[เรื่องที่ 92]Movie Review : Terminator 5 - โอละพ่อย้อนเวลา

เรื่องย่อ : เนื้อเรื่องเกิดขึ้นภายหลัง 'วันพิพากษา' เมื่อมนุษย์จะปลดแอกตัวเองจากใต้การปกครองของหุ่นยนต์ ทางจักรกลเลยส่งหุ่นสังหารข้ามเวลาไปฆ่า ซาราห์ คอนเนอร์ในอดีตเพื่อไม่ให้เธอได้ให้กำเนิด จอห์น คอนเนอร์ ที่จะเกิดขึ้นมาเป็นผู้นำฝ่ายมนุษย์.

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าสิ่งแรกที่ท่านต้องทำก่อนจะไปดูหนังเรื่องนี้ คือการ 'อ่านเรื่องย่อของภาคก่อนๆ' มาให้เรียบร้อย เนื่องจากหนังชุด Terminator นั้นถือว่าเป็นหนังที่มี requirement ของตัวเองค่อนข้างสูงมากๆ ทั้งการเดินเรื่องที่เต็มไปด้วยการย้อนเวลาที่ทับซ้อนมากมาย, ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่พัวพันอุรุงตุงนังไปหมด และมุกคลาสสิคหลายๆมุกที่หนังยกมาเล่นทุกภาค เป็นเหตุให้คนดูอย่างเราๆควรจะทำการบ้านซักนิดเพื่อที่จะได้รับชมภาพยนต์อย่างสนุกสนานเต็มที่

ก่อนอื่นต้องขอออกปากชม casting ของหนังเรื่องนี้มาก ที่สามารถสรรหาทีมนักแสดงที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองมากๆมาใส่ไว้ในหนังเรื่องเดียวได้ดีขนาดนี้ สำหรับบทนำของเรื่อง Sarah Conner ก็ได้คาลิซี-มารดามังกรอย่าง Emilia Clarke มารับบทได้อย่างสมน้ำสมเนื้อดูแก่นแก้วสมวัย แต่ในขณะเดียวก็สามารถแสดงอารมณ์ที่ซับซ้อนออกมาได้อย่างน่าสนใจ ประจวบเหมาะกับการได้มาแทคทีมคู่กับพ่อคนเหล็กอย่าง Arnold Schwarzenegger ก็ได้อารมณ์พ่อ-ลูกไปอีกแบบ ... ผิดกับพ่อหนุ่มอาภัพอย่าง Kyle Reese (Jai Courtney) ที่ถูกวางบทไว้อย่างกระท่อนกระแท่นไปหน่อย ประจวบกับเคมีที่ดันลงตัวกับนางเอกน้อยกว่าคนเหล็กนี่สิ ! เรียกว่าจะดีใจหรือเสียใจดี

มาถึงมาทางด้านตัวร้าย(เฉยเลย)อย่าง John Conner (Jason Clarke)ก็ให้ความรู้สึกที่ไม่ค่อยกลมกลืนเสียเท่าไหร่ ยิ่งโดยเฉพาะภายในต้นเรื่องนั้น ในส่วนตัวผู้เขียนรู้สึกไม่ค่อยเชื่อถือกับตัวละครเสียเท่าไหร่ อาจจะเป็นการวางนักแสดงที่ไม่แมชกับบทหรืออะไรก็ตาม แต่ก็ยังพอโชคดีที่ในช่วงกลางถึงท้ายเฮียแกยังจะพอกอบกู้บทบาทของตัวเองกลับมาได้ หรือว่าพ่อเจสันของเราอาจจะเหมาะกับบทตัวร้ายจ๋าจริงๆนี่เอง?

.. สิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้หนังออกมาสนุกก็คงหนีไม่พ้นฉากแอคชั่นที่มีกลิ่นของความเป็น 'คนเหล็ก' อยู่ชัดมากๆ ทั้งฉากการดวลหมัดที่กังวาลไปด้วยเสียงเหล็กปะทะกัน หรือการฟาดฟันด้วยบรรดาอุปกรณ์ที่เหล่าหุ่นเหล็กจะสรรหามาทุบใส่กันได้ (ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไร) ซึ่งมันเป็นฉากแอคชั่นที่คลาสสิคเอามากๆเลยนะในความเห็นของผู้เขียน อีกทั้งยังรักษาโทนความเป็น macho ของหนังได้ดีด้วย ซึ่งในส่วนนี้หนังก็จัดเต็มมาแบบพอเหมาะพอควรชนิดที่ว่าสมตัวหนังเองดี

นอกเหนือจากฉากแอคชั่นที่วินาศสันตะโรกันได้ใจสุดแล้วๆ มุกตลกขำขันที่เป็นเอกลักษณ์ก็ถูกยกมาเล่นเรื่อยๆชนิดชวนให้คิดถึงภาคเก่าๆเลยทีเดียว (อาทิประโยค I'll be back/แล้วฉันจะกลับมา ของลุงอาโนล) ซึ่งก็ถือเป็นสีสันที่ชวนอมยิ้มได้เรื่อย หรือกระทั่งการวางบทลักษณะพ่อตา-ลูกขาย ก็น่ารักน่าหยิกดีไปอีกแบบ ในจุดนี้ถือว่าเป็นจุดพักอารมณ์ของหนังได้ดีเลยทีเดียว

ในส่วนของการเดินเรื่องที่มีชั้นเชิงก็ถือว่าเป็นอะไรที่ทำให้หนังยังคงสถานะอยู่ในประเภทที่ 'Abover Average' ได้ดี ทั้งการเดินทางข้ามเวลาและมีไทม์ไลน์ที่ทับซ้อนกันหลายชั้น ซึ่งส่งผลให้เกิดผลของการกระทำที่แตกต่างกันออกไปทั้งในอดีตและอนาคต ซึ่งเชื่อว่าถ้าแฟนหนังไม่ทำการบ้านมาดีๆนี่อาจจะมีงงได้แน่นอน แต่กระนั้นมันก็นับเป็นเสน่ห์ที่อมตะของหนังคนเหล็ก ที่นอกเหนือจากการต่อยกันโครมครามกันนี่แหละ

"Terminator 5 ก็ยังคงรักษามาตรฐานเดิมในฐานะหนังแอคชั่น-ไซไฟ ได้อย่างน่าชื่นชม, อาจจะพูดได้ว่าหนังใช้บุญเก่าจากภาคก่อนๆเข้ามาแต่งเติมเพื่อเพิ่มรสชาดได้ดี และประจวบกับตัวละครเอกที่ค่อนข้างมีไดนามิกของตัวเองที่ชัดเจน ก็ทำให้เป็นหนังที่อยู่ในวิสัยที่ดูแล้วสนุกได้เลย"

คะแนนความเห็น : 10/10
แล้วฉันจะกลับมา by Kanok Jayz Hunhaboon

ติดตามรีวิวย้อนหลังได้ที่ : https://www.facebook.com/jayz.hunhaboon/media_set?set=a.560682527308058.1073741825.100000989470695&type=1
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่