"เมื่อหัวใจพาไป"
-----------------
ตอน ไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่เกาหลีกันดีกว่า!!
"ไปเกาหลีกันไหม?"
คำชวนจากกวางน้อยถึงการไปเที่ยวดินแดนกิมจิ ซึ่งเราสองคนและผองเพื่อนวางแผนกันมาอย่างยาวนานว่าจะไปเที่ยวด้วยกันสักครั้งนึง เมื่อเคลียร์วันเวลาว่างให้ตรงกัน จองทัวร์ จัดกระเป๋าเดินทางเรียบร้อย ก็ออกเดินทางกันเลย
ปล.1 ไม่ใช่กระทู้รีวิวนะค้าบ ถึงจะมีรูปอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีข้อมูลใดๆที่เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น
ปล.2 รูปน้อย เพราะคัดรูปที่มีพวกเราออกแม้วิวจะสวยมากๆก็ตาม ถ้านำมาลงเกรงว่าจะต้องแท็ก "การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์" เพิ่ม

เริ่มเลยนะ
ออกเดินทางโดยสายการบินหางแดง แบบบินตรง ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง
(ผมเดินทางไปกับทัวร์จะมีการเก็บค่าทิปก่อนขึ้นเครื่องประมาณ 20,000 วอนต่อคน และรับแต่เงินวอนเท่านั้นครับ)
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม.ก็ถึงที่หมายคือสนามบินอินชอน เวลาท้องถิ่นเกาหลีจะเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง
ขณะรอออกเดินทางด้วยรถบัสก็ได้พบกับใบไม้เปลี่ยนสี ด้วยทริปนี้ตั้งใจจะไปสัมผัสบรรยากาศแบบหนาวๆแต่ไม่ต้องถึงกับหิมะ
ตกลงกันว่าจะไปในช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่ใกล้หน้าหนาวของประเทศเกาหลี เป็นช่วงที่โรแมนติกมากๆ อากาศเย็นๆใบไม้เปลี่ยนสี
อุณหภูมิประมาณ 4 - 9 องศาเซลเซียสช่วงเช้ามีหมอก การแต่งกายก็เสื้อผ้าสำหรับอากาศหนาวเย็น ผ้าพันคอ ถุงมือ ใส่กันได้ตามอัธยาศัย
และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ควรต้องไปให้ได้คือ เกาะนามิ คนไปเยอะมาก
เกาะนามิ ไกด์แนะนำว่าสวยทุกฤดูและคนเยอะทุกฤดูด้วย การเดินทางต้องขึ้นเรือข้ามไป
ทัศนียภาพทั่วไปสวยงามเหมาะแก่การเซลฟี่ แคปท์เชอร์
ขึ้นจากเรือ เดินต่อเข้าไปในเกาะจะมีจุดท่องเที่ยวให้เราหยุดเซลฟี่ แคปท์เชอร์

มากมายหลากหลาย คนเยอะมากอีกเช่นกันไกด์บอกว่าเกาะนามิเป็นเกาะที่เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆในการใช้เวลาว่างเพื่อพักผ่อนของครอบครัว
หรือคู่หนุ่มสาวนิยมใช้สถานที่นี้ในการออกเดท เพราะมีบรรยากาศที่โรแมนติก
ยืนยันเลยว่า ถ้ายังไม่แต่งงานกันที่นี่เหมาะแก่การขอแต่งงานมาก หรือจะมาฮันนีมูนสำหรับคู่แต่งงานกันใหม่ๆ ทั้งอุณหภูมิ ทิวทัศน์ และบรรยากาศสวยงามมากๆ แต่ก็มีข้อเสียคือ ฝุ่นจ้า ฝุ่นเยอะมากๆ ใครแพ้ฝุ่นแนะนำมาส์คปิดจมูกจ้า แต่คิดว่าถ้ามาช่วงฤดูหนาวคงจะไม่มีฝุ่น
ที่เที่ยวต่อไปคือสวนสนุก เอเวอร์แลนด์ ถือว่าเป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี พวกเราไปถึงก็เวลาเย็นมากแล้ว เล่นได้แค่เจ้ารถไฟเหาะ T Express ก็หมดเวลา ใครมีลูกหลานพามารับรองไม่ผิดหวัง
มุมสวยๆที่มีอยู่มากมาย
เมื่อท้องฟ้ามืดลง บรรยากาศพาไปดูเหงาๆ เหมือนกันนะ
อีกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคือการขึ้นไปที่ หอคอยเอ็นโซล หรือ โซลทาวน์เวอร์ สำหรับคนเกาหลีนิยมกันมากตลอดสองข้างทางก็จะเห็นคนเกาหลีเดินไปเป็นคู่หนุ่มสาวบ้าง วิ่งออกกำลังกายบ้าง ซึ่งมีกิจกรรมที่สำคัญคือการคล้องกุญแจคู่รัก คู่รักทุกคู่ชาวเกาหลีจะเขียนข้อความ หรือชื่อของคู่รักไว้บนแม่กุญแจ และก็จะนำแม่กุญแจนี้ไปคล้องกับรั้วเหล็ก ส่วนลูกกุญแจเค้าจะทิ้งไป ด้วยความเชื่อที่ว่าหากคู่รักคู่ใด ได้มาเยือนและคล้องกุญแจคู่รักกันที่นี่ จะทำให้ความรักของทั้งคู่ยืนยาว ไม่พรากจากกันไปตลอดกาล
แนว shabby chic ก็มีให้ได้เก็บภาพกัน
พลาดไม่ได้กับไฮไลท์ที่สาวๆรอคอยการปล่อยช๊อปปิ้งอิสระทั้งทงแดมุน และเมียงดง แนะนำว่าถ้าใครมาเพื่อช๊อปให้เตรียมกระเป๋ามาใส่ด้วยนะครับ "เพราะเมื่อคุณได้เข้าสู่สนามการค้าแห่งนี้แล้วทุกเวลามีค่า"

ร้านของฝากบางแห่งถ้าเราซื้อเยอะเขาจะมีบริการแพ็คใส่กล่องให้ด้วย
จบแล้วครับ ฝากภาพใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆไว้เพื่อคิดถึงกัน
"ใบไม้ยังเปลี่ยนสีไป นับอะไรกับใจคน"
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาและอ่านจนถึงตอนจบนี้
หมายเหตุ พวกผมและเพื่อนๆไปเที่ยวกันช่วงเดือน พ.ย. 2557 ดังนั้นจึงไม่ได้มีโอกาศได้สัมผัสกับ “ไวรัสเมอร์ส” ใดๆทั้งสิ้น
##__เมื่อหัวใจพาไป__## ตอน ไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่เกาหลีกันดีกว่า!!
เริ่มเลยนะ
ออกเดินทางโดยสายการบินหางแดง แบบบินตรง ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง
(ผมเดินทางไปกับทัวร์จะมีการเก็บค่าทิปก่อนขึ้นเครื่องประมาณ 20,000 วอนต่อคน และรับแต่เงินวอนเท่านั้นครับ)
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม.ก็ถึงที่หมายคือสนามบินอินชอน เวลาท้องถิ่นเกาหลีจะเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง
ขณะรอออกเดินทางด้วยรถบัสก็ได้พบกับใบไม้เปลี่ยนสี ด้วยทริปนี้ตั้งใจจะไปสัมผัสบรรยากาศแบบหนาวๆแต่ไม่ต้องถึงกับหิมะ
ตกลงกันว่าจะไปในช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่ใกล้หน้าหนาวของประเทศเกาหลี เป็นช่วงที่โรแมนติกมากๆ อากาศเย็นๆใบไม้เปลี่ยนสี
อุณหภูมิประมาณ 4 - 9 องศาเซลเซียสช่วงเช้ามีหมอก การแต่งกายก็เสื้อผ้าสำหรับอากาศหนาวเย็น ผ้าพันคอ ถุงมือ ใส่กันได้ตามอัธยาศัย
และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ควรต้องไปให้ได้คือ เกาะนามิ คนไปเยอะมาก
เกาะนามิ ไกด์แนะนำว่าสวยทุกฤดูและคนเยอะทุกฤดูด้วย การเดินทางต้องขึ้นเรือข้ามไป
ทัศนียภาพทั่วไปสวยงามเหมาะแก่การเซลฟี่ แคปท์เชอร์
ขึ้นจากเรือ เดินต่อเข้าไปในเกาะจะมีจุดท่องเที่ยวให้เราหยุดเซลฟี่ แคปท์เชอร์
หรือคู่หนุ่มสาวนิยมใช้สถานที่นี้ในการออกเดท เพราะมีบรรยากาศที่โรแมนติก
ยืนยันเลยว่า ถ้ายังไม่แต่งงานกันที่นี่เหมาะแก่การขอแต่งงานมาก หรือจะมาฮันนีมูนสำหรับคู่แต่งงานกันใหม่ๆ ทั้งอุณหภูมิ ทิวทัศน์ และบรรยากาศสวยงามมากๆ แต่ก็มีข้อเสียคือ ฝุ่นจ้า ฝุ่นเยอะมากๆ ใครแพ้ฝุ่นแนะนำมาส์คปิดจมูกจ้า แต่คิดว่าถ้ามาช่วงฤดูหนาวคงจะไม่มีฝุ่น
ที่เที่ยวต่อไปคือสวนสนุก เอเวอร์แลนด์ ถือว่าเป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี พวกเราไปถึงก็เวลาเย็นมากแล้ว เล่นได้แค่เจ้ารถไฟเหาะ T Express ก็หมดเวลา ใครมีลูกหลานพามารับรองไม่ผิดหวัง
มุมสวยๆที่มีอยู่มากมาย
เมื่อท้องฟ้ามืดลง บรรยากาศพาไปดูเหงาๆ เหมือนกันนะ
อีกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคือการขึ้นไปที่ หอคอยเอ็นโซล หรือ โซลทาวน์เวอร์ สำหรับคนเกาหลีนิยมกันมากตลอดสองข้างทางก็จะเห็นคนเกาหลีเดินไปเป็นคู่หนุ่มสาวบ้าง วิ่งออกกำลังกายบ้าง ซึ่งมีกิจกรรมที่สำคัญคือการคล้องกุญแจคู่รัก คู่รักทุกคู่ชาวเกาหลีจะเขียนข้อความ หรือชื่อของคู่รักไว้บนแม่กุญแจ และก็จะนำแม่กุญแจนี้ไปคล้องกับรั้วเหล็ก ส่วนลูกกุญแจเค้าจะทิ้งไป ด้วยความเชื่อที่ว่าหากคู่รักคู่ใด ได้มาเยือนและคล้องกุญแจคู่รักกันที่นี่ จะทำให้ความรักของทั้งคู่ยืนยาว ไม่พรากจากกันไปตลอดกาล
แนว shabby chic ก็มีให้ได้เก็บภาพกัน
พลาดไม่ได้กับไฮไลท์ที่สาวๆรอคอยการปล่อยช๊อปปิ้งอิสระทั้งทงแดมุน และเมียงดง แนะนำว่าถ้าใครมาเพื่อช๊อปให้เตรียมกระเป๋ามาใส่ด้วยนะครับ "เพราะเมื่อคุณได้เข้าสู่สนามการค้าแห่งนี้แล้วทุกเวลามีค่า"
จบแล้วครับ ฝากภาพใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆไว้เพื่อคิดถึงกัน
"ใบไม้ยังเปลี่ยนสีไป นับอะไรกับใจคน"
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาและอ่านจนถึงตอนจบนี้
หมายเหตุ พวกผมและเพื่อนๆไปเที่ยวกันช่วงเดือน พ.ย. 2557 ดังนั้นจึงไม่ได้มีโอกาศได้สัมผัสกับ “ไวรัสเมอร์ส” ใดๆทั้งสิ้น