ผมเป็นคนหนึ่งที่เป็นสาวกของเชตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว

แต่ก็ไม่เคยคิดว่าในอนาคตเชจะมาช่วยชาวโลกได้อย่างจริงๆจังๆ
แน่นอนเพราะเชถูกซีไอเอฆ่าตายในโบลิเวียไปแล้ว
แต่ผมก็กลับมาทึ่งเมื่อเห็นบทความมากมายเกี่ยวกับคิวบาเช่น
"ศุนย์วิจัยมะเร็งสหรัฐ ตกลงกับศูนย์ภูมิคุ้มกันวิทยาของคิวบา พัฒนาวัคซีนมะเร็งปอด
ที่ช่วยยื้อชีวิตผู้ป่วยออกไป 4-5 เดือน และมีผลข้างเคียงน้อย
ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กของสหรัฐ นายแอนดรูว์ คูโอโม แถลงว่า
ศูนย์วิจัยโรคมะเร็ง รอสเวลล์ พาร์ค ในเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก
บรรลุข้อตกลงกับศูนย์ภูมิคุ้มกันวิทยาโมเลกุลของคิวบา เพื่อร่วมพัฒนาวัคซีนรักษาโรคมะเร็งปอด
โดยจะมีการทดสอบการรักษาในสหรัฐ ความเคลื่อนไหวครั้งนี้
นับเป็นการทำข้อตกลงร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างสองประเทศ
นับตั้งแต่รัฐบาลสหรัฐประกาศฟื้นความสัมพันธ์กับคิวบาเมื่อปลายปีที่แล้ว"
และบทความจากสถาบันวัคซีนฯ ของคุณกฤษณา นุราช
เรื่อง "เวียดนามรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนจากคิวบา"
สำหรับเมืองไทยเองก็มีความร่วมมือกับคิวบา เช่น
"สยามไบโอไซเอนซ์ จับมือคิวบา เดินหน้าผลิตยาชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilars)
เพื่อการรักษาโรคร้ายแรง และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงยาของผู้ป่วย"
แน่นอนคนที่มีบทบาทเกี่ยวข้องมากมายในการผลักดันให้คิวบาขึ้นเป็นประเทศ
แนวหน้าของโลกด้านไบโอเทคโนโลยีก็คือลูกสาวของเชเอง
คุณหมออไลด้าเป็นหมอเด็กซึ่งเชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันระดับแนวหน้าของโลก
ทั้งที่จำได้ว่าตอนเด็กๆเธอออกจะมีปัญหาชีวิตมากมาย เคยอดข้าว
เพราะเชเคร่งครัดมากเกินไป ไม่ยอมให้ลูกมีชีวิตที่สุขสบายเหมือนลูก
รัฐมนตรีคนอื่นๆ และเป็นคนที่หน้าตาไม่ดีเหมือนพ่อ
เธออาจขมขื่นนิดๆด้วย ที่เชเคยฆ่าคนอย่างทารุณ
Che wrote: “I fired a .32 calibre bullet into the right hemisphere of his brain
which came out through his left temple. He moaned for a few moments, then died.”
ในภาพคาสโตรกับเชกำลังหัดให้หมออไลด้าสูบซิก้าร์

ภาพปัจจุบัน

ลองอ่านบทความรีวิวในเวบนี้ก็ได้
http://blog.ihs.com/cubas-advances-in-biotech-a-developing-country-with-a-highly-developed-biotech-sector
ลูกสาวเชกลับมาช่วยชาวโลกแล้ว
แต่ก็ไม่เคยคิดว่าในอนาคตเชจะมาช่วยชาวโลกได้อย่างจริงๆจังๆ
แน่นอนเพราะเชถูกซีไอเอฆ่าตายในโบลิเวียไปแล้ว
แต่ผมก็กลับมาทึ่งเมื่อเห็นบทความมากมายเกี่ยวกับคิวบาเช่น
"ศุนย์วิจัยมะเร็งสหรัฐ ตกลงกับศูนย์ภูมิคุ้มกันวิทยาของคิวบา พัฒนาวัคซีนมะเร็งปอด
ที่ช่วยยื้อชีวิตผู้ป่วยออกไป 4-5 เดือน และมีผลข้างเคียงน้อย
ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กของสหรัฐ นายแอนดรูว์ คูโอโม แถลงว่า
ศูนย์วิจัยโรคมะเร็ง รอสเวลล์ พาร์ค ในเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก
บรรลุข้อตกลงกับศูนย์ภูมิคุ้มกันวิทยาโมเลกุลของคิวบา เพื่อร่วมพัฒนาวัคซีนรักษาโรคมะเร็งปอด
โดยจะมีการทดสอบการรักษาในสหรัฐ ความเคลื่อนไหวครั้งนี้
นับเป็นการทำข้อตกลงร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างสองประเทศ
นับตั้งแต่รัฐบาลสหรัฐประกาศฟื้นความสัมพันธ์กับคิวบาเมื่อปลายปีที่แล้ว"
และบทความจากสถาบันวัคซีนฯ ของคุณกฤษณา นุราช
เรื่อง "เวียดนามรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนจากคิวบา"
สำหรับเมืองไทยเองก็มีความร่วมมือกับคิวบา เช่น
"สยามไบโอไซเอนซ์ จับมือคิวบา เดินหน้าผลิตยาชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilars)
เพื่อการรักษาโรคร้ายแรง และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงยาของผู้ป่วย"
แน่นอนคนที่มีบทบาทเกี่ยวข้องมากมายในการผลักดันให้คิวบาขึ้นเป็นประเทศ
แนวหน้าของโลกด้านไบโอเทคโนโลยีก็คือลูกสาวของเชเอง
คุณหมออไลด้าเป็นหมอเด็กซึ่งเชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันระดับแนวหน้าของโลก
ทั้งที่จำได้ว่าตอนเด็กๆเธอออกจะมีปัญหาชีวิตมากมาย เคยอดข้าว
เพราะเชเคร่งครัดมากเกินไป ไม่ยอมให้ลูกมีชีวิตที่สุขสบายเหมือนลูก
รัฐมนตรีคนอื่นๆ และเป็นคนที่หน้าตาไม่ดีเหมือนพ่อ
เธออาจขมขื่นนิดๆด้วย ที่เชเคยฆ่าคนอย่างทารุณ
Che wrote: “I fired a .32 calibre bullet into the right hemisphere of his brain
which came out through his left temple. He moaned for a few moments, then died.”
ในภาพคาสโตรกับเชกำลังหัดให้หมออไลด้าสูบซิก้าร์
ภาพปัจจุบัน
ลองอ่านบทความรีวิวในเวบนี้ก็ได้
http://blog.ihs.com/cubas-advances-in-biotech-a-developing-country-with-a-highly-developed-biotech-sector