เนื่องจากดิฉันเพิ่งแต่งงานค่ะ และหลังจากนั้นก็ท้องเลย แต่ปัจจุบันไม่ได้อยู่กับครอบครัวทางบ้านสามีหรือบ้านดิฉันเองนะคะ
ปัจจุบันทำงานและอยู่ด้วยกันเพียง 2 คนเท่านั้น แต่ปัญหามันเกิดที่ว่าพอดิฉันท้องปุ้บ และตัวดิฉันกับสามีต้องทำงานด้วยกันทั้งคู่
หากลูกเกิดมาแล้ว ทำให้ไม่มีใครเลี้ยงลูก ซึ่งทางบ้านดิฉัน พ่อของดิฉันก็ไม่สบาย ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยจะได้ และแม่ของดิฉัน
ก็ต้องทำงานคนเดียว แต่เป็นงานที่เป็นกิจการของตัวเอง เลยไม่ได้ลำบากเรื่องการเดินทางมาก ส่วนทางบ้านสามีดิฉัน พ่อแม่เกษียณแล้วทั้งคู่
ดิฉันก็เลยคุยกับสามีไปว่า หากคลอดลูกออกมาแล้ว ช่วง 3 เดือนแรก ขอเลี้ยงเองก่อน จากนั้นพอเดือนที่ 4 ไปจนลูกคอเริ่มแข็งแล้ว
อยากจะขอให้แม่สามีมาช่วยเลี้ยง แต่อยากให้มาช่วยกันเลี้ยง คือมาอยู่กับดิฉันและสามี เพราะดิฉันก็อยากให้ลูกกินนมแม่
และไม่อยากให้ลูกอยู่ไกลตัวเอง คงอดคิดถึงลูกไม่ได้ ทางสามีก็เหมือนไปพูดกับทางบ้านเค้าจนเค้ายอม แต่คือออกแนวประมาณว่า
จะให้เอามาเลี้ยงที่บ้านของสามี เพราะพ่อแม่เค้าแก่แล้ว ถ้าเอาไปเลี้ยงที่บ้านเค้าจะสะดวกกว่า ซึ่งโอเค ดิฉันก็ยอม
และไปคุยกับทางแม่ของดิฉันเรียบร้อยแล้ว แรกๆแม่ของดิฉันก็ไม่ค่อยยอม เพราะพี่ชายของดิฉัน ย่าดิฉันก็เคยเอาไปเลี้ยงแต่เล็กๆ
ทำให้ไม่ผูกพันธ์กับพ่อแม่เลย แม่ของดิฉันไม่อยากให้ลูกดิฉันเป็นอย่างนั้น แต่ตอนหลังก็พยายามพูดให้แม่เข้าใจ จนแม่เริ่มใจอ่อน
จนกระทั่งมาถึงจุดเปลี่ยนค่ะ ดิฉันได้ไปบ้านสามีพร้อมกับสามีดิฉันเอง แต่ว่าในระหว่างนั่งรถเพื่อจะไปเที่ยวกัน แม่สามีได้พูดขึ้นมาว่า
ดิฉันเลี้ยงลูกไม่ได้หรอกก เลี้ยงลูกแล้วลูกเป็นใบ้ เพราะในรถสามีจะคุยกับพ่อและแม่ของเค้า แต่จะคุยกันเรื่องญาติๆ พี่ๆ น้องๆ
ซึ่งจะให้ดิฉันพูดแทรกก็คงไม่เหมาะ เพราะดิฉันเป็นแค่สะใภ้ ดิฉันก็เลยเงียบ บางครั้งก็แกล้งทำเป็นหลับบ้าง แต่เมื่อดิฉันได้ยินประโยค
ที่แม่สามีต่อว่าดิฉัน ทำให้ดิฉันเสียใจมาก แต่ไม่ได้พูดสวนกลับไป ทำได้แต่อดทน เงียบ ไม่โต้ตอบ แต่ก็อดคิดมากไม่ได้
จึงมาบอกสามีตรงๆทีหลังว่า ดิฉันไม่ชอบเลย ทำไมต้องมาว่าดิฉันแบบนั้นด้วย จนสามีเค้าก็น้ำท่วมปาก พูดได้แต่ว่าแม่เค้าพูดเล่น
แต่ดิฉันบอกดิฉันคิดจริง เพราะดิฉันเป็นคนละเอียดอ่อนกับคำพูดคนมาก และก่อนจะกลับจากบ้านพ่อแม่สามี แม่สามีก็ได้พูดกับสามีว่า
เค้าเป็นแม่ อยู่กับลูกเขยลูกสะใภ้ไม่ได้หรอก ซึ่งตอนนั้นดิฉันก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย บอกเลยค่ะว่าอึ้งมาก ไม่คิดว่าแม่สามีจะพูดแบบนั้นออกมาได้
แต่เรื่องนี้ดิฉันไม่ได้พูดอะไรกับสามี ก็ทำตัวเฉยๆไว้ เพียงแต่บอกสามีว่า พอลูกเกิดมาดิฉันคงเลี้ยงเอง ไม่รบกวนทางบ้านสามีแล้ว
ดิฉันคงให้แม่ดิฉันช่วยเลี้ยง เพราะบ้านดิฉันกับที่พักที่ดิฉันอยู่ไม่ไกลกันค่ะ ขับรถไปกลับ ประมาณ 1 ชม. แต่บ้านสามีไกลกว่า ขับรถที 2-3 ชม.
ซึ่งสามีก็พอจะเข้าใจ ดิฉันก็อ้างไปว่าลูกต้องกินนมแม่ เดี๋ยวเด็กไม่แข็งแรง และอีกอย่างถ้าดิฉันคิดถึงลูก ดิฉันจะได้แว๊บกลับบ้านไปดูลูกได้
คือดิฉันคงให้แม่ดิฉันช่วยเลี้ยงเป็นบางวันค่ะ เพราะดิฉันเองทำงานประจำ แต่ไม่ได้ทำทั้งวัน คือยังมีเวลาแว๊บไปหาลูกได้
ตอนนี้ดิฉันก็เครียดมากเลยค่ะ เรื่องแม่สามี เครียดจนเอาไปฝัน ว่าเค้าจะมาพรากลูกของดิฉันไป ทำให้ดิฉันรู้สึกไม่ดี มีอคติ
และเริ่มไม่อยากไปบ้านสามีเลย ตอนนี้ดิฉันเลยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปดี
ปล. แม่ดิฉันก็รู้เรื่องที่แม่สามีต่อว่าดิฉัน แต่แม่ดิฉันให้ดิฉันอดทน อดกลั้นไว้ อย่าไปต่อว่า ทำเป็นไม่ได้ยินไป
แต่ดิฉันอดไม่ได้จริงๆ เพราะถ้าถึงที่สุดแล้ว ดิฉันก็จะไม่ทน เลยไม่รู้จะทำยังไงดี ดิฉันไม่อยากเก็บมาคิด
จนทำให้ครอบครัวต้องทะเลาะกัน เพราะดิฉันเพิ่งแต่งงานด้วย
โดนแม่สามีต่อว่า ว่าเลี้ยงลูกไม่ได้หรอก
ปัจจุบันทำงานและอยู่ด้วยกันเพียง 2 คนเท่านั้น แต่ปัญหามันเกิดที่ว่าพอดิฉันท้องปุ้บ และตัวดิฉันกับสามีต้องทำงานด้วยกันทั้งคู่
หากลูกเกิดมาแล้ว ทำให้ไม่มีใครเลี้ยงลูก ซึ่งทางบ้านดิฉัน พ่อของดิฉันก็ไม่สบาย ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยจะได้ และแม่ของดิฉัน
ก็ต้องทำงานคนเดียว แต่เป็นงานที่เป็นกิจการของตัวเอง เลยไม่ได้ลำบากเรื่องการเดินทางมาก ส่วนทางบ้านสามีดิฉัน พ่อแม่เกษียณแล้วทั้งคู่
ดิฉันก็เลยคุยกับสามีไปว่า หากคลอดลูกออกมาแล้ว ช่วง 3 เดือนแรก ขอเลี้ยงเองก่อน จากนั้นพอเดือนที่ 4 ไปจนลูกคอเริ่มแข็งแล้ว
อยากจะขอให้แม่สามีมาช่วยเลี้ยง แต่อยากให้มาช่วยกันเลี้ยง คือมาอยู่กับดิฉันและสามี เพราะดิฉันก็อยากให้ลูกกินนมแม่
และไม่อยากให้ลูกอยู่ไกลตัวเอง คงอดคิดถึงลูกไม่ได้ ทางสามีก็เหมือนไปพูดกับทางบ้านเค้าจนเค้ายอม แต่คือออกแนวประมาณว่า
จะให้เอามาเลี้ยงที่บ้านของสามี เพราะพ่อแม่เค้าแก่แล้ว ถ้าเอาไปเลี้ยงที่บ้านเค้าจะสะดวกกว่า ซึ่งโอเค ดิฉันก็ยอม
และไปคุยกับทางแม่ของดิฉันเรียบร้อยแล้ว แรกๆแม่ของดิฉันก็ไม่ค่อยยอม เพราะพี่ชายของดิฉัน ย่าดิฉันก็เคยเอาไปเลี้ยงแต่เล็กๆ
ทำให้ไม่ผูกพันธ์กับพ่อแม่เลย แม่ของดิฉันไม่อยากให้ลูกดิฉันเป็นอย่างนั้น แต่ตอนหลังก็พยายามพูดให้แม่เข้าใจ จนแม่เริ่มใจอ่อน
จนกระทั่งมาถึงจุดเปลี่ยนค่ะ ดิฉันได้ไปบ้านสามีพร้อมกับสามีดิฉันเอง แต่ว่าในระหว่างนั่งรถเพื่อจะไปเที่ยวกัน แม่สามีได้พูดขึ้นมาว่า
ดิฉันเลี้ยงลูกไม่ได้หรอกก เลี้ยงลูกแล้วลูกเป็นใบ้ เพราะในรถสามีจะคุยกับพ่อและแม่ของเค้า แต่จะคุยกันเรื่องญาติๆ พี่ๆ น้องๆ
ซึ่งจะให้ดิฉันพูดแทรกก็คงไม่เหมาะ เพราะดิฉันเป็นแค่สะใภ้ ดิฉันก็เลยเงียบ บางครั้งก็แกล้งทำเป็นหลับบ้าง แต่เมื่อดิฉันได้ยินประโยค
ที่แม่สามีต่อว่าดิฉัน ทำให้ดิฉันเสียใจมาก แต่ไม่ได้พูดสวนกลับไป ทำได้แต่อดทน เงียบ ไม่โต้ตอบ แต่ก็อดคิดมากไม่ได้
จึงมาบอกสามีตรงๆทีหลังว่า ดิฉันไม่ชอบเลย ทำไมต้องมาว่าดิฉันแบบนั้นด้วย จนสามีเค้าก็น้ำท่วมปาก พูดได้แต่ว่าแม่เค้าพูดเล่น
แต่ดิฉันบอกดิฉันคิดจริง เพราะดิฉันเป็นคนละเอียดอ่อนกับคำพูดคนมาก และก่อนจะกลับจากบ้านพ่อแม่สามี แม่สามีก็ได้พูดกับสามีว่า
เค้าเป็นแม่ อยู่กับลูกเขยลูกสะใภ้ไม่ได้หรอก ซึ่งตอนนั้นดิฉันก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย บอกเลยค่ะว่าอึ้งมาก ไม่คิดว่าแม่สามีจะพูดแบบนั้นออกมาได้
แต่เรื่องนี้ดิฉันไม่ได้พูดอะไรกับสามี ก็ทำตัวเฉยๆไว้ เพียงแต่บอกสามีว่า พอลูกเกิดมาดิฉันคงเลี้ยงเอง ไม่รบกวนทางบ้านสามีแล้ว
ดิฉันคงให้แม่ดิฉันช่วยเลี้ยง เพราะบ้านดิฉันกับที่พักที่ดิฉันอยู่ไม่ไกลกันค่ะ ขับรถไปกลับ ประมาณ 1 ชม. แต่บ้านสามีไกลกว่า ขับรถที 2-3 ชม.
ซึ่งสามีก็พอจะเข้าใจ ดิฉันก็อ้างไปว่าลูกต้องกินนมแม่ เดี๋ยวเด็กไม่แข็งแรง และอีกอย่างถ้าดิฉันคิดถึงลูก ดิฉันจะได้แว๊บกลับบ้านไปดูลูกได้
คือดิฉันคงให้แม่ดิฉันช่วยเลี้ยงเป็นบางวันค่ะ เพราะดิฉันเองทำงานประจำ แต่ไม่ได้ทำทั้งวัน คือยังมีเวลาแว๊บไปหาลูกได้
ตอนนี้ดิฉันก็เครียดมากเลยค่ะ เรื่องแม่สามี เครียดจนเอาไปฝัน ว่าเค้าจะมาพรากลูกของดิฉันไป ทำให้ดิฉันรู้สึกไม่ดี มีอคติ
และเริ่มไม่อยากไปบ้านสามีเลย ตอนนี้ดิฉันเลยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปดี
ปล. แม่ดิฉันก็รู้เรื่องที่แม่สามีต่อว่าดิฉัน แต่แม่ดิฉันให้ดิฉันอดทน อดกลั้นไว้ อย่าไปต่อว่า ทำเป็นไม่ได้ยินไป
แต่ดิฉันอดไม่ได้จริงๆ เพราะถ้าถึงที่สุดแล้ว ดิฉันก็จะไม่ทน เลยไม่รู้จะทำยังไงดี ดิฉันไม่อยากเก็บมาคิด
จนทำให้ครอบครัวต้องทะเลาะกัน เพราะดิฉันเพิ่งแต่งงานด้วย