มือใหม่หัดรีวิวนะคะ ผิดพลาดประการใด ขออภัย อย่างสูงค่ะ
เริ่มต้นเลย .. เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนงานใหม่ ทำให้ต้องใช้วันลาพักร้อนของที่ทำงานปัจจุบัน ซึ่งเหลือ 2 วัน จึงตัดสินใจลาวันจันทร์-อังคาร และตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินวันอาทิตย์-อังคาร สายการบิน Nok Scoot ไป-กลับประเทศสิงคโปร์ ในราคา 3,700 บาทถ้วน ไม่มีการซื้อน้ำหนักใดๆ เพิ่มเติม ดังนั้น โจทย์ของทริปนี้คือ กระเป๋าเป้ต้องไม่เกิน 7 กิโลกรัม +กระเป๋าโน๊ตบุ๊คต้องไม่เกิน 3 กิโลกรัม และต้องมีของเหลวให้น้อยที่สุด ชั่งใจอยู่ 3 วันว่าจะซื้อน้ำหนักดีไหมนะ ขาละ 500 บาท สุดท้าย..กัดฟัน ไม่ซื้อ!! ฉันต้องทำได้สิ จากนั้นก็เริ่มดูโรงแรมสำหรับ 2 คืน มาจบที่ BIG Hotel ระดับ 4 ดาว ในราคาทั้งหมด 6,378 บาท ไม่รวมอาหารเช้า
ด้วยความที่ไม่เคยไปต่างประเทศเพื่อท่องเที่ยวคนเดียว การวางแผนอันแยบยลก็เกิดขึ้น เรามีเพื่อนอยู่ที่นั่น 2 คน เดี๋ยวจะนัดให้มาเลี้ยงข้าวเย็นคนละ 1 มื้อ เราต้องติดต่อเขาได้ตลอดเวลา ไหนจะต้องติดต่อกับลูกน้องที่เมืองไทยตลอดเวลาเรื่องงาน จึงตัดสินใจเปิดโรมมิ่ง แบบ 3 วันวันละ 280 บาทถ้วน เพื่อประโยชน์เพื่อความสุข และมันก้อทำให้เรามีความสุขจริงๆแหละค่ะ
ตั๋วเครื่องบิน - จบ
ที่พัก - จบ
อินเตอร์เนต - จบ
พร้อมแล้วก็เริ่มกันเลย.. กระเป๋าเป้ 1 ใบกับใจเหงาๆ อุปกรณ์ที่ทำให้มีความสุขมากในทริปนี้คือ iPhone 5C + กล้องถ่ายรูป Fujifilm X-A2 ซึ่งไปฉกของน้องชายมา ฮีเพิ่งซื้อใหม่ๆ พี่ก็ขอยืมตามระเบียบค่ะ
ก่อนเดินทาง แพ๊คกระเป๋าตอนเที่ยงคืน เพราะงานยุ่งมาก สรุปว่าเอาเสื้อผ้าไป 4-5 ชุด เครื่องอาบน้ำไม่เอาไปเลย เอาไปแต่เครื่องสำอางค์ที่จำเป็นสุดๆ อันไหนตัดออกได้ก็ตัดออก รองเท้าแตะ 1 คู่ พร้อมกับกระเป๋าโน๊ตบุ๊คอีก 1 ใบซึ่งเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำงานทั้งหมด (เราบ้างาน จึงต้องมีโน๊ตบุ๊คติดตัวตลอดเวลา กันพลาด) พอตอนเช้ามืดแฟนขับรถไปส่งที่สนามบิน เช็คอินที่เคาเตอร์ Nok Scoot เขาก็ขอชั่งน้ำหนักกระเป๋าเราด้วยนะ ดีนะฉันเตรียมพร้อม ไม่มีพลาดจ้ะ สามผ่านเลยจ้าาาาา เดินลัลล้าผ่าน ตม. สบายบรื๋อ.. เอากระเป๋าเข้าเครื่องแสกนด้วยเสียงหัวใจระรัวเหมือนกลองสะบัดชัย ฉันจะโดนดึงอะไรออกบ้างนะ ครีมทาหน้าอันแสนแพงก้อเอามาเล็กๆ เผื่อโดนทิ้งจะได้ไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น จิตใจระแวงไปเสียทุกอย่าง ปรากฏว่า ผ่านจ้าาาาาาาาาาาาาาาาา
ดีใจยังกับได้รับรางวัลออสการ์ปี 2015
เสร็จแล้วก้อเอาสัมภาระใส่รถเข็น เดินไปหาสตาร์บัคส์ก่อนเลย ผมนี่.. หิวกาแฟมากฮะ.. นั่งซ้อมใช้กล้องให้ชำนาญ น้องชายเพิ่งสอนเมื่อคืน ออกแนวเกร็ง ๆหน่อย แต่ก็ทำได้ดีนะเรา
ถึงเวลาลัลล้าเต็มที่.. Let's go to Singapore!!!
หลังจากล้อเครื่องบินแตะพื้นที่สิงคโปร์ ความตื่นเต้น และสับสนวุ่นวายก็เกิดในสมองดาว .. ดาวเลยไม่ได้หยิบกล้องถ่ายรูปมาเก็บบรรยากาศอะไรทั้งนั้น
พอถึงสนามบินก็เดินผ่าน ตม. เกร๋ๆ ไม่ถามอะไรสักคำ หันไปเห็นลูกอมวางอยู่ที่เคาเตอร์ เลยหยิบมา 1 เม็ดใส่ปาก เอ้า อร่อย! หยิบอีก 1 กำมือจ้า ตม.มองหน้า แต่ฉันไม่แคร์นะ เดินสวยๆ ออกมา พร้อมกับกดให้คะแนนความพึงพอใจว่า 'Very Good'
ออกจาก ตม. มาได้ ก็เดินตามป้ายว่า MRT นั่นคือรถไฟของที่นี่นั่นเอง เราก็เดินไปที่ช่องขายตั๋ว ระหว่างรอคิวนั้น คนไทยบ่นกันพึมพำ ซื้อยังไงวะ กี่บาทอ่ะ คืนยังไง .. นึกในใจ .. ฉันก็อยากรู้ด้วย ยืนเงี่ยหูฟัง แต่ไม่ได้คำตอบที่ดี เลยเปิด Google อ่าน เข้าใจแจ่มแจ้ง ถึงคิวเราพอดี ก็เลยบอกนางขายตั๋วว่า ขอ Tourist Pass 3 days นางก็บอกว่า 30 SGD เวลามาคืนได้ค่าบัตรคืน 10 SGD เราก็โอเค สบายมาก ได้บัตรแล้วก็โกสิคะ รออะไรล่ะ
จากแผนที่บอกว่าการไป BIG Hotel ต้องไปสถานี Bukit แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาที ก็เลยขึ้นรถไฟออกจากสนามบินมา ขึ้นรถไฟได้ก็ไม่สนใจชาวบ้านชาวเมือง นั่งสวยๆ เกร๋ๆอยู่คนเดียว ปรากฎว่ารถไฟจากสนามบิน จะไปแค่สถานี Terah Merah แล้วย้อนก็กลับสนามบิน คนออกจากรถไฟทั้งขบวนนี่ก็ยังนั่งสวยจ้ารู้ตัวอีกที รถไฟย้อนกลับไปทางเดิม แม่จ้าววววว นั่งรถชมวิว สนุกจุงเบย .. จำจนตายเลยค่ะ
สุดท้ายก็มาถึงสถานี Bukit เดินปัดแข้งปัดขาไปเรื่อยๆ จนถึงโรงแรม อยากจะบอกว่ากลิ่นหอมมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ห้องพักน่ารัก เล็กแต่โอเค เทคโนโลยีทันสมัย ผ้าปูนุ่ม สบู่แชมพูหอม และที่สำคัญมี Rain Shower น้ำไหลแรง สบายละ ไม่มีก็เพียงแต่ตู้เย็น แต่ว่าทุกชั้นจะมีเครื่องทำน้ำแข็ง ตู้น้ำร้อนน้ำเย็น ให้เรากดได้ตลอดเวลา มันไม่ใช่ปัญหาค่ะ ดาวรับได้ ลองดูบรรยากาศโรงแรมนะคะ
ไปถึงประมาณ 13.00 น. ถามเค้าว่า check-in เลยได้ไหม เพราะปกติต้อง 15.00 น. เค้าตอบว่าคุณโชคดีมากห้องคุณเสร็จแล้ว เลยได้เข้าห้องอาบน้ำ ถ่ายรูป ลัลล้า นัดเพื่อนไว้ว่า 15.00 น.ให้มารับที่โรงแรม ด้วยความที่ยังไม่ได้กินข้าวเลย จึงลงไปหาอะไรกินที่โรงแรม สั่งปลาแซลมอนอบมากิน อร่อยลืมโลก ราคาก็ลืมโลกด้วย 24 SGD กรอบเลยค่ะ กระเป๋าตังค์อ่ะกรอบเลย เอาน่า.. อย่างน้อยก้อมีโอเมก้า3 ทำให้เราฉลาดนะ #โหมดปลอบใจตัวเอง
ถึงเวลาเพื่อนมารับที่โรงแรม เพื่อนพาภรรยาและลูกน้อยมาด้วย ก็ขับรถชมเมืองไปซะ 1 รอบ แวะถ่ายรูปกับ Merlion ร้อนๆ แบบนี้ก็ต้องสตาร์บัคส์อีกแล้ว จากนั้นก็ไปเดินเล่นกันที่ VIVO City ฮีซื้อทุเรียนทอดให้กิน มันสุดยอดมาก ทุเรียนสดๆ คลุกแป้งทอดนี่ล่ะ เจ๋งเป้งสุดๆ เดินเล่น ถ่ายรูป Shopping กันไป หิวแล้วก็ไปต่อกันที่ Pasir Panjang Food Centre คุณเพื่อนจัดเต็ม สั่งอาหารล้นโต๊ะ
อันนี้เป็นภาพทุเรียนทอด
Pasir Panjang Food Centre
ดาวจะไม่บรรยายอะไรทั้งนั้น ดาวหิว ดาวเหนื่อย ดาวกิน และดาวก็ง่วง เลยให้เพื่อนไปส่งที่โรงแรมสบายใจกันไปทั้งสองฝ่าย เสร็จสิ้นภารกิจวันแรกด้วยความงง แต่ก็แฮปปี้ค่ะ
คืนแรกหลับปุ๋ย เตรียมลุยวันที่ 2 กันเลย
ตื่นมาสายๆ สบายตัวแล้วก็อาบน้ำอาบท่า แต่งตัว เตรียมไปกินข้าวมันไก่ที่ Maxwell Food Centre เขาบอกว่ามันอร่อยมาก แต่ต้องเดินจากสถานี China Town ประมาณ 800 เมตร ระหว่างทางเดินก็เก็บบรรยากาศมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ใกล้ๆ โรงแรมที่พัก เช่น วัดแขก วัดจีน ถนนหนทาง ตึกราบ้านช่อง
กว่าจะถึงร้านข้าวมันไก่ก็ราวๆ 11.00 น. คิวประมาณ 5-6 คิวก็เลยต่อคิวสั่งมา 1 จาน+เครื่องใน 1 จาน หมดไป 5.5 SGD รสชาติยอดเยี่ยม เอาไปเลยสิบกะโหลก
หลังจากที่กินอิ่ม ก็หันหลังไปมองร้านข้าวมันไก่อีกครั้ง ปรากฏว่าเป็นเวลาราวๆ เที่ยงพอดี มีคนต่อคิวอยู่ราวๆ 30 คิวเอ๊ง .. ฉันเป็นคนโชคดี เหลือเกินนนน
เดินออกมาจาก China Town ตั้งใจว่าจะไป Orchard เคยได้ยินชื่อนี้มานานว่าเด็ดดวง มาครั้งที่แล้ว ก็ประชุมเยอะเกิ๊นเลยไม่ได้ไป เดินกลับไปที่สถานี China Town ไปโผล่ Orchard เดินออกมาด้วยความงงๆ ดูไม่รู้เรื่อง วนไปวนมามาโผล่หน้าห้าง เจอหมาสีรุ้ง น่ารักม๊ากกกก สับสนเคว้งคว้าง กลับโรงแรมดีฝ่าาา ก็เลยกลับสถานี Bukit จะได้เดินกลับโรงแรมเกร๋ๆ
ระหว่างเดินกลับโรงแรม ด้วยความบังเอิญ หันไปเห็นตึกที่เขียนว่า Wilby คุ้นๆ ว่าเป็นของบริษัทฯ ในเครือที่เราทำงาน เลยเดินไปดูใกล้ๆ โอ๊ยโย๋!! ใช่เจงๆ ด้วย มีร้านเบเกอรี่ไฮโซอยู่ข้างล่าง ก้อเลยเข้าไปอุดหนุนกิจการเจ้านายสักหน่อย
หนุกหนานสำราญใจ เลยเดินกลับโรงแรม รีบพักผ่อน ชาร์ตแบตโทรศัพท์ เพราะนัดเพื่อนอีกคนไว้ตอน 1 ทุ่มที่ MBS (Marina Bay Sands)
พอแดดเริ่มคล้อย ดาวออกไปต่อที่ MBS เริ่มชำนาญกับการเดินทางด้วยรถไฟ ออกจาก MBS มา สายตาก็เริ่มเป็นประกายเพราะร้านค้าเยอะมากๆ และก็อยู่ในช่วงลดราคาด้วย เนื่องจากไปเร็วกว่ากำหนดราวๆ 1 ชั่วโมง (จริงๆ ก็ตั้งใจไปเร็วๆ แหละ) จึงเดินออกมาด้านนอก MBS .. โอ้โห มันยอดมาก เป็นวิวที่สวยงาม พระอาทิตย์ใกล้จะตก ร้าน LV ยื่นไปในน้ำ ฝั่งตรงข้ามเป็นสิงโตพ่นน้ำอยู่ไกลๆ มันดี มันใช่ เลอค่า.. จึงชักภาพวิว ชักภาพตัวเองด้วยกล้องอัจฉริยะ อาศัยวิ่งให้เร็ว ให้ทัน 10 วินาที สวยงามตามท้องเรื่อง
[CR] Review : ไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียวครั้งแรก ณ สิงคโปร์
เริ่มต้นเลย .. เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนงานใหม่ ทำให้ต้องใช้วันลาพักร้อนของที่ทำงานปัจจุบัน ซึ่งเหลือ 2 วัน จึงตัดสินใจลาวันจันทร์-อังคาร และตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินวันอาทิตย์-อังคาร สายการบิน Nok Scoot ไป-กลับประเทศสิงคโปร์ ในราคา 3,700 บาทถ้วน ไม่มีการซื้อน้ำหนักใดๆ เพิ่มเติม ดังนั้น โจทย์ของทริปนี้คือ กระเป๋าเป้ต้องไม่เกิน 7 กิโลกรัม +กระเป๋าโน๊ตบุ๊คต้องไม่เกิน 3 กิโลกรัม และต้องมีของเหลวให้น้อยที่สุด ชั่งใจอยู่ 3 วันว่าจะซื้อน้ำหนักดีไหมนะ ขาละ 500 บาท สุดท้าย..กัดฟัน ไม่ซื้อ!! ฉันต้องทำได้สิ จากนั้นก็เริ่มดูโรงแรมสำหรับ 2 คืน มาจบที่ BIG Hotel ระดับ 4 ดาว ในราคาทั้งหมด 6,378 บาท ไม่รวมอาหารเช้า
ด้วยความที่ไม่เคยไปต่างประเทศเพื่อท่องเที่ยวคนเดียว การวางแผนอันแยบยลก็เกิดขึ้น เรามีเพื่อนอยู่ที่นั่น 2 คน เดี๋ยวจะนัดให้มาเลี้ยงข้าวเย็นคนละ 1 มื้อ เราต้องติดต่อเขาได้ตลอดเวลา ไหนจะต้องติดต่อกับลูกน้องที่เมืองไทยตลอดเวลาเรื่องงาน จึงตัดสินใจเปิดโรมมิ่ง แบบ 3 วันวันละ 280 บาทถ้วน เพื่อประโยชน์เพื่อความสุข และมันก้อทำให้เรามีความสุขจริงๆแหละค่ะ
ตั๋วเครื่องบิน - จบ
ที่พัก - จบ
อินเตอร์เนต - จบ
พร้อมแล้วก็เริ่มกันเลย.. กระเป๋าเป้ 1 ใบกับใจเหงาๆ อุปกรณ์ที่ทำให้มีความสุขมากในทริปนี้คือ iPhone 5C + กล้องถ่ายรูป Fujifilm X-A2 ซึ่งไปฉกของน้องชายมา ฮีเพิ่งซื้อใหม่ๆ พี่ก็ขอยืมตามระเบียบค่ะ
ก่อนเดินทาง แพ๊คกระเป๋าตอนเที่ยงคืน เพราะงานยุ่งมาก สรุปว่าเอาเสื้อผ้าไป 4-5 ชุด เครื่องอาบน้ำไม่เอาไปเลย เอาไปแต่เครื่องสำอางค์ที่จำเป็นสุดๆ อันไหนตัดออกได้ก็ตัดออก รองเท้าแตะ 1 คู่ พร้อมกับกระเป๋าโน๊ตบุ๊คอีก 1 ใบซึ่งเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำงานทั้งหมด (เราบ้างาน จึงต้องมีโน๊ตบุ๊คติดตัวตลอดเวลา กันพลาด) พอตอนเช้ามืดแฟนขับรถไปส่งที่สนามบิน เช็คอินที่เคาเตอร์ Nok Scoot เขาก็ขอชั่งน้ำหนักกระเป๋าเราด้วยนะ ดีนะฉันเตรียมพร้อม ไม่มีพลาดจ้ะ สามผ่านเลยจ้าาาาา เดินลัลล้าผ่าน ตม. สบายบรื๋อ.. เอากระเป๋าเข้าเครื่องแสกนด้วยเสียงหัวใจระรัวเหมือนกลองสะบัดชัย ฉันจะโดนดึงอะไรออกบ้างนะ ครีมทาหน้าอันแสนแพงก้อเอามาเล็กๆ เผื่อโดนทิ้งจะได้ไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น จิตใจระแวงไปเสียทุกอย่าง ปรากฏว่า ผ่านจ้าาาาาาาาาาาาาาาาา
ดีใจยังกับได้รับรางวัลออสการ์ปี 2015
เสร็จแล้วก้อเอาสัมภาระใส่รถเข็น เดินไปหาสตาร์บัคส์ก่อนเลย ผมนี่.. หิวกาแฟมากฮะ.. นั่งซ้อมใช้กล้องให้ชำนาญ น้องชายเพิ่งสอนเมื่อคืน ออกแนวเกร็ง ๆหน่อย แต่ก็ทำได้ดีนะเรา
ถึงเวลาลัลล้าเต็มที่.. Let's go to Singapore!!!
หลังจากล้อเครื่องบินแตะพื้นที่สิงคโปร์ ความตื่นเต้น และสับสนวุ่นวายก็เกิดในสมองดาว .. ดาวเลยไม่ได้หยิบกล้องถ่ายรูปมาเก็บบรรยากาศอะไรทั้งนั้น
พอถึงสนามบินก็เดินผ่าน ตม. เกร๋ๆ ไม่ถามอะไรสักคำ หันไปเห็นลูกอมวางอยู่ที่เคาเตอร์ เลยหยิบมา 1 เม็ดใส่ปาก เอ้า อร่อย! หยิบอีก 1 กำมือจ้า ตม.มองหน้า แต่ฉันไม่แคร์นะ เดินสวยๆ ออกมา พร้อมกับกดให้คะแนนความพึงพอใจว่า 'Very Good'
ออกจาก ตม. มาได้ ก็เดินตามป้ายว่า MRT นั่นคือรถไฟของที่นี่นั่นเอง เราก็เดินไปที่ช่องขายตั๋ว ระหว่างรอคิวนั้น คนไทยบ่นกันพึมพำ ซื้อยังไงวะ กี่บาทอ่ะ คืนยังไง .. นึกในใจ .. ฉันก็อยากรู้ด้วย ยืนเงี่ยหูฟัง แต่ไม่ได้คำตอบที่ดี เลยเปิด Google อ่าน เข้าใจแจ่มแจ้ง ถึงคิวเราพอดี ก็เลยบอกนางขายตั๋วว่า ขอ Tourist Pass 3 days นางก็บอกว่า 30 SGD เวลามาคืนได้ค่าบัตรคืน 10 SGD เราก็โอเค สบายมาก ได้บัตรแล้วก็โกสิคะ รออะไรล่ะ
จากแผนที่บอกว่าการไป BIG Hotel ต้องไปสถานี Bukit แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาที ก็เลยขึ้นรถไฟออกจากสนามบินมา ขึ้นรถไฟได้ก็ไม่สนใจชาวบ้านชาวเมือง นั่งสวยๆ เกร๋ๆอยู่คนเดียว ปรากฎว่ารถไฟจากสนามบิน จะไปแค่สถานี Terah Merah แล้วย้อนก็กลับสนามบิน คนออกจากรถไฟทั้งขบวนนี่ก็ยังนั่งสวยจ้ารู้ตัวอีกที รถไฟย้อนกลับไปทางเดิม แม่จ้าววววว นั่งรถชมวิว สนุกจุงเบย .. จำจนตายเลยค่ะ
สุดท้ายก็มาถึงสถานี Bukit เดินปัดแข้งปัดขาไปเรื่อยๆ จนถึงโรงแรม อยากจะบอกว่ากลิ่นหอมมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ห้องพักน่ารัก เล็กแต่โอเค เทคโนโลยีทันสมัย ผ้าปูนุ่ม สบู่แชมพูหอม และที่สำคัญมี Rain Shower น้ำไหลแรง สบายละ ไม่มีก็เพียงแต่ตู้เย็น แต่ว่าทุกชั้นจะมีเครื่องทำน้ำแข็ง ตู้น้ำร้อนน้ำเย็น ให้เรากดได้ตลอดเวลา มันไม่ใช่ปัญหาค่ะ ดาวรับได้ ลองดูบรรยากาศโรงแรมนะคะ
ไปถึงประมาณ 13.00 น. ถามเค้าว่า check-in เลยได้ไหม เพราะปกติต้อง 15.00 น. เค้าตอบว่าคุณโชคดีมากห้องคุณเสร็จแล้ว เลยได้เข้าห้องอาบน้ำ ถ่ายรูป ลัลล้า นัดเพื่อนไว้ว่า 15.00 น.ให้มารับที่โรงแรม ด้วยความที่ยังไม่ได้กินข้าวเลย จึงลงไปหาอะไรกินที่โรงแรม สั่งปลาแซลมอนอบมากิน อร่อยลืมโลก ราคาก็ลืมโลกด้วย 24 SGD กรอบเลยค่ะ กระเป๋าตังค์อ่ะกรอบเลย เอาน่า.. อย่างน้อยก้อมีโอเมก้า3 ทำให้เราฉลาดนะ #โหมดปลอบใจตัวเอง
ถึงเวลาเพื่อนมารับที่โรงแรม เพื่อนพาภรรยาและลูกน้อยมาด้วย ก็ขับรถชมเมืองไปซะ 1 รอบ แวะถ่ายรูปกับ Merlion ร้อนๆ แบบนี้ก็ต้องสตาร์บัคส์อีกแล้ว จากนั้นก็ไปเดินเล่นกันที่ VIVO City ฮีซื้อทุเรียนทอดให้กิน มันสุดยอดมาก ทุเรียนสดๆ คลุกแป้งทอดนี่ล่ะ เจ๋งเป้งสุดๆ เดินเล่น ถ่ายรูป Shopping กันไป หิวแล้วก็ไปต่อกันที่ Pasir Panjang Food Centre คุณเพื่อนจัดเต็ม สั่งอาหารล้นโต๊ะ
อันนี้เป็นภาพทุเรียนทอด
Pasir Panjang Food Centre
ดาวจะไม่บรรยายอะไรทั้งนั้น ดาวหิว ดาวเหนื่อย ดาวกิน และดาวก็ง่วง เลยให้เพื่อนไปส่งที่โรงแรมสบายใจกันไปทั้งสองฝ่าย เสร็จสิ้นภารกิจวันแรกด้วยความงง แต่ก็แฮปปี้ค่ะ
คืนแรกหลับปุ๋ย เตรียมลุยวันที่ 2 กันเลย
ตื่นมาสายๆ สบายตัวแล้วก็อาบน้ำอาบท่า แต่งตัว เตรียมไปกินข้าวมันไก่ที่ Maxwell Food Centre เขาบอกว่ามันอร่อยมาก แต่ต้องเดินจากสถานี China Town ประมาณ 800 เมตร ระหว่างทางเดินก็เก็บบรรยากาศมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ใกล้ๆ โรงแรมที่พัก เช่น วัดแขก วัดจีน ถนนหนทาง ตึกราบ้านช่อง
กว่าจะถึงร้านข้าวมันไก่ก็ราวๆ 11.00 น. คิวประมาณ 5-6 คิวก็เลยต่อคิวสั่งมา 1 จาน+เครื่องใน 1 จาน หมดไป 5.5 SGD รสชาติยอดเยี่ยม เอาไปเลยสิบกะโหลก
หลังจากที่กินอิ่ม ก็หันหลังไปมองร้านข้าวมันไก่อีกครั้ง ปรากฏว่าเป็นเวลาราวๆ เที่ยงพอดี มีคนต่อคิวอยู่ราวๆ 30 คิวเอ๊ง .. ฉันเป็นคนโชคดี เหลือเกินนนน
เดินออกมาจาก China Town ตั้งใจว่าจะไป Orchard เคยได้ยินชื่อนี้มานานว่าเด็ดดวง มาครั้งที่แล้ว ก็ประชุมเยอะเกิ๊นเลยไม่ได้ไป เดินกลับไปที่สถานี China Town ไปโผล่ Orchard เดินออกมาด้วยความงงๆ ดูไม่รู้เรื่อง วนไปวนมามาโผล่หน้าห้าง เจอหมาสีรุ้ง น่ารักม๊ากกกก สับสนเคว้งคว้าง กลับโรงแรมดีฝ่าาา ก็เลยกลับสถานี Bukit จะได้เดินกลับโรงแรมเกร๋ๆ
ระหว่างเดินกลับโรงแรม ด้วยความบังเอิญ หันไปเห็นตึกที่เขียนว่า Wilby คุ้นๆ ว่าเป็นของบริษัทฯ ในเครือที่เราทำงาน เลยเดินไปดูใกล้ๆ โอ๊ยโย๋!! ใช่เจงๆ ด้วย มีร้านเบเกอรี่ไฮโซอยู่ข้างล่าง ก้อเลยเข้าไปอุดหนุนกิจการเจ้านายสักหน่อย
หนุกหนานสำราญใจ เลยเดินกลับโรงแรม รีบพักผ่อน ชาร์ตแบตโทรศัพท์ เพราะนัดเพื่อนอีกคนไว้ตอน 1 ทุ่มที่ MBS (Marina Bay Sands)
พอแดดเริ่มคล้อย ดาวออกไปต่อที่ MBS เริ่มชำนาญกับการเดินทางด้วยรถไฟ ออกจาก MBS มา สายตาก็เริ่มเป็นประกายเพราะร้านค้าเยอะมากๆ และก็อยู่ในช่วงลดราคาด้วย เนื่องจากไปเร็วกว่ากำหนดราวๆ 1 ชั่วโมง (จริงๆ ก็ตั้งใจไปเร็วๆ แหละ) จึงเดินออกมาด้านนอก MBS .. โอ้โห มันยอดมาก เป็นวิวที่สวยงาม พระอาทิตย์ใกล้จะตก ร้าน LV ยื่นไปในน้ำ ฝั่งตรงข้ามเป็นสิงโตพ่นน้ำอยู่ไกลๆ มันดี มันใช่ เลอค่า.. จึงชักภาพวิว ชักภาพตัวเองด้วยกล้องอัจฉริยะ อาศัยวิ่งให้เร็ว ให้ทัน 10 วินาที สวยงามตามท้องเรื่อง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น