ผมและแฟนซื้อ สุนัขชิวาว่า จากบ้านแบคเพิลชิวาว่า (Black Pearl Chihuahua) อยู่หมู่บ้านแถวบางแสน อ.เมือง จ.ชลบุรี
Facebook : Black Pearl Chihuahua kennel By' Ja La Lent Jent ในราคา 19,000 บาท โดยตกลงจ่ายเงินก้อนแรก 9,500 บาท และก้อนที่สอง 9,500 บาท ในวันที่ผมไปรับสุนัข
ณ วันที่ผมจ่ายเงิน 9,500 บาท สุนัขอายุได้ 2 สัปดาห์ ผมไปดูตัวสุนัขและจ่ายเงินถึงที่บ้านคนขาย ไม่ใช่โอนเงินผ่านธนาคาร
สุนัขร่างกายปกติดี ร่าเริง แข็งแรงมาก เป็นสุนัขเพศเมีย ไซส์ทีคัพ น้ำหนักเพียง 130 กรัม สุนัขทีคัพเป็นสุนัขที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ไม่สามารถ Breed ได้นะครับ บางคนเข้าใจว่าบีบอาหาร แล้วจะทำให้เป็นสุนัขทีคัพ ถือเป็นความเข้าใจผิด เรียกว่าเป็นสุนัขแกร็น
ไม่ใช่สุนัขทีคัพ ในธรรมชาติมีสุนัขเกิดมาตัวเล็ก ตัวใหญ่ แต่ไม่มีสุนัขตัวไหนแกร็น การแกร็นเกิดจากการจำกัดอาหารและการเลี้ยงดูที่ไม่ถูกต้อง
ผมดูภาพผ่าน Facebook ตั้งแต่วันแรกที่สุนัขเกิด ผมก็รู้ทันทีว่าเป็นสุนัขทีคัพ เพราะเขาตัวเล็กกว่าพี่น้องในครอกเดียวกันถึงเท่าตัว
ที่บ้านผมเลี้ยงสุนัขทีคัพ 2 ตัว คือ พันธุ์ชิวาว่าและปอมเมอเรเนียน ผมมีประสบการณ์เลี้ยงสุนัขทีคัพนานหลายปีแล้ว
วันที่ผมไปจ่ายเงิน ผมให้คนขายชั่งน้ำหนักสุนัขในครอกนี้ ทั้ง 3 ตัว ตัวแรกหนัก 270 กรัม ตัวที่สองหนัก 200 กรัม และสุนัขของผมหนัก 130 กรัม (สุนัขอายุ 2 สัปดาห์) หลังจากจ่ายเงิน คนขายก็รับปากว่าจะส่งรูปถ่ายให้ดู สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง แฟนผมก็กำชับเป็นประโยคสุดท้ายก่อนกลับบ้านว่าฝากเลี้ยงสุนัขให้ดีๆ ผ่านไป 1 สัปดาห์ (สุนัขอายุ 3 สัปดาห์) แฟนผมไลน์ไปทวงรูปถ่าย คนขายก็ส่งมาทั้งรูปถ่ายหน้าตรง และรูปถ่ายด้านหลังทั้งลำตัว แล้วคนขายก็ถ่ายรูปสุนัขผมไปลงโฆษณา Facebook ของเขา ผ่านไปอีก 1 สัปดาห์ (สุนัขอายุ 4 สัปดาห์) คนขายรีบส่งรูปถ่ายมาให้ดู โดยที่ไม่ต้องทวง แต่รูปถ่ายที่ส่งมาเป็นรูปสุนัขนั่งก้มหน้า คอตกทุกรูป แฟนผมรู้สึกผิดปกติ จึงสั่งให้คนขายส่งรูปถ่ายหน้าตรงและรูปด้านหลังทั้งลำตัว เพราะปกติแล้ว คนขายคนนี้ชอบจับคอสุนัข โชว์รูปถ่ายหน้าตรง พอผมดูรูปถ่าย ผมก็สังเกตเห็นตาข้างขวาของเขาเบิกกว้างขึ้น ไม่เท่ากับตาข้างซ้าย และลำตัวของเขาก็เล็กลงกว่าสัปดาห์ที่แล้วผมจึงถามว่า ตาสุนัขเป็นอะไรหรือเปล่า คนขายบอกว่า ปกติ ไม่เป็นอะไร เป็นเพราะมุมกล้องทำให้เห็นตาสุนัขไม่ชัด
ผ่านไปอีก 1 สัปดาห์ (สุนัขอายุ 5 สัปดาห์) คนขายไลน์บอกตั้งแต่เช้าว่า สุนัขไม่สบาย อาการหนักมาก ตาขวาปูดโปนทะลุออกจากเบ้า ผมก็โทรศัพท์ไปถามทันทีว่า พาสุนัขไปหาหมอหรือยัง คนขายบอกว่า ยังไม่ได้ไปหาหมอ กำลังจะพาไป จะโทรมาบอกอาการตอนเย็น ความจริงถ้าจะพาไปหาหมอตอนเช้า ไม่เกินเที่ยงก็ต้องโทรมาแจ้งอาการผมได้แล้ว ไม่ต้องให้ผมรอจนถึงตอนเย็นหรอก แฟนผมโทรไปตอนใกล้เที่ยง คนขายไม่ยอมรับสาย แฟนผมโทรไปอีกที คนขายก็บอกว่าสุนัขอาการหนักมาก แฟนผมดูรูปถ่ายจากไลน์ ก็รู้ทันทีว่าสุนัขป่วยนานหลายวันแล้ว จึงโทรศัพท์ถามคนขายว่า สุนัขป่วยมานานหรือยัง คนขายโกหกว่าเพิ่งเป็นเมื่อคืน คลินิกปิดก็เลยไม่พาไปหาหมอ ผมและแฟนโกรธสุดๆ ที่คนขายหน้าด้าน ไม่ยอมรับความจริง ผมและแฟนบอกว่าจะเอาสุนัขมารักษาเอง ไปหาสัตวแพทย์เฉพาะทางด้านตาในกรุงเทพฯ ที่เก่งเป็นอันดับต้นๆ ในประเทศไทย คนขายไม่ยอมให้สุนัขไปหาหมอ โกหกว่า กลัวผมจะเปลืองเงินค่ารักษา ผมก็บอกว่าถ้าอย่างนั้น ผมเอาใบเสร็จค่ารักษามาเบิกคนขายก็ได้ คนขายก็ยังไม่ยอมให้พาไปหาหมอ ผมเห็นความผิดปกติอย่างมาก คนขายกลัวเรื่องพาสุนัขไปหาหมอที่สุด คนขายพูดย้ำๆ อยู่ได้ว่า เขาจะรักษาในวิธีของเขา ผมก็ด่าว่า ปล่อยให้หมาเป็นหนักจนตาบอด นี่เรียกว่า ไม่ได้รักษาอะไรเลย นั่งนิ่งดูดาย ผมยืนกรานว่าต้องพาไปหาสัตวแพทย์เฉพาะทางด้านตา คนขายก็ดื้อด้านไม่ยอม จนกระทั่งคนขายบอกผมว่า จะเอาเงินคืนก็ได้ หรือไม่ก็ให้ผมเปลี่ยนเป็นสุนัขตัวอื่น ผมและแฟนโกรธมาก สุนัขเป็นสิ่งมีชีวิต แต่คนขายทำเหมือนราวกับว่า กำลังซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งไม่มีชีวิต สุนัขทุกตัวก็รักชีวิตของตัวทั้งนั้น ไม่มีสุนัขตัวไหนอยากตาย หรืออยากเจ็บป่วย ผมจึงต้องข่มขู่ ต้องบีบบังคับคนขาย นานหลายชั่วโมง จนกว่าจะยอมพาไปหาสัตวแพทย์เฉพาะทางด้านตา ผมบอกคนขายว่า หลังจากหาหมอเสร็จ ให้โทรแจ้งอาการให้ผมฟังทันที คนขายรับปากหลายครั้ง ว่าจะโทรแจ้งผมทันที ผมรอจนถึง 4 ทุ่มกว่า คนขายก็ยังไม่โทรมา ผมก็โทรไปหา คนขายก็บอกว่าให้ผมรอก่อน เขากำลังใกล้จะถึงบ้านที่บางแสนแล้ว ผมและแฟนโกรธมาก คนขายปล่อยให้ผมรอหลายชั่วโมง แฟนผมก็ร้องไห้เป็นห่วงสุนัขหลายรอบแล้ว เขาไม่ยอมสละเวลา แค่ไม่ถึงหนึ่งนาที เพื่อโทรแจ้งอาการสุนัข ทั้งที่รู้ว่าผมและแฟนรออยู่ด้วยความเป็นห่วง สุดท้ายคนขายก็บอกว่า สุนัขตาบอดแล้ว เป็นต้อหิน ผมถามว่า ต้องไปหาหมอที่กรุงเทพฯ ครั้งหน้าวันที่เท่าไร (เพราะปกติ ต้องไปหาหมอเฉพาะทางทุกสัปดาห์เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด) คนขายบอกว่า ไม่ต้องไปหมอเฉพาะทางที่กรุงเทพฯ ให้หมอเขียนใบส่งตัวมารักษาต่อที่บางแสน ผมฟังแล้วก็เป็นไปตามความคาดหมาย คนขายไม่อยากพาสุนัขไปให้หมอรักษา ที่จำเป็นต้องไปครั้งนี้ ก็เพราะถูกผมบังคับขู่เข็ญ
ผมและแฟนตื่นขึ้นมาตอนเช้า ก็ตัดสินใจว่าจะรับสุนัขมาเลี้ยงเอง และพาไปหาสัตวแพทย์เฉพาะทางด้านตาที่กรุงเทพฯ ทุกสัปดาห์ ทั้งที่บ้านผมอยู่ต่างจังหวัด ไกลกว่าบ้านคนขายที่อยู่บางแสน ผมโทรไปบอกคนขายว่า ผมจะรับสุนัขมาเลี้ยงเอง คนขายรีบทวงเงินค่ารักษาที่ไปหาหมอที่กรุงเทพฯ เมื่อวาน จำนวน 2,400 บาท เป็นประโยคแรกทันที (ทั้งๆ ที่เมื่อวานเพิ่งโกหกผม อย่างหน้าด้านๆ ว่า กลัวผมเปลือง ไม่อยากให้ผมจ่ายค่ารักษา) ผมถามคนขายเรื่องขอเงินคืน เพราะผมบอกว่าต้องรักษาอีกหลายหมื่นบาท (ความจริงอาจเป็นหลักแสน เพราะต้องรอให้สุนัขโตเต็มที่ จึงจะรู้ผลแน่ชัดว่า ต้องผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งหรือเปล่า และอาจต้องใส่ลูกตาเทียม) คนขายบอกว่าไม่ยอมเด็ดขาด "ถ้าจะเอาเงินคืน ก็ไม่ต้องเอาสุนัขไป" ทั้งที่ทุกๆ ฟาร์ม เค้าก็คืนเงินเต็มจำนวน และรับประกันสุขภาพให้สุนัขอย่างน้อย 7 วัน คนขายคนนี้ ก็เขียนโฆษณาตัวเองในอินเทอร์เน็ตว่า จะคืนเงินเต็มจำนวน แต่ความจริงกลับไม่ยอมคืนเงินลูกค้า ทั้งที่ลูกค้าเสียสละ ยอมแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อขึ้น ซึ่งความจริงคนขายต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่ารักษาทั้งหมด คนขายรู้ว่า ผมและแฟน อยากพาสุนัขไปให้หมอรักษา จึงบีบบังคับ จนผมไม่มีทางเลือก คนขายยืนยันไม่ยอมคืนเงิน ผมก็ต้องยอม ผมตกลงขับรถไปรับสุนัขมาเลี้ยง วันที่ผมไปรับสุนัข ผมถูกสุนัขข้างถนนตัวใหญ่กัด ผมต้องรีบไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดยากันพิษสุนัขบ้าและบาดทะยัก ผมโดนฉีดยาทั้งหมด 7 เข็ม ผมปวดมาก แต่ผมก็ยังต้องขับรถทางไกลหลายชั่วโมงเพื่อไปรับสุนัขในวันเดียวกันนั้น ผมตระหนักว่า รอช้า ผัดผ่อนเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้ไม่ได้ เพราะสุนัขอยู่ในมือคนขายใจดำ ต้องได้รับบาดเจ็บหนักมากกว่าเดิม พอแฟนผมเห็นลูกตาสุนัข ก็พูดกับคนขายเป็นประโยคแรกว่า ป่วยมาหลายวันแล้วแน่นอน ไม่ใช่เพิ่งเป็นเมื่อคืน ถ้าพาไปหาหมอตั้งแต่ตอนแรก ก็ไม่ต้องตาบอดจนเป็นต้อหิน คนขายก็ยังไม่ยอมรับความจริงยังคงโกหกหน้าด้านว่า สุนัขเพิ่งป่วยเมื่อคืน คนขายดื้อดึงให้เงินผมคืน แค่ 4,500 บาท สรุปว่า คนขายคิดราคา สุนัขอายุ 5 สัปดาห์ ที่ป่วยเป็นโรคต้อหินอ่อนแอใกล้ตาย ในราคา 5,000 บาท สุนัขอ่อนแอมาก แต่คนขายโกหกว่าแข็งแรง สุนัขอ่อนแอดูเหมือนจะไม่รอดชีวิต ผมพากลับเข้ากรุงเทพฯไปหาหมอเฉพาะทางทันที หมอก็ตำหนิคนขายให้ผมฟังว่า "คนขายยังขายสุนัขในราคา 5,000 บาท อีกเหรอ" ผมกลับมาถึงบ้าน ผมรีบซื้อข้าวของเครื่องใช้สุนัข ทั้งที่นอน, กระเป๋า, แผ่นรองซับขับถ่าย, อาหารเปียก, นมทดแทนลูกสุนัขยี่ห้อที่ดีที่สุด ผมพาไปหาหมอเฉพาะทางด้านตาอีกหลายคน ที่ขึ้นชื่อว่าเก่งอันดับต้นๆ ในประเทศไทย เพื่อหาแนวทางรักษาที่ดีที่สุด หมอแต่ละคนมีแนวทางรักษาต่างกันบ้าง ผมก็จะตัดสินใจเลือกวิธีรักษาที่ดีที่สุดเพื่อสุนัขของผม ตอนนี้ผมเสียเงินไปเกือบ 2 หมื่นบาทแล้ว วันแรกที่ผมไปรับสุนัขมาเลี้ยง ผมตัดสินใจถูกที่ผมทนปวดจากการฉีดยา ไม่รอถึงวันพรุ่งนี้ เพราะสุนัขอ่อนแอมาก มีแนวโน้มใกล้ตายได้ทุกขณะ คอพับคออ่อนมาก ตาขวาก็แทบจะหลุดออกมาจากเบ้า วันที่ผมจ่ายเงินก้อนแรก สุนัขอายุ 2 สัปดาห์ น้ำหนัก 130 กรัม วันที่ผมรับมาเลี้ยง สุนัขอายุ 5 สัปดาห์ น้ำหนักแค่ 150 กรัม ตอนนี้สุนัขอยู่กับผม อายุเกือบ 8 สัปดาห์ น้ำหนัก 300 กรัม วิ่งแข็งแรงมาก ผมเลี้ยงให้สุนัขโตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว 150 กรัม ในเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ แต่สุนัขอยู่กับคนขาย 3 สัปดาห์ น้ำหนักขึ้นแค่ 20 กรัม เป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นอย่างที่สุด ก็เพราะคนขายไม่ได้เลี้ยงดูให้อาหาร ให้นมสุนัขเลย ช่างแตกต่างกับผมเลี้ยงราวฟ้ากับเหว คนขายอ้างว่าโดนแม่สุนัขข่วนตา (ความจริงอาจเป็นสุนัขตัวอื่นข่วนก็ได้ เพราะเขาเลี้ยงสุนัขหลายตัวรวมกัน ทั้งสุนัขพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และลูกสุนัขตัวอื่นๆ ในบ้านของเขา ซึ่งก็เป็นบ้านหลังเล็กๆ หรืออาจเป็นมือเขาไปโดนกระจกตาสุนัข ก็สามารถเป็นไปได้ทั้งนั้น) หมอวินิจฉัยว่า สุนัขเป็นแผลที่กระจกตาและไม่ได้รับการรักษา ปล่อยทิ้งไว้นานจนกลายเป็นต้อหิน ทำให้ตาปูดโปนทะลักออกมานอกเบ้า และหมอยืนยันว่า สุนัขป่วยเป็นสัปดาห์แล้ว ไม่ใช่เมื่อคืนอย่างที่คนขายโกหก เลือดในตาวิ่งมาหลายมิลลิเมตรแล้ว แค่เลือดวิ่งหนึ่งมิลลิเมตร ยังต้องใช้เวลานาน นี่ตั้งหลายมิลลิเมตร แปลว่าป่วยเป็นสัปดาห์แล้ว หมอบอกว่าถ้ามารักษาตั้งแต่แรกก็ทัน แต่ตอนนี้สายจนเป็นต้อหิน ตาบอดไปแล้ว และตาข้างซ้ายของสุนัขเริ่มเป็นกระจกตาอักเสบอีกข้าง แต่ตาข้างนี้ยังทัน เพราะผมรีบพามารักษา ถ้ามารักษาช้ากว่านี้ ตาก็จะบอดทั้งสองข้าง
สัปดาห์แรกที่ผมนำสุนัขมาเลี้ยง ผมและแฟนไม่ได้นอนเลย ต้องคอยหยอดตา ป้อนอาหาร ป้อนนม ป้อนน้ำ ตลอดทั้งวันทั้งคืน ทุกครั้งที่สุนัขตื่น เค้าจะพยายามเอามือเขี่ยลูกตาขวาข้างที่ปูดโปน และร้องหงิงๆ ทุกครั้งที่หยอดตา ลองคิดดูสิครับ สุนัขที่หนักเพียง 150 กรัม ต้องแบกรับความเจ็บปวดมากขนาดนั้น แฟนผมร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้มทุกครั้งที่ได้ยินเสียงสุนัขร้อง ผมต้องพาไปหาสัตวแพทย์เฉพาะทางด้านตาที่กรุงเทพฯ ทุกสัปดาห์ ขับรถไปกลับหลายร้อยกิโลเมตร "สุนัขต้องสูญเสียลูกตา สุนัขสูญเสียโอกาสในการมองเห็นตลอดชีวิต เพราะความเห็นแก่เงิน เห็นแก่ตัวของของคนขาย" สุนัขต้องทนเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส ทั้งที่สมควรจะได้ร่าเริงตามวัย ผมต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา เสียความรู้สึก คนขายไม่ต้องเสียอะไรเลย นอกจากคนขายจะไม่เสียเงิน คนขายยังได้เงินอีกต่างหาก คนขายเจตนาปิดประตูขาดทุนตั้งแต่วันแรกที่เห็นสุนัขป่วย ก็ไม่ยอมบอกผม ไม่ยอมพาไปหาหมอ ทั้งที่ตัวเองก็ได้เงิน 9,500 บาท อยู่ในมือตั้งแต่แรกแล้ว สุนัขคลอดเองที่บ้าน ถือเป็นของได้เปล่าได้ฟรีสำหรับคนขาย คนขายคิดว่าไม่มีใครอยากเลี้ยงสุนัขป่วยหรือพิการอยู่แล้ว ถ้าลูกค้ายกเลิก อย่างมากก็แค่คืนเงินหรือเปลี่ยนตัวใหม่ ไม่ต้องเสียเงินพาสุนัขไปหาหมอให้เข้าเนื้อตัวเอง คนขาย
เป็นคนเลวมาก กลัวเสียเงิน เห็นแก่ตัว ใจดำ นั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้สุนัขเป็นแผลที่กระจกตาและไม่พาไปหาหมอ ปล่อยทิ้งไว้นานจนกลายเป็นต้อหิน ทำให้ตาปูดโปนทะลักออกนอกเบ้า ตอนที่สุนัขอายุได้ 4 สัปดาห์ ผมเห็นรูปสุนัขตาเบิกกว้าง ก็โกหกว่าสุนัขไม่ได้เป็นอะไร หมอยืนยันว่าตอนนั้นสุนัขเริ่มป่วยแล้ว ถ้าไม่โกหกผมวันนั้น ผมก็พาสุนัขไปรักษาทัน ตาก็ไม่ต้องบอด เขียนมาเล่าเรื่องทั้งหมดให้เป็นอุทธาหรณ์ และ
ขอร้องทุกคนว่า อย่าซื้อสุนัขจากบ้านแบคเพิลชิวาว่า ขายสุนัขก็ราคาแพงกว่าที่อื่นๆ แต่การเลี้ยงดูแย่มาก และอย่าเอาสุนัขตัวเอง ไปผสมพันธุ์กับสุนัขตัวผู้จากบ้านแบคเพิลชิวาว่า คนขายที่ไร้จิตสำนึกขนาดนี้ สมควรต้องเปลี่ยนอาชีพไปซะ อย่าอุดหนุนคนเลวให้อยู่ในวงการคนขายสุนัข
ปล.ทุกวันนี้สุนัขของผมยังไม่หายป่วย หมอบอกว่ามีโอกาสติดเชื้อและเสียชีวิตได้ตลอดเวลา
คนใจชั่ว ไม่ควรมา เป็นคนขายหมา
Facebook : Black Pearl Chihuahua kennel By' Ja La Lent Jent ในราคา 19,000 บาท โดยตกลงจ่ายเงินก้อนแรก 9,500 บาท และก้อนที่สอง 9,500 บาท ในวันที่ผมไปรับสุนัข
ณ วันที่ผมจ่ายเงิน 9,500 บาท สุนัขอายุได้ 2 สัปดาห์ ผมไปดูตัวสุนัขและจ่ายเงินถึงที่บ้านคนขาย ไม่ใช่โอนเงินผ่านธนาคาร
สุนัขร่างกายปกติดี ร่าเริง แข็งแรงมาก เป็นสุนัขเพศเมีย ไซส์ทีคัพ น้ำหนักเพียง 130 กรัม สุนัขทีคัพเป็นสุนัขที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ไม่สามารถ Breed ได้นะครับ บางคนเข้าใจว่าบีบอาหาร แล้วจะทำให้เป็นสุนัขทีคัพ ถือเป็นความเข้าใจผิด เรียกว่าเป็นสุนัขแกร็น
ไม่ใช่สุนัขทีคัพ ในธรรมชาติมีสุนัขเกิดมาตัวเล็ก ตัวใหญ่ แต่ไม่มีสุนัขตัวไหนแกร็น การแกร็นเกิดจากการจำกัดอาหารและการเลี้ยงดูที่ไม่ถูกต้อง
ผมดูภาพผ่าน Facebook ตั้งแต่วันแรกที่สุนัขเกิด ผมก็รู้ทันทีว่าเป็นสุนัขทีคัพ เพราะเขาตัวเล็กกว่าพี่น้องในครอกเดียวกันถึงเท่าตัว
ที่บ้านผมเลี้ยงสุนัขทีคัพ 2 ตัว คือ พันธุ์ชิวาว่าและปอมเมอเรเนียน ผมมีประสบการณ์เลี้ยงสุนัขทีคัพนานหลายปีแล้ว
วันที่ผมไปจ่ายเงิน ผมให้คนขายชั่งน้ำหนักสุนัขในครอกนี้ ทั้ง 3 ตัว ตัวแรกหนัก 270 กรัม ตัวที่สองหนัก 200 กรัม และสุนัขของผมหนัก 130 กรัม (สุนัขอายุ 2 สัปดาห์) หลังจากจ่ายเงิน คนขายก็รับปากว่าจะส่งรูปถ่ายให้ดู สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง แฟนผมก็กำชับเป็นประโยคสุดท้ายก่อนกลับบ้านว่าฝากเลี้ยงสุนัขให้ดีๆ ผ่านไป 1 สัปดาห์ (สุนัขอายุ 3 สัปดาห์) แฟนผมไลน์ไปทวงรูปถ่าย คนขายก็ส่งมาทั้งรูปถ่ายหน้าตรง และรูปถ่ายด้านหลังทั้งลำตัว แล้วคนขายก็ถ่ายรูปสุนัขผมไปลงโฆษณา Facebook ของเขา ผ่านไปอีก 1 สัปดาห์ (สุนัขอายุ 4 สัปดาห์) คนขายรีบส่งรูปถ่ายมาให้ดู โดยที่ไม่ต้องทวง แต่รูปถ่ายที่ส่งมาเป็นรูปสุนัขนั่งก้มหน้า คอตกทุกรูป แฟนผมรู้สึกผิดปกติ จึงสั่งให้คนขายส่งรูปถ่ายหน้าตรงและรูปด้านหลังทั้งลำตัว เพราะปกติแล้ว คนขายคนนี้ชอบจับคอสุนัข โชว์รูปถ่ายหน้าตรง พอผมดูรูปถ่าย ผมก็สังเกตเห็นตาข้างขวาของเขาเบิกกว้างขึ้น ไม่เท่ากับตาข้างซ้าย และลำตัวของเขาก็เล็กลงกว่าสัปดาห์ที่แล้วผมจึงถามว่า ตาสุนัขเป็นอะไรหรือเปล่า คนขายบอกว่า ปกติ ไม่เป็นอะไร เป็นเพราะมุมกล้องทำให้เห็นตาสุนัขไม่ชัด
ผ่านไปอีก 1 สัปดาห์ (สุนัขอายุ 5 สัปดาห์) คนขายไลน์บอกตั้งแต่เช้าว่า สุนัขไม่สบาย อาการหนักมาก ตาขวาปูดโปนทะลุออกจากเบ้า ผมก็โทรศัพท์ไปถามทันทีว่า พาสุนัขไปหาหมอหรือยัง คนขายบอกว่า ยังไม่ได้ไปหาหมอ กำลังจะพาไป จะโทรมาบอกอาการตอนเย็น ความจริงถ้าจะพาไปหาหมอตอนเช้า ไม่เกินเที่ยงก็ต้องโทรมาแจ้งอาการผมได้แล้ว ไม่ต้องให้ผมรอจนถึงตอนเย็นหรอก แฟนผมโทรไปตอนใกล้เที่ยง คนขายไม่ยอมรับสาย แฟนผมโทรไปอีกที คนขายก็บอกว่าสุนัขอาการหนักมาก แฟนผมดูรูปถ่ายจากไลน์ ก็รู้ทันทีว่าสุนัขป่วยนานหลายวันแล้ว จึงโทรศัพท์ถามคนขายว่า สุนัขป่วยมานานหรือยัง คนขายโกหกว่าเพิ่งเป็นเมื่อคืน คลินิกปิดก็เลยไม่พาไปหาหมอ ผมและแฟนโกรธสุดๆ ที่คนขายหน้าด้าน ไม่ยอมรับความจริง ผมและแฟนบอกว่าจะเอาสุนัขมารักษาเอง ไปหาสัตวแพทย์เฉพาะทางด้านตาในกรุงเทพฯ ที่เก่งเป็นอันดับต้นๆ ในประเทศไทย คนขายไม่ยอมให้สุนัขไปหาหมอ โกหกว่า กลัวผมจะเปลืองเงินค่ารักษา ผมก็บอกว่าถ้าอย่างนั้น ผมเอาใบเสร็จค่ารักษามาเบิกคนขายก็ได้ คนขายก็ยังไม่ยอมให้พาไปหาหมอ ผมเห็นความผิดปกติอย่างมาก คนขายกลัวเรื่องพาสุนัขไปหาหมอที่สุด คนขายพูดย้ำๆ อยู่ได้ว่า เขาจะรักษาในวิธีของเขา ผมก็ด่าว่า ปล่อยให้หมาเป็นหนักจนตาบอด นี่เรียกว่า ไม่ได้รักษาอะไรเลย นั่งนิ่งดูดาย ผมยืนกรานว่าต้องพาไปหาสัตวแพทย์เฉพาะทางด้านตา คนขายก็ดื้อด้านไม่ยอม จนกระทั่งคนขายบอกผมว่า จะเอาเงินคืนก็ได้ หรือไม่ก็ให้ผมเปลี่ยนเป็นสุนัขตัวอื่น ผมและแฟนโกรธมาก สุนัขเป็นสิ่งมีชีวิต แต่คนขายทำเหมือนราวกับว่า กำลังซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งไม่มีชีวิต สุนัขทุกตัวก็รักชีวิตของตัวทั้งนั้น ไม่มีสุนัขตัวไหนอยากตาย หรืออยากเจ็บป่วย ผมจึงต้องข่มขู่ ต้องบีบบังคับคนขาย นานหลายชั่วโมง จนกว่าจะยอมพาไปหาสัตวแพทย์เฉพาะทางด้านตา ผมบอกคนขายว่า หลังจากหาหมอเสร็จ ให้โทรแจ้งอาการให้ผมฟังทันที คนขายรับปากหลายครั้ง ว่าจะโทรแจ้งผมทันที ผมรอจนถึง 4 ทุ่มกว่า คนขายก็ยังไม่โทรมา ผมก็โทรไปหา คนขายก็บอกว่าให้ผมรอก่อน เขากำลังใกล้จะถึงบ้านที่บางแสนแล้ว ผมและแฟนโกรธมาก คนขายปล่อยให้ผมรอหลายชั่วโมง แฟนผมก็ร้องไห้เป็นห่วงสุนัขหลายรอบแล้ว เขาไม่ยอมสละเวลา แค่ไม่ถึงหนึ่งนาที เพื่อโทรแจ้งอาการสุนัข ทั้งที่รู้ว่าผมและแฟนรออยู่ด้วยความเป็นห่วง สุดท้ายคนขายก็บอกว่า สุนัขตาบอดแล้ว เป็นต้อหิน ผมถามว่า ต้องไปหาหมอที่กรุงเทพฯ ครั้งหน้าวันที่เท่าไร (เพราะปกติ ต้องไปหาหมอเฉพาะทางทุกสัปดาห์เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด) คนขายบอกว่า ไม่ต้องไปหมอเฉพาะทางที่กรุงเทพฯ ให้หมอเขียนใบส่งตัวมารักษาต่อที่บางแสน ผมฟังแล้วก็เป็นไปตามความคาดหมาย คนขายไม่อยากพาสุนัขไปให้หมอรักษา ที่จำเป็นต้องไปครั้งนี้ ก็เพราะถูกผมบังคับขู่เข็ญ
ผมและแฟนตื่นขึ้นมาตอนเช้า ก็ตัดสินใจว่าจะรับสุนัขมาเลี้ยงเอง และพาไปหาสัตวแพทย์เฉพาะทางด้านตาที่กรุงเทพฯ ทุกสัปดาห์ ทั้งที่บ้านผมอยู่ต่างจังหวัด ไกลกว่าบ้านคนขายที่อยู่บางแสน ผมโทรไปบอกคนขายว่า ผมจะรับสุนัขมาเลี้ยงเอง คนขายรีบทวงเงินค่ารักษาที่ไปหาหมอที่กรุงเทพฯ เมื่อวาน จำนวน 2,400 บาท เป็นประโยคแรกทันที (ทั้งๆ ที่เมื่อวานเพิ่งโกหกผม อย่างหน้าด้านๆ ว่า กลัวผมเปลือง ไม่อยากให้ผมจ่ายค่ารักษา) ผมถามคนขายเรื่องขอเงินคืน เพราะผมบอกว่าต้องรักษาอีกหลายหมื่นบาท (ความจริงอาจเป็นหลักแสน เพราะต้องรอให้สุนัขโตเต็มที่ จึงจะรู้ผลแน่ชัดว่า ต้องผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งหรือเปล่า และอาจต้องใส่ลูกตาเทียม) คนขายบอกว่าไม่ยอมเด็ดขาด "ถ้าจะเอาเงินคืน ก็ไม่ต้องเอาสุนัขไป" ทั้งที่ทุกๆ ฟาร์ม เค้าก็คืนเงินเต็มจำนวน และรับประกันสุขภาพให้สุนัขอย่างน้อย 7 วัน คนขายคนนี้ ก็เขียนโฆษณาตัวเองในอินเทอร์เน็ตว่า จะคืนเงินเต็มจำนวน แต่ความจริงกลับไม่ยอมคืนเงินลูกค้า ทั้งที่ลูกค้าเสียสละ ยอมแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อขึ้น ซึ่งความจริงคนขายต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่ารักษาทั้งหมด คนขายรู้ว่า ผมและแฟน อยากพาสุนัขไปให้หมอรักษา จึงบีบบังคับ จนผมไม่มีทางเลือก คนขายยืนยันไม่ยอมคืนเงิน ผมก็ต้องยอม ผมตกลงขับรถไปรับสุนัขมาเลี้ยง วันที่ผมไปรับสุนัข ผมถูกสุนัขข้างถนนตัวใหญ่กัด ผมต้องรีบไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดยากันพิษสุนัขบ้าและบาดทะยัก ผมโดนฉีดยาทั้งหมด 7 เข็ม ผมปวดมาก แต่ผมก็ยังต้องขับรถทางไกลหลายชั่วโมงเพื่อไปรับสุนัขในวันเดียวกันนั้น ผมตระหนักว่า รอช้า ผัดผ่อนเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้ไม่ได้ เพราะสุนัขอยู่ในมือคนขายใจดำ ต้องได้รับบาดเจ็บหนักมากกว่าเดิม พอแฟนผมเห็นลูกตาสุนัข ก็พูดกับคนขายเป็นประโยคแรกว่า ป่วยมาหลายวันแล้วแน่นอน ไม่ใช่เพิ่งเป็นเมื่อคืน ถ้าพาไปหาหมอตั้งแต่ตอนแรก ก็ไม่ต้องตาบอดจนเป็นต้อหิน คนขายก็ยังไม่ยอมรับความจริงยังคงโกหกหน้าด้านว่า สุนัขเพิ่งป่วยเมื่อคืน คนขายดื้อดึงให้เงินผมคืน แค่ 4,500 บาท สรุปว่า คนขายคิดราคา สุนัขอายุ 5 สัปดาห์ ที่ป่วยเป็นโรคต้อหินอ่อนแอใกล้ตาย ในราคา 5,000 บาท สุนัขอ่อนแอมาก แต่คนขายโกหกว่าแข็งแรง สุนัขอ่อนแอดูเหมือนจะไม่รอดชีวิต ผมพากลับเข้ากรุงเทพฯไปหาหมอเฉพาะทางทันที หมอก็ตำหนิคนขายให้ผมฟังว่า "คนขายยังขายสุนัขในราคา 5,000 บาท อีกเหรอ" ผมกลับมาถึงบ้าน ผมรีบซื้อข้าวของเครื่องใช้สุนัข ทั้งที่นอน, กระเป๋า, แผ่นรองซับขับถ่าย, อาหารเปียก, นมทดแทนลูกสุนัขยี่ห้อที่ดีที่สุด ผมพาไปหาหมอเฉพาะทางด้านตาอีกหลายคน ที่ขึ้นชื่อว่าเก่งอันดับต้นๆ ในประเทศไทย เพื่อหาแนวทางรักษาที่ดีที่สุด หมอแต่ละคนมีแนวทางรักษาต่างกันบ้าง ผมก็จะตัดสินใจเลือกวิธีรักษาที่ดีที่สุดเพื่อสุนัขของผม ตอนนี้ผมเสียเงินไปเกือบ 2 หมื่นบาทแล้ว วันแรกที่ผมไปรับสุนัขมาเลี้ยง ผมตัดสินใจถูกที่ผมทนปวดจากการฉีดยา ไม่รอถึงวันพรุ่งนี้ เพราะสุนัขอ่อนแอมาก มีแนวโน้มใกล้ตายได้ทุกขณะ คอพับคออ่อนมาก ตาขวาก็แทบจะหลุดออกมาจากเบ้า วันที่ผมจ่ายเงินก้อนแรก สุนัขอายุ 2 สัปดาห์ น้ำหนัก 130 กรัม วันที่ผมรับมาเลี้ยง สุนัขอายุ 5 สัปดาห์ น้ำหนักแค่ 150 กรัม ตอนนี้สุนัขอยู่กับผม อายุเกือบ 8 สัปดาห์ น้ำหนัก 300 กรัม วิ่งแข็งแรงมาก ผมเลี้ยงให้สุนัขโตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว 150 กรัม ในเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ แต่สุนัขอยู่กับคนขาย 3 สัปดาห์ น้ำหนักขึ้นแค่ 20 กรัม เป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นอย่างที่สุด ก็เพราะคนขายไม่ได้เลี้ยงดูให้อาหาร ให้นมสุนัขเลย ช่างแตกต่างกับผมเลี้ยงราวฟ้ากับเหว คนขายอ้างว่าโดนแม่สุนัขข่วนตา (ความจริงอาจเป็นสุนัขตัวอื่นข่วนก็ได้ เพราะเขาเลี้ยงสุนัขหลายตัวรวมกัน ทั้งสุนัขพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และลูกสุนัขตัวอื่นๆ ในบ้านของเขา ซึ่งก็เป็นบ้านหลังเล็กๆ หรืออาจเป็นมือเขาไปโดนกระจกตาสุนัข ก็สามารถเป็นไปได้ทั้งนั้น) หมอวินิจฉัยว่า สุนัขเป็นแผลที่กระจกตาและไม่ได้รับการรักษา ปล่อยทิ้งไว้นานจนกลายเป็นต้อหิน ทำให้ตาปูดโปนทะลักออกมานอกเบ้า และหมอยืนยันว่า สุนัขป่วยเป็นสัปดาห์แล้ว ไม่ใช่เมื่อคืนอย่างที่คนขายโกหก เลือดในตาวิ่งมาหลายมิลลิเมตรแล้ว แค่เลือดวิ่งหนึ่งมิลลิเมตร ยังต้องใช้เวลานาน นี่ตั้งหลายมิลลิเมตร แปลว่าป่วยเป็นสัปดาห์แล้ว หมอบอกว่าถ้ามารักษาตั้งแต่แรกก็ทัน แต่ตอนนี้สายจนเป็นต้อหิน ตาบอดไปแล้ว และตาข้างซ้ายของสุนัขเริ่มเป็นกระจกตาอักเสบอีกข้าง แต่ตาข้างนี้ยังทัน เพราะผมรีบพามารักษา ถ้ามารักษาช้ากว่านี้ ตาก็จะบอดทั้งสองข้าง
สัปดาห์แรกที่ผมนำสุนัขมาเลี้ยง ผมและแฟนไม่ได้นอนเลย ต้องคอยหยอดตา ป้อนอาหาร ป้อนนม ป้อนน้ำ ตลอดทั้งวันทั้งคืน ทุกครั้งที่สุนัขตื่น เค้าจะพยายามเอามือเขี่ยลูกตาขวาข้างที่ปูดโปน และร้องหงิงๆ ทุกครั้งที่หยอดตา ลองคิดดูสิครับ สุนัขที่หนักเพียง 150 กรัม ต้องแบกรับความเจ็บปวดมากขนาดนั้น แฟนผมร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้มทุกครั้งที่ได้ยินเสียงสุนัขร้อง ผมต้องพาไปหาสัตวแพทย์เฉพาะทางด้านตาที่กรุงเทพฯ ทุกสัปดาห์ ขับรถไปกลับหลายร้อยกิโลเมตร "สุนัขต้องสูญเสียลูกตา สุนัขสูญเสียโอกาสในการมองเห็นตลอดชีวิต เพราะความเห็นแก่เงิน เห็นแก่ตัวของของคนขาย" สุนัขต้องทนเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส ทั้งที่สมควรจะได้ร่าเริงตามวัย ผมต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา เสียความรู้สึก คนขายไม่ต้องเสียอะไรเลย นอกจากคนขายจะไม่เสียเงิน คนขายยังได้เงินอีกต่างหาก คนขายเจตนาปิดประตูขาดทุนตั้งแต่วันแรกที่เห็นสุนัขป่วย ก็ไม่ยอมบอกผม ไม่ยอมพาไปหาหมอ ทั้งที่ตัวเองก็ได้เงิน 9,500 บาท อยู่ในมือตั้งแต่แรกแล้ว สุนัขคลอดเองที่บ้าน ถือเป็นของได้เปล่าได้ฟรีสำหรับคนขาย คนขายคิดว่าไม่มีใครอยากเลี้ยงสุนัขป่วยหรือพิการอยู่แล้ว ถ้าลูกค้ายกเลิก อย่างมากก็แค่คืนเงินหรือเปลี่ยนตัวใหม่ ไม่ต้องเสียเงินพาสุนัขไปหาหมอให้เข้าเนื้อตัวเอง คนขาย
เป็นคนเลวมาก กลัวเสียเงิน เห็นแก่ตัว ใจดำ นั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้สุนัขเป็นแผลที่กระจกตาและไม่พาไปหาหมอ ปล่อยทิ้งไว้นานจนกลายเป็นต้อหิน ทำให้ตาปูดโปนทะลักออกนอกเบ้า ตอนที่สุนัขอายุได้ 4 สัปดาห์ ผมเห็นรูปสุนัขตาเบิกกว้าง ก็โกหกว่าสุนัขไม่ได้เป็นอะไร หมอยืนยันว่าตอนนั้นสุนัขเริ่มป่วยแล้ว ถ้าไม่โกหกผมวันนั้น ผมก็พาสุนัขไปรักษาทัน ตาก็ไม่ต้องบอด เขียนมาเล่าเรื่องทั้งหมดให้เป็นอุทธาหรณ์ และ
ขอร้องทุกคนว่า อย่าซื้อสุนัขจากบ้านแบคเพิลชิวาว่า ขายสุนัขก็ราคาแพงกว่าที่อื่นๆ แต่การเลี้ยงดูแย่มาก และอย่าเอาสุนัขตัวเอง ไปผสมพันธุ์กับสุนัขตัวผู้จากบ้านแบคเพิลชิวาว่า คนขายที่ไร้จิตสำนึกขนาดนี้ สมควรต้องเปลี่ยนอาชีพไปซะ อย่าอุดหนุนคนเลวให้อยู่ในวงการคนขายสุนัข
ปล.ทุกวันนี้สุนัขของผมยังไม่หายป่วย หมอบอกว่ามีโอกาสติดเชื้อและเสียชีวิตได้ตลอดเวลา