ถึงคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยมัธยมศึกษาตอนปลายทุกท่าน
สวัสดีครับ เข้าเรื่องเลยละกัน ผมมีเรื่องราวจะมาเล่าให้ฟัง
เรื่องราวของเด็กอกตัญญูที่พ่อแม่คงไม่รัก
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กคนหนึ่ง เขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวเล็กๆ เป็นลูกคนเดียว ไม่มีมีพี่ไม่มีน้อง มีพ่อและแม่ที่น่ารักคอยเลี้ยงดูประคมประหงมและชี้นำแนวทางของเขาตลอดมา ตั้งแต่วัยอนุบาล ขึ้นวัยประถม เด็กคนนี้ก็ยังเชื่อฟังคำสั่งคำสอนคำบอกกล่าวและป้ายบอกทางของผู้ปกครองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
และแล้ว
เขาก็ก้าวเข้าสู่รั้วโรงเรียนมัธยม ความสามารถในวัยเด็กต่างๆที่เคยเด่นก็ลดลงเพราะความที่มีเด็กที่เก่งกว่าในรั้วของโรงเรียนชื่อดังแห่งนี้ และด้วยความที่เป็นเด็กที่ถูกชี้นำแนวทางมาโดยตลอด และเมื่อทำผิดพลาดก็จะถูกว่ากล่าวตักเตือน นั่นคงไม่ใช่ความผิดของพ่อแม่ แต่คงเป็นความหง่าวของเด็กคนนี้เอง ทำให้เด็กคนนี้มีความกล้าน้อยลงที่จะทำอะไร แม้แต่ในเรื่องที่อยากทำ
เด็กคนนี้ก้าวเข้าสู่วัยมัธยมตอนปลายด้วยการเรียนที่ยังคงพอประคับประคองไปได้
ช่วงเวลาหกปีในรั้วของโรงเรียนแห่งนี้ผันแปรไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย ไม่นานเขาก็ขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6...
เล่ามาถึงตรงนี้ ใครก็ตามที่อ่านก็คงสงสัย ว่าจะอ่านทำไม มันได้อะไรหรือเปล่า?
ผมคงตอบคำถามนั้นให้ไม่ได้ เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีใครเป็นเหมือนเด็กคนนี้อยู่ตอนนี้บ้างไหม หรือว่า ใครหลายคนอาจจะคิดว่าเห้ย ไร้สาระ
หากท่านอ่านถึงตรงนี้ และคาดหวังถึงอะไรที่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่หนักหนาสาหัสขนาดเปลี่ยนแปลงประเทศชาติอันนี้ได้นั้น แนะนำให้ปิดกระทู้นี้ลงเสีย
ผมแค่อยากเล่าเรื่องสั้นนี้เท่านั้น
เด็กคนนี้ก้าวขึ้นมาระดับชั้นม.6 เขาเปลี่ยนไปหลายๆอย่าง... ผลการเรียนที่ตกลงมาระดับหนึ่ง ห้องที่ไม่ได้เลิศหรูอย่างช่วงตอน 4 ปีแรกในรั้วมัธยม
แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงก็คือ
ผู้ใหญ่รอบๆตัวเขานั้น ล้วนแล้วแต่อยากให้เป็น หมอ... อาชีพที่สุดแสนจะมั่นคงที่สุดในสากลโลก และไม่มีวันสั่นคลอนอีกทั้ง ยังเป็นอาชีพที่ควรค่าแก่การยกยอปอปั้นให้เป็นอันดับต้นๆของโลกอีกด้วย
เด็กคนนี้พยายามที่จะไปให้ถึงจุดนั้น (ในที่นี้คือหมอฟัน) เขาคิดว่าเขาทำได้ เขาเชื่อว่าสักวันเขาต้องทำได้
แต่เสียงหนึ่งในใจเขาไม่ได้ตอบแบบนั้น...?
สักครู่ครับเดี๋ยวเล่าต่อ
ผมมันเป็น ลูกที่ "อกตัญญู" มาก เลย ใช่ ไหม?
สวัสดีครับ เข้าเรื่องเลยละกัน ผมมีเรื่องราวจะมาเล่าให้ฟัง
เรื่องราวของเด็กอกตัญญูที่พ่อแม่คงไม่รัก
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กคนหนึ่ง เขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวเล็กๆ เป็นลูกคนเดียว ไม่มีมีพี่ไม่มีน้อง มีพ่อและแม่ที่น่ารักคอยเลี้ยงดูประคมประหงมและชี้นำแนวทางของเขาตลอดมา ตั้งแต่วัยอนุบาล ขึ้นวัยประถม เด็กคนนี้ก็ยังเชื่อฟังคำสั่งคำสอนคำบอกกล่าวและป้ายบอกทางของผู้ปกครองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
และแล้ว
เขาก็ก้าวเข้าสู่รั้วโรงเรียนมัธยม ความสามารถในวัยเด็กต่างๆที่เคยเด่นก็ลดลงเพราะความที่มีเด็กที่เก่งกว่าในรั้วของโรงเรียนชื่อดังแห่งนี้ และด้วยความที่เป็นเด็กที่ถูกชี้นำแนวทางมาโดยตลอด และเมื่อทำผิดพลาดก็จะถูกว่ากล่าวตักเตือน นั่นคงไม่ใช่ความผิดของพ่อแม่ แต่คงเป็นความหง่าวของเด็กคนนี้เอง ทำให้เด็กคนนี้มีความกล้าน้อยลงที่จะทำอะไร แม้แต่ในเรื่องที่อยากทำ
เด็กคนนี้ก้าวเข้าสู่วัยมัธยมตอนปลายด้วยการเรียนที่ยังคงพอประคับประคองไปได้
ช่วงเวลาหกปีในรั้วของโรงเรียนแห่งนี้ผันแปรไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย ไม่นานเขาก็ขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6...
เล่ามาถึงตรงนี้ ใครก็ตามที่อ่านก็คงสงสัย ว่าจะอ่านทำไม มันได้อะไรหรือเปล่า?
ผมคงตอบคำถามนั้นให้ไม่ได้ เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีใครเป็นเหมือนเด็กคนนี้อยู่ตอนนี้บ้างไหม หรือว่า ใครหลายคนอาจจะคิดว่าเห้ย ไร้สาระ
หากท่านอ่านถึงตรงนี้ และคาดหวังถึงอะไรที่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่หนักหนาสาหัสขนาดเปลี่ยนแปลงประเทศชาติอันนี้ได้นั้น แนะนำให้ปิดกระทู้นี้ลงเสีย
ผมแค่อยากเล่าเรื่องสั้นนี้เท่านั้น
เด็กคนนี้ก้าวขึ้นมาระดับชั้นม.6 เขาเปลี่ยนไปหลายๆอย่าง... ผลการเรียนที่ตกลงมาระดับหนึ่ง ห้องที่ไม่ได้เลิศหรูอย่างช่วงตอน 4 ปีแรกในรั้วมัธยม
แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงก็คือ
ผู้ใหญ่รอบๆตัวเขานั้น ล้วนแล้วแต่อยากให้เป็น หมอ... อาชีพที่สุดแสนจะมั่นคงที่สุดในสากลโลก และไม่มีวันสั่นคลอนอีกทั้ง ยังเป็นอาชีพที่ควรค่าแก่การยกยอปอปั้นให้เป็นอันดับต้นๆของโลกอีกด้วย
เด็กคนนี้พยายามที่จะไปให้ถึงจุดนั้น (ในที่นี้คือหมอฟัน) เขาคิดว่าเขาทำได้ เขาเชื่อว่าสักวันเขาต้องทำได้
แต่เสียงหนึ่งในใจเขาไม่ได้ตอบแบบนั้น...?
สักครู่ครับเดี๋ยวเล่าต่อ