อุทาหรณ์สำหรับใครๆก่อนตัดสินใจไปทัวร์ญี่ปุ่น

สวัสดีค่ะ อันนี้เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ ยืมไอดีเพื่อนมาค่ะ เราตัดสินใจตั้งกระทู้เพราะต้องการเตือนคนที่อยากไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น และกำลังอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะไปกับทัวร์ดีหรือเปล่า โดยเนื้อหาในกระทู้จะเกี่ยวกับสิ่งที่เราเจอกับการตัดสินใจไปกับทัวร์นะคะ ซึ่งแตกต่างจากที่เราคิดไว้มาก (ยาวรวดเดียวจบนะคะ อ่านกันเพลินๆก็ได้ค่ะ)

เนื่องจากเรายังไม่เคยไปประเทศญี่ปุ่น จึงตัดสินใจเดินทางไปกับทัวร์ โดยหาข้อมูลเบื้องต้นคร่าวๆเกี่ยวกับอากาศ มารยาท ของฝากฯลฯ แต่อาจเป็นข้อบกพร่องของเราเองที่ไม่ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับ โรงแรม หรือสถานที่ในโปรแกรมทัวร์ให้ดีก่อน  ตื่นเต้นค่ะ และแล้ววันเดินทางก็มาถึง แรกๆไม่มีอะไรค่ะ แต่ไกด์ดูเหมือนไม่ค่อยเทคแคร์ดูแลเท่าไหร่ เพราะมาแนะนำตัวตอนแรกแล้วก็หายไป เราเลยกะเวลาใกล้ boarding แล้วเดินผ่าน ตม. เข้าไปเองเลยค่ะ ถึงเจอเขาตอนทางไป gate ขึ้นเครื่อง แอบคิดว่ามันแปลกๆ เพราะเราเองก็เคยเดินทางกับทัวร์ เขาจะอธิบายทุกอย่าง พาเดินไปสักพัก  แต่อันนี้เหมือนปล่อยๆยังไงไม่รู้

หลังจากนั้นพอถึงประเทศญี่ปุ่น ตามกำหนดคือไปล่องเรือโจรสลัด (10นาที ลงสถานีแรก) ไปหุบเขาไข่ดำ ศาลเจ้าฮาโกเน่ Gotemba Outlet บุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ ตบท้ายด้วยออนเซ็น สรุปคือ ได้ไปเกือบครบ ไม่ได้กินไข่ดำค่ะ เพราะทางการ ญี่ปุ่นไม่ให้เข้า เนื่องจากกลัวผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่เพิ่งมีคำเตือนมา ซึ่งทุกคนในทัวร์เข้าใจค่ะ  และไม่ได้แวะศาลเจ้าฮาโกเน่  วนรถผ่านไปเฉยๆเพราะไกด์บอกว่ามันไม่มีอะไรค่ะ แวะดูไปก็งั้นๆ แต่เราคิดว่าไกด์อาจจะขี้เกียจพาเดินขึ้นบันได(หรือเปล่า) คือมันไม่มีอะไรของเขาเพราะเขาเคยเห็นแล้วไง แต่ยังไม่อะไรมากค่ะ ไม่ดูก็ไม่ดู ซึ่งจากที่เราสังเกต เขาไม่ค่อยพูดเรื่องประวัติศาสตร์ หรือเกร็ดความรู้อะไรเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นเท่าไหร่เลย (ทัวร์ฟรีที่เราเคยไปยังพูดมากกว่านี้อีก พูดจนทุกคนบนรถหลับหมดเขาถึงหยุดพูด แถมเป็นข้อมูลเชิงลึกสุดๆ) แต่เขาได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับคนไทย ที่ซื้อทัวร์มาญี่ปุ่น แล้วโดดร่มอยู่ที่นี่ โดยพูดว่า เนี่ย คนไทยบางคนนะ ก็ซื้อทัวร์มาญี่ปุ่น บางคนถึงสนามบินก็หายไปเลย บางคนก็มาแอบกระซิบบอกผมในวันฟรีเดย์ ว่าผมไม่กลับด้วยนะ เพราะทัวร์มันถูกไง ราคาแค่ 3x.xxx บาท (ราคาเท่ากับที่กรุ๊ปเราต้องจ่ายต่อคน) พอคนโดดร่มปุ๊บ ผมคิดเลย นั่นไง หายไปละทิปผม (อาจจะเป็นลักษณะอาการพูดเล่น แต่ฟังๆละเหมือนดูถูกลูกทัวร์ที่จ่ายเงินมาในราคานี้ยังไงไม่รู้แหะ)

วันต่อมาตามโปรแกรมคือ ภูเขาไฟฟูจิ พิพิธพัณฑ์แผ่นดินไหว ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ shoppingชินจุกุ ก็ได้ไปครบนะคะ แต่ตามโฆษณาคือ จะได้ถ่ายรูปกับภูเขาไฟฟูจิ สัมผัสกับทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่หอมบานสะพรั่ง shoppingแบบจุใจ แต่คือไม่ได้ถ่ายกับภูเขาไฟฟูจิ หรือการที่ได้ขึ้นไปบนนั้นคือการถ่ายรูปกับภูเขาไฟฟูจิ แต่เราคิดว่าเป็นการถ่ายรูปกับหมอกและคนจีนมากกว่า (ไม่ได้เหยียดคนจีนนะคะ จะสื่อว่าคนจีนเยอะมากเฉยๆ^^) เทียบกับคนที่ตัดสินใจไปเอง เขายังได้ถ่ายรูปกับภูเขาไฟฟูจิเลย (หรือเพราะช่วงเวลามันไม่ได้ งั้นก็ไม่ควรโฆษณาหลายอย่างเกินจริงสิคะ) ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ก็สวยดี แต่ไม่บานสะพรั่ง เพราะไม่ใช่ฤดูค่ะ (เข้าใจ TT ซื้อทัวร์มาเวลานี้เองนิเน๊าะ) จากนั้นแวะชินจุกุแปปเดียว เพราะเวลาเหลือน้อย ระหว่างนั้นไกด์ก็ขอเก็บเงินค่าทิปของคนขับรถ เป็นจำนวนเงิน คนละ 2,500เยน ทั้งๆที่ในใบรายการทัวร์ บอกว่าคนละ 2,000เยน ทุกคนก็จ่ายๆไป (ด้วยความเกรงใจไกด์ค่ะ คนไทยอยู่ที่ไหนก็น่ารัก เหมือนเกรงใจคนยืมตังค์ ไม่กล้าทวงไงคะ 55+) และเดินทางไปนอนที่พักแถวๆสนามบินนาริตะค่ะ ใช้เวลาเดินทาง 2 ชม....

และภายในคืนนั้น ไกด์บอกว่า ถ้าใครอยากสั่งขนมที่เค้า ให้เอาใบรายการมาให้ตอน สามทุ่ม ที่Lobby เลยมีลูกทัวร์บางคนออกไปเดินเที่ยวก่อน ส่วนเราก็ขึ้นไปจัดของอะไรบทห้อง เราก็อิสระอาหารเย็นหยอดตู้กินหนม กะมาม่าในโรงแรมไป ปรากฎว่าประมาณ 20:00 กว่าๆ เค้าโทรมาให้ลงเอาใบรายการมาให้เลย เราก็งงๆว่านัดสามทุ่ม แล้วมาโทรรบกวนกะทันหัน ก็ตลกดี จากนั้นประมาณสามทุ่มตามเวลานัด ลูกทัวร์ที่เขาไปเดินเที่ยวก็กลับมาที่Lobby ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่เจอไกด์ พี่เขาจึงไปเคาะห้องเพื่อเอาออเดอร์ไปให้ (เอาเงินไปให้) ไกด์กลับตวาด(ได้ยินมาอีกที)ว่า ทำไมไม่รู้จักเวลา ลูกทัวร์ท่านนั้นเค้าก็อารมณ์เสียนิดหน่อย ไม่งั้นก็ไม่มาถึงหูเราหรอกค่ะ

การพักที่นาริตะในคืนนั้น นำไปสู่สิ่งที่ช้ำใจที่สุดของทัวร์นี้คือ วันรุ่งขึ้นเป็นวันฟรีเดย์ค่ะ ! ฟรีเดย์แถวๆสนามบินนาริตะ (ไม่รู้จะให้ไปฟรีเดย์ที่ไหน ในโรงแรมหรือรันเวย์) ตอนแรกเราคิด(ไปเอง)ว่าคงได้พักในเมืองแถวๆชินจุกุ ตามโปรแกรมทัวร์บอกว่า ไกด์จะแนะนำการเดินทางไปยังฮาราจุกุ  ศาลเจ้าเมจิ ชิบูย่า หรือใครจะเลือกซื้อทัวร์ไปกับดีสนีย์ก็ได้  ปรากฎว่าบริษัททัวร์ยังไม่ได้ซื้อตั๋วดีสนีย์ให้สำหรับคนที่ต้องการจะไป และจองโรงแรมในสนามบินนาริตะซึ่งห่างไกลถึง2ชม.จากย่านshopping ไกด์ก็บอกว่าปกติวันฟรีเดย์ไกด์อื่นเค้าทิ้งเลยนะครับ ผมเห็นตารางกรุ๊ปนี้ก็ตกใจ โทรไปถามบริษัทเลย แต่ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ผมเลยจะไปส่งในเมืองละกัน (ตอนแรกรู้สึกประทับใจมาก) โดยเขาโทรศัพท์จัดการเรื่องตั๋วดีสนีย์ให้คนที่จะไปดีสนีย์ และสำหรับคนที่จะเข้าเมืองมาชินจุกุจะขอให้น้องที่รู้จักมาขับรถรับส่งให้ และจะขอคิดราคาเท่ากับค่าเดินทางไปเองโดยรถไฟกับรถบัส ในราคาคนละ7,000¥  เขาก็บอก สะดวกดีนะ จ่ายราคาเท่ากัน แต่เป็นรถส่วนตัวเราเลย จะให้มารับ หรือจะกลับกี่โมงก็ได้ ทุกคนก็โอเคๆไป ยอมจ่าย เพราะเห็นว่าไหนๆก็มาแล้ว และสะดวกดี เพราะส่วนมากเพิ่งเคยเดินทางมาประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก

ทีนี้ปัญหาคือ รถที่มารับ สามารถไปได้ทีละ6คน ส่วนคนที่จะไปมีประมาณ 12 คน ไกด์เลยจะวนรถมารับ 2รอบ แบ่งเป็น
1.รอบนัดตอน 9:00 และรับตอน 17:00 และ
2.รอบนัดตอน 11:00 นัดรับตอน 20:00 (ไหนบอกจะไป จะกลับกี่โมงก็ได้ไงคะ)
ซึ่งเขาเน้นเรื่องเวลามากๆ ปรากฎว่ารถมาเลทครึ่งชั่วโมง เมื่อเลทตอนเริ่มแล้ว ตอนต่อๆไปก็เลทๆตามกันไป ทุกคนก็รอไปดิ ผลคือกลับมารับอีกกรุ๊ปตอนประมาณเที่ยง ทำให้ลูกทัวร์บางส่วนเริ่มไม่พอใจ เพราะเวลาshopping น้อยลง พอขากลับ ใกล้จะ5โมง ทุกคนในกรุ๊ปแรกก็มายืนรอที่จุดนัดพบ ไม่กล้าไปไกล ฝนก็ตก (เพราะเค้าเน้นเรื่องเวลามาก) ปรากฎว่าเขากลับมาเลทครึ่งชั่วโมง คือมา 17:30 (เล็กน้อย หยวนๆ ได้กลับก็ดีละ) และเลทกรุ๊ปต่อไป โดยมาประมาณ  21:30  (เริ่มไม่เล็กน้อยละ) ใช้เวลาเดินทางอีกเกือบๆ 2ชม.
สรุปคือ กรุ๊ปแรกกลับมาตอน 19:30 และกรุ๊ปสองกลับมาตอนเกือบ 23:00 ซึ่งบางคนก็บ่นๆ ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเสียเงินเพิ่มอีก. 7,000¥ (~1,900-2,000฿) แถมยังต้องมายืนรออีก โดยเฉพาะกรุ๊ปสองยืนรอจนเมื่อยเลย แถมระหว่างเดินทาง ยังคุยโทรศัพท์ในรถกระหนุงกระหนิงกะแฟนอีกนะ ตัวเอง ของที่ตัวเองอยากได้อ่ะ มันไม่มี เดี๋ยวจะไปดูอีกที่นะ ซึ่งก็น่ารักดี ถ้าไม่ติดว่าทุกคนกำลังนอนอยู่ และเสียงคุณปลุกให้ตื่น เขาอาจจะบอกว่าไม่ใช่เวลางาน เพราะเป็นวันฟรีเดย์ แต่ขอโทษนะคะ ลูกทัวร์จ้างคุณมารับส่งวันนี้นะคะ หรือคุณจะเถียงว่าจ้างน้องคุณมา โดยมีคุณมาเป็นเพื่อน ก็แล้วแต่ค่ะ (อีกอย่างตามมารยาท ชาวบ้านนอนหลับคุณก็ไม่ควรพูดโทรศัพท์เสียงดังๆนะ)

เข้าวันต่อมาซึ่งเป็นวันกลับ ตอนกินอาหารเช้า เราก็แอบได้ยินบางโต๊ะคุยกันนะ บ่นๆเรื่องที่ต้องรอนานนี่แหละ แต่ก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร โปรแกรมวันนี้คือ ถ่ายรูปคู่กับโตเกียวสกายทรี (ได้ถ่ายแต่ภายนอกประมาณ5นาที) เที่ยววัดอาซากุสะ shoppingฮาราจุกุ เมืองโอไดบะที่เอาขยะมาถมทะเล และขึ้นเครื่องที่สนามบินฮาเนดะเพื่อกลับประเทศไทย ซึ่งไกด์ก็จะพาไปถึงสถานที่นั้นๆแล้วนัดเวลาเจอกันอีกทีเป็นเวลาๆไป และเขาก็จะอันตรธานหายไป เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ระหว่างเที่ยววัดอาซากุสะ เราเห็นกรุ๊ปทัวร์อื่นๆ ไกด์เขามาด้วย มาอธิบายนู้นนี่นั่นให้ฟัง แต่เราไม่มีใครมาอธิบายเลย ประวัติความเป็นมาอะไร ไหว้พระอะไรตรงไหน ก็เดินมั่วๆไป เขาจุดธูปกันก็จุด ถ่ายรูปไป เซียมซีไป ก็ดีละค่ะ  เป็นการฝึกทักษะช่วยเหลือตัวเอง (ถ้างั้น Backpack เองก็ได้ป้ะ)

พอใกล้ถึงเวลานัดประมาณ 5-10 นาที เขาก็กลับมา และลูกทัวร์ส่วนมากก็กลับมาละ รวมทั้งเราด้วย เขาจึงบอกว่าเดี๋ยวจะเดินไปกินข้าวเที่ยงกัน ปรากฎว่าเขาลืมลูกทัวร์ไปสองคน เพราะมีคนบอก เขาถึงนึกได้ และเราทุกคนก็รอ จนครบแล้วก็เดินกันต่อ เขาก็ตำหนิเล็กน้อย (เราคิดว่าลูกทัวร์มาตรงเวลานะ แต่คนครบก่อนเวลาไง ก็แอบคิดว่าไม่ใช่ความผิดของสองคนนั้น)

จากนั้นก็ไป Shopping ที่ย่านฮาราจุกุ ไกด์บอกว่าเดี๋ยวจะเดินพาไปส่งที่ Shop ของ Onitsuka Tiger ก่อน แล้วค่อยแยกย้าย  สรุปค่ะ ไกด์หายไป ไม่ไปส่งละ เดินกันเองอีกละค่าา (จริงๆเดิน shopping ก็ต้องเดินใครเดินมันอ่ะนะ แต่ก็คิดว่าจ่ายค่าทัวร์มา เหมือนเป็นค่ารถ พาไปส่งเป็นที่ๆ นัดเวลาเจอ แล้วไปต่อ กับอาหารอีกบางมื้อ มาเองประหยัดกว่าชัวร์ๆ แต่ไม่ได้มาเองไง คิดว่ามากะทัวร์จะดีกว่านี้)

ยาวจัง จะจบละๆ

จากนั้นก็ไปแวะที่ Tokyo Diversity (ที่มีกันดัมตัวใหญ่ๆ) ไกด์บอก อีกสองชั่วโมงเจอกันที่รถครับ ใครหิวก็กินข้าวได้ หรือไว้ไปกินสนามบินก็ได้ครับ เพราะอิสระอาหารเย็น (ทั้งทัวรืมีอิสระอาหารเย็น 4 มื้อ อาหารเช้าโรงแรม 3 มื้อ และอาหารในทัวร์ 4 มื้อ) และก็กลับสนามบินนน เห้อ จะได้กลับบ้านสักที หลังจากแพ็คของกันหน้าสนามบิน ก็เช็คอินใคร เช็คอินมัน และเราก็เผ่นแน่บเข้าไปเลยค่ะ ขี้เกียจรอใครละ หิวด้วย ไปหาซื้อขนมของฝากอีก ก็ได้ไปเจอลูกทัวร์บางท่าน เราก็แอบเม้าๆเรื่องทริปนี้นิดหน่อย ความจริงก็ปรากฎอีกอย่างคือ..ไกด์ได้รองเท้ามาจำนวนนึงค่ะ บอกว่าลูกค้าฝากซื้อ แอบคิดว่า มันก็คือพรีออเดอร์ดีๆป้ะแว้ะะ อ่อออ ที่หายไปไม่ดูแลลูกทัวร์นิไปหาซื้อของไปขายอยู่ใช่ไหม ฮื้อๆ มีเอาใบประเมินมาให้ประเมินอีกนะคะ ก็ประเมินไปไม่ค่อยดีอ่ะค่ะ มีข้อนึงถามว่าจะมากับทัวร์..อีกไหม ตอบเลยค่ะว่า ไม่!!! สะใจจริงๆ

จบค่ะ..เป็นยังไงคะ เราเยอะเองหรือทัวร์กากคะ แสดงความคิดเห็นกันได้นะคะอยากรู้ หรือใครมีกากกว่าก็เชิญเล่าสู่กันฟังค่ะ 55+

ปล. จุดประสงค์ไม่ได้ต้องการดีสเครดิตหรือเรียกร้องอะไรทั้งนั้น ขออโหสิกรรมให้ทั้งหมด (กะจะไม่ตั้งกระทู้ละด้วยซ้ำ) เพียงแต่อยากแชร์เรื่องราวของตัวเองให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนอื่นๆ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ ใช้เงินและเวลาไปกับการท่องเที่ยวที่จรรโลงจิตใจ และเราขอให้ผลบุญกุศลที่เราทำในครั้งนี้ ดลบันดาลให้เราพบเจอทัวร์ที่ดีๆๆๆๆในครั้งหน้าด้วยเทอญญญ ส๊าาาาาธุ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่