"เรือดำน้ำ" เรื่องที่ใหญ่กว่า 3.6 หมื่นล้าน
เมืองไทย 25 น.
ทวี มีเงิน
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1436288339
เรื่องซื้อ "เรือดำน้ำ" จากจีน กลายเป็น "ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์" ที่พูดกันทั้งเมืองและกำลังกลายเป็น "เผือกร้อน" ที่กองทัพเรือยิบยื่นให้ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรับไปเต็มๆ
งานนี้หากรัฐบาลยังเดินหน้า เท่ากับว่ากำลังจะ "ผลัก" คนที่เป็นกลางๆ ไม่ต้าน ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ไปเป็นฝ่ายต่อต้านโดยฉับพลัน
เท่าที่สดับตรับฟังคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าชาวบ้านจนถึงคนชั้นกลางส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะไม่เห็นความจำเป็นที่ไทยจะต้องมีเรือดำน้ำ
ที่สำคัญประเทศกำลังอยู่ในช่วงเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจติดลบทุกตัวต่อเนื่องมาหลายเดือน แต่กองทัพเรือกลับเสนอซื้อเรือดำน้ำ 3.6 หมื่นล้าน ที่จะทำให้ประเทศเป็นหนี้ 8-10 ปี
อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นใหญ่และสำคัญกว่าที่หลายคนไม่พูดถึง นั่นคือหากรัฐบาลยังเดินหน้าซื้อเรือดำน้ำจากจีน ผลสะเทือนที่จะตามมา คือความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหรัฐเปราะบางอยู่แล้ว อาจจะถึงขั้นแตกหักหรือไม่ ไม่มีใครรู้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่าง "กองทัพไทย" กับรัฐบาลสหรัฐอาจจะไม่เหมือนเดิม สหรัฐคงไม่แฮปปี้ที่ไทยใกล้ชิดกับจีนมากกว่า
อย่าลืมก่อนหน้านี้ รัฐบาลไทยกำลังจะประเคน "รถไฟความเร็วสูง" สายหนองคาย-มาบตาพุด 1 เส้น และยังแถม "แก่งคอย-บ้านภาชี-กรุงเทพฯ" อีก 1 เส้นให้กับจีน ทำเอาสหรัฐค้อนไทยขวับๆ โทษฐานจี๋จ๋ากับจีน
ฉะนั้นหากยังไปซื้อเรือดำน้ำจากจีนอีก คราวนี้สัมพันธ์ที่สหรัฐเคยมีต่อไทยที่เหลือน้อยเต็มทีก็คงสะบั้นลงแน่ๆ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องกองทัพ เป็นเรื่องความมั่นคง เป็นเรื่องศักดิ์ศรีสหรัฐยอมไม่ได้
เท่ากับการเอากองทัพเข้าไปผูกติดกับจีนมากเกินไป เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องงบประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาทหลายเท่า
อย่าลืมกองทัพไทยกับสหรัฐมีความสัมพันธ์อันยาวนานเคยเป็นมิตรร่วมรบในสงครามเวียดนามที่มีจีนหนุนหลังฝ่ายตรงข้ามเพียงไม่กี่สิบปีโลกสลับขั้ว สหรัฐเองก็คงไม่อยากให้จีนเข้ามามีบทบาทด้านการทหารในภูมิภาคนี้แน่ๆ
การซื้อเรือดำน้ำจึงละเอียดอ่อนกว่าที่คิด แต่ก็ใจชื้นที่ "บิ๊กตู่" ได้ยืนยันว่าจะยังไม่ซื้อ
"เรือดำน้ำ" เรื่องที่ใหญ่กว่า 3.6 หมื่นล้าน
เมืองไทย 25 น.
ทวี มีเงิน
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1436288339
เรื่องซื้อ "เรือดำน้ำ" จากจีน กลายเป็น "ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์" ที่พูดกันทั้งเมืองและกำลังกลายเป็น "เผือกร้อน" ที่กองทัพเรือยิบยื่นให้ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรับไปเต็มๆ
งานนี้หากรัฐบาลยังเดินหน้า เท่ากับว่ากำลังจะ "ผลัก" คนที่เป็นกลางๆ ไม่ต้าน ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ไปเป็นฝ่ายต่อต้านโดยฉับพลัน
เท่าที่สดับตรับฟังคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าชาวบ้านจนถึงคนชั้นกลางส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะไม่เห็นความจำเป็นที่ไทยจะต้องมีเรือดำน้ำ
ที่สำคัญประเทศกำลังอยู่ในช่วงเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจติดลบทุกตัวต่อเนื่องมาหลายเดือน แต่กองทัพเรือกลับเสนอซื้อเรือดำน้ำ 3.6 หมื่นล้าน ที่จะทำให้ประเทศเป็นหนี้ 8-10 ปี
อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นใหญ่และสำคัญกว่าที่หลายคนไม่พูดถึง นั่นคือหากรัฐบาลยังเดินหน้าซื้อเรือดำน้ำจากจีน ผลสะเทือนที่จะตามมา คือความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหรัฐเปราะบางอยู่แล้ว อาจจะถึงขั้นแตกหักหรือไม่ ไม่มีใครรู้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่าง "กองทัพไทย" กับรัฐบาลสหรัฐอาจจะไม่เหมือนเดิม สหรัฐคงไม่แฮปปี้ที่ไทยใกล้ชิดกับจีนมากกว่า
อย่าลืมก่อนหน้านี้ รัฐบาลไทยกำลังจะประเคน "รถไฟความเร็วสูง" สายหนองคาย-มาบตาพุด 1 เส้น และยังแถม "แก่งคอย-บ้านภาชี-กรุงเทพฯ" อีก 1 เส้นให้กับจีน ทำเอาสหรัฐค้อนไทยขวับๆ โทษฐานจี๋จ๋ากับจีน
ฉะนั้นหากยังไปซื้อเรือดำน้ำจากจีนอีก คราวนี้สัมพันธ์ที่สหรัฐเคยมีต่อไทยที่เหลือน้อยเต็มทีก็คงสะบั้นลงแน่ๆ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องกองทัพ เป็นเรื่องความมั่นคง เป็นเรื่องศักดิ์ศรีสหรัฐยอมไม่ได้
เท่ากับการเอากองทัพเข้าไปผูกติดกับจีนมากเกินไป เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องงบประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาทหลายเท่า
อย่าลืมกองทัพไทยกับสหรัฐมีความสัมพันธ์อันยาวนานเคยเป็นมิตรร่วมรบในสงครามเวียดนามที่มีจีนหนุนหลังฝ่ายตรงข้ามเพียงไม่กี่สิบปีโลกสลับขั้ว สหรัฐเองก็คงไม่อยากให้จีนเข้ามามีบทบาทด้านการทหารในภูมิภาคนี้แน่ๆ
การซื้อเรือดำน้ำจึงละเอียดอ่อนกว่าที่คิด แต่ก็ใจชื้นที่ "บิ๊กตู่" ได้ยืนยันว่าจะยังไม่ซื้อ