ขอมาแชร์ประสบการ์ณบ้างนะครับ
เราเองก็เคยร่ำเรียนเพียรศึกษาอยู่ ณ "มหาลัยชื่อดังย่านบางเขน" เช่นเดียวกับ จขกท. "สิ่งลี้ลับในมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านบางเขน"
(แต่ไม่รู้ว่าจะใช่ที่เดียวกันหรือเปล่านะ เราอยู่คณะที่เรียนเกี่ยวกับ "กุ้ง หอย ปู ปลา" น้ำเต้าเสือไก่...ไม่เกี่ยว ^^ )
เรื่องที่เราจะมาเล่านั้นหาใช่จะเกี่ยวกับคณะเราไม่ (เพราะอะไรเดี๋ยวมาอธิบายตอนหลัง)
เอาเรื่องที่ชัดๆก่อนเลยดีกว่า ชัดที่สุดเท่าที่จะชัดได้ ชัดจน...ช่วงนั้น เราเชื่อเรื่องนี้เอามากๆ
คือเรื่องมีอยู่ว่า..."เราอาศัยอยู่ในหอในของมหาลัยคับ"
มหาลัยชื่อดังย่านบางเขนที่เราเรียนนั้น มีหอในให้กับนิสิตนักศึกษาที่บ้านไกล ต่างจังหวัด (แต่ต้องได้รับการคัดเลือกนะ จับฉลากเอาจร้า)
ซึ่งถูกและสะดวกสบายพอสมควรนะ ถ้าไม่นับรวมการที่จะต้องอยู่อาศัยร่วมกับผู้อื่นอีก และเรื่อง "กิจกรรมสันทนาการ" ที่มีประประเพณี
แต่นั้นก็ไม่ได้สร้างความลำบากในการตัดสินใจที่จะเลือกเข้าอยู่ในหอของมหาลัยเลย จนกระทั่งทุกอย่างกำลังจะผ่านไปด้วยดี...
ขอเกริ่นก่อนครับ หอที่เราอยู่ มีลักษณะเป็นตึกแฟด แยกออกมาจากหอในตึกอื่นๆ
ตึกที่เราอยู่นั้น ด้านระเบียงห้องจะติดสวนต้นไม้รกๆ มองออกไปสามารถเห็นศาลเจ้าที่พวกเรานับถือ (และมักจะมีคนไปบนนู้นนี่บ่อยๆ)
ส่วนอีกฝั่ง จะมองเห็นอีกตึกที่เป็นแฟดกัน ไม่ใกล้มาก(กลางคืนมองไม่เห็นคนอย่างชัดเจอ)
แต่ก็ไม่ไกลจนสังเกตุเห็นการเคลื่อนไหวของคนที่อยู่อีกตึกได้
ห้องเราเลขสวยครับ ลงท้ายด้วยเลข 13 มองผ่านหลังห้องเห็น "ศาลเจ้า" มองผ่านหน้าห้องเจอ "ห้องน้ำ"
คือเจอห้องน้ำเป็ฯอย่างนี้ทุกห้องเลขคี่ ที่ประตู้ห้อง จะตรงกับประตูห้องน้ำ
แต่มีไม่กี่ห้องหรอกที่ ถ้าอยู่ในห้องน้ำ เปิดประตู้หน้าห้องและหลังห้องไว้ แล้วจะมองเห็นศาลเจ้า -.-
(อันนี้ตามหลังฮวงจุ่ย ถือว่า อัปมงคลนะ เท่าที่เคยมีคนบอก ถูกผิด ขออภัย)
ต่อไปนี้ผมจะเรียกหอในมหาลัยว่า "ตึก" และเพื่อน พี่ น้อง ที่หอในมหาลัย จะเรียกว่า "เพื่อนตึก พี่ตึก น้องตึก" นะครับ
ไม่รอช้า มาเริ่มที่เรื่องที่ 1 กันเรย !!
...เรื่องนี้ขอบอกว่าเกิดขึ้นหลังสุด แต่เบาๆชิวๆสุด เลยขอเอามาเป็นปฐมบทแระกันนะครับ
เรากับเพื่อนเรา ครั้งหนึ่งก็เกิดอารมณ์อยากกินลมชมวิว ก็ได้พากันขึ้นไปบทดาดฟ้าตึก ซึ่งวิวจะสวย แล้วลมจะพัดเย็นสบายมากครับ
แต่แอบหน้ากลัว เพราะมองด้างหนึ่งก็จะเห็นดาดฟ้าของอีกตึก ซึ่งไม่มีไฟ อาศัยไฟสลั่ว และแสงสะท้อนจากป้ายไฟของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในระแวกนั้น (ป้ายไฟใหญ่มาก ใกล้กันมาก และแสงสว่างมากครับ)
อีกด้านหนึ่ง จะเห็นเป็นผืนใบไม้ของต้นไม้ที่อยู่ข้างล่าง (ปรายยอดของต้นไม้อ่ะ แต่มาต่อๆกันหน่าๆกลายเป็นเหมือนสนามหญ้า)
ฝั่งสนามหญ้านั้นหลอนไป เราเลยมานั่งแล้วมองไปอีกฝั่งหนึ่งกัน
ระหว่างที่พูดคุยกันไปมานั้น หนึ่งในกลุ่มเพื่อน ซึ่งได้รับการขนานนามว่าจิตอ่อน และมีเซ้นส์รุนแรงพอตัว ก็ได้ทำท่าทีแปลกๆ
พวกเราเข้าใจตรงกันว่า มันคงไปเห็นไปเจออะไรเข้าให้แล้วแหละ เพราะที่ตึกของเรา เรื่องเล่าก็มีพอตัว
แต่ที่แปลกไปคือ สายตามันดูตกใจ มันไม่ใช่หวาดกลัวหรือหวาดระแวง !!
เราเองซึ่งเป็นคนปากไวโดยธรรมชาติ ถามออกไปโดยความยังคิด "เมิงเป็น Here อะไรว่ะ ตกใจไรเมิงงงง" ??
"ตรูเห็นคนกระโดดตึกหว่ะ" !!!
เห้ยยยย !! ขำป่าว พวกเราถามอย่างพร้อมเพรียง ถ้ามีเหตุการ์ณนั้นเกิดขึ้นจริงๆ คนข้างล้างคงแตกตื่นกันบ้างแล้ว
แต่คำตอบที่พวกผมได้รับจากเพื่อนคนนั้น ทำให้พวกผมต้องสงบปากสงบคำแล้วกลับไปห้องของตัวเอง
"ตรูเห็นเค้าโดดมาหลายรอบแระ ไม่เชื่อพวกคุณเมิงงลองมองไปที่ดาดฟ้าตึกนู้นสิ" ไว้กว่าความคิดก็คือสายตาของพวกเรา...
เงาดำๆจากมุมตึก ลักษณะจ้องมองมาที่กลุ่มเรา หลังจากนั้นร่างนั้นก็ร่วงลงสู้พื้นสูงราวตึก 6 ชั้นได้ !!!
ปล(สำหรับเรื่องแรก). ไปกันประมาณเที่ยงคืน จำนวน 6 ชีวิต พบเห็นเป็นเสียงเดียวกัน 4 ชีวิต เพราะอีกสองชีวิตไม่ได้มองไปยังจุดนั้น
...จอบอเรื่องที่แรก
เรื่องที่สองนี้ขอบอกก่อนว่า จะอ่านเอาสนุกก็ได้นะ เพราะมันเป็นเรื่องของความเชื่อ และอย่ามาจับผิดหรือมาม่าใส่กันเลย
เราคิดมาเล่าสิ่งที่เราสัมผัสได้เฉยๆ และมันก็อาจจะเป็นแค่ฝัน เราคิดไปเอง หรือมันไม่เกิดขึ้นจริง...ก็เป็นด้ายยยยยย
อย่าเสียเวลา !!
ตามที่ได้เล่าลักษณะสันฐานของห้องที่เราอยู่ไปในขั้นต้นแล้ว คงพอนึกภาพออกกันมั่งเนอะ แต่คงไม่ชัดเจนเท่า "ภาพคุณย่า" ที่อยู่ในห้องเรา !!
คือห้องเราจะมีภาพวาดคนแก่เพศหญิงอยู่ภาพหนึ่งครับ เป็นภาพวาดด้วยดินสอไม้ หญิงชราคนนั้นคงมีอายุร่วมราวๆ 80+ ได้
แต่ทั้งหมดนี้มันอาจจะเป็นงานศิลปะของรุ่นพี่ที่เรียนสถาปัถ หรือพวกศายศิลป์ก็ได้ แต่แกคงเป็นคนตลกมาก
ที่ใต้ภาพหญิงชราคนนั้น พี่เขาเขียน...
ชื่อ คุณย่าทวด........................
ชาตะ ... ...... ...
มรณะ ... ...... ...
คงพอนึกภาพกันออกเนอะว่ามันเป็นยังไง ...ใครนึกไม่ออก มันคือ "ภาพที่ใช้ตั้งไว้หน้าศพในงานศพ" ไงครับ
ผมถูกหลอกให้เปิดดูภาพโดยรุ่นที่ที่อยู่อาศัยร่วมห้องเดียวกัน "ถ้าวันไหนไม่มีคนอยู่ห้องให้เปิดดูภาพบนหลังตู้เสื้อผ้าด้วยนะ"
เราก็เด็กน้อยหอยสังข์เหลือเกิ๊น ไม่เอ๊ะใจอะไรเล๊ย วันนั้นเป็นวันเสาร์ตอนเย็น ที่ทุกคนมักกลับบ้าน หรือไปไหนต่อไหนกัน
ไม่มีคนอยู่ห้อง เราก็นึกถึงคำของรุ่นพี่ได้ ก็จัดแจง เอาเก้าอี้มา ปีนขึ้น เอื้อมไปหลังตู้ หยิบรูปมา เปิดดู ...*-* (อึ้ง)
แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นครับ จนผ่านมาได้สักสองถึงสามอาทิตย์ที่เราเข้าอยู่
วันนั้นผมได้เข้าร่วมกิจกรรมกับทางตึก ก่อนหน้านี้ก็ที่คณะ จึงทำให้เหนื่อยล้า เลยจะเข้านอนไว้กว่า พี่ร่วมห้องท่านอื่นๆ
แต่กำลังจะคล้อยหลับได้นั้น ผมมีความรู้สึกเหมือนมีคนมากระตูกแขน เขย่าๆ ผมก็ลืมตาขึ้น เห็นเป็นหน้าชายแก่ ยืนจ้องผมในระยะประชิด
(เตียงที่นอนเป็นเตียง 2 ชั้น ผมนอนเตียงบนครับ)
แต่ด้วยความยังสะลึมสะลือ ผมก็ขยี้ตา แล้วมองอีกที ภาพเหมือนคนๆนั้น วิ่งออกไปที่ระเบียง พร้อมกับที่พี่ห้องของผมเปิดประตูเข้ามา
ผมก็งงๆ มึนๆแล้วนอนต่อไปครับ
อืมลืมบอกว่าวันนั้นรุ่นพี่ที่ตึกพาไปไหว้ "ศาลตายาย" ที่ผมเกริ่นให้ฟังไปก่อนหน้านี้มาครับ
เบรคแปบ สาวที่กำลังแอ๊วๆกันอยู่เลิกงานแระ เด่วไปรับไปทานข้าวก่อย ค่ำๆ ดึกๆจะมาต่อให้นะ มีไม่กี่เรื่อง
ย้ำเตือนอีกครั้ง !! ขอความกรุณาอ่านด้วยวิจารณญาณ และใช้ถ้อยคำที่สุภาพอย่างปัญญาชนในการแสดงความคิดเห็น
คำเตือนต่างๆ คำอธิบายเหตุการ์ณต่างๆ จะมาสรุปให้ อย่าเพิ่งมโน หรือว่ากล่าวอะไรกันเยอะนะ ไว้จบแล้วจะมาบอก
ว่าตั้งกระทู้เล่าเรื่องสยองขวัญบ้าง ทำไม ?
สิ่งลี้ลับในหอพัก "มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านบางเขน"
เราเองก็เคยร่ำเรียนเพียรศึกษาอยู่ ณ "มหาลัยชื่อดังย่านบางเขน" เช่นเดียวกับ จขกท. "สิ่งลี้ลับในมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านบางเขน"
(แต่ไม่รู้ว่าจะใช่ที่เดียวกันหรือเปล่านะ เราอยู่คณะที่เรียนเกี่ยวกับ "กุ้ง หอย ปู ปลา" น้ำเต้าเสือไก่...ไม่เกี่ยว ^^ )
เรื่องที่เราจะมาเล่านั้นหาใช่จะเกี่ยวกับคณะเราไม่ (เพราะอะไรเดี๋ยวมาอธิบายตอนหลัง)
เอาเรื่องที่ชัดๆก่อนเลยดีกว่า ชัดที่สุดเท่าที่จะชัดได้ ชัดจน...ช่วงนั้น เราเชื่อเรื่องนี้เอามากๆ
คือเรื่องมีอยู่ว่า..."เราอาศัยอยู่ในหอในของมหาลัยคับ"
มหาลัยชื่อดังย่านบางเขนที่เราเรียนนั้น มีหอในให้กับนิสิตนักศึกษาที่บ้านไกล ต่างจังหวัด (แต่ต้องได้รับการคัดเลือกนะ จับฉลากเอาจร้า)
ซึ่งถูกและสะดวกสบายพอสมควรนะ ถ้าไม่นับรวมการที่จะต้องอยู่อาศัยร่วมกับผู้อื่นอีก และเรื่อง "กิจกรรมสันทนาการ" ที่มีประประเพณี
แต่นั้นก็ไม่ได้สร้างความลำบากในการตัดสินใจที่จะเลือกเข้าอยู่ในหอของมหาลัยเลย จนกระทั่งทุกอย่างกำลังจะผ่านไปด้วยดี...
ขอเกริ่นก่อนครับ หอที่เราอยู่ มีลักษณะเป็นตึกแฟด แยกออกมาจากหอในตึกอื่นๆ
ตึกที่เราอยู่นั้น ด้านระเบียงห้องจะติดสวนต้นไม้รกๆ มองออกไปสามารถเห็นศาลเจ้าที่พวกเรานับถือ (และมักจะมีคนไปบนนู้นนี่บ่อยๆ)
ส่วนอีกฝั่ง จะมองเห็นอีกตึกที่เป็นแฟดกัน ไม่ใกล้มาก(กลางคืนมองไม่เห็นคนอย่างชัดเจอ)
แต่ก็ไม่ไกลจนสังเกตุเห็นการเคลื่อนไหวของคนที่อยู่อีกตึกได้
ห้องเราเลขสวยครับ ลงท้ายด้วยเลข 13 มองผ่านหลังห้องเห็น "ศาลเจ้า" มองผ่านหน้าห้องเจอ "ห้องน้ำ"
คือเจอห้องน้ำเป็ฯอย่างนี้ทุกห้องเลขคี่ ที่ประตู้ห้อง จะตรงกับประตูห้องน้ำ
แต่มีไม่กี่ห้องหรอกที่ ถ้าอยู่ในห้องน้ำ เปิดประตู้หน้าห้องและหลังห้องไว้ แล้วจะมองเห็นศาลเจ้า -.-
(อันนี้ตามหลังฮวงจุ่ย ถือว่า อัปมงคลนะ เท่าที่เคยมีคนบอก ถูกผิด ขออภัย)
ต่อไปนี้ผมจะเรียกหอในมหาลัยว่า "ตึก" และเพื่อน พี่ น้อง ที่หอในมหาลัย จะเรียกว่า "เพื่อนตึก พี่ตึก น้องตึก" นะครับ
ไม่รอช้า มาเริ่มที่เรื่องที่ 1 กันเรย !!
...เรื่องนี้ขอบอกว่าเกิดขึ้นหลังสุด แต่เบาๆชิวๆสุด เลยขอเอามาเป็นปฐมบทแระกันนะครับ
เรากับเพื่อนเรา ครั้งหนึ่งก็เกิดอารมณ์อยากกินลมชมวิว ก็ได้พากันขึ้นไปบทดาดฟ้าตึก ซึ่งวิวจะสวย แล้วลมจะพัดเย็นสบายมากครับ
แต่แอบหน้ากลัว เพราะมองด้างหนึ่งก็จะเห็นดาดฟ้าของอีกตึก ซึ่งไม่มีไฟ อาศัยไฟสลั่ว และแสงสะท้อนจากป้ายไฟของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในระแวกนั้น (ป้ายไฟใหญ่มาก ใกล้กันมาก และแสงสว่างมากครับ)
อีกด้านหนึ่ง จะเห็นเป็นผืนใบไม้ของต้นไม้ที่อยู่ข้างล่าง (ปรายยอดของต้นไม้อ่ะ แต่มาต่อๆกันหน่าๆกลายเป็นเหมือนสนามหญ้า)
ฝั่งสนามหญ้านั้นหลอนไป เราเลยมานั่งแล้วมองไปอีกฝั่งหนึ่งกัน
ระหว่างที่พูดคุยกันไปมานั้น หนึ่งในกลุ่มเพื่อน ซึ่งได้รับการขนานนามว่าจิตอ่อน และมีเซ้นส์รุนแรงพอตัว ก็ได้ทำท่าทีแปลกๆ
พวกเราเข้าใจตรงกันว่า มันคงไปเห็นไปเจออะไรเข้าให้แล้วแหละ เพราะที่ตึกของเรา เรื่องเล่าก็มีพอตัว
แต่ที่แปลกไปคือ สายตามันดูตกใจ มันไม่ใช่หวาดกลัวหรือหวาดระแวง !!
เราเองซึ่งเป็นคนปากไวโดยธรรมชาติ ถามออกไปโดยความยังคิด "เมิงเป็น Here อะไรว่ะ ตกใจไรเมิงงงง" ??
"ตรูเห็นคนกระโดดตึกหว่ะ" !!!
เห้ยยยย !! ขำป่าว พวกเราถามอย่างพร้อมเพรียง ถ้ามีเหตุการ์ณนั้นเกิดขึ้นจริงๆ คนข้างล้างคงแตกตื่นกันบ้างแล้ว
แต่คำตอบที่พวกผมได้รับจากเพื่อนคนนั้น ทำให้พวกผมต้องสงบปากสงบคำแล้วกลับไปห้องของตัวเอง
"ตรูเห็นเค้าโดดมาหลายรอบแระ ไม่เชื่อพวกคุณเมิงงลองมองไปที่ดาดฟ้าตึกนู้นสิ" ไว้กว่าความคิดก็คือสายตาของพวกเรา...
เงาดำๆจากมุมตึก ลักษณะจ้องมองมาที่กลุ่มเรา หลังจากนั้นร่างนั้นก็ร่วงลงสู้พื้นสูงราวตึก 6 ชั้นได้ !!!
ปล(สำหรับเรื่องแรก). ไปกันประมาณเที่ยงคืน จำนวน 6 ชีวิต พบเห็นเป็นเสียงเดียวกัน 4 ชีวิต เพราะอีกสองชีวิตไม่ได้มองไปยังจุดนั้น
...จอบอเรื่องที่แรก
เรื่องที่สองนี้ขอบอกก่อนว่า จะอ่านเอาสนุกก็ได้นะ เพราะมันเป็นเรื่องของความเชื่อ และอย่ามาจับผิดหรือมาม่าใส่กันเลย
เราคิดมาเล่าสิ่งที่เราสัมผัสได้เฉยๆ และมันก็อาจจะเป็นแค่ฝัน เราคิดไปเอง หรือมันไม่เกิดขึ้นจริง...ก็เป็นด้ายยยยยย
อย่าเสียเวลา !!
ตามที่ได้เล่าลักษณะสันฐานของห้องที่เราอยู่ไปในขั้นต้นแล้ว คงพอนึกภาพออกกันมั่งเนอะ แต่คงไม่ชัดเจนเท่า "ภาพคุณย่า" ที่อยู่ในห้องเรา !!
คือห้องเราจะมีภาพวาดคนแก่เพศหญิงอยู่ภาพหนึ่งครับ เป็นภาพวาดด้วยดินสอไม้ หญิงชราคนนั้นคงมีอายุร่วมราวๆ 80+ ได้
แต่ทั้งหมดนี้มันอาจจะเป็นงานศิลปะของรุ่นพี่ที่เรียนสถาปัถ หรือพวกศายศิลป์ก็ได้ แต่แกคงเป็นคนตลกมาก
ที่ใต้ภาพหญิงชราคนนั้น พี่เขาเขียน...
ชื่อ คุณย่าทวด........................
ชาตะ ... ...... ...
มรณะ ... ...... ...
คงพอนึกภาพกันออกเนอะว่ามันเป็นยังไง ...ใครนึกไม่ออก มันคือ "ภาพที่ใช้ตั้งไว้หน้าศพในงานศพ" ไงครับ
ผมถูกหลอกให้เปิดดูภาพโดยรุ่นที่ที่อยู่อาศัยร่วมห้องเดียวกัน "ถ้าวันไหนไม่มีคนอยู่ห้องให้เปิดดูภาพบนหลังตู้เสื้อผ้าด้วยนะ"
เราก็เด็กน้อยหอยสังข์เหลือเกิ๊น ไม่เอ๊ะใจอะไรเล๊ย วันนั้นเป็นวันเสาร์ตอนเย็น ที่ทุกคนมักกลับบ้าน หรือไปไหนต่อไหนกัน
ไม่มีคนอยู่ห้อง เราก็นึกถึงคำของรุ่นพี่ได้ ก็จัดแจง เอาเก้าอี้มา ปีนขึ้น เอื้อมไปหลังตู้ หยิบรูปมา เปิดดู ...*-* (อึ้ง)
แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นครับ จนผ่านมาได้สักสองถึงสามอาทิตย์ที่เราเข้าอยู่
วันนั้นผมได้เข้าร่วมกิจกรรมกับทางตึก ก่อนหน้านี้ก็ที่คณะ จึงทำให้เหนื่อยล้า เลยจะเข้านอนไว้กว่า พี่ร่วมห้องท่านอื่นๆ
แต่กำลังจะคล้อยหลับได้นั้น ผมมีความรู้สึกเหมือนมีคนมากระตูกแขน เขย่าๆ ผมก็ลืมตาขึ้น เห็นเป็นหน้าชายแก่ ยืนจ้องผมในระยะประชิด
(เตียงที่นอนเป็นเตียง 2 ชั้น ผมนอนเตียงบนครับ)
แต่ด้วยความยังสะลึมสะลือ ผมก็ขยี้ตา แล้วมองอีกที ภาพเหมือนคนๆนั้น วิ่งออกไปที่ระเบียง พร้อมกับที่พี่ห้องของผมเปิดประตูเข้ามา
ผมก็งงๆ มึนๆแล้วนอนต่อไปครับ
อืมลืมบอกว่าวันนั้นรุ่นพี่ที่ตึกพาไปไหว้ "ศาลตายาย" ที่ผมเกริ่นให้ฟังไปก่อนหน้านี้มาครับ
เบรคแปบ สาวที่กำลังแอ๊วๆกันอยู่เลิกงานแระ เด่วไปรับไปทานข้าวก่อย ค่ำๆ ดึกๆจะมาต่อให้นะ มีไม่กี่เรื่อง
ย้ำเตือนอีกครั้ง !! ขอความกรุณาอ่านด้วยวิจารณญาณ และใช้ถ้อยคำที่สุภาพอย่างปัญญาชนในการแสดงความคิดเห็น
คำเตือนต่างๆ คำอธิบายเหตุการ์ณต่างๆ จะมาสรุปให้ อย่าเพิ่งมโน หรือว่ากล่าวอะไรกันเยอะนะ ไว้จบแล้วจะมาบอก
ว่าตั้งกระทู้เล่าเรื่องสยองขวัญบ้าง ทำไม ?