นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพึ่งสมัครมานะ
ผมจะขอเล่าชีวิตที่แย่ที่สุดในชีวิตของผมนะครับว่าเป็นอย่างไรเผื่อใครเจอแบบผมจะได้เป็นกำลังใจให้ตัวเองบ้าง
ผมจบครูจากราชภัฏแห่งหนึ่งจบเกรด 3.21 ตอนอายุ25 ปัจจุบัน 39 แล้วทำงานสถานทูตของประเทศหนึ่งประจำในประเทศไทยเงินเดือน 22,000 บาทกว่าจะถึงจุดนี้ก่อนหน้านั้นเป็นครูมาแล้ว 9 ปี กับ 4 โรงเรียน รร.รัฐ 2 โรง รร.เอกชน 2 โรง เคยต่อใบประกอบวิชาชีพแล้ว 2 ใบ(ครั้งละ 5ปีอีกปีเดียวก็จะหมดใบที่สองเหละตอนนั้น) เคยสอบบรรจุติดครับแต่เรียกไม่ถึงเสียทีไม่รู้ทำไมบางปีก็สอบไม่ติดก็มี สอบกี่สนาม?ก็หลายอยู่เหละครับทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดเรียกง่ายๆเหมือนลงรายการล่าท้าฝันอยู่ เคยสอบสพม. สพป. กทม. เทศบาล กศน. รอบปกติ รอบพิเศษไปหมดเช่นกัน อย่าหาว่าผมไม่ดิ้นรนนะครับผมพยายามแล้ว ไปหมดครับตลอด 9 ปีที่ผ่านมา
ถามว่าอยู่แต่ละโรงเรียนกี่ปีเหรอ
* โรงเรียนรัฐแห่งแรก 4 ปี รอบนี้ผมได้สอบรอบพิเศษสุดท้ายไม่ติดครับ แถมไม่ถูกจ้างต่อเพราะอ้างว่างบไม่พอ
อีกอย่างเอกกลุ่มสาระที่สอนอยู่เนี่ยไม่ได้อยู่ในฐานะขาดแคลนอะไร อีกอย่างได้ข้าราชการครูมาสอนแทนมาบรรจุแล้ว
* โรงเรียนรัฐแห่งที่สอง 2 ปี รอบนี้ผมออกมาเองครับ เพราะไกลเกินหารถกลับยาก
* โรงเรียนเอกชนแห่งที่สาม 1 ปี เช่นกันรอบนี้ผมถูกบีบให้ออกเพราะจับได้ว่าผมแอบไปสมัครครูผู้ช่วย
* โรงเรียนเอกชนแห่งที่สี่ 2 ปี รอบนี้ก็ถูกบีบออกเพราะลูกท่านหลานเธอของครู แต่เขาบอกผมว่าลดภาระค่าใช้จ่ายในรร. เลยตกงานแบบไม่ทันตั้งตัวเลย
รวมๆที่ผมเป็นครูก็ 9 ปี ทำตั้งแต่อายุ 26 - 34 กลายเป็นช่วงชีวิตของผมที่เสียเวลามากที่สุด คือ ผมเข้าเรียนช้าตอนประถม เคยซิ่วมาปีนึงเลยจบครูช้ากว่าเพื่อน
ตลอดประสบการณ์ตอนที่ผมยังเป็นครูอยู่ตลอด 9 ปี ตื่นตีห้า ออกจากบ้านหกโมง มาถึงถ้าไม่มีเวรก็จะเตรียมการสอนทบทวนต่างๆ คือ ผมเป็นคนช้าๆนะ แต่ถ้ามีเวรผมประจำวันอังคาร ทุกเช้าวันอังคารเวลา 7 โมงประจำของวันผมมักจะยืนอยู่หน้าโรงเรียน ยืนเคารพธงชาติเป็นเพื่อนนักเรียน จะร้อนหนาว ฝน ก็อยู่ข้างๆตลอดจนเลิกแถว ตกเย็น 4 โมงเป็นก็อยู่จนไล่นักเรียนคนสุดท้ายของวัน เวลาเช็คชื่อนักเรียนนับคนอย่างเดียวใครมากี่คนขาดกี่คน ถ้าดูสมุดบันทึกประจำวันถ้าไม่ตรงจะรู้เลยว่าใครโดด ใครขาด หรือ หัวหน้าพลาดนับขาดเอง เวลาสอนติดตามงานนักเรียนตลอดจนนักเรียนรำคาญ สอนงานว่าแบบไหนถูก แบบไหนผิด แบบไหนควรทำ แบบไหนไม่ควรทำ เป็นจุดๆ มีบ้างที่มีนักเรียนกวน ทำโทษด้วยการให้ยืนเรียนหน้าห้อง วิ่งรอบสนาม ทำโทษด้วยการสั่งการบ้านมากกว่าเพื่อนปกติ ฯลฯ และ เวลามีกิจกรรมก็ช่วยนักเรียนจัดงานจนเสร็จหรืองานโรงเรียนก็ทำตลอด และ เวลาผมเป็นที่ปรึษาประจำห้องผมมักสอนให้ข้อคิดเล็กๆน้อยๆก่อนเรียน มีจัดกิจกรรมปีใหม่ เล่นเกมส์ ร้องเพลง กินเลี้ยงส่งท้ายก่อนปิดเทอมประจำด้วยการรวมเงินทั้งผมและนักเรียนในห้อง จนห้องอื่นเขาอิจฉากัน5555555 แต่ระหว่างนั้นก็เข้มเครียดกับการอ่านเตรียมสอบบรรจุไปด้วย จนกระทั่งหมดสัญญาจ้างและเปลี่ยนโรงเรียนแล้วตกงานในที่สุด ชีวิตครูก็อยู่กับเดิมๆและทำแบบนี้เกือบทุกรร.แล้วแต่คนว่าจะเป็นแบบไหน
แล้วตอนอายุ34ตกงานเพราะถูกบีบให้ออกโรงเรียนสุดท้ายเป็นเอกชน นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของหนึ่งปีที่ชีวิตผมตอนนั้นโครตเครียดและเจอจุดตํ่าที่สุดในชีวิตเมื่อผมตกงานใหม่ๆ ตอนนั้นผมโทรหาเพื่อนร่วมสาขาที่เคยเรียนด้วยกันให้ช่วยหาโรงเรียนให้หน่อยว่า ที่ไหนบ้างยังเปิดรับสมัครอยู่ ก็บอกตรงๆนี่เหละว่าผมตกงานสุดท้ายเชื่อไหมหลังจากที่ผมโทรหาเพื่อนคนแรกไปหลังจากนั้น พอผมโทรหาอีกคนไม่รับสายผมคนแล้วคนเล่า บางคนเล่นตัดสายทึ้งไปเลย พอบางคนโทรได้ก็ชวนกินข้าวก็อ้างว่าว่างติดสอนบ้าง ติดอบรมบ้าง ติดงานบ้าง งานเลี้ยงรุ่นก็ไม่ชวนผมไปด้วยจนรู้มาจากเพื่อนต่างสาขาคนหนึ่งมาถามถึงรู้ว่า "จริงหรือเปล่าวะที่แกเป็นครูมาเก้าปียังสอบบรรจุไม่ได้ และ ตอนนี้แกเองก็พึ่งตกงานอยู่ใช่ไหม" แล้วผมเผลอพูดกับตัวเองว่า "นี่พวก_ึงรู้หมดแล้วเหรอว่ากูตกงาน" แต่ในความโชคร้ายย่อมมีความโชคดีอยู่บ้างที่เวลาผมเจอลูกศิษย์ในที่ต่างๆ ยังดีครับที่เขาเหล่านั้นยังเรียกผมว่าครู ถามทุกข์สุขผมว่าสบายดีไหม ทำอะไรบ้าง จนผมนํ้าตาจะไหลพูดไม่ออกแทบจะร้องไห้ตรงนั้นเลย จนมีเด็กอยู่คนหนึ่งเขาบอกกับผมว่า "ทำไมอยู่ๆครูหายไปเฉยๆแบบนี้ค่ะ รู้ไหมว่าทุกคนเขาเป็นห่วงและคิดถึงครูมากแค่ไหนค่ะ" เอาตรงๆผมจำเด็กนักเรียนที่เคยสอนไม่ได้ทุกคนหรอกเพราะมันหลายโรงเรียนแต่เด็กทุกคนที่เคยสอนจำผมได้กลับบ้านแทบร้องไห้หนักมาก
ตอนผมกำลังหางานอยู่ระหว่างนั้นผมอยู่บ้านก็เปิดเว็บหางานเกี่ยวกับการรับสมัครครู ส่วนใหญ่เจอแต่ไกลบ้านทั้งนั้น และ หางานอย่างอื่นทำไปด้วยในกรุงเทพ ส่วนใหญ่รับไม่เกิน 25 ตอนนั้นก็34แล้วแต่ก็ยังหน้าด้านยื่นสมัคร สมัครเป็นสิบๆที่ก็ไม่รับ กรรมการสัมภาษณ์บอกผมว่า "คุณน่าจะสมัครงานสายตรงดีกว่าไหม ผมอยากให้คุณทำงานตามที่จบดีกว่านะ" ผมนี่มึนเลยครับ บางทีเงียบหายไปเลยก็มี พอแม่รู้ว่าผมหางานไหนไม่ได้แล้วจริงๆก็ได้งานก็ปลายๆปีเป็นงานสถานทูตนี่เหละครับ ได้งานเพราะ แม่ช่วยฝากเข้านี่เหละครับอย่าด่าผมนะครับ ลงในตำแหน่งตามที่ผมจบ บอกก่อนแม่ผมเคยทำงานในสถานทูตนี้มาแล้ว 15 ปีก่อนเกษียณทุกคนรู้จักแม่ผมดี สรุปเลยผมสมัครงานแทบเป็นร้อยที่ในกรุงเทพ เป็นสิบโรงงานตามนิคมต่างๆ เออลืมบอกไปครับจริงๆตอนแรกพ่อผมก็จะช่วยฝากอยู่เหละครับ เป็นบริษัทญี่ปุ่น เกี่ยวกับโรงงานผลิตรถยนต์ชื่อดัง แต่มันไกลมากเลยไม่เอาเดี๋ยวเอาไว้เป็นแผนสำรองทีหลัง ตอนนั้นได้รับเงินเดือน 15,800 บ. ล่าสุดอายุงานพึ่งเข้าปีที่ 5 แล้ว 22,000 บ. ก็ยังดีกว่าเป็นครูอัตราจ้างกว่าตั้งเยอะ มีสวัสดีการด้วย แถมยังได้ไปเที่ยวประเทศนั้นฟรีอีก แต่ผมไม่เก่งอังกฤษ และ ประเทศที่ไปนั้นก็ไม่ได้ใช้อังกฤษเป็นภาษาหลักเลยครับ
แล้วถามว่าผมอยู่ได้ไงตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ก็เงินเก็บในบัญชีไงตลอดแปดปีที่ผมเป็นครูอยู่ กับ ช่วยแม่ขายของแค่ตอนเย็นครับ แต่ก็อยู่แบบประหยัดใช้เท่าที่จำเป็นอีกอย่างผมก็มีน้องชายหนึ่งคนจบวิทยาการคอมฯ จากราชภัฏเหมือนกันแถวๆสะพานกรุงธนบุรีพอนึกออกใช่ไหมว่าน้องผมจบจากไหนตอนผมตกงานน้องมีเงินเดือน สองหมื่นกว่าบาทแล้วล่าสุตอนนี้ก็สามหมื่นกว่าแล้ว พ่อเกษียณก็กลับบ้านต่างจังหวัดไปดูแลไร่นาสวนกว่าสิบไร่ เหลือแต่แม่ที่เกษียณแล้วอยู่บ้านที่กรุงเทพกับน้องและผม 3 คนแม่ลูก ที่แม่ผมอยู่กรุงเทพเพราะเป็นห่วงผมตั้งแต่เปลี่ยนโรงเรียนที่สาม โชคยังดีที่น้องผมทำงานอยู่เลยไม่เดือดร้อนมากเท่าไหร่แต่บางวันก็ต้องประหยัดบ้างเหมือนกัน แม่ผมเคยบอกว่าถ้าหางานไม่ได้จริงๆก็ช่วยแม่ขายของก็ได้เลยช่วงเวลานี้ก็ ดูหนัง ดูทีวี ฟังเพลง เล่นเกม อ่านหนังสือเตรียมสอบ ทำสวน เดินเล่นบ้าง และ หางานบ้าง มีอะไรให้ทำหลายๆอย่างแก้เบื่อได้พอสมควร
สรุปเลย เปลี่ยนงานบ่อย ตกงาน เพื่อนทึ้ง เงินในบัญชีเริ่มน้อยลงเพราะใช้ค่าเดินทางหางาน หางานไม่ค่อยได้ และ สุดท้ายเสียแฟนถึงสองคน คนแรกเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนผมอยู่โรงเรียนที่สองและคนที่สองถูกทึ้งหลังจากตกงานได้ 4 เดือนเพราะแอบจับได้ว่านอกใจกับผู้ชายอื่นแต่เคสนี้พิเศษหน่อยครับเดี๋ยวจะเล่าเป็นลำดับ
คนแรกผมกับแฟนคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน เจอกันใน ม.น้องชายที่เรียนอยู่ตอนที่ไปหาตอนผมกำลังเรียนอยู่ปีสาม ส่วนแฟนเรียนอยู่ปีสองคณะครุเหมือนกันครับตอนแรกก็เป็นแค่คนรู้จักและเป็นคนนำทางในมอเหละ ผมถามทางไปคณะน้องชายว่าไปทางไหนและขอให้เธอพาไปเพราะไปไม่ถูกพอไปถึงไม่รู้อะไรทำให้ผมนึกอยากขอเบอร์โทรขึ้นมาตอนแรกแค่ทำความรู้จักเฉยๆต่อมาผมก็ถามเธอตรงๆว่ามีแฟนยังเธอก็บอกว่ายังงทำไมเหรอ ผมก็บอกต่อไปว่า "จีบได้ไหม" เธอก็ตอบกลับมากว่า "ก็ลองดู" นับจากนั้นเป็นต้นมาก็โทรชวนไปกินข้าวด้วยกัน ดูหนังด้วยกันนานนนจะเจอกันที เพราะ ผมกับเธอเรียนกันทั้งวันมีว่างครึ่งวันแค่วันเดียว ส่วนใหญ่จากคุยกันผ่านมือถือมากกว่า และ นัดเจอกันเป็นบางครั้งในวันหยุด จากที่เมื่อก่อนนานๆทีจะมาหาน้องก็กลายเป็นมาทุกครั้งที่เธออยู่ประจำถ้าผมว่าง เวลาก่อนสอบก็ช่วยๆกันเตือนกันแก้ลืมบ้างถ้ารู้นะ และ กลับบ้านพร้อมน้องประจำที่มาตอนนั้นน้องผมไม่รู้นะว่าผมมีแฟนในมอเดียวที่น้องเรียนพึ่งรู้ตอนแฟนเรียนจบนี่เหละ5555555 ที่สำคัญเธอเป็นสาวแว่น เรียบร้อย เรียนเก่ง เจ้าระเบียบ นิสัยดีน่ารัก ไม่แบ่งแยกใคร เป็นคนรักสัตว์เช่น หมา และ แมว แต่เวลาทะเลาะกันนี่ดุน่ากลัวกว่าผมนะครับโหดกว่าด้วยกับนักเรียนและกับผมในเวลาที่มีปัญหากัน ตอนเธอดุตาจะโตมากกกทีเดียว55555แต่น่ารักอีกแบบไม่รู้ทำไมหรือว่าผมเป็นโรคจิตไปแล้วก็ไม่รู้555 และ คนนี้หลังเรียนจบผมก็พาเธอมาพบกับแม่ด้วยนะครับ แม่ผมก็ชอบมากกกและที่บ้านเธอก็เช่นกัน ที่สำคัญความเก่งของเธอสามารถสอบบรรจุลำดับที่สามด้วยนะแต่ผมกับเธอสอนคนละโรงเรียนกัน ต่างจากผมเลยที่เป็นคนเรียนไม่เก่งแต่ขยันและตั้งใจแต่เธอก็ให้กำลังใจผมมาโดยตลอด และ พึ่งจะเวลามีอะไรกันหลังเรียนจบสองปีตลอดที่มีอะไรกันก็ป้องกันครับ อีกอย่างเคยตกลงกันว่าจะแต่งงานกันเมื่อพร้อมจนกระทั่งวันหนึ่งเป็นวันหยุดก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอกส่วนใหญ่แค่นัดกันกินข้าวด้วยเฉยๆแต่ทำไมวันนี้รู้สึกพิเศษแปลกๆทั้งที่มันสิ้นเดือนพอดีเหมือนกับปกติที่เคยทำนี่เหละโดยที่ผมกับเธอนัดกันไปเที่ยวห้างดูหนังด้วยกัน และ กินข้าวมื้อเย็นก่อนกลับบ้านนานกว่าปกติที่เคย เธอขับรถส่งผมกลับบ้านตอนมาผมนั่งแท็กซี่มาตอนนั้นไม่มีรถเหมือนปกติแต่ผมรู้สึกใจหายยังไงไม่รู้เมื่อมองหน้าแฟนที่ส่งยิ้มให้ผมตอนที่ยังอยู่ในรถยังจำความรู้สักนี้ได้ดี หลังจากผมเข้าบ้านได้ยี่สิบนาทีอาบนํ้าเสร็จนั่งดูทีวีได้สักพักก็มีสายเรียกเข้ามาบอกว่าแฟนผมเสียชีวิตแล้วจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ก็ไม่คิดเลยว่าจะจากไปเร็วขนาดนี่ คบกันได้ 9 ปี กว่าจะทำใจได้ก็ปีกว่าๆ
คนที่สองไม่อยากจะพูดอะไรมากมายครับ รู้จักตอนอยู่โรงเรียนเอกชนแห่งที่สองคบสองปีไม่เคยมีอะไรด้วยก็ทึ้งผมตอนตกงานแค่ 4 เดือน เรื่องมันมีอยู่ว่าผมอยู่ข้างนอกเพื่อหางานหลังจากผมลงจากตึกเพื่อพักจะไปกินข้าวเที่ยงเพื่อหาอีกที่หนึ่งบังเอิญไปเจอแฟนเดินด้วยกันอยู่พอดี เห็นจับมือกันอยู่ด้วย ผมเลยทึ้งจานข้าวที่อยู่และแอบตามเลยครับ ไอ้หมอนั้นก็หน้าเด็กน่าจะแก่กว่าแฟนสักปีสองปี มีรถขับ ผมตามจนสองคนนั้นขึ้นรถไปส่งผมก็แอบตามด้วยแท็กซี่ จนไปถึงที่ทำงานแฟน งานนี้ชัดเจนเลยมีหอมแก้มกันในรถด้วยแบบนี้มันไม่ใช่เพื่อนแล้ววะ แต่ผมพยายามเก็บอาการนั้นเอาไว้เพื่อที่จะได้รู้จักมันด้วยและผมรู้ว่าเธอกับมันทำงานที่ตึกเดียวกันแต่บริษัทเดียวกันไหมไม่รู้ ผมเข้าตึกไม่ได้เพราะไม่มีบัตรผ่านครับได้แต่รอ และ รอจนเลิกงานเหละ ระหว่างนั้นผมก็ถ่ายป้ายทะเบียนรถมันไว้ก่อนเลยจนเลิกงาน แฟนผมมารอแถวรถมันผมก็รอครับระหว่างนั้นก็เตรียมเรียกแท็กซี่เผื่อไว้เลยและมันก็มาครับขึ้นรถเสร็จก็สั่งให้แท็กซี่ตามไปยันถึงบ้านแฟนเลย แต่ผมยังไม่จบครับผมอยากตามมันถึงบ้านมันเลยพอไปถึง...ผมรู้เลยว่าอะไรทำให้แฟนผมเลือกที่จะอยู่กับมันที่ต่างจากผม มันมีบ้าน มีรถดีๆ ผมแทบจะเทียบกับมันไม่ได้เลย
ความฝันหาย ความรักหาย กับ ตกงานหนึ่งปี
ผมจะขอเล่าชีวิตที่แย่ที่สุดในชีวิตของผมนะครับว่าเป็นอย่างไรเผื่อใครเจอแบบผมจะได้เป็นกำลังใจให้ตัวเองบ้าง
ผมจบครูจากราชภัฏแห่งหนึ่งจบเกรด 3.21 ตอนอายุ25 ปัจจุบัน 39 แล้วทำงานสถานทูตของประเทศหนึ่งประจำในประเทศไทยเงินเดือน 22,000 บาทกว่าจะถึงจุดนี้ก่อนหน้านั้นเป็นครูมาแล้ว 9 ปี กับ 4 โรงเรียน รร.รัฐ 2 โรง รร.เอกชน 2 โรง เคยต่อใบประกอบวิชาชีพแล้ว 2 ใบ(ครั้งละ 5ปีอีกปีเดียวก็จะหมดใบที่สองเหละตอนนั้น) เคยสอบบรรจุติดครับแต่เรียกไม่ถึงเสียทีไม่รู้ทำไมบางปีก็สอบไม่ติดก็มี สอบกี่สนาม?ก็หลายอยู่เหละครับทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดเรียกง่ายๆเหมือนลงรายการล่าท้าฝันอยู่ เคยสอบสพม. สพป. กทม. เทศบาล กศน. รอบปกติ รอบพิเศษไปหมดเช่นกัน อย่าหาว่าผมไม่ดิ้นรนนะครับผมพยายามแล้ว ไปหมดครับตลอด 9 ปีที่ผ่านมา
ถามว่าอยู่แต่ละโรงเรียนกี่ปีเหรอ
* โรงเรียนรัฐแห่งแรก 4 ปี รอบนี้ผมได้สอบรอบพิเศษสุดท้ายไม่ติดครับ แถมไม่ถูกจ้างต่อเพราะอ้างว่างบไม่พอ
อีกอย่างเอกกลุ่มสาระที่สอนอยู่เนี่ยไม่ได้อยู่ในฐานะขาดแคลนอะไร อีกอย่างได้ข้าราชการครูมาสอนแทนมาบรรจุแล้ว
* โรงเรียนรัฐแห่งที่สอง 2 ปี รอบนี้ผมออกมาเองครับ เพราะไกลเกินหารถกลับยาก
* โรงเรียนเอกชนแห่งที่สาม 1 ปี เช่นกันรอบนี้ผมถูกบีบให้ออกเพราะจับได้ว่าผมแอบไปสมัครครูผู้ช่วย
* โรงเรียนเอกชนแห่งที่สี่ 2 ปี รอบนี้ก็ถูกบีบออกเพราะลูกท่านหลานเธอของครู แต่เขาบอกผมว่าลดภาระค่าใช้จ่ายในรร. เลยตกงานแบบไม่ทันตั้งตัวเลย
รวมๆที่ผมเป็นครูก็ 9 ปี ทำตั้งแต่อายุ 26 - 34 กลายเป็นช่วงชีวิตของผมที่เสียเวลามากที่สุด คือ ผมเข้าเรียนช้าตอนประถม เคยซิ่วมาปีนึงเลยจบครูช้ากว่าเพื่อน
ตลอดประสบการณ์ตอนที่ผมยังเป็นครูอยู่ตลอด 9 ปี ตื่นตีห้า ออกจากบ้านหกโมง มาถึงถ้าไม่มีเวรก็จะเตรียมการสอนทบทวนต่างๆ คือ ผมเป็นคนช้าๆนะ แต่ถ้ามีเวรผมประจำวันอังคาร ทุกเช้าวันอังคารเวลา 7 โมงประจำของวันผมมักจะยืนอยู่หน้าโรงเรียน ยืนเคารพธงชาติเป็นเพื่อนนักเรียน จะร้อนหนาว ฝน ก็อยู่ข้างๆตลอดจนเลิกแถว ตกเย็น 4 โมงเป็นก็อยู่จนไล่นักเรียนคนสุดท้ายของวัน เวลาเช็คชื่อนักเรียนนับคนอย่างเดียวใครมากี่คนขาดกี่คน ถ้าดูสมุดบันทึกประจำวันถ้าไม่ตรงจะรู้เลยว่าใครโดด ใครขาด หรือ หัวหน้าพลาดนับขาดเอง เวลาสอนติดตามงานนักเรียนตลอดจนนักเรียนรำคาญ สอนงานว่าแบบไหนถูก แบบไหนผิด แบบไหนควรทำ แบบไหนไม่ควรทำ เป็นจุดๆ มีบ้างที่มีนักเรียนกวน ทำโทษด้วยการให้ยืนเรียนหน้าห้อง วิ่งรอบสนาม ทำโทษด้วยการสั่งการบ้านมากกว่าเพื่อนปกติ ฯลฯ และ เวลามีกิจกรรมก็ช่วยนักเรียนจัดงานจนเสร็จหรืองานโรงเรียนก็ทำตลอด และ เวลาผมเป็นที่ปรึษาประจำห้องผมมักสอนให้ข้อคิดเล็กๆน้อยๆก่อนเรียน มีจัดกิจกรรมปีใหม่ เล่นเกมส์ ร้องเพลง กินเลี้ยงส่งท้ายก่อนปิดเทอมประจำด้วยการรวมเงินทั้งผมและนักเรียนในห้อง จนห้องอื่นเขาอิจฉากัน5555555 แต่ระหว่างนั้นก็เข้มเครียดกับการอ่านเตรียมสอบบรรจุไปด้วย จนกระทั่งหมดสัญญาจ้างและเปลี่ยนโรงเรียนแล้วตกงานในที่สุด ชีวิตครูก็อยู่กับเดิมๆและทำแบบนี้เกือบทุกรร.แล้วแต่คนว่าจะเป็นแบบไหน
แล้วตอนอายุ34ตกงานเพราะถูกบีบให้ออกโรงเรียนสุดท้ายเป็นเอกชน นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของหนึ่งปีที่ชีวิตผมตอนนั้นโครตเครียดและเจอจุดตํ่าที่สุดในชีวิตเมื่อผมตกงานใหม่ๆ ตอนนั้นผมโทรหาเพื่อนร่วมสาขาที่เคยเรียนด้วยกันให้ช่วยหาโรงเรียนให้หน่อยว่า ที่ไหนบ้างยังเปิดรับสมัครอยู่ ก็บอกตรงๆนี่เหละว่าผมตกงานสุดท้ายเชื่อไหมหลังจากที่ผมโทรหาเพื่อนคนแรกไปหลังจากนั้น พอผมโทรหาอีกคนไม่รับสายผมคนแล้วคนเล่า บางคนเล่นตัดสายทึ้งไปเลย พอบางคนโทรได้ก็ชวนกินข้าวก็อ้างว่าว่างติดสอนบ้าง ติดอบรมบ้าง ติดงานบ้าง งานเลี้ยงรุ่นก็ไม่ชวนผมไปด้วยจนรู้มาจากเพื่อนต่างสาขาคนหนึ่งมาถามถึงรู้ว่า "จริงหรือเปล่าวะที่แกเป็นครูมาเก้าปียังสอบบรรจุไม่ได้ และ ตอนนี้แกเองก็พึ่งตกงานอยู่ใช่ไหม" แล้วผมเผลอพูดกับตัวเองว่า "นี่พวก_ึงรู้หมดแล้วเหรอว่ากูตกงาน" แต่ในความโชคร้ายย่อมมีความโชคดีอยู่บ้างที่เวลาผมเจอลูกศิษย์ในที่ต่างๆ ยังดีครับที่เขาเหล่านั้นยังเรียกผมว่าครู ถามทุกข์สุขผมว่าสบายดีไหม ทำอะไรบ้าง จนผมนํ้าตาจะไหลพูดไม่ออกแทบจะร้องไห้ตรงนั้นเลย จนมีเด็กอยู่คนหนึ่งเขาบอกกับผมว่า "ทำไมอยู่ๆครูหายไปเฉยๆแบบนี้ค่ะ รู้ไหมว่าทุกคนเขาเป็นห่วงและคิดถึงครูมากแค่ไหนค่ะ" เอาตรงๆผมจำเด็กนักเรียนที่เคยสอนไม่ได้ทุกคนหรอกเพราะมันหลายโรงเรียนแต่เด็กทุกคนที่เคยสอนจำผมได้กลับบ้านแทบร้องไห้หนักมาก
ตอนผมกำลังหางานอยู่ระหว่างนั้นผมอยู่บ้านก็เปิดเว็บหางานเกี่ยวกับการรับสมัครครู ส่วนใหญ่เจอแต่ไกลบ้านทั้งนั้น และ หางานอย่างอื่นทำไปด้วยในกรุงเทพ ส่วนใหญ่รับไม่เกิน 25 ตอนนั้นก็34แล้วแต่ก็ยังหน้าด้านยื่นสมัคร สมัครเป็นสิบๆที่ก็ไม่รับ กรรมการสัมภาษณ์บอกผมว่า "คุณน่าจะสมัครงานสายตรงดีกว่าไหม ผมอยากให้คุณทำงานตามที่จบดีกว่านะ" ผมนี่มึนเลยครับ บางทีเงียบหายไปเลยก็มี พอแม่รู้ว่าผมหางานไหนไม่ได้แล้วจริงๆก็ได้งานก็ปลายๆปีเป็นงานสถานทูตนี่เหละครับ ได้งานเพราะ แม่ช่วยฝากเข้านี่เหละครับอย่าด่าผมนะครับ ลงในตำแหน่งตามที่ผมจบ บอกก่อนแม่ผมเคยทำงานในสถานทูตนี้มาแล้ว 15 ปีก่อนเกษียณทุกคนรู้จักแม่ผมดี สรุปเลยผมสมัครงานแทบเป็นร้อยที่ในกรุงเทพ เป็นสิบโรงงานตามนิคมต่างๆ เออลืมบอกไปครับจริงๆตอนแรกพ่อผมก็จะช่วยฝากอยู่เหละครับ เป็นบริษัทญี่ปุ่น เกี่ยวกับโรงงานผลิตรถยนต์ชื่อดัง แต่มันไกลมากเลยไม่เอาเดี๋ยวเอาไว้เป็นแผนสำรองทีหลัง ตอนนั้นได้รับเงินเดือน 15,800 บ. ล่าสุดอายุงานพึ่งเข้าปีที่ 5 แล้ว 22,000 บ. ก็ยังดีกว่าเป็นครูอัตราจ้างกว่าตั้งเยอะ มีสวัสดีการด้วย แถมยังได้ไปเที่ยวประเทศนั้นฟรีอีก แต่ผมไม่เก่งอังกฤษ และ ประเทศที่ไปนั้นก็ไม่ได้ใช้อังกฤษเป็นภาษาหลักเลยครับ
แล้วถามว่าผมอยู่ได้ไงตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ก็เงินเก็บในบัญชีไงตลอดแปดปีที่ผมเป็นครูอยู่ กับ ช่วยแม่ขายของแค่ตอนเย็นครับ แต่ก็อยู่แบบประหยัดใช้เท่าที่จำเป็นอีกอย่างผมก็มีน้องชายหนึ่งคนจบวิทยาการคอมฯ จากราชภัฏเหมือนกันแถวๆสะพานกรุงธนบุรีพอนึกออกใช่ไหมว่าน้องผมจบจากไหนตอนผมตกงานน้องมีเงินเดือน สองหมื่นกว่าบาทแล้วล่าสุตอนนี้ก็สามหมื่นกว่าแล้ว พ่อเกษียณก็กลับบ้านต่างจังหวัดไปดูแลไร่นาสวนกว่าสิบไร่ เหลือแต่แม่ที่เกษียณแล้วอยู่บ้านที่กรุงเทพกับน้องและผม 3 คนแม่ลูก ที่แม่ผมอยู่กรุงเทพเพราะเป็นห่วงผมตั้งแต่เปลี่ยนโรงเรียนที่สาม โชคยังดีที่น้องผมทำงานอยู่เลยไม่เดือดร้อนมากเท่าไหร่แต่บางวันก็ต้องประหยัดบ้างเหมือนกัน แม่ผมเคยบอกว่าถ้าหางานไม่ได้จริงๆก็ช่วยแม่ขายของก็ได้เลยช่วงเวลานี้ก็ ดูหนัง ดูทีวี ฟังเพลง เล่นเกม อ่านหนังสือเตรียมสอบ ทำสวน เดินเล่นบ้าง และ หางานบ้าง มีอะไรให้ทำหลายๆอย่างแก้เบื่อได้พอสมควร
สรุปเลย เปลี่ยนงานบ่อย ตกงาน เพื่อนทึ้ง เงินในบัญชีเริ่มน้อยลงเพราะใช้ค่าเดินทางหางาน หางานไม่ค่อยได้ และ สุดท้ายเสียแฟนถึงสองคน คนแรกเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนผมอยู่โรงเรียนที่สองและคนที่สองถูกทึ้งหลังจากตกงานได้ 4 เดือนเพราะแอบจับได้ว่านอกใจกับผู้ชายอื่นแต่เคสนี้พิเศษหน่อยครับเดี๋ยวจะเล่าเป็นลำดับ
คนแรกผมกับแฟนคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน เจอกันใน ม.น้องชายที่เรียนอยู่ตอนที่ไปหาตอนผมกำลังเรียนอยู่ปีสาม ส่วนแฟนเรียนอยู่ปีสองคณะครุเหมือนกันครับตอนแรกก็เป็นแค่คนรู้จักและเป็นคนนำทางในมอเหละ ผมถามทางไปคณะน้องชายว่าไปทางไหนและขอให้เธอพาไปเพราะไปไม่ถูกพอไปถึงไม่รู้อะไรทำให้ผมนึกอยากขอเบอร์โทรขึ้นมาตอนแรกแค่ทำความรู้จักเฉยๆต่อมาผมก็ถามเธอตรงๆว่ามีแฟนยังเธอก็บอกว่ายังงทำไมเหรอ ผมก็บอกต่อไปว่า "จีบได้ไหม" เธอก็ตอบกลับมากว่า "ก็ลองดู" นับจากนั้นเป็นต้นมาก็โทรชวนไปกินข้าวด้วยกัน ดูหนังด้วยกันนานนนจะเจอกันที เพราะ ผมกับเธอเรียนกันทั้งวันมีว่างครึ่งวันแค่วันเดียว ส่วนใหญ่จากคุยกันผ่านมือถือมากกว่า และ นัดเจอกันเป็นบางครั้งในวันหยุด จากที่เมื่อก่อนนานๆทีจะมาหาน้องก็กลายเป็นมาทุกครั้งที่เธออยู่ประจำถ้าผมว่าง เวลาก่อนสอบก็ช่วยๆกันเตือนกันแก้ลืมบ้างถ้ารู้นะ และ กลับบ้านพร้อมน้องประจำที่มาตอนนั้นน้องผมไม่รู้นะว่าผมมีแฟนในมอเดียวที่น้องเรียนพึ่งรู้ตอนแฟนเรียนจบนี่เหละ5555555 ที่สำคัญเธอเป็นสาวแว่น เรียบร้อย เรียนเก่ง เจ้าระเบียบ นิสัยดีน่ารัก ไม่แบ่งแยกใคร เป็นคนรักสัตว์เช่น หมา และ แมว แต่เวลาทะเลาะกันนี่ดุน่ากลัวกว่าผมนะครับโหดกว่าด้วยกับนักเรียนและกับผมในเวลาที่มีปัญหากัน ตอนเธอดุตาจะโตมากกกทีเดียว55555แต่น่ารักอีกแบบไม่รู้ทำไมหรือว่าผมเป็นโรคจิตไปแล้วก็ไม่รู้555 และ คนนี้หลังเรียนจบผมก็พาเธอมาพบกับแม่ด้วยนะครับ แม่ผมก็ชอบมากกกและที่บ้านเธอก็เช่นกัน ที่สำคัญความเก่งของเธอสามารถสอบบรรจุลำดับที่สามด้วยนะแต่ผมกับเธอสอนคนละโรงเรียนกัน ต่างจากผมเลยที่เป็นคนเรียนไม่เก่งแต่ขยันและตั้งใจแต่เธอก็ให้กำลังใจผมมาโดยตลอด และ พึ่งจะเวลามีอะไรกันหลังเรียนจบสองปีตลอดที่มีอะไรกันก็ป้องกันครับ อีกอย่างเคยตกลงกันว่าจะแต่งงานกันเมื่อพร้อมจนกระทั่งวันหนึ่งเป็นวันหยุดก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอกส่วนใหญ่แค่นัดกันกินข้าวด้วยเฉยๆแต่ทำไมวันนี้รู้สึกพิเศษแปลกๆทั้งที่มันสิ้นเดือนพอดีเหมือนกับปกติที่เคยทำนี่เหละโดยที่ผมกับเธอนัดกันไปเที่ยวห้างดูหนังด้วยกัน และ กินข้าวมื้อเย็นก่อนกลับบ้านนานกว่าปกติที่เคย เธอขับรถส่งผมกลับบ้านตอนมาผมนั่งแท็กซี่มาตอนนั้นไม่มีรถเหมือนปกติแต่ผมรู้สึกใจหายยังไงไม่รู้เมื่อมองหน้าแฟนที่ส่งยิ้มให้ผมตอนที่ยังอยู่ในรถยังจำความรู้สักนี้ได้ดี หลังจากผมเข้าบ้านได้ยี่สิบนาทีอาบนํ้าเสร็จนั่งดูทีวีได้สักพักก็มีสายเรียกเข้ามาบอกว่าแฟนผมเสียชีวิตแล้วจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ก็ไม่คิดเลยว่าจะจากไปเร็วขนาดนี่ คบกันได้ 9 ปี กว่าจะทำใจได้ก็ปีกว่าๆ
คนที่สองไม่อยากจะพูดอะไรมากมายครับ รู้จักตอนอยู่โรงเรียนเอกชนแห่งที่สองคบสองปีไม่เคยมีอะไรด้วยก็ทึ้งผมตอนตกงานแค่ 4 เดือน เรื่องมันมีอยู่ว่าผมอยู่ข้างนอกเพื่อหางานหลังจากผมลงจากตึกเพื่อพักจะไปกินข้าวเที่ยงเพื่อหาอีกที่หนึ่งบังเอิญไปเจอแฟนเดินด้วยกันอยู่พอดี เห็นจับมือกันอยู่ด้วย ผมเลยทึ้งจานข้าวที่อยู่และแอบตามเลยครับ ไอ้หมอนั้นก็หน้าเด็กน่าจะแก่กว่าแฟนสักปีสองปี มีรถขับ ผมตามจนสองคนนั้นขึ้นรถไปส่งผมก็แอบตามด้วยแท็กซี่ จนไปถึงที่ทำงานแฟน งานนี้ชัดเจนเลยมีหอมแก้มกันในรถด้วยแบบนี้มันไม่ใช่เพื่อนแล้ววะ แต่ผมพยายามเก็บอาการนั้นเอาไว้เพื่อที่จะได้รู้จักมันด้วยและผมรู้ว่าเธอกับมันทำงานที่ตึกเดียวกันแต่บริษัทเดียวกันไหมไม่รู้ ผมเข้าตึกไม่ได้เพราะไม่มีบัตรผ่านครับได้แต่รอ และ รอจนเลิกงานเหละ ระหว่างนั้นผมก็ถ่ายป้ายทะเบียนรถมันไว้ก่อนเลยจนเลิกงาน แฟนผมมารอแถวรถมันผมก็รอครับระหว่างนั้นก็เตรียมเรียกแท็กซี่เผื่อไว้เลยและมันก็มาครับขึ้นรถเสร็จก็สั่งให้แท็กซี่ตามไปยันถึงบ้านแฟนเลย แต่ผมยังไม่จบครับผมอยากตามมันถึงบ้านมันเลยพอไปถึง...ผมรู้เลยว่าอะไรทำให้แฟนผมเลือกที่จะอยู่กับมันที่ต่างจากผม มันมีบ้าน มีรถดีๆ ผมแทบจะเทียบกับมันไม่ได้เลย