คอลัมน์กาแฟโบราณ โดยมนัส สัตยารักษ์ msatayarak@gmail.com มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ6-9 ก.ค.2558
ในห้องบุบเฟ่ต์ นรต.รุ่น 12 ของผม เราไม่ค่อยคุยกันเรื่องการเมือง
เพราะบางคนแค่เห็นหน้าหรือพูดด้วยแค่สอง-สามคำ ก็รู้แล้วว่าเขา
เป็น "ฝ่าย" ไหนใน 4 ฝ่าย
โอ้โห...มีถึง 4 ฝ่ายเชียวหรือ?
ครับ เดิมมีแค่ 2 ฝ่ายเท่านั้น แต่เมื่อกาลเวลาแห่งความผันผวนและแตกแยก
ทางการเมืองผ่านไปกว่า 10 ปี จึงเพิ่มขึ้นอีก 2 ฝ่าย จากฝ่ายซ้ายกับฝ่ายขวา
เป็น ฝ่ายไม่เอาทั้งซ้ายทั้งขวา กับฝ่ายที่เป็นทั้งซ้ายและเป็นทั้งขวา (ฮา)
ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรในยุคนี้ หรือกล่าวให้แคบเข้าหน่อยก็ว่าในประเทศไทยเรานี้
หรือให้แคบลงไปอีกให้ถึงที่สุดก็ "ตัวเรา" นี้แหละ
โลกที่มีสภาพภูมิอากาศวิปริตมากขึ้นทุกปี (มีภาพถ่ายลูกโลกสีฟ้าจากอวกาศยืนยันถึงความ
เปลี่ยนแปลงของโลกในรอบ 20 ปี) วันเดียวกันมีทั้งอากาศร้อน หนาว หรือฝนตกหนักพร้อมพายุ
เป็นเหตุให้มนุษย์ สัตว์และพืชล้มตายเป็นเบือ
ในประเทศไทยของเราสภาวการณ์พิสดารจนปรับตัวตามไม่ทัน เกิดภาวะน้ำท่วมและแล้งน้ำ
พร้อมกัน น้ำทำท่าจะล้นเขื่อนอยู่หยกๆ กลับมีประกาศห้ามทำนาเพราะฝนไม่ตก น้ำในเขื่อนเหลือ
ไม่พอสำหรับทำเกษตรกรรม
ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนรูปแบบการปกครองและผู้ปกครอง พร้อมเปลี่ยนนโยบายจนปรับตัวไม่ทันเช่นกัน
ไม่ต้องดูอื่นไกล ตัวเราเองนี่แหละ บางวันก็รู้สึกเหมือนท้องผูกกับท้องเดินพร้อมกัน ออกจากบ้าน
ต้องพกยาไป 2 ขนานพร้อมเครื่องแต่งกายหลายชุดเพื่อความไม่ประมาท (ฮา)
รุ่นผมอยู่ในวัย 80 กันแล้ว ยังมีชีวิตอยู่ราวครึ่งรุ่น เราสังสรรค์กันบ่อยเพราะตระหนักดีว่าเหลือเวลาที่
จะพบกันได้ไม่มากแล้ว
เราอยู่ในสังคมโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ใช้LINEและ Facebook ตั้งแต่ลืมตาตื่น ทักทาย อวยพร แชร์บทความ
สุขภาพ กระจายข่าวทั่วไปรวมทั้งข่าวการเมืองด้วย
แน่นอนครับว่ามีบางเพื่อนถอนตัวออกจาก groups เพราะความเห็นต่างในทางการเมืองนี่แหละ ไม่มีใคร
มาคีย์แสดงความคิดเห็นอะไรหรอก ก็ได้แต่อาศัยว่าเห็นด้วยกับใครก็จะแชร์ต่อราวกับเป็นสาวกของเขา
ส่วนมากของถ้อยคำในหน้าเพจมักจะรุนแรงก้าวร้าวและหยาบคายจนถึงหยาบช้าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยทำใจไม่ได้
หรือไม่อยากอ่าน ก็จะถอนตัวออกไปในลักษณะ "ปล่อยวาง" ไม่โต้เถียง เพราะตระหนักดีว่าไม่มีประโยชน์อะไร
"ทะเลาะกับเพื่อน ต่อให้ชนะ มิตรภาพก็สูญหายไป"
ข้อความในอัญประกาศข้างต้นผมก็หยิบมาจากไลน์ของใครคนหนึ่ง
แต่แล้วที่โต๊ะบุฟเฟ่ต์ในวันเวลาที่เรื่อง"ถอดยศทักษิณ"ยังอุ่นอยู่ เพื่อนนักวิเคราะห์ข่าวพรั่งพรูทะลักถ้อยคำ
เกี่ยวกับ "ทักษิณ" ออกมาอย่างต่อเนื่อง มีทั้งยกย่องและประณาม
ประโยคแรกๆ ที่ทำให้เพื่อนทุกคนหยุดคุยเรื่องอื่นและสนใจฟังก็คือ
"คนเกลียดตำรวจมีมากขึ้นและองศาความเกลียดก็สูงขึ้นเพราะยศพ.ต.ท. ของทักษิณนี่แหละว่ะ ทักษิณควร
ออกจากยศแล้วใช้ ด๊อกเตอร์ เป็นไตเติลแทนคำว่า พ.ต.ท."
"ไม่ต้องรอให้เขาถอด ให้คนเขาเรียกด๊อกเตอร์ทักษิณ เหมือนที่ทั่วโลกเขาเรียกอดีตนายกฯ มาเลเซียว่า
ด๊อกเตอร์มหาธีร์ไง"
"ตอนเป็นนายกฯ เขาทำอะไรดีๆ ให้แก่ประเทศมากกว่านายกฯ คนอื่นๆ ทุกคนนะ"
"ใช้คนผิดหลายคน คนไม่ดีก็หลายคน คนรอบตัวทำ

ก็เฉย ก็เท่ากับเห็นด้วย เท่ากับให้ท้าย หลายเรื่อง
ที่พูดผิดจนเสียหายก็เหมือนอยู่ดีๆ หาเรื่องวิ่งไปชนตอ"
"ร่ำรวยมหาศาลขนาดนี้ถ้าทำอะไรให้แก่สังคม อย่าง บิล เกตส์ หรือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ป่านนี้เป็นรัฐบุรุษไปแล้ว"
ทักษิณตั้งพรรคการเมืองแล้วได้เป็นนายกรัฐมตรีทันทีรวมสองสมัย6ปี ทำให้ที่พรรคอายุกว่า 60 ปีเจ็บปวดและดิ้นรน
อย่างทรมาน ต้องต่อต้านหรือต่อสู้ทุกกระบวนยุทธ์
ลองย้อนนึกถึงบางผลงานเฉพาะส่วนที่เป็น "บวก" ของทักษิณดู น่าสนใจตรงที่เขาทำอะไรดีๆ ไว้มากกว่าทุก
นายกรัฐมนตรีรวมกันเลยทีเดียว
เขาเป็นคนเริ่ม "เอเชีย บอนด์" (Asia Bond) หรือกองทุนพันธบัตรเอเชีย สโลแกน "เงินออมของคนเอเชีย โดยคนเอเชีย"
ในวันที่เราเผชิญกับหายนภัยสึนามิ ทักษิณประกาศต่อโลกว่าไม่ต้องการเงินบริจาค ไทยดูแลตัวเองได้ ขอรับแต่เวชภัณฑ์ ความรู้และผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ในขณะที่แกนนำพรรคฝ่ายตรงข้ามเอาแต่พูดโจมตีว่า "ค่าโทรศัพท์แพง"
(ในช่วงเวลานั้นทักษิณเป็นเจ้าของกิจการโทรศัพท์มือถือแบบผูกขาด)
ทักษิณเป็นวีรบุรุษเมื่อครั้งจลาจลในกรุงพนมเปญของกัมพูชาคนกัมพูชาเผาสถานทูตไทยและอาคารพาณิชย์ที่คนไทยเป็น
เจ้าของในฐานะนายกรัฐมนตรี เขาต่อสายถึงผู้นำกัมพูชา ห้ามทำร้ายคนไทยแม้แต่คนเดียว แล้วส่งเครื่องบิน ซี 130 พร้อมกำลังคอมมานโดเข้าไปรับคนไทยถึงใจกลางประเทศกัมพูชา แล้วให้กัมพูชารับผิดชอบค่าเสียหายของคนไทยทั้งหมด
เขาเริ่มหลักประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค ได้รับคำประกาศยกย่องจาก UN
แก้ปัญหาหวัดนกโรคระบาดรุนแรงได้อย่างเฉียบขาดก่อนประเทศอื่นๆ กล้าโชว์กินไก่ออกสื่อที่ท้องสนามหลวง พร้อมประกาศว่าถ้าใครกินไก่แล้วตายจะให้เงินชดเชย 1 ล้านบาท
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
ส่วนเรื่องที่เป็น "ลบ" ของทักษิณ ผมขอไม่เขียนตรงนี้ เพราะมีมากและหาอ่านได้ทั่วไปในสื่อทุกประเภท
เป็นเวลายาวนานมากว่า 10 ปีแล้ว
ทีนี้ ก็มาถึงเรื่องถอดยศ ซึ่งเพื่อนนักวิเคราะห์จุดประเด็นขึ้นมา
"ขอออกจากยศก็อาจจะผิดอีกแหละ" ผมท้วง เพราะเมื่อปีที่แล้ว ผมเขียนเรื่องเกี่ยวกับยศของผม มีผู้หวังดีเตือนว่า
"ระวังนะ นายกำลังจะทำผิด!"
"ก็นี่แหละที่ ผบ.ตร. ไม่เหยียบคันเร่งเรื่องนี้ เขาเป็นมวยว่ะ ถ้ามันเป็นเรื่องหมูๆ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีเวลา
ถึง 2 ปีที่เป็นนายกฯ คงถอดเสร็จเรียบร้อยไปแล้วล่ะ"
ผบ.ตร. กล่าวขอบคุณ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เขียนให้ความรู้เกี่ยวกับการถอดยศ
ในเฟซบุ๊ก และขอบคุณ พล.ต.อ.วิรุฬ พื้นแสน อดีต ผช.อ.ตร. (นรต.12) ที่ทำบันทึกเปิดผนึกแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกับข้อกฎหมายต่างๆ
เพื่อนคนที่นั่งใกล้ผมเตือนว่า "ถ้านายจะเขียนเรื่องลาออกจากยศต้องเขียนอย่างระวังนะ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน"
ผมพยักหน้ารับคำเตือน ผมระมัดระวังไม่ให้ผิดกฎหมายอยู่แล้ว แต่เรื่องที่จะไม่ให้โดน "อัด" ด้วยความไม่พอใจนั้น
คงไม่สามารถป้องกันได้
จะให้ถูกใจทุกฝ่ายได้ยังไง ในเมื่อมีกันถึง 4 ฝ่าย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1436524792
ถอดยศทักษิณหรือให้ทักษิณคืนยศ โดย มนัส สัตยารักษ์ ... มติชนออนไลน์ ../sao..เหลือ..noi
ในห้องบุบเฟ่ต์ นรต.รุ่น 12 ของผม เราไม่ค่อยคุยกันเรื่องการเมือง
เพราะบางคนแค่เห็นหน้าหรือพูดด้วยแค่สอง-สามคำ ก็รู้แล้วว่าเขา
เป็น "ฝ่าย" ไหนใน 4 ฝ่าย
โอ้โห...มีถึง 4 ฝ่ายเชียวหรือ?
ครับ เดิมมีแค่ 2 ฝ่ายเท่านั้น แต่เมื่อกาลเวลาแห่งความผันผวนและแตกแยก
ทางการเมืองผ่านไปกว่า 10 ปี จึงเพิ่มขึ้นอีก 2 ฝ่าย จากฝ่ายซ้ายกับฝ่ายขวา
เป็น ฝ่ายไม่เอาทั้งซ้ายทั้งขวา กับฝ่ายที่เป็นทั้งซ้ายและเป็นทั้งขวา (ฮา)
ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรในยุคนี้ หรือกล่าวให้แคบเข้าหน่อยก็ว่าในประเทศไทยเรานี้
หรือให้แคบลงไปอีกให้ถึงที่สุดก็ "ตัวเรา" นี้แหละ
โลกที่มีสภาพภูมิอากาศวิปริตมากขึ้นทุกปี (มีภาพถ่ายลูกโลกสีฟ้าจากอวกาศยืนยันถึงความ
เปลี่ยนแปลงของโลกในรอบ 20 ปี) วันเดียวกันมีทั้งอากาศร้อน หนาว หรือฝนตกหนักพร้อมพายุ
เป็นเหตุให้มนุษย์ สัตว์และพืชล้มตายเป็นเบือ
ในประเทศไทยของเราสภาวการณ์พิสดารจนปรับตัวตามไม่ทัน เกิดภาวะน้ำท่วมและแล้งน้ำ
พร้อมกัน น้ำทำท่าจะล้นเขื่อนอยู่หยกๆ กลับมีประกาศห้ามทำนาเพราะฝนไม่ตก น้ำในเขื่อนเหลือ
ไม่พอสำหรับทำเกษตรกรรม
ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนรูปแบบการปกครองและผู้ปกครอง พร้อมเปลี่ยนนโยบายจนปรับตัวไม่ทันเช่นกัน
ไม่ต้องดูอื่นไกล ตัวเราเองนี่แหละ บางวันก็รู้สึกเหมือนท้องผูกกับท้องเดินพร้อมกัน ออกจากบ้าน
ต้องพกยาไป 2 ขนานพร้อมเครื่องแต่งกายหลายชุดเพื่อความไม่ประมาท (ฮา)
รุ่นผมอยู่ในวัย 80 กันแล้ว ยังมีชีวิตอยู่ราวครึ่งรุ่น เราสังสรรค์กันบ่อยเพราะตระหนักดีว่าเหลือเวลาที่
จะพบกันได้ไม่มากแล้ว
เราอยู่ในสังคมโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ใช้LINEและ Facebook ตั้งแต่ลืมตาตื่น ทักทาย อวยพร แชร์บทความ
สุขภาพ กระจายข่าวทั่วไปรวมทั้งข่าวการเมืองด้วย
แน่นอนครับว่ามีบางเพื่อนถอนตัวออกจาก groups เพราะความเห็นต่างในทางการเมืองนี่แหละ ไม่มีใคร
มาคีย์แสดงความคิดเห็นอะไรหรอก ก็ได้แต่อาศัยว่าเห็นด้วยกับใครก็จะแชร์ต่อราวกับเป็นสาวกของเขา
ส่วนมากของถ้อยคำในหน้าเพจมักจะรุนแรงก้าวร้าวและหยาบคายจนถึงหยาบช้าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยทำใจไม่ได้
หรือไม่อยากอ่าน ก็จะถอนตัวออกไปในลักษณะ "ปล่อยวาง" ไม่โต้เถียง เพราะตระหนักดีว่าไม่มีประโยชน์อะไร
"ทะเลาะกับเพื่อน ต่อให้ชนะ มิตรภาพก็สูญหายไป"
ข้อความในอัญประกาศข้างต้นผมก็หยิบมาจากไลน์ของใครคนหนึ่ง
แต่แล้วที่โต๊ะบุฟเฟ่ต์ในวันเวลาที่เรื่อง"ถอดยศทักษิณ"ยังอุ่นอยู่ เพื่อนนักวิเคราะห์ข่าวพรั่งพรูทะลักถ้อยคำ
เกี่ยวกับ "ทักษิณ" ออกมาอย่างต่อเนื่อง มีทั้งยกย่องและประณาม
ประโยคแรกๆ ที่ทำให้เพื่อนทุกคนหยุดคุยเรื่องอื่นและสนใจฟังก็คือ
"คนเกลียดตำรวจมีมากขึ้นและองศาความเกลียดก็สูงขึ้นเพราะยศพ.ต.ท. ของทักษิณนี่แหละว่ะ ทักษิณควร
ออกจากยศแล้วใช้ ด๊อกเตอร์ เป็นไตเติลแทนคำว่า พ.ต.ท."
"ไม่ต้องรอให้เขาถอด ให้คนเขาเรียกด๊อกเตอร์ทักษิณ เหมือนที่ทั่วโลกเขาเรียกอดีตนายกฯ มาเลเซียว่า
ด๊อกเตอร์มหาธีร์ไง"
"ตอนเป็นนายกฯ เขาทำอะไรดีๆ ให้แก่ประเทศมากกว่านายกฯ คนอื่นๆ ทุกคนนะ"
"ใช้คนผิดหลายคน คนไม่ดีก็หลายคน คนรอบตัวทำ
ที่พูดผิดจนเสียหายก็เหมือนอยู่ดีๆ หาเรื่องวิ่งไปชนตอ"
"ร่ำรวยมหาศาลขนาดนี้ถ้าทำอะไรให้แก่สังคม อย่าง บิล เกตส์ หรือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ป่านนี้เป็นรัฐบุรุษไปแล้ว"
ทักษิณตั้งพรรคการเมืองแล้วได้เป็นนายกรัฐมตรีทันทีรวมสองสมัย6ปี ทำให้ที่พรรคอายุกว่า 60 ปีเจ็บปวดและดิ้นรน
อย่างทรมาน ต้องต่อต้านหรือต่อสู้ทุกกระบวนยุทธ์
ลองย้อนนึกถึงบางผลงานเฉพาะส่วนที่เป็น "บวก" ของทักษิณดู น่าสนใจตรงที่เขาทำอะไรดีๆ ไว้มากกว่าทุก
นายกรัฐมนตรีรวมกันเลยทีเดียว
เขาเป็นคนเริ่ม "เอเชีย บอนด์" (Asia Bond) หรือกองทุนพันธบัตรเอเชีย สโลแกน "เงินออมของคนเอเชีย โดยคนเอเชีย"
ในวันที่เราเผชิญกับหายนภัยสึนามิ ทักษิณประกาศต่อโลกว่าไม่ต้องการเงินบริจาค ไทยดูแลตัวเองได้ ขอรับแต่เวชภัณฑ์ ความรู้และผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ในขณะที่แกนนำพรรคฝ่ายตรงข้ามเอาแต่พูดโจมตีว่า "ค่าโทรศัพท์แพง"
(ในช่วงเวลานั้นทักษิณเป็นเจ้าของกิจการโทรศัพท์มือถือแบบผูกขาด)
ทักษิณเป็นวีรบุรุษเมื่อครั้งจลาจลในกรุงพนมเปญของกัมพูชาคนกัมพูชาเผาสถานทูตไทยและอาคารพาณิชย์ที่คนไทยเป็น
เจ้าของในฐานะนายกรัฐมนตรี เขาต่อสายถึงผู้นำกัมพูชา ห้ามทำร้ายคนไทยแม้แต่คนเดียว แล้วส่งเครื่องบิน ซี 130 พร้อมกำลังคอมมานโดเข้าไปรับคนไทยถึงใจกลางประเทศกัมพูชา แล้วให้กัมพูชารับผิดชอบค่าเสียหายของคนไทยทั้งหมด
เขาเริ่มหลักประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค ได้รับคำประกาศยกย่องจาก UN
แก้ปัญหาหวัดนกโรคระบาดรุนแรงได้อย่างเฉียบขาดก่อนประเทศอื่นๆ กล้าโชว์กินไก่ออกสื่อที่ท้องสนามหลวง พร้อมประกาศว่าถ้าใครกินไก่แล้วตายจะให้เงินชดเชย 1 ล้านบาท
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
ส่วนเรื่องที่เป็น "ลบ" ของทักษิณ ผมขอไม่เขียนตรงนี้ เพราะมีมากและหาอ่านได้ทั่วไปในสื่อทุกประเภท
เป็นเวลายาวนานมากว่า 10 ปีแล้ว
ทีนี้ ก็มาถึงเรื่องถอดยศ ซึ่งเพื่อนนักวิเคราะห์จุดประเด็นขึ้นมา
"ขอออกจากยศก็อาจจะผิดอีกแหละ" ผมท้วง เพราะเมื่อปีที่แล้ว ผมเขียนเรื่องเกี่ยวกับยศของผม มีผู้หวังดีเตือนว่า
"ระวังนะ นายกำลังจะทำผิด!"
"ก็นี่แหละที่ ผบ.ตร. ไม่เหยียบคันเร่งเรื่องนี้ เขาเป็นมวยว่ะ ถ้ามันเป็นเรื่องหมูๆ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีเวลา
ถึง 2 ปีที่เป็นนายกฯ คงถอดเสร็จเรียบร้อยไปแล้วล่ะ"
ผบ.ตร. กล่าวขอบคุณ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เขียนให้ความรู้เกี่ยวกับการถอดยศ
ในเฟซบุ๊ก และขอบคุณ พล.ต.อ.วิรุฬ พื้นแสน อดีต ผช.อ.ตร. (นรต.12) ที่ทำบันทึกเปิดผนึกแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกับข้อกฎหมายต่างๆ
เพื่อนคนที่นั่งใกล้ผมเตือนว่า "ถ้านายจะเขียนเรื่องลาออกจากยศต้องเขียนอย่างระวังนะ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน"
ผมพยักหน้ารับคำเตือน ผมระมัดระวังไม่ให้ผิดกฎหมายอยู่แล้ว แต่เรื่องที่จะไม่ให้โดน "อัด" ด้วยความไม่พอใจนั้น
คงไม่สามารถป้องกันได้
จะให้ถูกใจทุกฝ่ายได้ยังไง ในเมื่อมีกันถึง 4 ฝ่าย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1436524792