ขาสวยทันใจกับการดูดไขมันต้นขา
สวัสดีเพื่อนชาวพันทิปอีกหนึ่งครั้งคะ
จากรีวิวครั้งที่ผ่านมามีคำถามที่เพื่อนๆชาวพันทิปตั้งข้อสงสัยมาตลอด กับรอยช้ำรอยแผลที่ต้นขา ก็คงจะพอทราบได้ว่านุ้ยเป็นคนที่ซีเรียสมากว่าตัวเองเป็นคนขาใหญ่มีปัญหาส่วนเกินที่ต้นขามากจริงๆจึงได้ไปทำอะไรมากมายเพื่อคาดหวังว่าขาจะเล็กลงเหมือนคนทั่วไป
และฝันที่เป็นจริงก็มาถึงแล้วคะ กับการดูดไขมันต้นขาที่คาดว่าจะช่วยให้ต้นขาเล็ก กระชับ ดังใจต้องการ
ดังนั้นในรีวิวนี้นุ้ยก็จะมาแชร์ประสบการณ์ดูดไขมันต้นขาพร้อมวิธีการดูแลตัวเองหลังการทำในแบบฉบับของตัวเองให้เพื่อนๆได้ชมกันคะ
เผื่อมีใครสนใจจะไว้เป็นข้อมูลก่อนการตัดสินใจก่อนจะดูดไขมันกันคะ
----- . ----- . ----- . ----- . ----- . ----- . ----- . ----- . -----. ----- . ----- . ----- . -----
ข้อมูลเบื้องต้น
โครงสร้างหุ่นลูกแพร์คือช่วงบนเล็ก ไหล่เล็ก เหมือนจะเป็นคนผอม แต่จริงๆแล้วช่วงล่างกลับตรงกันข้าม มีต้นขาที่ใหญ่เกือบเท่าสะโพกทำให้ยิ่งเห็นชัดว่าต้นขาใหญ่ทำให้ดูไม่สมส่วน และแอบมีเซลลูไลท์ด้านหลังเล็กน้อย ท้องขาห้อย แถมน่องก็ใหญ่
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้วิธีดูดไขมัน นุ้ยได้ลองทุกวิธีแล้วคะ ที่ใครบอกว่าวิธีไหนทำแล้วขาเรียว ขาเล็ก (เพื่อนๆเป็นเหมือนนุ้ยมั้ยคะ)
1. ออกกำลังกาย
ทั้งโยคะ ฟิตเนส พิลาทิต ปั่นจักรยาน แน่นอนว่าทำได้ไม่ต่อเนื่อง เพราะไม่ค่อยมีเวลา และค่าใช้จ่ายสูง +เห็นผลช้าจนท้อคะ
2. คาร์บ็อกซี่ (CARBOXY THERAPY)
เป็นการอัดก๊าซคาร์บอน-ไดออกไซด์ เข้าไปในจุดที่ต้องการเพื่อทำให้ไขมันบริเวณนั้นแตกตัว ซึ่งเจ็บมากกกกกก
(หากใครเคยทำจะทราบดี) ผลที่ได้คือเซลลูไลน์ลดลง แต่ขนาดยังไม่ต่างจากเดิมมากนัก
3. ฉีดเมโสแฟต (Mesotherapy)
เป็นอีกวิธีในการลดไขมันด้วยยากลุ่มหนึ่งผ่านเข็มฉีดยา แม้จะเจ็บตัวไม่มากนัก แต่ทิ้งรอยช้ำไว้นานหลายวันเลยทีเดียว และต้องทำหลายๆครั้งต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่เห็นผลซักทีคะ
----- . ----- . ----- . ----- . ----- . ----- . ----- . ----- . -----. ----- . ----- . ----- . -----
การหาข้อมูลและการสินใจเลือกวิธีการดูดไขมัน
นพ.วุฒิวัช อนุพรรณสว่าง (คุณหมอเต้ยสุดหล่อ แถมยังใจดีอีกคะ)
เหตุจูงใจที่ทำให้เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการดูดไขมันเพราะเพื่อนรอบๆตัวคะ ทั้งที่รีวิวทำฟรีให้บางคลินิก และเสียเงินจ่ายเอง เห็นว่ามีข้อดีข้อเสียหลายอย่าง แต่ผลที่ได้ช่างเป็นไปตามสิ่งที่ใจอยากได้นัก นุ้ยเริ่มดูรีวิวมากขึ้น หาข้อมูลมากขึ้น และมีในใจประมาณ 2-3 คลินิกที่เรารู้สึกว่าน่าสนใจ ทั้งจากคำแนะนำของเพื่อนๆ ชื่อเสียงของคุณหมอ และราคาที่เราเอื้อมถึงได้ จนสุดท้ายมีพี่ที่เรารู้จักแนะนำ Amed Clinic (ที่เราแอบเล็งไว้เหมือนกัน) ว่าตอนนี้กำลังมีเครื่อง Ultra Tite HD รุ่นใหม่ล่าสุด เจ็บตัวน้อยกว่าและไม่ต้องพักฟื้น แถมแผลยังมีขนาดเล็กมาก
(นุ้ยทำงานเป็นพริตตี้นางแบบ จำเป็นต้องใส่ชุดสั้นโชว์ขาตลอดจึงไม่อยากให้มีรอยช้ำหรือแผลเป็นที่เห็นได้ชัดเจน และมีเวลาพักฟื้นน้อยมาก)
ศูนย์ศัลยกรรมของ Amed clininc จะอยู่ที่สีลมคะ
คุณหมอแนะนำให้ตรวจร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อม ซึ่งการดูดไขมันสามารถนำไขมันส่วนเกินเคสของนุ้ยไขมันจะออกมาได้แต่ไม่เยอะแค่ข้างละ 500cc (รวมทั้ง2ข้างเป็น 1,000 cc.) เพราะเราไม่ได้อ้วน แต่ก็สามารดูดไขมันออกมาได้ และต้องบอกก่อนว่า ดูดไขมันเคสของนุ้ยไม่ได้ใช้ยาสลบคะ (แม้จะอ้อนวอนขอคุณหมอ เพราะกลัวตัวเองจะทนเจ็บไม่ไหว ยอมรับว่าใจเสาะ) คุณหมอให้เหตุผลว่า ใช้เวลาในการทำไม่นาน แค่ประมาณแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั่น และจะได้กลับบ้านได้เลยไม่ต้องรอยาสลบหมดฤทธิ์และไม่ต้องกังวลถึงเอฟเฟคที่จะตามมา( ชอบที่คุณหมอพูดตรงๆ ไม่ได้โอ๋เราหรือตามใจจนเกินไป)
----- . ----- . ----- . ----- . ----- . ----- . ----- . ----- . -----. ----- . ----- . ----- . -----
ขั้นตอนการดูดไขมัน
เตรียมตัวด้วยการห้ามทานยา อาหารเสริมหรือวิตามินต่างๆก่อนวันดูดไขมัน
วัดสัดส่วนขช่วงขากำหนดจุดเปิดปากแผล ร่างเส้นบริเวณที่ดูดไขมันด้วยปากกาเมจิ
ทำความสะอาดบริเวณต้นขา
ฉีดยาชาจุดที่เปิดปากแผล
นำน้ำเกลือผสมยาชาเข้าไป
เริ่มดูดไขมันบริเวณท้องขา --> ต้นขาด้านใน --> ต้นขาด้านข้างช่วงสะโพก
เย็บแผล
ทำความสะอาด
รีดน้ำเกลือออกจากต้นขาและทำแผล
ตอนทำยังรู้สึกตัวทุกขั้นตอนและคุยกับคุณหมอและพยาบาลตลอดเลยคะ แซวจนแทบหมดแรง
เจ็บสุดช่วงฉีดยาชาก่อนลงมีดเพื่อเปิดแผลและช่วงดูดไขมันต้นขาด้านข้าง(เจ็บเพราะคุณหมอบอกว่าต้นขาด้านนอกมีกล้ามเนื้อค่อนข้างเยอะเวลาแทงเข็มเพื่อดูดไขมันต้องกระแทกแรง และเหนียว (เจ็บ+เสียว) ส่วนต้นขาด้านในและด้านหลังชิวๆเลยคะ เจ็บนิดหน่อย คุยแซวคุณหมอซะเป็นส่วนใหญ่คะ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ไม่ค่อยกลัวคงเป็นเพราะคุณหมอด้วยคะ ใจเย็น มือเบามาก และให้กำลังใจตลอด บอกเสมอเลยคะว่าเพื่อความสวย อีกนิดนะใกล้เสร็จแล้ว
(คิดในใจมตลอดว่าจะทนได้จนจบเคสรึป่าว ไม่อยากให้เสียเวลาปล่าวกับครั้งนี้เลยยย สาธุ...)
พอเสร็จจากการดูดไขมันเสร็จ พี่ๆพยาบาลที่จะมาดูแลและให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองคะ ก่อนที่จะรับยาและกลับไปพักต่อที่บ้านคะ ตอนกลับเดินไปแต่จะตึงๆขานิดหน่อย บวกกับขาที่บวมเปล่ง ทำให้เดินได้ช้าๆ พี่พยาบาลยังแนะนำว่าช่วง 2-3 วันแรกจะต้องรัดขาให้แน่นเพื่อให้ขาเข้าที่และนำน้ำเกลือที่เหลืออยู่ออกมา (บางส่วนจะออกมาทางเหงื่อและปัสสาวะ ช่วงแรกจะกระหายน้ำมากๆ ) ทำความสะอาดบริเวณขา ทำแผลได้แต่แผลยังต้องห้ามโดนน้ำอยู่คะ
นำไขมันออกมาได้แค่ 800 cc. (ช่วงสะโพกด้านข้างเจ็บมากคะ ขอคุณพอหยุดก่อนเลยได้น้อยกว่าที่คุณหมอแจงไว้)
----- . ----- . ----- . ----- . ----- . ----- . ----- . ----- . -----
รายงานความคืบหน้า
วันที่ 1 ยังไม่รู้สึกปวดเท่าไหร่ แต่หิวน้ำและปวดปัสสาวะบ่อยมาก (เดินไปห้องน้ำไม่ถึง3เมตร เหมือนเดินซัก3กม.)
ทำแผลบ่อยคะเพราะน้ำเกลือและเลือดยังออกมาเรื่อยๆ
วันที่ 2 ยาชาเริ่มหมดฤทธิ์ ปวดระบมอยู่ประมาณหนึ่ง ทานยาต่อเนื่องแต่บางครั้งที่ต้องพึ่งยาแก้ปวดพอนสแตนด์ค่ะถือว่าเอาอยู่
วันที่ 3 เลือดและน้ำเกลือที่เหลืออยู่หมดไปแล้วคะ เห็นได้ชัดเลยคะว่าที่ขามีไขมัยหายไป มีส่วนเว้ามากขึ้น แต่ยังบวมอยู่และร้อยช้ำยังมีอยู่ประมาณหนึ่งค่ะ วันนี้เริ่มอาบน้ำทำความสะอาด และทายาแก้ช้ำแล้วค่ะ อยากให้รอยช้ำหายเร็วๆ
วันที่5 นุ้ยใส่ถุงน่องรัดขาและเริ่มออกมาทำงานแล้วคะ ตึงๆนิดหน่อยแต่ทนไหวคะ ส่วนรอยช้ำก็เริ่มจางลง รอยที่เห็นชัดๆก็ใช้คอนซิลเล่อปิดพอเอาอยู่คะ
วันที่7 มาพบหมอที่คลินิกเพื่อติดตามผลและตัดไหมเย็บแผลออกคะ แต่ช่วงนี้น้ำหนักกลับขึ้นเยอะกว่าก่อนทำเพราะนุ้ยนอนเยอะ ทานเยอะจริงๆ (ยอมรับผิดเลยคะ) เพื่อให้ผลออกมาได้อย่างที่ใจต้องการต้องเริ่มกลับมาคุมอาหารและออกกำลังเบาๆที่บ้านเพิ่มเติมคะ
วันที่15 วันนี้วัดรอบต้นขาซักหน่อย


วันนี้ครบ1เดือนแล้วคะ ขนาดต้นขาลดลงเห็นได้ชัด วัดรอบต้นขาซ้ายเหลือ 18"
จาก20") ขวา 18.5"
จาก20.5") แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือ ต้องดูแลตัวเอง และบริเวณที่ดูดไขมันอย่างต่อเนื่อง นวดไล่พังผืด ยังคงใส่กางเกงรัดขาทุกวัน ตอนกลางวันที่ต้องออกไปทำงานจะใส่กางเกงรัดแบบเต็มตัวคล้ายๆถุงน่องหนาๆ ตอนนอนก็จะใส่แบบครึ่งตัวยาวถึงเข่าคะ และมีการออกกำลังที่บ้านง่ายๆเพื่อกระชับต้นขา เช่น สควอช 20ครั้ง/เชต วันละ 3เซต(บังคับตัวเองทำทุกวันเลยคะตอนล้างเครื่องสำอางและแปลงฟัน เพราะคิดตลอดว่าขาจะได้กระชับเร็วๆ) บางวันมีเวลาจะทำโยะคะตามยูทูปที่บ้าน หรือไม่ก็ออกไปต่อยมวยคะ

สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆทุกคนที่อยากดูแลรูปร่างให้สมส่วน หรืออยากลดความอ้วน (รู้เลยว่ายากจริงๆ) หากท่านใดที่จะตัดสินใจดูดไขมัน อยากให้หาข้อมูลให้ดีคะ เพราะแต่ละคนก็มีข้อจำกัด และความจำเป็นที่ต่างกันไป หากมีข้อสงสัยก็แวะมาสอบถามหลังไมค์ได้นะคะ
หรือแวะมาดูความคืบหน้าของนุ้ยได้ที่
IG: nananuytaro
Facebook : Lalita Petasiriphun
ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจค่า



[SR] รีวิว ขาสวยทันใจกับการดูดไขมันต้นขา
จากรีวิวครั้งที่ผ่านมามีคำถามที่เพื่อนๆชาวพันทิปตั้งข้อสงสัยมาตลอด กับรอยช้ำรอยแผลที่ต้นขา ก็คงจะพอทราบได้ว่านุ้ยเป็นคนที่ซีเรียสมากว่าตัวเองเป็นคนขาใหญ่มีปัญหาส่วนเกินที่ต้นขามากจริงๆจึงได้ไปทำอะไรมากมายเพื่อคาดหวังว่าขาจะเล็กลงเหมือนคนทั่วไป
http://pantip.com/topic/33518707
ดังนั้นในรีวิวนี้นุ้ยก็จะมาแชร์ประสบการณ์ดูดไขมันต้นขาพร้อมวิธีการดูแลตัวเองหลังการทำในแบบฉบับของตัวเองให้เพื่อนๆได้ชมกันคะ
เผื่อมีใครสนใจจะไว้เป็นข้อมูลก่อนการตัดสินใจก่อนจะดูดไขมันกันคะ
1. ออกกำลังกาย
ทั้งโยคะ ฟิตเนส พิลาทิต ปั่นจักรยาน แน่นอนว่าทำได้ไม่ต่อเนื่อง เพราะไม่ค่อยมีเวลา และค่าใช้จ่ายสูง +เห็นผลช้าจนท้อคะ
2. คาร์บ็อกซี่ (CARBOXY THERAPY)
เป็นการอัดก๊าซคาร์บอน-ไดออกไซด์ เข้าไปในจุดที่ต้องการเพื่อทำให้ไขมันบริเวณนั้นแตกตัว ซึ่งเจ็บมากกกกกก
(หากใครเคยทำจะทราบดี) ผลที่ได้คือเซลลูไลน์ลดลง แต่ขนาดยังไม่ต่างจากเดิมมากนัก
3. ฉีดเมโสแฟต (Mesotherapy)
เป็นอีกวิธีในการลดไขมันด้วยยากลุ่มหนึ่งผ่านเข็มฉีดยา แม้จะเจ็บตัวไม่มากนัก แต่ทิ้งรอยช้ำไว้นานหลายวันเลยทีเดียว และต้องทำหลายๆครั้งต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่เห็นผลซักทีคะ
(นุ้ยทำงานเป็นพริตตี้นางแบบ จำเป็นต้องใส่ชุดสั้นโชว์ขาตลอดจึงไม่อยากให้มีรอยช้ำหรือแผลเป็นที่เห็นได้ชัดเจน และมีเวลาพักฟื้นน้อยมาก)
ศูนย์ศัลยกรรมของ Amed clininc จะอยู่ที่สีลมคะ
คุณหมอแนะนำให้ตรวจร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อม ซึ่งการดูดไขมันสามารถนำไขมันส่วนเกินเคสของนุ้ยไขมันจะออกมาได้แต่ไม่เยอะแค่ข้างละ 500cc (รวมทั้ง2ข้างเป็น 1,000 cc.) เพราะเราไม่ได้อ้วน แต่ก็สามารดูดไขมันออกมาได้ และต้องบอกก่อนว่า ดูดไขมันเคสของนุ้ยไม่ได้ใช้ยาสลบคะ (แม้จะอ้อนวอนขอคุณหมอ เพราะกลัวตัวเองจะทนเจ็บไม่ไหว ยอมรับว่าใจเสาะ) คุณหมอให้เหตุผลว่า ใช้เวลาในการทำไม่นาน แค่ประมาณแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั่น และจะได้กลับบ้านได้เลยไม่ต้องรอยาสลบหมดฤทธิ์และไม่ต้องกังวลถึงเอฟเฟคที่จะตามมา( ชอบที่คุณหมอพูดตรงๆ ไม่ได้โอ๋เราหรือตามใจจนเกินไป)
เจ็บสุดช่วงฉีดยาชาก่อนลงมีดเพื่อเปิดแผลและช่วงดูดไขมันต้นขาด้านข้าง(เจ็บเพราะคุณหมอบอกว่าต้นขาด้านนอกมีกล้ามเนื้อค่อนข้างเยอะเวลาแทงเข็มเพื่อดูดไขมันต้องกระแทกแรง และเหนียว (เจ็บ+เสียว) ส่วนต้นขาด้านในและด้านหลังชิวๆเลยคะ เจ็บนิดหน่อย คุยแซวคุณหมอซะเป็นส่วนใหญ่คะ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ไม่ค่อยกลัวคงเป็นเพราะคุณหมอด้วยคะ ใจเย็น มือเบามาก และให้กำลังใจตลอด บอกเสมอเลยคะว่าเพื่อความสวย อีกนิดนะใกล้เสร็จแล้ว
(คิดในใจมตลอดว่าจะทนได้จนจบเคสรึป่าว ไม่อยากให้เสียเวลาปล่าวกับครั้งนี้เลยยย สาธุ...)
ทำแผลบ่อยคะเพราะน้ำเกลือและเลือดยังออกมาเรื่อยๆ
วันนี้ครบ1เดือนแล้วคะ ขนาดต้นขาลดลงเห็นได้ชัด วัดรอบต้นขาซ้ายเหลือ 18"
สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆทุกคนที่อยากดูแลรูปร่างให้สมส่วน หรืออยากลดความอ้วน (รู้เลยว่ายากจริงๆ) หากท่านใดที่จะตัดสินใจดูดไขมัน อยากให้หาข้อมูลให้ดีคะ เพราะแต่ละคนก็มีข้อจำกัด และความจำเป็นที่ต่างกันไป หากมีข้อสงสัยก็แวะมาสอบถามหลังไมค์ได้นะคะ
หรือแวะมาดูความคืบหน้าของนุ้ยได้ที่
IG: nananuytaro
Facebook : Lalita Petasiriphun
ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจค่า
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น