การสอบ TOEFL ย่อมาจาก Test of English as a Foreign Language หรือการสอบสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ ซึ่งนำผลคะแนนไปใช้เข้าเรียนในสถาบันที่ต้องการไปสมัครเข้าเรียน มีการสอบโดยใช้กระดาษ และด้วยคอมพิวเตอร์ซึ่งได้ยกเลิกไปแล้ว การสอบผ่านอินเตอร์เน็ท หรือ TOEFL iBT ยังมีความสะดวกตั้งแต่เริ่มจากการสมัครและจ่ายเงินออนไลน์ (
http://www.ets.org/) และ เลือกที่สอบได้ทั่วโลก การสอบแบ่งออกเป็นสี่ทักษะฟังพูดเขียนอ่าน โดยแบ่งคะแนนทักษะละ 30 คะแนน รวมสี่ทักษะคะแนนเต็มที่ 120 คะแนน โดยคะแนนที่ใช้ในการเข้ามหาวิทยาลัยอยู่ที่ 70 โดยผลสอบที่เป็นที่ยอมรับไม่ควรเกิน 2 ปี
การสอบ TOEFL iBT ใช้เวลาสอบ 4 ชั่วโมง ซึ่งเน้นการวัดความรู้ซึ่งเน้นในเชิงวิชาการ โดย
1. การอ่าน จะมีบทความ 3 บทความและตอบคำถาม 12-15 ข้อ โดยรวมมี 40 ข้อ
2. การฟัง จะมีการให้ผู้สอบฟังบทสนทนาในเรื่องพื้น ๆ ทั่วไป 2 เรื่องและสถานการณ์จำลองอีก 4 เรื่อง โดยผู้สอบต้องตอบจากการฟังจากบทสนทนาเหล่านี้ โดยมีข้อสอบราว 35 ข้อ
3. การพูด โดยผู้สอบจะพูดรวม 6 ข้อ โดยจะพูดหลังจากที่ได้อ่านบทความและฟังบรรยายในแต่ละหัวข้อ ซึ่งแบ่งเป็น คำถามที่ 1-2 ซึ่งเป็นเรื่องพื้น ๆ จากประสบการณ์หรือความคิดเห็นส่วนตัว โดยมีเวลาเตรียมตอบคำถาม 15 วินาทีและให้เวลาพูด 45 วินาทีในแต่ละข้อ คำถามที่ 3-4 จะมีการให้อ่านข้อความสั้น ๆ และให้ฟังบทสนทนา หรือ การอธิบายถึงบทความนั้น หลังจากนั้นจะมีการตอบคำถามโดยให้เวลาเตรียมตัว 30 วินาทีและตอบคำถาม 60 วินาทีในแต่ละข้อ คำถาม 5-6 ผู้สอบได้ฟังบทสนทนาเพื่อมีเวลามาย่อยความคิดหรือหัวข้อเหล่านั้นและตอบโดยมีเวลาเตรียมตัว 20 วินาทีและมีเวลาตอบ 60 วินาที
4. การเขียน โดยที่มีการเขียนจากคำถาม 1 ที่ให้เวลามาอ่านบทความทางด้านวิชาการในเวลาราว 3 นาทีและมีการฟังบรรยายในเรื่องเดียวกัน หลังจากนั้นผู้สอบก็สรุปบรรยายหรือแสดงความคิดเห็นจากสิ่งที่ได้ฟังและอ่านโดยเขียน 150-220 คำในเวลา 20 นาที คำถามที่ 2 จะเป็นประโยคสั้น ๆ และตอบคำถามโดยการบรรยายและทัศนคติของผู้สอบต่อสิ่งที่ได้อ่าน โดยต้องเขียนไม่ต่ำกว่า 300 คำใน 30 นาที
คำแนะนำในการเตรียมตัวสอบให้ประสบความสำเร็จ
เพื่อจะเตรียมตัว ก็ต้องกำจัดจุดอ่อนที่ตนมีอยู่ เนื่องจากการสอบวัดผลของ TOEFL ค่อนข้างเน้นทางวิชาการ และผู้สอบเองไม่สามารถจะรู้ได้ว่า จะไปเจอข้อสอบแบบใด ดังนั้น ถ้าผู้สอบรู้ตัวว่า อ่อนทางวิชาการเช่นในเรื่องของ ศัพท์ทางแพทย์ ก็ควรที่จะศึกษาในเรื่องนั้นศัพท์เทคนิคต่าง ๆ ในวงการแพทย์ และฝึกเขียนอ่านฟังให้คล่องแคล่ว โดยการเสริมสิ่งที่ขาดไปเพื่อให้มีความพร้อมในการทำข้อสอบในสนามสอบนั้น เพราะ เราจะฟังในสิ่งที่เราเข้าใจและรู้ศัพท์นั้นเสมอ การอ่านก็ต้องหัดอ่านให้เร็วและจับใจความได้ อย่างน้อย อ่านย่อหน้าแรกและสรุปก็พอจะเดาได้อย่างมีเชิง การสอบการฟังนอกจากความพร้อมในการทำให้ตัวเองคุ้นกับศัพท์ต่างๆ การจัดเตรียมอุปกรณ์ ณ สนามสอบ ย่อมมีความสำคัญ หากมีปัญหา เราแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ ปรับให้ฟังได้ชัดดังที่สุด และเช่นเดียวกันกับ ไมค์ที่ต้องอัดเสียงของเรา หัดฟังและจดย่อในเวลาเดียวกันให้คุ้น หากไม่เคยลองทำก็อย่าหวังว่าจะทำได้ในสถานการณ์จริง บางคนจดเป็นแบบชวเลขได้ยิ่งดีเพราะจะประหยัดเวลา แต่อันนี้ขึ้นกับความสามารถ ที่หินสุดสำหรับคนไทยน่าจะเป็นการสอบการพูด เนื่องจากขี้อายแล้วกว่าจะหลุดออกมาเป็นประโยคได้นี่ใช้เวลา ดังนั้นต้องฝึกคิดและพูดเป็นภาษาอังกฤษ ในหัวข้อต่างๆ เสมอ
หัวข้อ TOEFL ที่เราสอนใน Language Express ถือเป็นผู้นำในโรงเรียนสอนภาษาที่มีการเตรียมสอบ TOEFL ในกรุงเทพให้ผู้เรียนมีความพร้อม
ที่สุดในการสอบ TOEFL
TOEFL คืออะไรและวิธีการเตรียมสอบให้ประสบความสำเร็จ
การสอบ TOEFL iBT ใช้เวลาสอบ 4 ชั่วโมง ซึ่งเน้นการวัดความรู้ซึ่งเน้นในเชิงวิชาการ โดย
1. การอ่าน จะมีบทความ 3 บทความและตอบคำถาม 12-15 ข้อ โดยรวมมี 40 ข้อ
2. การฟัง จะมีการให้ผู้สอบฟังบทสนทนาในเรื่องพื้น ๆ ทั่วไป 2 เรื่องและสถานการณ์จำลองอีก 4 เรื่อง โดยผู้สอบต้องตอบจากการฟังจากบทสนทนาเหล่านี้ โดยมีข้อสอบราว 35 ข้อ
3. การพูด โดยผู้สอบจะพูดรวม 6 ข้อ โดยจะพูดหลังจากที่ได้อ่านบทความและฟังบรรยายในแต่ละหัวข้อ ซึ่งแบ่งเป็น คำถามที่ 1-2 ซึ่งเป็นเรื่องพื้น ๆ จากประสบการณ์หรือความคิดเห็นส่วนตัว โดยมีเวลาเตรียมตอบคำถาม 15 วินาทีและให้เวลาพูด 45 วินาทีในแต่ละข้อ คำถามที่ 3-4 จะมีการให้อ่านข้อความสั้น ๆ และให้ฟังบทสนทนา หรือ การอธิบายถึงบทความนั้น หลังจากนั้นจะมีการตอบคำถามโดยให้เวลาเตรียมตัว 30 วินาทีและตอบคำถาม 60 วินาทีในแต่ละข้อ คำถาม 5-6 ผู้สอบได้ฟังบทสนทนาเพื่อมีเวลามาย่อยความคิดหรือหัวข้อเหล่านั้นและตอบโดยมีเวลาเตรียมตัว 20 วินาทีและมีเวลาตอบ 60 วินาที
4. การเขียน โดยที่มีการเขียนจากคำถาม 1 ที่ให้เวลามาอ่านบทความทางด้านวิชาการในเวลาราว 3 นาทีและมีการฟังบรรยายในเรื่องเดียวกัน หลังจากนั้นผู้สอบก็สรุปบรรยายหรือแสดงความคิดเห็นจากสิ่งที่ได้ฟังและอ่านโดยเขียน 150-220 คำในเวลา 20 นาที คำถามที่ 2 จะเป็นประโยคสั้น ๆ และตอบคำถามโดยการบรรยายและทัศนคติของผู้สอบต่อสิ่งที่ได้อ่าน โดยต้องเขียนไม่ต่ำกว่า 300 คำใน 30 นาที
คำแนะนำในการเตรียมตัวสอบให้ประสบความสำเร็จ
เพื่อจะเตรียมตัว ก็ต้องกำจัดจุดอ่อนที่ตนมีอยู่ เนื่องจากการสอบวัดผลของ TOEFL ค่อนข้างเน้นทางวิชาการ และผู้สอบเองไม่สามารถจะรู้ได้ว่า จะไปเจอข้อสอบแบบใด ดังนั้น ถ้าผู้สอบรู้ตัวว่า อ่อนทางวิชาการเช่นในเรื่องของ ศัพท์ทางแพทย์ ก็ควรที่จะศึกษาในเรื่องนั้นศัพท์เทคนิคต่าง ๆ ในวงการแพทย์ และฝึกเขียนอ่านฟังให้คล่องแคล่ว โดยการเสริมสิ่งที่ขาดไปเพื่อให้มีความพร้อมในการทำข้อสอบในสนามสอบนั้น เพราะ เราจะฟังในสิ่งที่เราเข้าใจและรู้ศัพท์นั้นเสมอ การอ่านก็ต้องหัดอ่านให้เร็วและจับใจความได้ อย่างน้อย อ่านย่อหน้าแรกและสรุปก็พอจะเดาได้อย่างมีเชิง การสอบการฟังนอกจากความพร้อมในการทำให้ตัวเองคุ้นกับศัพท์ต่างๆ การจัดเตรียมอุปกรณ์ ณ สนามสอบ ย่อมมีความสำคัญ หากมีปัญหา เราแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ ปรับให้ฟังได้ชัดดังที่สุด และเช่นเดียวกันกับ ไมค์ที่ต้องอัดเสียงของเรา หัดฟังและจดย่อในเวลาเดียวกันให้คุ้น หากไม่เคยลองทำก็อย่าหวังว่าจะทำได้ในสถานการณ์จริง บางคนจดเป็นแบบชวเลขได้ยิ่งดีเพราะจะประหยัดเวลา แต่อันนี้ขึ้นกับความสามารถ ที่หินสุดสำหรับคนไทยน่าจะเป็นการสอบการพูด เนื่องจากขี้อายแล้วกว่าจะหลุดออกมาเป็นประโยคได้นี่ใช้เวลา ดังนั้นต้องฝึกคิดและพูดเป็นภาษาอังกฤษ ในหัวข้อต่างๆ เสมอ
หัวข้อ TOEFL ที่เราสอนใน Language Express ถือเป็นผู้นำในโรงเรียนสอนภาษาที่มีการเตรียมสอบ TOEFL ในกรุงเทพให้ผู้เรียนมีความพร้อมที่สุดในการสอบ TOEFL