แค้น....
ราสส์ กิโลหก
สุชัย หนุ่มใหญ่วัย 45 ปีลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความเชื่องช้า เพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ส่งเสียงระรั่วอย่างเมามัน เข็มที่นาฬิกาบ่งชี้เวลาตีห้าครึ่ง มันเป็นความประสงค์ของเขาเองเพราะเมื่อคืนเขาฉลองดึกไปหน่อยกลับเข้าบ้านเกือบตีสอง ถ้าไม่อาศัยมัน เขาคงต้องไปทำงานสาย และถูกเจ้านายด่า ถูกไล่ออก ตกงาน ไม่มีเงิน ไม่มีกิน อดตาย เขาคิดไปเรื่อยเปื่อย ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ กระดูกลั่นดัง กรุบๆๆ
จากนั้นเดินเข้าห้องน้ำเพื่อปฏิบัติภารกิจประจำวัน เป็นคนโสดไม่มีภาระอะไรอย่างอื่น ไม่ต้องทำอะไรให้ใครกิน ไม่ต้องไปส่งใครที่โรงเรียน ไม่ต้องๆๆๆๆๆๆ ชีวิตช่างสันโดษดีแท้ ได้เงินมาก็ใช้คนเดียว ไม่มีอะไรมาหนักที่คอ นึกชมตัวเองที่คิดถูกตั้งแต่สมัยยังหนุ่มๆ
หลังจากจบการศึกษาระดับวิชาชีพชั้นสูง ทางสายช่าง สุชัยได้ทำงาที่โรงงานแห่งหนึ่งแถบชานเมือง จากนั้นก็เปลี่ยนที่ทำงานอีก 2-3 แห่งจนมาได้งานที่บริษัทใหญ่และมั่นคงแห่งหนึ่งและทำงานอยู่ที่บริษัทนี้จนถึงปัจจุบัน การเดินทางจากบ้านพักไปถึงที่ทำงานใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที...ด้วยรถเก๋งคู่ชีพกลางเก่ากลางใหม่ ส่วนใหญ่จะออกจากบ้านในเวลาไม่เกิน 8 โมงเช้า
สุชัยเป็นคนร่างเล็กใส่แว่นสายตา เพราะสายตาสั้น เป็นคนเงียบๆไม่ค่อยมีปัญหากับใครๆ เรียกตามภาษาชาวบ้านคือเป็นคนใจเย็น ใจดี มีคนรักมากกว่าคนเกลียด การดำเนินชีวิตเต็มไปด้วยความเรียบง่าย พรรคพวกชักชวนไปไหน ถ้าไม่มีธุระจำเป็นอะไร ไม่เคยขัด เพราะตัวคนเดียว จะไปที่ไหน นอนที่ไหนก็ได้ ไม่เป็นเรื่องสำคัญอะไร..
ขับรถมาตามเส้นทางเดิมที่ขับจำเจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นเวลานับสิบปี จนแทบจะจำทุกสิ่งที่อยู่ตามข้างเส้นทางได้ เปิดวิทยุฟังเพลงโปรด บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสนของรถราที่วิ่งกันขวักไขว่บนถนน เสียงเร่งเครื่องเสียงแตรรถ ดังสลับกันไปมา แต่สำหรับสุชัย มันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่รู้สึกหงุดหงิดอะไร มันชินหูชินตาไปแล้ว..
เมื่อถึงสี่แยกไฟแดงแห่งหนึ่ง โดยไม่รู้ตัว เพราะนั่งคิดเรื่องงานเพลินไปหน่อย ทั้งยังนอนดึก ไปกำลังเปลี่ยนจากเขียวเป็นส้ม เขาสองจิตสองใจว่าจะฝ่าออกไปหรือหยุด แต่ขาเจ้ากรรมไปก่อนความคิดกดลงไปที่เบรค รถหยุดลงทันที มีเสียงยางรถบดถนนเพราะหยุดกระทันหัน. ..
ทันใดนั้นต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีเสียงยางรถบดกับถนนที่ดังกว่าของเขา เมื่อเงยหน้ามองไปที่กระจกเพื่อมองหลัง มองเห็นหน้ารถโดยสารสองแถวหกล้อ วิ่งทื่อเข้ามาจนเกือบชิดที่ท้ายรถ จากนั้นเสียงแตรรถดังรัวก้องขึ้นมา มันแสดงถึงอารมณ์คนขับรถที่โมโหสุดขีด...
สุชัยตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เปิดกระจกด้านข้างเพื่อหันหน้าไปดู ไม่ใช่เพื่อไปหาเรื่อง เพียงแต่ต้องการขอโทษเจ้าคนขับขี้โมโหคนนั้น ..
แต่อีกฝ่ายไม่คิดแบบนั้น เขาคิดว่าไอ้แว่นหน้าจืดหันไปมองหน้าเพื่อหาเรื่อง มันชะโงกหน้าออกมา ยื่นมือชี้มาที่สุชัย แต่ไม่ใช่มือเปล่า มีรองเท้าข้างหนึ่งอยู่ที่มือ พลางชี้โบ้ชี้เบ้ไปมา ทั้งยังมีเสียงด่า มาให้ได้ยิน
สุชัยรีบหันหน้ากลับ และภาวนาให้ไฟเขียวขึ้นมาเร็วๆ แต่ไม่เป็นผล นอกจากจะขับฝ่าออกไป แต่ก็ทำไม่ได้ จำใจนั่งอยู่กับที่ แต่ใจไม่ต่อยดี พักใหญ่ไปเขียวขั้น เขารีบออกรถและขับชิดซ้าย เจตนาเพื่อให้รถเจ้ากรรมคันนั้นแซงออกไป แต่มันไม่ยอมแซง และคิดว่าสุชัยจอดรถเพื่อเอาเรื่อง ..
มัยขับมาจอดหลังรถสุชัย คงมาเอาเรื่องแน่
ในสถานกณ์ที่ไม่ค่อยดี สุชัยพยายามมองหาผู้คนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจในบริเวณใกล้เคียง แต่ต้องผิดหวังเพราะไม่มีใครให้ความสนใจอะไร ทั้งไม่มีเงาของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เห็น
จะทำยังไง ?
“ปัง..” เสียงดังอันเกิดจากมีบางอย่างมากระทบกับประตูรถด้านข้างคนขับ
เขาหันไปมอง เห็นเจ้าคนขับรถสองแถว ตัวดำรูปร่างสูงใหญ่ ใส่หมวกไหมพรมที่หัว ในมือถือเหล็กกลมขนาดเหมาะมือ มันใช้เท้าถีบมาที่ประตูรถ มือที่ถือเหล็กชี้มาข้างหน้า หน้าตาบอกบุญไม่รับ
ไม่มีอย่างอื่นทำที่ดีกว่านี้ ถ้าลงไปเขาคงแย่แน่ จึงลดกระจกลง
“ไอ้

! ขับรถภาษาพ่อ เหรอ ! ออกมาเลย ” เสียงด่าจนแสบหู ไม่พูดเปล่ามันเอื้อมมืออีกข้าง มาที่ประตูรถพยายามดึงประตูรถออก
“ขอโทษครับพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษจริงๆ” สุชัยยกมือไหว้อันธพาลคราวลูก
“ขอโทษ ซ่นตีน เล่นเอากูเกือบชน” มันตะโกนใส่หน้าสุชัย
ไม่ทันได้ระวังตัว หมัดข้างหนึ่งของอ้ายดำตัวใหญ่ซัดเปรี้ยงมาที่ครึ่งปากครึ่งจมูกของ สุชัย ความแรงและหนัก ทำให้เลือดที่ปากและจมูกทะลักออกมาตามหมัด สมองมึนงง.ไปชั่วขณะ..
เพราะเหตุการณ์มันเกิดขึ้นรวดเร็วจนตั้งรับไม่ทันนึกไม่ถึง ..เท่านั้นยังไม่พอมันยังตบเข้าที่บ้องหูเขาอีกหลายครั้ง จนไม่รู้ถึงความเจ็บปวดเพราะประสาทด้านชาไปหมด
เมื่อระบายอารมณ์จนหนำใจ มันเดินกลับ.ไปที่รถ แล้วขับออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น.
แค้น....
ราสส์ กิโลหก
สุชัย หนุ่มใหญ่วัย 45 ปีลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความเชื่องช้า เพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ส่งเสียงระรั่วอย่างเมามัน เข็มที่นาฬิกาบ่งชี้เวลาตีห้าครึ่ง มันเป็นความประสงค์ของเขาเองเพราะเมื่อคืนเขาฉลองดึกไปหน่อยกลับเข้าบ้านเกือบตีสอง ถ้าไม่อาศัยมัน เขาคงต้องไปทำงานสาย และถูกเจ้านายด่า ถูกไล่ออก ตกงาน ไม่มีเงิน ไม่มีกิน อดตาย เขาคิดไปเรื่อยเปื่อย ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ กระดูกลั่นดัง กรุบๆๆ
จากนั้นเดินเข้าห้องน้ำเพื่อปฏิบัติภารกิจประจำวัน เป็นคนโสดไม่มีภาระอะไรอย่างอื่น ไม่ต้องทำอะไรให้ใครกิน ไม่ต้องไปส่งใครที่โรงเรียน ไม่ต้องๆๆๆๆๆๆ ชีวิตช่างสันโดษดีแท้ ได้เงินมาก็ใช้คนเดียว ไม่มีอะไรมาหนักที่คอ นึกชมตัวเองที่คิดถูกตั้งแต่สมัยยังหนุ่มๆ
หลังจากจบการศึกษาระดับวิชาชีพชั้นสูง ทางสายช่าง สุชัยได้ทำงาที่โรงงานแห่งหนึ่งแถบชานเมือง จากนั้นก็เปลี่ยนที่ทำงานอีก 2-3 แห่งจนมาได้งานที่บริษัทใหญ่และมั่นคงแห่งหนึ่งและทำงานอยู่ที่บริษัทนี้จนถึงปัจจุบัน การเดินทางจากบ้านพักไปถึงที่ทำงานใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที...ด้วยรถเก๋งคู่ชีพกลางเก่ากลางใหม่ ส่วนใหญ่จะออกจากบ้านในเวลาไม่เกิน 8 โมงเช้า
สุชัยเป็นคนร่างเล็กใส่แว่นสายตา เพราะสายตาสั้น เป็นคนเงียบๆไม่ค่อยมีปัญหากับใครๆ เรียกตามภาษาชาวบ้านคือเป็นคนใจเย็น ใจดี มีคนรักมากกว่าคนเกลียด การดำเนินชีวิตเต็มไปด้วยความเรียบง่าย พรรคพวกชักชวนไปไหน ถ้าไม่มีธุระจำเป็นอะไร ไม่เคยขัด เพราะตัวคนเดียว จะไปที่ไหน นอนที่ไหนก็ได้ ไม่เป็นเรื่องสำคัญอะไร..
ขับรถมาตามเส้นทางเดิมที่ขับจำเจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นเวลานับสิบปี จนแทบจะจำทุกสิ่งที่อยู่ตามข้างเส้นทางได้ เปิดวิทยุฟังเพลงโปรด บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสนของรถราที่วิ่งกันขวักไขว่บนถนน เสียงเร่งเครื่องเสียงแตรรถ ดังสลับกันไปมา แต่สำหรับสุชัย มันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่รู้สึกหงุดหงิดอะไร มันชินหูชินตาไปแล้ว..
เมื่อถึงสี่แยกไฟแดงแห่งหนึ่ง โดยไม่รู้ตัว เพราะนั่งคิดเรื่องงานเพลินไปหน่อย ทั้งยังนอนดึก ไปกำลังเปลี่ยนจากเขียวเป็นส้ม เขาสองจิตสองใจว่าจะฝ่าออกไปหรือหยุด แต่ขาเจ้ากรรมไปก่อนความคิดกดลงไปที่เบรค รถหยุดลงทันที มีเสียงยางรถบดถนนเพราะหยุดกระทันหัน. ..
ทันใดนั้นต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีเสียงยางรถบดกับถนนที่ดังกว่าของเขา เมื่อเงยหน้ามองไปที่กระจกเพื่อมองหลัง มองเห็นหน้ารถโดยสารสองแถวหกล้อ วิ่งทื่อเข้ามาจนเกือบชิดที่ท้ายรถ จากนั้นเสียงแตรรถดังรัวก้องขึ้นมา มันแสดงถึงอารมณ์คนขับรถที่โมโหสุดขีด...
สุชัยตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เปิดกระจกด้านข้างเพื่อหันหน้าไปดู ไม่ใช่เพื่อไปหาเรื่อง เพียงแต่ต้องการขอโทษเจ้าคนขับขี้โมโหคนนั้น ..
แต่อีกฝ่ายไม่คิดแบบนั้น เขาคิดว่าไอ้แว่นหน้าจืดหันไปมองหน้าเพื่อหาเรื่อง มันชะโงกหน้าออกมา ยื่นมือชี้มาที่สุชัย แต่ไม่ใช่มือเปล่า มีรองเท้าข้างหนึ่งอยู่ที่มือ พลางชี้โบ้ชี้เบ้ไปมา ทั้งยังมีเสียงด่า มาให้ได้ยิน
สุชัยรีบหันหน้ากลับ และภาวนาให้ไฟเขียวขึ้นมาเร็วๆ แต่ไม่เป็นผล นอกจากจะขับฝ่าออกไป แต่ก็ทำไม่ได้ จำใจนั่งอยู่กับที่ แต่ใจไม่ต่อยดี พักใหญ่ไปเขียวขั้น เขารีบออกรถและขับชิดซ้าย เจตนาเพื่อให้รถเจ้ากรรมคันนั้นแซงออกไป แต่มันไม่ยอมแซง และคิดว่าสุชัยจอดรถเพื่อเอาเรื่อง ..
มัยขับมาจอดหลังรถสุชัย คงมาเอาเรื่องแน่
ในสถานกณ์ที่ไม่ค่อยดี สุชัยพยายามมองหาผู้คนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจในบริเวณใกล้เคียง แต่ต้องผิดหวังเพราะไม่มีใครให้ความสนใจอะไร ทั้งไม่มีเงาของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เห็น
จะทำยังไง ?
“ปัง..” เสียงดังอันเกิดจากมีบางอย่างมากระทบกับประตูรถด้านข้างคนขับ
เขาหันไปมอง เห็นเจ้าคนขับรถสองแถว ตัวดำรูปร่างสูงใหญ่ ใส่หมวกไหมพรมที่หัว ในมือถือเหล็กกลมขนาดเหมาะมือ มันใช้เท้าถีบมาที่ประตูรถ มือที่ถือเหล็กชี้มาข้างหน้า หน้าตาบอกบุญไม่รับ
ไม่มีอย่างอื่นทำที่ดีกว่านี้ ถ้าลงไปเขาคงแย่แน่ จึงลดกระจกลง
“ไอ้
“ขอโทษครับพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษจริงๆ” สุชัยยกมือไหว้อันธพาลคราวลูก
“ขอโทษ ซ่นตีน เล่นเอากูเกือบชน” มันตะโกนใส่หน้าสุชัย
ไม่ทันได้ระวังตัว หมัดข้างหนึ่งของอ้ายดำตัวใหญ่ซัดเปรี้ยงมาที่ครึ่งปากครึ่งจมูกของ สุชัย ความแรงและหนัก ทำให้เลือดที่ปากและจมูกทะลักออกมาตามหมัด สมองมึนงง.ไปชั่วขณะ..
เพราะเหตุการณ์มันเกิดขึ้นรวดเร็วจนตั้งรับไม่ทันนึกไม่ถึง ..เท่านั้นยังไม่พอมันยังตบเข้าที่บ้องหูเขาอีกหลายครั้ง จนไม่รู้ถึงความเจ็บปวดเพราะประสาทด้านชาไปหมด
เมื่อระบายอารมณ์จนหนำใจ มันเดินกลับ.ไปที่รถ แล้วขับออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น.