ออกตัวก่อนคะเล่าไม่เก่ง รูปไม่สวย แต่ตั้งใจบอกบุญ. อยากทุกคนที่อ่านได้รู้สึกเหมือนที่เรารู้สึกคะ
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาครอบครัวเราได้มีโอกาสไปบริจาคสิ่งของ ที่วัดพระบาทน้ำพุ บรรยากาศตอนไปถึง ประมาณนี้เลย
แอบเห็นรถเราจอดอยู่ใกลๆด้วย ตอนไปถึงส่วนใหญ่จะเจอแต่พวกญาติๆของผู้ป่ายที่มาเยี่ยม มีรถเข้าออกน้อยมาก ด้านในมีร้านค้าและตู้เอทีเอ็มไว้บริการ
เดินตามหาติดต่อเจ้าหน้าที่อยู่พักใหญ่ ด้วยความที่ไม่เคยมา ได้ความว่าของทั้งหมดที่นำมาบริจาคที่นี้จะถูกส่งไปที่โครงการอีกทีนึงคะ
ในวันนั้นของที่เราบริจาคของส่วนใหญ่เป็นของเด็ก พวกหนังสือ เสื้อผ้า ของใช้เด็ก เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้ตามไปบริจาคที่โครงการเพราะเด็กๆอยู่ที่นั้น วันนั้นไม่รีบร้อนอะไรเราเลยขอแผนที่แล้วขับรถไปส่งของให้ถึงโครงการคะ
ก่อนเดินทางออกจากวัด เราเดินดูคร่าวๆบริเวญวัดมีบอร์ดให้ความรู้ คติธรรม และความเป็นมาต่างๆอ่านเพลินๆหรือผ่านๆก้ได้สาระ มีศาลาให้ไหว้สักการะบูชาพระและทำบุญคะ

ถ่ายภาพพอเป็นพิธี
หลังจากนั้นล้อหมุนออกเดินทางไปโครงการ ธรรมรักษ์นิเวศน์2 ระยะทางโดยประมาณ 80กว่าโลคะ
ด้านหน้าวัดพระบาทน้ำพุมีทุ่งทานตะวันด้วย กำลังบานสวยเชียว
ใช้เวลาสองชัวโมงกว่าเราก้มาถึงคะ ไม่ชินทางหลงบ้างเลยบ้างแต่ก้มาถึงนะเออ เล่นซะเย็นเลยมีเวลาอยู่ที่โครงการเพียงแว๊บเดียวเท่านั้น


พื้นที่ข้างในโครงการกว้างมากคะ เสียดายตอนนั้นถ่ายรูปไว้ไม่หมด แบตเจ้ากรรมหมดไม่รู้เวล่ำเวลา บรรยายสั้นๆนะคะ พอเข้ามาจะเจอโรงเรียนมีสนามฟุตบอลกว้างมาก. เลยเข้าไปจะเจอที่ทำการอยู่ขวามือ ขับเข้ามาเรื่อยๆดันเลยหาเด็กๆไม่เจอซะงั้น วนออกมาเจอลุงยามปันจักรยานต์แกเลยบอกทางไปที่โรงนอนของเด็กๆคะ.
พอไปถึงก้เศร้าเลยลืมสนิธว่าวันที่ไปนั้นวันเด็ก เด็กๆกำลังร่วมตัวกันกินเลี้ยงคะ. เราดันมีแต่ของที่รวมมาบริจาคไม่มีขนมติดมาเลยแอบเซ็งตัวเอง บรรยากาศตอนนั้นคือทุกคนดีใจมากคะที่มีคนมาเยี่ยม ส่วนตัวเราเองก้รู้สึกดีที่เขาต้อนรับเรา หลังจากช่วยกันยกของลงจากรถมารวมที่ลานกิจกรรม เราทั้งบ้านก้ลงมาเดินเล่นกันคะ เอาบรรยากาศมาฝากนะแล้วเดี่ยวสรุบอีกทีตอนท้าย

แนะนำนะคะใครที่ชอบทำบุญเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือสถานสงเคราะห์ลองรับที่นี้ไว้พิจารณาดู เด็กๆที่นี้น่ารักคะเขาเหมือนเด็กปกติทั้วไป. โรคร้ายไม่ได้ทำให้พวกเขาน่ากลัวหรือน่ารังเกลียดอย่างที่เราคิด นำซ้ำการที่เรามีน้ำใจมาให้เขาสิ่งที่เขาให้เรากลับมามันทำให้สุขมากกว่าตอนที่เราตั้งใจให้เขาอีก ขอชื่นชมด้วยใจเลยที่นี้ไม่ได้มีเพียงผู้ป่วยที่มีใจเข้มแข็งพอๆกับคนปกติทั้วไป แต่มีผู้เสียสละ เจ้าหน้าที่หลายท่านที่ทำงานที่นี้ไม่ได้ติดเชื้อแต่พวกเขาทำงานเหล่านี้ด้วยใจ เวลาที่ได้ยื่นมองรอยยิ้มเหล่านั้นมันทำให้เราเห็นอะไรที่มากกว่ารอยยิ้มเสมอ ส่วนอีกใจนึงก้สลดตรงที่เด็กบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองติดเชื้อ บางคนไม่เคยได้เจอหน้าพ่อแม่เพราะพวกเขาเสียชีวิตก่อนจำความได้ บางคนรอดจากการติดเชื้อแต่ต้องมาดูแลพ่อหรือแม่ที่ไม่รู้จะหมดลมหายใจวันใหน คุยกับทางเจ้าหน้าที่ไปสักพักน้ำตาคลอเลยคะเพิงรู้เหมือนกันว่าเราเองโชคดีแค่ใหนที่มีพร้อมไปทุกอย่าง. มีพ่อแม่ยังอยู่ให้ดูแล ตั้งแต่มาถึงที่นี้ทุกคนมีแต่รอยยิ้มที่เราอดยิ้มตามไม่ได้ คุยกันไปเรื่อยเปื่อยคะเจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่าเด็กๆเหล่านี้เขาโชคดีที่มีปะป๊าคนเดียวกัน ตอนนั้นทำหน้างงเลยคะ เพิงมาอ้อที่หลังว่าปะป๊าที่เขาเรียกกันคือท่านเจ้าคุณอลงกตนั้นเอง ทุกคนที่นี้รักท่านมากคะ ท่านทั้งช่วยเหลือและมอบโลกใหม่ให้ความรักความอบอุ่นคนที่นี้ วันนั้นที่เราไปเห็นเด็กที่งานเลี้ยงไม่ถึงร้อยคน เด็กโตและพวกพ่อกับแม่แยกย้ายกันพักผ่อนตามบริเวณต่างๆ จะมาร่วมตัวกันอีกทีหลังเที่ยงคืนเพราะปะป๊าจะมาพาเป่าเค้ก เพราะท่านกลับจากกิจนิมนต์ที่สระแก้วกำหนดการณ์ถึงวัดเวลาประมาณนั้นหลังเที่ยงคืน
ฟังถึงตรงนี้เราอึ้งมากคะ เพราะระหว่างคุยกันกับเจ้าหน้าที่เด็กเล็กๆจะเวียนมาถามถึงปะป๊าตลอด ท่านจะเหนื่อยแค่ใหนดึกขนาดนั้นยังต้องกลับมาเพราะเด็กๆรอเจอท่าน ให้ท่านพาเป่าเค้กวันเด็ก
คุยกันไปก้เริ่มมืดคะทางเราเลยขอตัวกลับ มาที่นี้เหมือนเปิดโลกใหม่เลยเรากลับไปด้วยความรู้สึกที่ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตา มาอยู่ตรงนี้คงไม่รู้เลย ยิ่งถ้ามีโอกาสเราคงเลือกที่จะกลับไปอีกอย่างไม่ลังเล
รูปนี้ถ้าจำไม่ผิดท่านจะสร้างโรงพยาบาล รึปล่าวไม่มั้นใจ

จบละคะ ใครอ่านถึงตรงนี้ต้องขอบคุณมากนะคะ ที่เขียนไปทั้งหมดความรู้สึกล้วนๆ ถ้ามีผิดพลาดประการใดขออภัย ส่วนใครที่อยากสนับสนุนทำบุญ หรือไปเยี่ยมเด็กๆ อันนี้เป็นนามบัตรที่เราได้มานะคะ ใครมีกิจกรรมดีดี อยากแบ่งปัญน้ำใจสิ่งของให้น้องๆที่นี้เชิญคะ. เราเชื่อนะสิ่งที่ได้รับกลับมาต้องเป็นของขวัญล้ำค่าที่ไม่ว่าใครได้มาก้ต้องสุขใจไม่แพ้คนให้แน่นอน อนุโมธนาสาธุคะ
มาเอาของขวัญที่ดีที่สุด ที่วัดพระบาทน้ำพุกันนะ
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาครอบครัวเราได้มีโอกาสไปบริจาคสิ่งของ ที่วัดพระบาทน้ำพุ บรรยากาศตอนไปถึง ประมาณนี้เลย
แอบเห็นรถเราจอดอยู่ใกลๆด้วย ตอนไปถึงส่วนใหญ่จะเจอแต่พวกญาติๆของผู้ป่ายที่มาเยี่ยม มีรถเข้าออกน้อยมาก ด้านในมีร้านค้าและตู้เอทีเอ็มไว้บริการ
เดินตามหาติดต่อเจ้าหน้าที่อยู่พักใหญ่ ด้วยความที่ไม่เคยมา ได้ความว่าของทั้งหมดที่นำมาบริจาคที่นี้จะถูกส่งไปที่โครงการอีกทีนึงคะ
ในวันนั้นของที่เราบริจาคของส่วนใหญ่เป็นของเด็ก พวกหนังสือ เสื้อผ้า ของใช้เด็ก เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้ตามไปบริจาคที่โครงการเพราะเด็กๆอยู่ที่นั้น วันนั้นไม่รีบร้อนอะไรเราเลยขอแผนที่แล้วขับรถไปส่งของให้ถึงโครงการคะ
ก่อนเดินทางออกจากวัด เราเดินดูคร่าวๆบริเวญวัดมีบอร์ดให้ความรู้ คติธรรม และความเป็นมาต่างๆอ่านเพลินๆหรือผ่านๆก้ได้สาระ มีศาลาให้ไหว้สักการะบูชาพระและทำบุญคะ
หลังจากนั้นล้อหมุนออกเดินทางไปโครงการ ธรรมรักษ์นิเวศน์2 ระยะทางโดยประมาณ 80กว่าโลคะ
ด้านหน้าวัดพระบาทน้ำพุมีทุ่งทานตะวันด้วย กำลังบานสวยเชียว
ใช้เวลาสองชัวโมงกว่าเราก้มาถึงคะ ไม่ชินทางหลงบ้างเลยบ้างแต่ก้มาถึงนะเออ เล่นซะเย็นเลยมีเวลาอยู่ที่โครงการเพียงแว๊บเดียวเท่านั้น
พื้นที่ข้างในโครงการกว้างมากคะ เสียดายตอนนั้นถ่ายรูปไว้ไม่หมด แบตเจ้ากรรมหมดไม่รู้เวล่ำเวลา บรรยายสั้นๆนะคะ พอเข้ามาจะเจอโรงเรียนมีสนามฟุตบอลกว้างมาก. เลยเข้าไปจะเจอที่ทำการอยู่ขวามือ ขับเข้ามาเรื่อยๆดันเลยหาเด็กๆไม่เจอซะงั้น วนออกมาเจอลุงยามปันจักรยานต์แกเลยบอกทางไปที่โรงนอนของเด็กๆคะ.
พอไปถึงก้เศร้าเลยลืมสนิธว่าวันที่ไปนั้นวันเด็ก เด็กๆกำลังร่วมตัวกันกินเลี้ยงคะ. เราดันมีแต่ของที่รวมมาบริจาคไม่มีขนมติดมาเลยแอบเซ็งตัวเอง บรรยากาศตอนนั้นคือทุกคนดีใจมากคะที่มีคนมาเยี่ยม ส่วนตัวเราเองก้รู้สึกดีที่เขาต้อนรับเรา หลังจากช่วยกันยกของลงจากรถมารวมที่ลานกิจกรรม เราทั้งบ้านก้ลงมาเดินเล่นกันคะ เอาบรรยากาศมาฝากนะแล้วเดี่ยวสรุบอีกทีตอนท้าย
แนะนำนะคะใครที่ชอบทำบุญเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือสถานสงเคราะห์ลองรับที่นี้ไว้พิจารณาดู เด็กๆที่นี้น่ารักคะเขาเหมือนเด็กปกติทั้วไป. โรคร้ายไม่ได้ทำให้พวกเขาน่ากลัวหรือน่ารังเกลียดอย่างที่เราคิด นำซ้ำการที่เรามีน้ำใจมาให้เขาสิ่งที่เขาให้เรากลับมามันทำให้สุขมากกว่าตอนที่เราตั้งใจให้เขาอีก ขอชื่นชมด้วยใจเลยที่นี้ไม่ได้มีเพียงผู้ป่วยที่มีใจเข้มแข็งพอๆกับคนปกติทั้วไป แต่มีผู้เสียสละ เจ้าหน้าที่หลายท่านที่ทำงานที่นี้ไม่ได้ติดเชื้อแต่พวกเขาทำงานเหล่านี้ด้วยใจ เวลาที่ได้ยื่นมองรอยยิ้มเหล่านั้นมันทำให้เราเห็นอะไรที่มากกว่ารอยยิ้มเสมอ ส่วนอีกใจนึงก้สลดตรงที่เด็กบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองติดเชื้อ บางคนไม่เคยได้เจอหน้าพ่อแม่เพราะพวกเขาเสียชีวิตก่อนจำความได้ บางคนรอดจากการติดเชื้อแต่ต้องมาดูแลพ่อหรือแม่ที่ไม่รู้จะหมดลมหายใจวันใหน คุยกับทางเจ้าหน้าที่ไปสักพักน้ำตาคลอเลยคะเพิงรู้เหมือนกันว่าเราเองโชคดีแค่ใหนที่มีพร้อมไปทุกอย่าง. มีพ่อแม่ยังอยู่ให้ดูแล ตั้งแต่มาถึงที่นี้ทุกคนมีแต่รอยยิ้มที่เราอดยิ้มตามไม่ได้ คุยกันไปเรื่อยเปื่อยคะเจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่าเด็กๆเหล่านี้เขาโชคดีที่มีปะป๊าคนเดียวกัน ตอนนั้นทำหน้างงเลยคะ เพิงมาอ้อที่หลังว่าปะป๊าที่เขาเรียกกันคือท่านเจ้าคุณอลงกตนั้นเอง ทุกคนที่นี้รักท่านมากคะ ท่านทั้งช่วยเหลือและมอบโลกใหม่ให้ความรักความอบอุ่นคนที่นี้ วันนั้นที่เราไปเห็นเด็กที่งานเลี้ยงไม่ถึงร้อยคน เด็กโตและพวกพ่อกับแม่แยกย้ายกันพักผ่อนตามบริเวณต่างๆ จะมาร่วมตัวกันอีกทีหลังเที่ยงคืนเพราะปะป๊าจะมาพาเป่าเค้ก เพราะท่านกลับจากกิจนิมนต์ที่สระแก้วกำหนดการณ์ถึงวัดเวลาประมาณนั้นหลังเที่ยงคืน
ฟังถึงตรงนี้เราอึ้งมากคะ เพราะระหว่างคุยกันกับเจ้าหน้าที่เด็กเล็กๆจะเวียนมาถามถึงปะป๊าตลอด ท่านจะเหนื่อยแค่ใหนดึกขนาดนั้นยังต้องกลับมาเพราะเด็กๆรอเจอท่าน ให้ท่านพาเป่าเค้กวันเด็ก
คุยกันไปก้เริ่มมืดคะทางเราเลยขอตัวกลับ มาที่นี้เหมือนเปิดโลกใหม่เลยเรากลับไปด้วยความรู้สึกที่ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตา มาอยู่ตรงนี้คงไม่รู้เลย ยิ่งถ้ามีโอกาสเราคงเลือกที่จะกลับไปอีกอย่างไม่ลังเล
จบละคะ ใครอ่านถึงตรงนี้ต้องขอบคุณมากนะคะ ที่เขียนไปทั้งหมดความรู้สึกล้วนๆ ถ้ามีผิดพลาดประการใดขออภัย ส่วนใครที่อยากสนับสนุนทำบุญ หรือไปเยี่ยมเด็กๆ อันนี้เป็นนามบัตรที่เราได้มานะคะ ใครมีกิจกรรมดีดี อยากแบ่งปัญน้ำใจสิ่งของให้น้องๆที่นี้เชิญคะ. เราเชื่อนะสิ่งที่ได้รับกลับมาต้องเป็นของขวัญล้ำค่าที่ไม่ว่าใครได้มาก้ต้องสุขใจไม่แพ้คนให้แน่นอน อนุโมธนาสาธุคะ