อวสาน..การทิปคนขับรถแท็กซี่

เกิดขึ้นเมื่อบ่ายจัดของวันนี้เอง..
จากการเดินทางแสนสั้นด้วยเวลาเพียงประมาณ ๒๐ นาที
บนถนนพหลโยธินที่การจราจรปลอดโปร่งน่าสบายใจ



ปกติเมื่อเราพบคนขับรถแท็กซี่ที่ขับปกติ, แม้ไม่ถึงกับดีมาก, เราจะมีทิปแถมไปกับค่าโดยสารตามมิเตอร์เสมอ
ยิ่งถ้าคนขับที่ขับรถอย่างมีคุณภาพแล้ว เราจะยิ่งบวกให้กำลังใจเขาไปมากกว่า
ระยะหลังการเดินทางในเส้นทางประจำของเราค่าโดยสารตามมิเตอร์จะอยู่ที่ประมาณเกือบ ๗๐-๘๐ บาท
หากไม่เกิน ๗๐ บาท จึงมักจะให้ธนบัตรใบละร้อย (เราจะเลือกใบที่ใหม่มากให้เขาด้วยนะ) แล้วรับเงินทอนมา ๒๐ บาท
แต่หากเกินกว่า ๘๐ บาท (นั่นหมายถึงว่ารถติดพอสมควร) เราจะไม่รับเงินทอนเลย

วันนี้..
หลังจากลงจากรถกันมาสองคนแล้ว เพื่อนร่วมทางถามเกี่ยวกับเงินทอน
อืมมม..นั่นสิ เราให้ธนบัตรร้อยบาทไปที่โดยมิได้ดูมิเตอร์เลยนี่นา
ด้วยมัวแต่พะวงกับการดูจังหวะเปิดประตูรถลงในที่ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ยากสำหรับเรา
เขาตอบมาว่า "๗๐ บาท และผมเห็นเขาทำท่าค้นกุกกักอยู่"
ซึ่งช่วงที่กำลังเราจะลงจากรถกันมานั้น มันไม่เร็วเกินไปกว่าที่เขาจะหยิบเงินทอนให้แก่เราเลยนะ
แต่ว่า..เขาก็มิได้ทำ

นั่นคือบทท้ายสุดของการทำบุญเจือจานแก่คนแปลกหน้าที่เผอิญมาเกี่ยวข้องกัน..แม้เพียงน้อยนิด
ต่อไปเราจะเลือกการ "ให้" ในลักษณะของการทำบุญสำหรับคนแปลกหน้าบางคนเท่านั้น
จะไม่มีการให้เป็นการทั่วไปในลักษณะนี้อีก
เขาคนนี้มิใช่คนแปลกหน้าคนแรกที่เราพบว่าการให้ลักษณะนี้ของเราไปก่อความโลภให้กำเริบแก่เขา
จนหมิ่นเหม่ต่อการเข้าข่ายการโกง, ซึ่งเป็นศีลห้าที่มนุษย์พึงมี
เราอาจผิดนะ แม้จะเป็นจำนวนเงินเล็กน้อยแต่ก็คือการเพาะเชื้อความโลภลงในจิตใจของเขา
เว้นแต่ว่า..ความโลภนี้จะมีมาแต่เก่าก่อนของเขาเอง..

แต่เขาคนนี้..
คือคนสุดท้ายที่จะเป็นคนแปลกหน้าผู้ได้รับสิ่งที่ดีที่เราให้ด้วยใจที่อยู่ในกุศล
ขอบคุณ..
ที่เขาช่วยเตือนสติให้เรายั้งคิดขึ้นมาจนระลึกได้ว่าการทำบุญทานโดยไม่รอบคอบพอ
อาจก่อบาปเวรให้แก่ตนได้เช่นกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่