พลิกพงศาวดาร พระราชบุตรเชลย ๑๓ ก.ค.๕๘

กระทู้สนทนา
พลิกพงศาวดาร

พระราชบุตรเชลย

พ.สมานคุรุกรรม

หลังจากพระราชการสงครามเมืองเหนือครั้งนั้นแล้ว จางวางกรมช้างนามพระเพทราชา เดิมเป็นชาวบ้านพลูหลวงแขวงเมืองสุพรรณบุรี ผู้ชำนิชำนาญในศิลปศาสตร์คชบาลทำราชการแกล้วกล้า แลมีฝีมือในการสงครามได้กระทำความชอบไว้เป็นหลายหน เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับจากเมืองเชียงใหม่ ธิดาเจ้าเมืองเชียงใหม่ก็ทรงครรภ์ขึ้นมา จึ่งพระราชทานนางนั้นให้แก่พระเพทราชา แล้วดำรัสว่า

“ นางลาวคนนี้มีครรภ์ขึ้นมา เราจะเอาไปเลี้ยงในพระราชวัง ก็คิดละอายแก่พระสนมทั้งปวง แลท่านจงรับเอาไปเลี้ยงไว้ ณ บ้านเถิด “

พระเพทราชาก็รับพระราชทานเอานางนั้นไปเลี้ยงไว้ที่บ้าน ปีต่อมาพระเพทราชาก็พานางลาวมีครรภ์นั้น ตามเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปนมัสการพระชินราช พระชินสีห์ ณ เมืองพิษณุโลกด้วย ครั้นถึงตำบลโพธิ์ประทับช้าง พอครรภ์นางนั้นแก่ถ้วนทศมาศได้ฤกษ์ดี นางก็ประสูติบุตรชายกอรปด้วยสิริวรรณลักษณะเป็นอันดี บิดาให้นามบัญญัติชื่อเจ้าเดื่อ

ครั้นอยู่มาพอค่อยรู้ความแล้ว ก็สำคัญเอาพระเพทราชาว่าเป็นบิดา แลรักใคร่สนิทติดพันจนวัฒนาขึ้น ก็มีสติปัญญาแกล้วกล้าอาจหาญยิ่งนัก

พระเพทราชาก็นำเอานายเดื่อผู้บุตรเลี้ยงเข้าไปถวายตัวเป็นมหาดเล็ก และให้ทำราชการสนองพระเดชพระคุณสมเด็จพระบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระกรุณาภาพแก่นายเดื่อ มหาดเล็กนั้นเป็นอันมาก

มีพระราชดำริจะใคร่ให้เจ้าเดื่อรู้ตัวว่าเป็นพระเจ้าลูกเธอ จึงทรงพระกรุณาดำรัสให้เจ้าพนักงานเอาพระฉายมาตั้ง ก็ทรงส่องพระฉายแล้วกวักพระหัตถ์ตรัสเรียกนายเดื่อเข้าไปใกล้พระองค์ แล้วก็ดำรัสว่า

“ เอ็งจงดูเงาในกระจกเถิด “

นายเดื่อมหาดเล็กนั้นก็คลานเข้าไปส่องพระฉายด้วยพระองค์ ก็เห็นเงาเหมือนดังนั้น จึงมีพระราชโองการตรัสถามว่า

“ เอ็งเห็นรูปเรากับรูปเอ็งนั้น เป็นอย่างไรกันบ้าง “

นายเดื่อก็กราบทูลพระกรุณาว่า

“ รูปทั้งสองอันปรากฏอยู่ในพระฉายนั้น มีพรรณสัณฐานคล้ายคลึงกัน “

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงฟังดังนั้น ก็ทรงเมตตาการุณภาพแก่นายเดื่อมหาดเล็ก ซึ่งเป็นพระราชบุตรนั้นยิ่งนัก ทรงพระกรุณาดำรัสพระราชทาน โอวาทานุสาสน์ แลใช้ในกิจราชการทั้งปวง แล้วพระราชทานเสื้อผ้าข้าวของเงินทองเป็นอันมาก

ส่วนนายเดื่อก็รู้ตัวว่าเป็นพระเจ้าลูกเธอ โดยพระราชอุบายในวันส่องพระฉายนั้นแล้ว ก็บังเกิดทิฐิมานะขึ้นเป็นอันมาก ก็บริโภคโภชนาหารในพระสุพรรณภาชนะอันเหลือเสวยนั้น แลเอาพระภูษาทรง ซึ่งเจ้าพนักงานตากไว้นั้นมานุ่งห่ม ผู้ใดจะว่ากล่าวก็มิฟัง แต่ทำดั่งนั้นเป็นหลายครั้ง จึ่งเจ้าพนักงานทั้งหลายก็เอาเหตุนั้นขึ้นกราบทูลพระกรุณา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงฟังดังนั้นก็มิได้ถือ ดำรัสว่า

“ ไอ้เดื่อนี้มันบ้า ๆ อยู่ อย่าถือมันเลย มันชอบใจสิ่งของทั้งนั้นจึงนุ่งห่มบริโภค ตามทีมันเถิด “

จำเดิมแต่นั้นมา นายเดื่อจะปรารถนาเอาสิ่งใด ก็ถือเอาสิ่งนั้นทุกประการ แลจะได้มีผู้ว่ากล่าวนั้นหามิได้

ในครั้งนั้นช้างพลายซ่อมเชือกหนึ่ง เป็นช้างเพชรฆาตสำหรับฆ่าคนโทษถึงตายร้ายกาจยิ่งนัก ถ้าตกน้ำมันแล้ว ถึงหมอช้างผู้ใดที่ดีขับขี่เข้มแข็ง ก็มิอาจสามารถจะขี่ไปลงน้ำได้ แลผูกตรึงไว้ที่โรงนั้น

อยู่มาวันหนึ่งนายเดื่อรู้เหตุดังนั้นก็ไปยังโรงช้างพลายซ่อม แลจะขึ้นขี่พลายซ่อมเอาไปลงน้ำให้จงได้ หมอควาญทั้งหลายห้ามก็มิฟัง เข้าแก้เอาออกจากตะลุง แล้วก็ขึ้นขี่เอาไปลงน้ำได้โดยสะดวก ด้วยบุญญาเป็นมหัศจรรย์ แลอานุภาพสรรพเวทมนต์คาถาวิชาคุณ อันภาวนานั้นด้วยดี จะได้เป็นอันตรายนั้นหามิได้

พระหลวงขุนหมื่นกรมช้างทั้งหลายก็เอาเหตุนั้นขึ้นกราบทูลพระกรุณา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทราบเหตุดั่งนั้นก็ตกพระทัย จึ่งดำรัสให้กรมช้างทั้งหลายผูกช้างพังหลายเชือก พร้อมไปด้วยเชือกบาศเร่งรีบไปช่วยโดยเร็ว พอนายเดื่อเอาช้างพลายซ่อมไปลงน้ำ แล้วกลับขึ้นมาถึงโรงได้โดยปกติ แลผูกไว้ในโรงดังเก่า กรมช้างทั้งหลายก็กลับเอาเหตุมากราบทูลพระกรุณาให้ทรงทราบ

พระบาทบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงทราบประพฤติเหตุอันนายเดื่อขี่ช้างพลายซ่อมได้ปราศจากอันตรายดังนั้น ก็ทรงปรีดาโสมนัส จึ่งดำรัสให้นายเดื่อมหาดเล็กเข้ามาเฝ้า แล้วก็มีพระราชโองการตรัสว่า

“ ตัวเอ็งขี่ช้างแกล้วกล้าเข้มแข็งนัก เอ็งจงเป็นหลวงสรศักดิ์ ไปช่วยราชการบิดาแห่งเอ็งในกรมช้างเถิด “

แต่นั้นมานายเดื่อก็เป็นหลวงสรศักดิ์ กระทำราชการสนองพระเดชพระคุณข้างกรมช้าง แลครั้งนั้นพระบาทบรมนาถบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปยังเมืองลพบุรีเนือง ๆ แลเสด็จไปประพาสตำบลสระแก้ว แล้วให้กระทำพระราชวัง ณ เมืองลพบุรี แลเสด็จสำราญพระทัยอยู่ในที่นั้น แลทรงพระกรุณาดำรัสให้ทำคลองปากจั่นออกจากสระแก้ว ตรุศิลายาปูนเป็นอันดี แล้วให้ขุดคลองไขน้ำมาแต่ทะเลชุบศร ตราบเท่าถึงคลองปากจั่นสระแก้วนั้น แล้วให้ตั้งพระนิเวศไว้ที่นั้น แลเสด็จไปประพาสตำบลนั้นเนือง ๆ แล้วก็เสด็จกลับยังพระราชวัง แลเมืองลพบุรีก็สนุกสุขสำราญ เป็นพระบรมราชนิเวศสถานขึ้นในครั้งนั้น

จึ่งสมเด็จบรมบาทพระนารายณ์ราชบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็มีพระราชโองการดำรัสสั่งเจ้าพนักงาน จัดการก่อพระมหาปราสาทสองพระองค์ ครั้นเสร็จแล้วก็พระราชทานนามบัญญัติ ชื่อพระที่นั่งสุธาสวรรย์องค์หนึ่ง พระที่นั่งหิรัญมหาปราสาทองค์หนึ่ง แล้วทรงพระกรุณาให้ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ พระวิหาร มหาธาตุ เจดีย์ แลกุฎีศาลา ในอารามทั้งหลายทั่วจังหวัดเมืองลพบุรีที่ชำรุดปรักนั้น ให้ถาวรขึ้นดังเก่าแล้วเสร็จ แลพระองค์เสด็จอยู่ ณ เมืองลพบุรีในเหมันตฤดู แลคิมหันตฤดู

แลเสด็จลงมาประทับอยู่ ณ กรุงเทพมหานคร แต่เทศกาลวัสฤดู สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเสวยไอยสวรรยาธิปัติถวัลยราช ณ เมืองลพบุรี แลพระนครศรีอยุธยา เป็นสุขานุสุขยิ่งนัก

พระบาทบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว มีพระราชโอรสองค์หนึ่ง ทรงพระนามเจ้าฟ้าน้อย ครั้นโสกันต์แล้วพระราชทานพระนามชื่อเจ้าฟ้าอภัยทศ แลทรงพระกรุณาโปรดให้อยู่ ณ ตำหนักวังหลัง

แลพระองค์มีพระราชบุตรีองค์หนึ่ง ทรงพระกรุณาโปรดให้เป็นกรมหลวงโยธาเทพ

แลซึ่งสมเด็จพระบรมภคินีนั้น ทรงพระกรุณาโปรดให้เป็นกรมหลวงโยธาทิพ แลเสด็จอยู่ ณ พระตำหนักตึกในพระราชวัง

ครั้งนั้นพระยาวิชเยนทร์ฝรั่งกระทำราชการดี มีความชอบมากขึ้น ทรงพระกรุราโปรดให้เลื่อนที่ขึ้นเป็นเจ้าพระยา แลให้บังคับราชการว่าที่สมุหนายก แลทรงพระกรุณาโปรดให้พระยารามเดโชออกไปครองเมืองนครศรีธรรมราช
ให้พระยารามขึ้นไปครองเมืองนครราชสีมา คราวเดียวกันนั้น

ส่วนเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ผู้ว่าราชการที่สมุหนายก ให้ก่อตึกสี่เหลี่ยมอันใหญ่ แลตึกเวียนมีกำแพงแก้วล้อมรอบเป็นที่อยู่ แลตึกฝรั่งอื่นทั้งหลายเป็นอันมาก ที่ตำบลใกล้วัดปืน แลคิดอ่านกระทำการทั้งปวงต่าง ๆ ปรารถนาจะคิดเอาราชสมบัติ แลจะทำกลอุบายที่จะประทุษร้ายเป็นประการใด ๆ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเข้าพระทัย แต่มิได้เอาโทษ ด้วยเจ้าพระยาวิชาเยนทร์เอาใจใส่ในกิจราชการทั้งปวงเป็นอันมาก แลสึกเอาภิกษุ สามเณร มากระทำราชการทั้งปวงครั้งนั้นก็มาก

ขณะนั้นสมเด็จพระบรมบพิตรพระนารายณ์เป็นเจ้า ทรงพระนามปรากฏว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมืองลพบุรี เหตุว่าพระองค์เสด็จขึ้นไปเสวยราชสมบัติ ณ เมืองลพบุรี แลทรงพระกรุณาให้ตกแต่งปฏิสังขรณ์ ป้อมค่ายหอรบ เชิงเทินปราการเมือง แลสระน้ำที่เสวย แลที่ชำรุดปรักพังนั้นเสร็จ แลพระองค์เสด็จสำราญพระราชหฤทัยในที่นั้น.

#############
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่