุดท้ายแกบอก"300,000"

เอ้า! นี่มันเกินทุนประกันแล้วนี่ครับ ทำไมไม่แจ้งผมจะได้คืนทุนไปไม่ต้องซ่อม แกก็เลยปัดให้ผมโทรไปคุยกับ ป.ธนชาต แทน ผมก็โทรหาพี่จำเนียร แกบอกแกรับเรื่องแล้วส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเรื่องซ่อมชื่อนรินทร์ ผมโทรไปคุยกับคุณนรินทร์ บอกแกว่าอู่ประเมินค่าซ่อมรถผมไป 300,000 ทั้งที่ทุนแค่ 250,000 ทำไมไม่แจ้งผมจะได้คืนทุนไปจบๆ แกก็ถามผมว่ารถซ่อมหรือยัง ผมก็บอกว่าทางอู่ว่ากำลังซ่อม คุณนรินทร์ก็เลยบอกผมว่าถ้าซ่อมแล้วไม่สามารถคืนทุนได้แล้ว ผมก็ว่าเอ้า!อย่างงี้ผมต้องจ่ายเงินค่าส่วนต่างเพิ่มสิ ทำไมไม่แจ้งผมล่ะว่าค่าซ่อมเกินทุน แกบอกงั้นแกขอคุยกับอู่ก่อนแล้วค่อยคุยกัยผมอีกที

พอคุณนรินทร์โทรกลับมาอีกทีก็บอกปัดให้ผมโทรคุยกับอู่เลยโดยแกก็ไม่ชี้แจงอะไร ผมโทรไปหาคุณติ๊กอู่บางละมุง31 อีกที
ทีนี้ตาติ๊กบอกว่า ”ประเมินไปสูงๆไว้ก่อนเผื่อทาง บ.ประกัน ไว้ต่อรองอะไรประมาณนั้น แต่จริงๆแล้ว ค่าซ่อมไม่ถึง70%ของทุนประกันหรอก เพราะถ้าเกินประกันก็ไม่ให้ซ่อม”
ผมก็ถามย้ำว่าผมต้องเสียค่าใช่จ่ายอะไรเพิ่มไหม
แกบอกว่ามีแค่ค่าของเหลวพวกน้ำมันเบรกอะไรแค่นิดหน่อย แกยังย้ำว่าไม่ต้องห่วงผมซ่อมให้ดีที่สุดอยู่แล้วอู่ผมมีชื่อเสียง

พอถึงวันที่เขาซ่อมเสร็จ ผมก็ไปเจอคุณติ๊กที่อู่ ขอลองรถ ซึ่งมันก็ขับได้ แต่พวงมาลัยไม่ตรง(ศูนย์ล้อไม่ดี) เสียงเครื่องก็ฟังแปลกไปจากเดิมอยู่
จากนั้นผมก็ขอให้คุณติ๊กชี้แจงรายละเอียดให้ผมรู้ว่าซ่อมอะไรตรงไหนบ้าง
แกก็ออกแนวไม่ค่อยพอใจ บอกผมว่าแกบอกไม่ได้ มันเป็นความลับของอู่กับ บ.ประกัน เหมือนเดิม
ผมถามว่าทำไม แกบอกว่า เป็นการซ่อมแบบเหมา บอกรายละเอียดไม่ได้
แล้วก็ยังพูดประโยคเด็ดว่า “รถคันนี้ที่จริงมันเสียหายเยอะต้องคืนทุนแล้ว” (พูดไม่ตรงกับครั้งก่อน)
ผมก็เลยถามว่าทำไมไม่บอกผมว่าคืนทุนได้ ซ่อมทำไม
แกบอกว่า ”ตอนผมเอารถเข้ามาผมไม่บอกแกว่าจะคืนทุน”
ผมก็เถียงแกว่าก็ทางอู่ต้องประเมินก่อนไม่ใช่หรือว่าความเสียหายขนาดไหนแล้วจึงค่อยถามเจ้าของรถว่าจะคืนทุนไหม
แกบอกว่า ”ตอนเอารถมาส่งที่อู่ เจ้าของรถก็ต้องรู้แล้วว่าซ่อมไม่ได้ และต้องแจ้งทางอู่ไว้ว่าจะขอคืนทุน”
ผมก็บอกว่าผมไม่ได้มีความรู้เรื่องรถอะไรมากมาย จะไปรู้ได้ไงว่ามันเสียหายเยอะขนาดไหน อีกอย่างตอนนั้นผมก็ถามแล้วว่าต้องคืนซากไหม ก็บอกไม่ต้อง ประกันก็บอกว่าซ่อมไม่เยอะ
แกยืนยันว่ายังไงแกก็บอกรายละเอียดการซ่อมไม่ได้เพราะเป็นความลับ แล้วก็บอกว่าให้ผมรับรถไปใช้ก่อน ถ้ามีปัญหาอะไรก็เข้ามา แล้วแกจะดูให้ว่าเกี่ยวกับที่เกิดจากอุบัติเหตุครั้งนี้หรือเปล่า ถ้าเกี่ยวก็แก้ไขให้อยู่แล้ว
ผมก็บอกว่าถ้าผมรับไปแล้วมีปัญหา กลับมาแล้วพี่บอกว่าไม่เกี่ยวกับพี่ ผมก็จบสิ เพราะรายละเอียดที่ซ่อมพี่ก็ไม่บอก
แกก็บอกว่าให้เชื่อใจแก และอู่แกก็เป็นอู่ใหญ่มีเว็บไซท์ ไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก
ผมก็เถียงว่า ผมไม่รู้จักพี่ พี่ไม่ใช่ญาติอะไรผม และเดี๋ยวนี้ใครๆก็มีเว็บไซท์กันทั้งนั้นแหละจะรับประกันอะไรได้

ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่รับรถถ้าไม่ชี้แจงรายละเอียดให้ทราบ และก็ขอยกรถดูช่วงล่างว่ามีอะไรผิดปกติไหม
สุดท้ายเจอจริงๆครับพี่น้อง
1. ตอนรถหงายท้องอยู่ในร่องน้ำ ผมถ่ายรูปเก็บไว้และเห็นว่า ชิ้นเหล็กที่เป็นของยางแท่นเครื่องมันแตกอยู่ฝั่งด้านล่างรถ ตอนนี้พอยกรถดู เขาจับสลับด้านที่แตกไปไว้ด้านบน(ฝั่งที่หันไปทางเครื่องยนต์) เพื่อหลบไม่ให้เห็นว่ามันแตกแล้ว

2. ยางกันฝุ่นของโช้คอัพก็ฉีกขาด ซึ่งถ้าไม่ยกรถดูก็จะมองไม่เห็น

3. พลาสติกที่จับของก้านวันน้ำมันเครื่องก็หัก
4. เพลาขับทั้งสองข้างไม่แน่น แต่ช่างลูกน้องตาติ๊กก็บอกว่าปกติ
5. รอยบุบที่คิ้วบันไดก็ยังเห็นชัด

ผมเดินกลับไปหาอ้ายคุณติ๊ก บอกว่าเจอนี่นั่น แกบอกว่าช่างคงไม่เห็นว่ามันแตกเลยไม่ได้เปลี่ยน เดี๋ยวแกเปลี่ยนให้ใหม่ (ถูไถไปเรื่อย)
ผมบอกว่าจะไม่เห็นได้ไงถอดสลับด้านซะขนาดนั้น และขอให้แกไปตรวจรถแล้วบอกผมเลยว่าซ่อมตรงไหนบ้าง แกก็ไม่ไป และก็ยืนยันว่าบอกรายการซ่อมไม่ได้ (อีกแล้ววว) ให้ผมไปตรวจเองกับลูกน้องแกแล้วค่อยมาแจ้งว่าพบชิ้นไหนอีก เดี๋ยวแกเปลี่ยนให้ ผมเลยเดินไปเอา iPad ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นก็ไปที่ออฟฟิตของอู่อีกที ตาติ๊กตรวจรถคันอื่นอยู่ ผมก็เข้าไปรอแกในออฟฟิตหันไปอีกทีแกหายตัวไปแล้ว ผมก็เลยกลับไปโดยไม่รับรถ

จากนั้น ผมก็ได้โทรไปปรึกษากรมประกันภัย (คปภ.) เขาให้คำแนะนำที่ผู้บริโภคอย่างเราควรรู้ไว้ ว่า
1.    เราไม่มีหน้าที่คุยกับอู่ เราต้องคุยกับ บ.ประกัน เท่านั้น
2.    ก่อนซ่อมทางประกันจะต้องแจ้งให้เราทราบความเสียหาย และได้รับความเห็นชอบจากเราก่อนเริ่มซ่อม
3.    จะต้องไม่มีความลับใดๆ ทุกอย่างต้องชี้แจงได้

และเจ้าหน้าที่ คปภ. ก็ได้แนะนำให้ผมโทรไปขอรายละเอียดการซ่อมกับ ธนชาต

ผมโทรไปหาคุณนรินทร์ ขอรายละเอียดการซ่อม และถามว่าใช้อะไหล่แท้ไหม
นรินทร์ก็ออกแนวไม่ค่อยพอใจ แล้วก็เอ่ยประโยคเด็ดว่า “รถคันนี้ที่จริงมันเสียหายเยอะต้องคืนทุนแล้ว แต่ผมไปบอกอู่ให้ซ่อมเอง” และอะไหล่ก็เป็นอะไหล่แท้ไม่ 100% ด้วย
ผมก็เถียงว่าผมไม่ได้บอกให้อู่ซ่อมเลย เขาซ่อมโดยพลการ แล้วทางธนชาตเองก็ไม่เคยโทรมาแจ้งเลยว่ารถต้องคืนทุน
นรินทร์บอกว่างั้นเขาให้ทางอู่ปริ้นท์รายการอะไหล่ที่เปลี่ยนไว้ให้ ให้ผมเข้าไปตรวจรถดูก่อน
ผมไม่ไปแล้วครับ ขี้เกียจไปเถียงกับตาติ๊กอีก

วันนี้ผมไปทำร้องเรียนกับ คปภ. ไว้แล้ว นัดไกล่เกลี่ยวันที่ 21 ก.ค. นี้ ผมยืนยันจะขอคืนทุน ไม่รับรถแล้วครับ เจออย่างงี้ใครจะไปกล้าใช้ล่ะ ว่ามั้ยครับ

ที่สำคัญเขาบอกเองว่ารถมันต้องคืนซากแล้ว ซึ่งมันหมายความว่า ถ้าซ่อมให้ดี ให้ถูกต้องสมบูรณ์จริงๆ ค่าใช้จ่ายมันเกิน 70% ของทุนประกันแน่นอน แล้วอย่างนี้ที่ซ่อมมา มันซ่อมอะไรมาไม่รู้

update ครับ (21 ก.ค. 58)
ก่อนอื่น ผมขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาให้กำลังใจมากๆ ครับ

วันนี้ ผมไปเจรจาไกล่เกลี่ยกับทาง ป.ธนชาต ที่สำนักงาน คปภ. เรียบร้อยแล้ว
โดยทางเจ้าหน้าที่ ธนชาต ได้เจรจากับทางอู่ ให้อู่รับซื้อรถไปเองในราคาที่ ป.ธนชาต เสนอผมมา เพื่อให้เรื่องจบ
โดยทางอู่ตกลงจะนำเงินมาจ่ายในวันที่ 28 ก.ค. นี้

รายละเอียดเพิ่มเติม ผมจะมา update อีกทีหลังจากที่อู่ได้จ่ายเงินและโอนรถกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ตามที่ได้ตกลงกันไว้ในวันนี้)

ที่สำคัญผมขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ คปภ. ด้วยครับ

ขอบคุณครับ

ตอบความคิดเห็นที่ 50 ครับ

เข็ดขัดนิรภัยช่วยชีวิตผมไว้ครับ ถ้าไม่รัดเข็มขัดผมอาจกระเด็นออกนอกรถ
หรือไม่ก็คอหัก เพราะตอนรถหงายท้องอยู่นั้น ผมห้อยหัวเป็นค้างคาวเลย
แล้วผมก็ดันตัวติดกับเบาะเพื่อปลดเข็มขัดที่รั้งผมอยู่จากน้ำหนักตัวผมเอง
แล้วผมก็คลานไปหาประตูที่มันเปิดได้ ซึ่งก็มีบานหลังซ้ายบานเดียว ตอนแรกผมปลดล็อคแล้วมันก็เปิดไม่ออก ผมเลยกดและปลดล็อคอีกรอบ ประตูก็เปิดออกพร้อมกับที่มีพี่คนนึงโผล่หน้ามาพอดี อันนี้ผมเลยไม่แน่ใจว่ามันเปิดออกเพราะผมหรือพี่เขากันแน่

นอกจากเข็มขัดแล้วสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ "สติ" ครับ
ตอนรถกำลังพุ่งไปหาท้ายรถสิบล้อนั้น ตอนแรกผมหักซ้ายเพื่อจะเข้าข้างทาง แต่พอดีเห็นมีคนยืนอยู่ ผมเลยหักไปขวาอีกที รถก็เลยหมุนไปทางขวา ผมไม่แน่ใจว่ารถจะพุ่งไปอีกฝั่งถนนไหม(ตอนนั้นไม่เห็นว่ามีร่องน้ำกลางถนน) ก็เลยพยายามบังคับรถไปชนต้นไม้ ดีกว่าพุ่งไปชนรถคันอื่นที่อีกฝั่งถนน ผลก็เลยออกมาอย่างที่เห็นในรูปครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
ประกาศ

เรียนเพื่อนสมาชิก ทาง บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงรายละเอียดในประเด็นดังกล่าว ตามไฟล์เอกสารที่แนบมานี้ ค่ะ

จดหมายชี้แจง และ หนังสือคปภ.

คำชี้แจง

จากกระทู้ “ระวัง ธนชาตและอู่บางละมุง31 ซ่อมรถโดยไม่ชี้แจงรายละเอียด หมกเม็ด ไม่น่าไว้ใจ” ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ www.pantip.com บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) ขอเรียนให้ทราบว่าทางธนชาตประกันภัย ลูกค้า และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้นำกรณีนี้เข้าหารือและได้ข้อตกลงที่เป็นที่พอใจร่วมกันเเรียบร้อยแล้ว เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องบริษัทธนชาตประกันภัย ขอชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดให้ทราบอีกครั้ง ดังนี้

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558
พนักงานสำรวจภัยของบริษัทฯ ได้รับแจ้งเหตุและออกให้บริการ ณ จุดเกิดเหตุ บนถนนบางละมุง-ชลบุรี และช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ด้วยการลากรถที่เสียหายไปยังอู่รถยนต์บางละมุง 31 ซึ่งเป็นอู่รถยนต์ในเครือฯที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุมากที่สุด

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2558
อู่รถยนต์บางละมุง 31ได้รับการยืนยันอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากลูกค้า ให้ดำเนินการจัดซ่อมรถยนต์คันนี้ เพราะเต้องการให้จัดซ่อมรถยนต์โดยเร็ว และจากการประเมินค่าซ่อมเบื้องต้นก็อยู่ในวงเงินคุ้มครองตามทุนประกัน ดังนั้นลูกค้าจึงไม่ต้องชำระเงินค่าซ่อมเพิ่มเติม

วันที่ 10 เมษายน 2558
มื่ออู่ฯจัดซ่อมรถยนต์เสร็จแล้วก็ได้ส่งรถยนต์คันนี้ไปเช็คสภาพอีกครั้ง ที่ศูนย์รถยนต์ Chevrolet สาขานาเกลือ อ.บางละมุง ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานการควบคุมคุณภาพงานซ่อมของอู่ในเครือบริษัทฯ หลังจากนั้นจึงได้โทรศัพท์แจ้งลูกค้าเพื่อนัดหมายให้มาตรวจรับรถ

ปลายเดือนเมษายน 2558
ลูกค้าเข้าตรวจรับรถและเมื่อทดลองขับลูกค้ารู้สึกไม่มั่นใจในประสิทธิภาพของรถยนต์ จึงขอดูสภาพอะไหล่ช่วงล่างพบว่าอะไหล่บางรายการยังไม่ได้จัดเปลี่ยนให้ใหม่ จึงขอให้อู่ฯ เปลี่ยนอะไหล่เพิ่มเติม

ต้นเดือนพฤษภาคม 2558
อู่ฯ ดำเนินการเปลี่ยนอะไหล่ตามคำขอของลูกค้าและโทรศัพท์แจ้งลูกค้าเพื่อนัดหมายให้มาตรวจรับรถ แต่ไม่ได้รับการตอบรับนัดหมายจากลูกค้า

ปลายเดือนพฤษภาคม 2558
บริษัทฯ ได้รับการติดต่อจากลูกค้า ขอรับค่าสินไหมตามทุนประกันแทนการรับรถที่ซ่อมเสร็จแล้วจากอู่ฯบริษัทฯ จึงได้ขอนัดหมายลูกค้าเพื่อหารือพร้อมกันที่อู่รถยนต์ เพื่อร่วมกันหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด แต่ไม่ได้รับการตอบรับนัดหมายจากลูกค้า

วันที่ 19 กรกฎาคม 2558
ลูกค้าได้โพสต์กระทู้ ลงเว็บไซต์ Pantip และได้ร้องเรียนไปที่สำนักงาน คปภ.

วันที่ 21 กรกฎาคม 2558
สำนักงาน คปภ. นัดหมายลูกค้าและบริษัทธนชาตประกันภัย หารือเพื่อหาข้อสรุปจากกรณีดังกล่าว โดยลูกค้ายอมรับว่าได้ยืนยันให้อู่ฯ จัดซ่อมรถยนต์คันดังกล่าวจริงแต่เปลี่ยนใจภายหลังเมื่อรถยนต์ซ่อมเสร็จ และขอเปลี่ยนเป็นการขอรับค่าสินไหมทดแทน ซึ่งสำนักงานคปภ. ให้ความเห็นว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์การพิจารณาคืนทุนประกันภัย แต่เพื่อบรรเทาความรู้สึกของลูกค้า บริษัทฯ จึงได้ประสานงานหาทางออกให้กับทุกฝ่าย โดยการเสนอให้อู่ฯ ซื้อรถยนต์คืนในราคาที่พอใจกับทุกฝ่าย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายตกลงและพอใจกับข้อเสนอดังกล่าว จึงได้ทำการนัดหมายโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์คันนี้

ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2558 นี้
บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยืนยันและให้ความมั่นใจแก่ลูกค้าทุกท่านว่าเราให้ความสำคัญสูงสุดกับลูกค้า ด้วยการเอาใจใส่และรับผิดชอบต่อลูกค้า พร้อมมอบบริการอย่างดีที่สุด อันเป็นมาตรฐานสูงสุดของบริษัทฯ เสมอ และขอขอบพระคุณลูกค้า ที่ไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ บริการ และอยู่เคียงข้างกับบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่