ป.ล. อยากแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนนะคะ แต่ยังไม่ได้ยืนยันตัวตนใน pantip จึงตั้งกระทู้ได้เฉพาะกระทู้คำถามเท่านั้นค่ะ
ช่วงนี้เปิดไปช่องไหนก็เจอแต่ข่าวคุณแตงโม คุณโตโน่ และมีโอกาสได้อ่านความคิดเห็น คำวิจารณ์ของสังคมไปต่างๆนาๆ
ในช่วงแรกที่มีข่าวออกมาว่าคุณแตงโมทานยานอนหลับเกินขนาดเพื่อพยายามฆ่าตัวตาย สาเหตุเพราะคุณโตโน่ประกาศกลางเวทีคอนเสิร์ตว่า "โสด" กระแสสังคมก็เทคะแนนความสงสารให้คุณแตงโม (ซึ่งเราเองก็เห็นใจเมื่อดูจากภาพข่าว) โดยแสดงออกผ่านการวิพากษ์วิจารณ์คุณโตโน่แบบเสียๆหายๆ ใช้คำหยาบคายก็มีเยอะ ทั้งที่สังคมเองก็ไม่ได้รับรู้เรื่องราว หรือ รายละเอียดในชีวิตของเค้าสองคน
ส่วนกลุ่มคนที่ไม่ชอบคุณแตงโมก็พากันสะใจ ซ้ำเติม เหยียบย่ำ บางความเห็นที่เราอ่านเจอคือไม่อยากให้เค้ารอดชีวิตได้เลยก็มี ...
ในกรณีนี้เราเห็นใจทั้งคู่นะคะ แต่รู้สึกเห็นใจคุณแตงโมมาก ไม่ใช่เพราะเลิกรากับคุณโตโน่ เพราะเรามองว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปรกติ บนโลกใบนี้มีการหย่าร้าง การเลิกราเกิดขึ้นทุกวัน เพียงแต่เวลาใครที่ต้องเจอกับตัวก็คงเสียใจ เป็นธรรมดา...
แต่ที่เรารู้สึกเห็นใจคุณแตงโม ทั้งที่ก่อนหน้านี้หลายกรณีเราก็รู้สึกไม่ค่อยชอบการกระทำ ความคิด หรือคำพูดคำจาเค้าเหมือนกัน นั่นเป็นเพราะอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าของคุณแตงโม ที่ทำให้เค้าไม่สามารถหาทางออกให้กับปัญหาชีวิตได้จนเป็นที่มาของการคิดสั้นและเป็นข่าวในครั้งนี้
ส่วนคุณโตโน่ เท่าที่เราฟังการแถลงข่าวของเค้า เราว่าเค้าตอบคำถามดีนะคะ โดยเฉพาะประโยคที่เค้าบอกว่า "ตอนคบกันผมรู้ว่าก็ต้องโดนว่า ตอนเลิกก็ต้องโดนว่า แต่มันก็คือชีวิต" ซึ่งเราเห็นด้วยมากๆว่าชีวิตคนเราก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ว่าจะนักแสดง ดารา ศิลปิน คนธรรมดา ก็ต้องเจอเหตุการณ์ในชีวิตประเภทนี้เหมือนกันๆ แม้ว่าจะมีบางคนวิจารณ์ว่ามีการเตรียมตัวตอบคำถามมา ซึ่งแน่นอน สำหรับเราเราว่าเป็นเรื่องปรกติมาก เพราะสถานการณ์มีความละเอียดอ่อน จะพูด จะตอบอะไรแต่ละอย่างต้องพยายามรักษาความรู้สึกของฝ่ายหญิง และไม่ทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ยิ่งเลวร้ายลง เพราะต้องยอมรับจริงๆว่าคำพูดแต่ะคำที่ออกมา สังคมสามารถนำไปเป็นประเด็นได้หมด ไม่ว่าใครจะมองมุมไหนก็ตาม
แต่เราก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล ตอนรักกันมันก็คือรัก ความรู้สึกที่ว่าอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับคนๆนี้ตลอดไป ณ โมเมนต์ที่รักกันมากๆมันมีแบบนี้อยู่แล้ว ไม่แปลก จะสัญญาอะไรกันไว้มันก็คือความรู้สึก ณ วันนั้น โมเมนต์นั้นที่คนสองคนรักกัน แต่เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยน คามรู้สึกเปลี่ยน รู้ตัวว่าไปด้วยกันไม่ได้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร การเลิกราก็เป็นทางออก เพียงแต่ว่าแต่ละคนแต่ละฝ่าย จะจัดการกับความรู้สึกและชีวิตของตนเองหลังจากนั้นอย่างไร
คุณโตโน่เข้มแข็ง สามารถทำงาน ก้าวไปข้างหน้าของชีวิตได้
คุณแตงโม เนื่องด้วยสภาพจิตใต อาการป่วยจากภาวะซึมเศร้า ทำให้ไม่สามารถหาทางออกได้
สุดท้าย...สิ่งที่เราได้จากการรับรู้ข่าวนี้คือเราคิดว่าโรคซึมเศร้าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สังคมควรหันมาใส่ใจ ศึกษารายละเอียดของโรคนี้อย่างจริงจัง เพราะเราจะไม่มีทางรู้เลยว่าคนรอบตัวเราป่วยเป็นโรคนี้หรือไม่ เราอาจจะคิดไปเองว่าเค้าคงเครียด เสียใจ โดยเป็นเพียงความรู้สึกชั่วคราว ไม่ใช่เป็นโรคที่ต้องได้รับการรักษาและการดูแลที่ถูกต้อง เพราะถ้าสายเกินไปคนคนนั้นอาจจะหาทางออกในชีวิตเค้าด้วยการคิดสั้นฆ่าตัวตาย อย่างที่เกิดขึ้นมาแล้วมากมาย จนนำมาซึ่งความสูญเสียของครอบครัวและคนที่รักเค้า
จบ. (บ่นอะไรไม่รู้ตัวเลย รู้ตัวอีกทีพิมพ์ซะยาวเหยียด)
+++ เห็นใจคุณแตงโม ไม่ใช่เพราะเลิกกับคุณโต่โน่ แต่เพราะเค้าไม่สามารถหาทางออกให้กับปัญหาในชีวิตได้ +++
ช่วงนี้เปิดไปช่องไหนก็เจอแต่ข่าวคุณแตงโม คุณโตโน่ และมีโอกาสได้อ่านความคิดเห็น คำวิจารณ์ของสังคมไปต่างๆนาๆ
ในช่วงแรกที่มีข่าวออกมาว่าคุณแตงโมทานยานอนหลับเกินขนาดเพื่อพยายามฆ่าตัวตาย สาเหตุเพราะคุณโตโน่ประกาศกลางเวทีคอนเสิร์ตว่า "โสด" กระแสสังคมก็เทคะแนนความสงสารให้คุณแตงโม (ซึ่งเราเองก็เห็นใจเมื่อดูจากภาพข่าว) โดยแสดงออกผ่านการวิพากษ์วิจารณ์คุณโตโน่แบบเสียๆหายๆ ใช้คำหยาบคายก็มีเยอะ ทั้งที่สังคมเองก็ไม่ได้รับรู้เรื่องราว หรือ รายละเอียดในชีวิตของเค้าสองคน
ส่วนกลุ่มคนที่ไม่ชอบคุณแตงโมก็พากันสะใจ ซ้ำเติม เหยียบย่ำ บางความเห็นที่เราอ่านเจอคือไม่อยากให้เค้ารอดชีวิตได้เลยก็มี ...
ในกรณีนี้เราเห็นใจทั้งคู่นะคะ แต่รู้สึกเห็นใจคุณแตงโมมาก ไม่ใช่เพราะเลิกรากับคุณโตโน่ เพราะเรามองว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปรกติ บนโลกใบนี้มีการหย่าร้าง การเลิกราเกิดขึ้นทุกวัน เพียงแต่เวลาใครที่ต้องเจอกับตัวก็คงเสียใจ เป็นธรรมดา...
แต่ที่เรารู้สึกเห็นใจคุณแตงโม ทั้งที่ก่อนหน้านี้หลายกรณีเราก็รู้สึกไม่ค่อยชอบการกระทำ ความคิด หรือคำพูดคำจาเค้าเหมือนกัน นั่นเป็นเพราะอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าของคุณแตงโม ที่ทำให้เค้าไม่สามารถหาทางออกให้กับปัญหาชีวิตได้จนเป็นที่มาของการคิดสั้นและเป็นข่าวในครั้งนี้
ส่วนคุณโตโน่ เท่าที่เราฟังการแถลงข่าวของเค้า เราว่าเค้าตอบคำถามดีนะคะ โดยเฉพาะประโยคที่เค้าบอกว่า "ตอนคบกันผมรู้ว่าก็ต้องโดนว่า ตอนเลิกก็ต้องโดนว่า แต่มันก็คือชีวิต" ซึ่งเราเห็นด้วยมากๆว่าชีวิตคนเราก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ว่าจะนักแสดง ดารา ศิลปิน คนธรรมดา ก็ต้องเจอเหตุการณ์ในชีวิตประเภทนี้เหมือนกันๆ แม้ว่าจะมีบางคนวิจารณ์ว่ามีการเตรียมตัวตอบคำถามมา ซึ่งแน่นอน สำหรับเราเราว่าเป็นเรื่องปรกติมาก เพราะสถานการณ์มีความละเอียดอ่อน จะพูด จะตอบอะไรแต่ละอย่างต้องพยายามรักษาความรู้สึกของฝ่ายหญิง และไม่ทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ยิ่งเลวร้ายลง เพราะต้องยอมรับจริงๆว่าคำพูดแต่ะคำที่ออกมา สังคมสามารถนำไปเป็นประเด็นได้หมด ไม่ว่าใครจะมองมุมไหนก็ตาม
แต่เราก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล ตอนรักกันมันก็คือรัก ความรู้สึกที่ว่าอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับคนๆนี้ตลอดไป ณ โมเมนต์ที่รักกันมากๆมันมีแบบนี้อยู่แล้ว ไม่แปลก จะสัญญาอะไรกันไว้มันก็คือความรู้สึก ณ วันนั้น โมเมนต์นั้นที่คนสองคนรักกัน แต่เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยน คามรู้สึกเปลี่ยน รู้ตัวว่าไปด้วยกันไม่ได้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร การเลิกราก็เป็นทางออก เพียงแต่ว่าแต่ละคนแต่ละฝ่าย จะจัดการกับความรู้สึกและชีวิตของตนเองหลังจากนั้นอย่างไร
คุณโตโน่เข้มแข็ง สามารถทำงาน ก้าวไปข้างหน้าของชีวิตได้
คุณแตงโม เนื่องด้วยสภาพจิตใต อาการป่วยจากภาวะซึมเศร้า ทำให้ไม่สามารถหาทางออกได้
สุดท้าย...สิ่งที่เราได้จากการรับรู้ข่าวนี้คือเราคิดว่าโรคซึมเศร้าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สังคมควรหันมาใส่ใจ ศึกษารายละเอียดของโรคนี้อย่างจริงจัง เพราะเราจะไม่มีทางรู้เลยว่าคนรอบตัวเราป่วยเป็นโรคนี้หรือไม่ เราอาจจะคิดไปเองว่าเค้าคงเครียด เสียใจ โดยเป็นเพียงความรู้สึกชั่วคราว ไม่ใช่เป็นโรคที่ต้องได้รับการรักษาและการดูแลที่ถูกต้อง เพราะถ้าสายเกินไปคนคนนั้นอาจจะหาทางออกในชีวิตเค้าด้วยการคิดสั้นฆ่าตัวตาย อย่างที่เกิดขึ้นมาแล้วมากมาย จนนำมาซึ่งความสูญเสียของครอบครัวและคนที่รักเค้า
จบ. (บ่นอะไรไม่รู้ตัวเลย รู้ตัวอีกทีพิมพ์ซะยาวเหยียด)