สวัสดีค่ะ เพื่อนๆทุกคน เรื่องที่เราจะเล่าวันนี้ เรารู้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่หลายๆคน อ่านแล้วอาจจะรู้สึกไม่ ok ในวิธีคิดของเรา เราพร้อมรับฟังนะคะ เราพยายามสุดๆ แล้วจริงๆ กับการอยู่กับมัน ลองฟังกันดูนะคะ
ขอเล่าเรื่องตัวเองเล็กน้อย ตอนนี้เราอายุ 35 มีครอบครัวแล้ว แต่ไม่มีลูก การงานมั่งคง พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง และได้รับการยอมรับจากคนในสายงานเดียวกันพอตัว เป็นหัวหน้าในหน่วยงานเล็กๆ ในระบบราชการ ชีวิตการงานก็ดูเหมือนจะดี แต่ด้วยความที่ก้าวหน้าที่เร็วเหมือนกัน มันก็เครียดอยู่พอตัวเลยค่ะ แต่ปัญหาใหญ่หลวงในชีวิตเรา มันไม่ใช่เรื่องนั้น .....
สั้นๆ ง่ายๆ คือเรามีปัญหากับแม่ ในหลายๆเรื่องจริงๆค่ะ คือเราสองคนมีอะไรหลายๆที่คนละขั้วเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น รสนิยม วิธีคิด ความสนใจ แต่สิ่งที่แม่ต้องการคือ อยู่ในชีวิตเราตลอดเวลา ยกตัวอย่างได้ประมานนี้
- เมื่อเราไปซื้อของหรือสั่งของมาทางไปรษณีย์ สิ่งที่เค้าทำทุกครั้งคือ เปิดดูโดยไม่ขอ และพยายามจะถามไถ่ ราคาบ้าง วิจารณ์ของบ้าง อยากได้ไว้เองบ้าง เรื่องนี้เราถือแล้วรู้สึกอึดอัดมาก จนต้องเข้าไปคุยกับพ่อและพี่เลี้ยง ตอนนี้เลยเป็นมาตราการว่า ทุกคนจะวิ่งไปรับของให้เรา เพื่อกันแม่เปิด แต่สุดท้าย แม่ก็ถามให้รายงานมาอยู่ดี เอ่ออ ต่างกันเล็กน้อย เราก็ไม่รู้ว่าเค้าทำทำไม แต่คือ เท่าที่จับสังเกตได้ คืออยากชื่มชม ของๆ เราๆ เหมือนเค้าอยากได้ แต่ชอบบอกว่า ไม่มีปัญญาซื้อ คือเราเองก็พยายามบอกว่า อยากได้ ชิ้นไหนก็บอก เราไม่ได้ถึงกับขัดสน มันให้ได้ แม่ก็จะบอกว่าไม่เอา เหมือนรอเราซื้อมาให้
- เมื่อเราซื้อของมาให้ ก็ไม่เคยชอบ แต่จะชอบ ของที่เราซื้อมาใช้เอง บางทีเราก็คงหน้าเสียๆ ทำเสียงจ๋อย บอกไปว่า เอาไปสิ แม่ก็ไม่เอา แต่เค้าก็จะน้อยใจว่า เราไม่เข้าใจเค้า น่าจะซื้อสิ่งนี้มาให้เค้า งงมั้ย
- ทุกวันนี้ เรามีหน้าที่ต้องไปกินข้าวกับแม่ เช้า เย็น อย่างที่บอกแล้วว่า เราแต่งงานแยกบ้านมาแล้ว เราต้องขับรถไปกินข้าวกับเค้า เช้า หน เย็น หน กลับบ้านจริง 3 ทุ่มนู่น สำหรับคนทำงานเหนื่อยทั้งวัน มันไม่ค่อยไหวเลยค่ะ หมดแรง กลับบ้านไปสามีก็ชอบบ่นว่าหมดสภาพ ซึ่งเรื่องนี้ สามีไม่พอใจอยู่พอควรเลยค่ะ ถ้าไม่ไปก็โทรตามไปเรื่อยๆ เราก็รู้สึกไม่ดีต้องไปอยู่แบบนี้หล่ะค่ะ
- บนโต๊ะอาหาร แม่มักพูดแต่เรื่องของตัวเอง อ้อนเรื่องป่วยซึ่งมีประมาน วันละโรค ไม่อันนี้ ก็อันนั้น แม้กระทั้งฝันร้ายนางก็เล่า เราขอบอกไว้ก่อนะคะว่าอาการป่วยที่แม่มีเป็นเรื่องที่ไม่รุนแรงคอขาดบาดตายแน่นอน ด้วยอาชีพที่ทำเรายืนยันได้ เราก็พยายามทนฟังนะคะ แค่รู้สึกว่าทำไมต้องเริ่มด้วยพลังลบแบบนี้เรื่อยๆนะ บางวันก็ฟังได้นะคะ เป็นเรื่องที่แม่ชอบ แม่สนใจ บางทีก็โอเค แต่ก็ไม่อินเพราะเราก็ไม่ได้ชอบอ่ะนะ
- สิ่งที่แย่หน่อยคือ ตอนนี้แม่อยากเป็นเซียน social แต่คือทำได้เองไม่ทุกอย่าง เราต้องช่วยจัดการให้ทั้งๆที่เราไม่ค่อยชอบและไม่ถนัด บางวันก็โทรมาดึกๆเพราะมีปัญหา บางวันก็ให้แก้จนไปทำงานสาย
- อาชีพที่เราทำสามารถได้สิทธิพิเศษต่างๆอยู่พอควรแต่เราเป็นคนไม่ชอบใช้ค่ะ เพราะเรารู้สึกว่า มันไม่จำเป็น แต่แม่เราเค้าเคยอยู่ในสถานะแบบเรามาก่อน แต่ไม่ได้ทำแล้ว เค้าก็พยายามกดดันเราให้สั่ง คนนู้นให้ทำนู่นนี่ให้ เพราะเวลาเราสั่ง แม่ก็พลอยได้อานิสงส์ไปด้วย เรื่องส่วนใหญ่ก็เล็กๆน้อยๆ ไม่ได้ ผิดบาปอะไรมากมาย แต่คือเราว่ามันไม่ใช่เรื่อง สำหรับเรา เครียดทุกครั้งที่ต้องทำ พอทำเสร็จเราก็คงหน้าไม่ค่อยดี และก็จะตามมาด้วย การต่อว่าจากแม่ ว่าเราเห็นเค้าเป็นภาระ เรารังเกียจ
นี่คือตัวอย่างนะคะ โดยสรุปคร่าวๆ คือเราว่า เรื่องนิสัยแม่ เราไม่รู้ว่าคนทั่วไปมองว่าอย่างไร แต่สำหรับเรา เราพยายามแล้วที่จะทำตามที่เค้าต้องการ แต่คือมันขัดแย้งในใจแบบรุนแรงมาก จนกลายเป็นคนเครียดแบบสะสม เราวิเคราะห์ตัวเองว่าเรา
อาจจะรักเค้าไม่มากพอ รึเปล่าถึงได้ยอมเค้าไม่ได้ เห็นสิ่งที่เค้าคิดเค้าทำไม่โอเคไปหมด เรื่องขอเรื่องคือ ช่วงเราเล็กๆ แม่เรา เป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จการงานดีมากๆ แต่ไม่ได้เลี้ยงเราเลยค่ะ เค้าทำงานงกๆ ไปต่างประเทศบ่อยๆ เราอยู่กะพ่อกะพี่เลี้ยงเป็นหลัก ทุกครั้งที่เรามีปัญหา เวลาเอาปัญหาไปคุยกะแม่ คำพูดที่ได้กลับมา ทำให้เรารู้สึกทุกครั้งว่า เรายังไม่ดีพอ เวลาที่เรามีอะไรดีๆ เล่าออกมา เราก็มักจะได้คำพูดประมานว่า ตอนเค้าทำมันดีกว่าที่เราทำ อาจจะเป็นเพราะเรามีกำแพงอยู่ก่อนด้วยหล่ะ ฟังทีไร เป็นแบบนี้ตลอดเลย แต่เราก็ลองให้สามีมาฟังแบบคนนอกแล้วนะ เค้าก็บอกว่ามันแบบนั้นจริงๆ แต่คือมันเป็นธรรมชาติของครอบครัวเธอ ฮืออออออ
ต่างกับคนที่เราคิดว่าเรารักที่สุดในโลก คือยายของเรา สารภาพว่าบางครั้งเดินเข้าบ้านแม่เราก็ปวดหัวแล้ว แต่เข้าบ้านยาย เรารู้สึกหายเครียด ตั้งแต่หน้าบ้านแล้ว คุยกันได้ทุกเรื่องทั้งที่วัยต่างกัน 60 ปี ยายเราเป็นคนเยอะพอควร ขี้กังวล แต่เราแคร์เค้าไง หงุดหงิดน่ะมี แต่ยินดีทำให้ทุกอย่างถ้าทำได้ เรื่องไหนที่ขอแล้วไม่โอเค ก็ใจเย็นพอที่จะคุยดีๆ เสมอ ยายป่วยไข้ทีเรานี่จะเป็นจะตาย ให้ได้ นั่นคือสิ่งที่เป็น
เราวิเคราะห์ตัวเองจริงๆ ว่าเราอยู่กับแม่เหมือนอยู่ด้วยหน้าที่ แต่อยู่กับยายเหมือนอยู่ด้วยใจรัก เรารู้สึกแย่จริงๆนะ ที่รู้ตัวว่าเป็นแบบนั้น แต่คือมันเป็นความรู้สึกจริงๆ ที่เรายอมรับตัวเอง เราก็อยากทำให้ทุกอย่างมันดีกว่านี้ แต่คือ 35 แล้ว มันเปลี่ยนยาก ไม่ต้องพูดถึงแม่เลย ยังไงก็ไม่เปลี่ยน เมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่แล้ว ได้อ่านข้อความเรื่อง "ลูกสาวแม่ เราไม่เคยมีบุญต่อกัน" ของ page เลี้ยงลูกนอกบ้าน ขอโทษด้วยนะคะถ้ารายละเอียดไม่ถูกต้อง ยอมรับเลยว่า น้ำตาไหลพรากเลยค่ะ มันเหนื่อยแบบบอกไม่ถูก
อยากให้เรื่องของเรา เป็นเครื่องเตือนพวกแม่ๆ ที่อาจจะมีบางอย่าง หรือหลายอย่าง เหมือนกันแม่ของเรา ว่าผลลัพธ์ของครอบครัว มันเกิดจากสิ่งที่ แม่ๆทำให้ลูกนั่นเอง เมื่อมันเกิดมาแล้ว เราที่เป็นลูกบางครั้งก็รู้นะคะว่า มันไม่ควร แต่ สารภาพตามตรงจากใจ เลยค่ะ ว่า
"ความรักมันมีที่มาที่ไปและบังคับกันไม่ได้จริงๆค่ะ"
หรือเรายังรักแม่ไม่มากพอ.... ที่มาที่ไปที่อยากให้ แม่ๆได้ลองคิด
ขอเล่าเรื่องตัวเองเล็กน้อย ตอนนี้เราอายุ 35 มีครอบครัวแล้ว แต่ไม่มีลูก การงานมั่งคง พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง และได้รับการยอมรับจากคนในสายงานเดียวกันพอตัว เป็นหัวหน้าในหน่วยงานเล็กๆ ในระบบราชการ ชีวิตการงานก็ดูเหมือนจะดี แต่ด้วยความที่ก้าวหน้าที่เร็วเหมือนกัน มันก็เครียดอยู่พอตัวเลยค่ะ แต่ปัญหาใหญ่หลวงในชีวิตเรา มันไม่ใช่เรื่องนั้น .....
สั้นๆ ง่ายๆ คือเรามีปัญหากับแม่ ในหลายๆเรื่องจริงๆค่ะ คือเราสองคนมีอะไรหลายๆที่คนละขั้วเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น รสนิยม วิธีคิด ความสนใจ แต่สิ่งที่แม่ต้องการคือ อยู่ในชีวิตเราตลอดเวลา ยกตัวอย่างได้ประมานนี้
- เมื่อเราไปซื้อของหรือสั่งของมาทางไปรษณีย์ สิ่งที่เค้าทำทุกครั้งคือ เปิดดูโดยไม่ขอ และพยายามจะถามไถ่ ราคาบ้าง วิจารณ์ของบ้าง อยากได้ไว้เองบ้าง เรื่องนี้เราถือแล้วรู้สึกอึดอัดมาก จนต้องเข้าไปคุยกับพ่อและพี่เลี้ยง ตอนนี้เลยเป็นมาตราการว่า ทุกคนจะวิ่งไปรับของให้เรา เพื่อกันแม่เปิด แต่สุดท้าย แม่ก็ถามให้รายงานมาอยู่ดี เอ่ออ ต่างกันเล็กน้อย เราก็ไม่รู้ว่าเค้าทำทำไม แต่คือ เท่าที่จับสังเกตได้ คืออยากชื่มชม ของๆ เราๆ เหมือนเค้าอยากได้ แต่ชอบบอกว่า ไม่มีปัญญาซื้อ คือเราเองก็พยายามบอกว่า อยากได้ ชิ้นไหนก็บอก เราไม่ได้ถึงกับขัดสน มันให้ได้ แม่ก็จะบอกว่าไม่เอา เหมือนรอเราซื้อมาให้
- เมื่อเราซื้อของมาให้ ก็ไม่เคยชอบ แต่จะชอบ ของที่เราซื้อมาใช้เอง บางทีเราก็คงหน้าเสียๆ ทำเสียงจ๋อย บอกไปว่า เอาไปสิ แม่ก็ไม่เอา แต่เค้าก็จะน้อยใจว่า เราไม่เข้าใจเค้า น่าจะซื้อสิ่งนี้มาให้เค้า งงมั้ย
- ทุกวันนี้ เรามีหน้าที่ต้องไปกินข้าวกับแม่ เช้า เย็น อย่างที่บอกแล้วว่า เราแต่งงานแยกบ้านมาแล้ว เราต้องขับรถไปกินข้าวกับเค้า เช้า หน เย็น หน กลับบ้านจริง 3 ทุ่มนู่น สำหรับคนทำงานเหนื่อยทั้งวัน มันไม่ค่อยไหวเลยค่ะ หมดแรง กลับบ้านไปสามีก็ชอบบ่นว่าหมดสภาพ ซึ่งเรื่องนี้ สามีไม่พอใจอยู่พอควรเลยค่ะ ถ้าไม่ไปก็โทรตามไปเรื่อยๆ เราก็รู้สึกไม่ดีต้องไปอยู่แบบนี้หล่ะค่ะ
- บนโต๊ะอาหาร แม่มักพูดแต่เรื่องของตัวเอง อ้อนเรื่องป่วยซึ่งมีประมาน วันละโรค ไม่อันนี้ ก็อันนั้น แม้กระทั้งฝันร้ายนางก็เล่า เราขอบอกไว้ก่อนะคะว่าอาการป่วยที่แม่มีเป็นเรื่องที่ไม่รุนแรงคอขาดบาดตายแน่นอน ด้วยอาชีพที่ทำเรายืนยันได้ เราก็พยายามทนฟังนะคะ แค่รู้สึกว่าทำไมต้องเริ่มด้วยพลังลบแบบนี้เรื่อยๆนะ บางวันก็ฟังได้นะคะ เป็นเรื่องที่แม่ชอบ แม่สนใจ บางทีก็โอเค แต่ก็ไม่อินเพราะเราก็ไม่ได้ชอบอ่ะนะ
- สิ่งที่แย่หน่อยคือ ตอนนี้แม่อยากเป็นเซียน social แต่คือทำได้เองไม่ทุกอย่าง เราต้องช่วยจัดการให้ทั้งๆที่เราไม่ค่อยชอบและไม่ถนัด บางวันก็โทรมาดึกๆเพราะมีปัญหา บางวันก็ให้แก้จนไปทำงานสาย
- อาชีพที่เราทำสามารถได้สิทธิพิเศษต่างๆอยู่พอควรแต่เราเป็นคนไม่ชอบใช้ค่ะ เพราะเรารู้สึกว่า มันไม่จำเป็น แต่แม่เราเค้าเคยอยู่ในสถานะแบบเรามาก่อน แต่ไม่ได้ทำแล้ว เค้าก็พยายามกดดันเราให้สั่ง คนนู้นให้ทำนู่นนี่ให้ เพราะเวลาเราสั่ง แม่ก็พลอยได้อานิสงส์ไปด้วย เรื่องส่วนใหญ่ก็เล็กๆน้อยๆ ไม่ได้ ผิดบาปอะไรมากมาย แต่คือเราว่ามันไม่ใช่เรื่อง สำหรับเรา เครียดทุกครั้งที่ต้องทำ พอทำเสร็จเราก็คงหน้าไม่ค่อยดี และก็จะตามมาด้วย การต่อว่าจากแม่ ว่าเราเห็นเค้าเป็นภาระ เรารังเกียจ
นี่คือตัวอย่างนะคะ โดยสรุปคร่าวๆ คือเราว่า เรื่องนิสัยแม่ เราไม่รู้ว่าคนทั่วไปมองว่าอย่างไร แต่สำหรับเรา เราพยายามแล้วที่จะทำตามที่เค้าต้องการ แต่คือมันขัดแย้งในใจแบบรุนแรงมาก จนกลายเป็นคนเครียดแบบสะสม เราวิเคราะห์ตัวเองว่าเรา อาจจะรักเค้าไม่มากพอ รึเปล่าถึงได้ยอมเค้าไม่ได้ เห็นสิ่งที่เค้าคิดเค้าทำไม่โอเคไปหมด เรื่องขอเรื่องคือ ช่วงเราเล็กๆ แม่เรา เป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จการงานดีมากๆ แต่ไม่ได้เลี้ยงเราเลยค่ะ เค้าทำงานงกๆ ไปต่างประเทศบ่อยๆ เราอยู่กะพ่อกะพี่เลี้ยงเป็นหลัก ทุกครั้งที่เรามีปัญหา เวลาเอาปัญหาไปคุยกะแม่ คำพูดที่ได้กลับมา ทำให้เรารู้สึกทุกครั้งว่า เรายังไม่ดีพอ เวลาที่เรามีอะไรดีๆ เล่าออกมา เราก็มักจะได้คำพูดประมานว่า ตอนเค้าทำมันดีกว่าที่เราทำ อาจจะเป็นเพราะเรามีกำแพงอยู่ก่อนด้วยหล่ะ ฟังทีไร เป็นแบบนี้ตลอดเลย แต่เราก็ลองให้สามีมาฟังแบบคนนอกแล้วนะ เค้าก็บอกว่ามันแบบนั้นจริงๆ แต่คือมันเป็นธรรมชาติของครอบครัวเธอ ฮืออออออ
ต่างกับคนที่เราคิดว่าเรารักที่สุดในโลก คือยายของเรา สารภาพว่าบางครั้งเดินเข้าบ้านแม่เราก็ปวดหัวแล้ว แต่เข้าบ้านยาย เรารู้สึกหายเครียด ตั้งแต่หน้าบ้านแล้ว คุยกันได้ทุกเรื่องทั้งที่วัยต่างกัน 60 ปี ยายเราเป็นคนเยอะพอควร ขี้กังวล แต่เราแคร์เค้าไง หงุดหงิดน่ะมี แต่ยินดีทำให้ทุกอย่างถ้าทำได้ เรื่องไหนที่ขอแล้วไม่โอเค ก็ใจเย็นพอที่จะคุยดีๆ เสมอ ยายป่วยไข้ทีเรานี่จะเป็นจะตาย ให้ได้ นั่นคือสิ่งที่เป็น
เราวิเคราะห์ตัวเองจริงๆ ว่าเราอยู่กับแม่เหมือนอยู่ด้วยหน้าที่ แต่อยู่กับยายเหมือนอยู่ด้วยใจรัก เรารู้สึกแย่จริงๆนะ ที่รู้ตัวว่าเป็นแบบนั้น แต่คือมันเป็นความรู้สึกจริงๆ ที่เรายอมรับตัวเอง เราก็อยากทำให้ทุกอย่างมันดีกว่านี้ แต่คือ 35 แล้ว มันเปลี่ยนยาก ไม่ต้องพูดถึงแม่เลย ยังไงก็ไม่เปลี่ยน เมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่แล้ว ได้อ่านข้อความเรื่อง "ลูกสาวแม่ เราไม่เคยมีบุญต่อกัน" ของ page เลี้ยงลูกนอกบ้าน ขอโทษด้วยนะคะถ้ารายละเอียดไม่ถูกต้อง ยอมรับเลยว่า น้ำตาไหลพรากเลยค่ะ มันเหนื่อยแบบบอกไม่ถูก
อยากให้เรื่องของเรา เป็นเครื่องเตือนพวกแม่ๆ ที่อาจจะมีบางอย่าง หรือหลายอย่าง เหมือนกันแม่ของเรา ว่าผลลัพธ์ของครอบครัว มันเกิดจากสิ่งที่ แม่ๆทำให้ลูกนั่นเอง เมื่อมันเกิดมาแล้ว เราที่เป็นลูกบางครั้งก็รู้นะคะว่า มันไม่ควร แต่ สารภาพตามตรงจากใจ เลยค่ะ ว่า