"ถ้าหนังไทยได้เงินทุนเท่าหนังฮอลลีวูด เราก็ทำได้เหมือนกันแหละ" ..... ประโยคนี้พูดกันบ่อยมาก มันจริงเหรอ

กระทู้สนทนา
เล่นบอร์ดพันทิปมานาน ประโยคนี้แทบจะเป็นประโยคฮิตเวลามีคนพูดถึงว่าทำไมหนังไทยไปไม่ถีงไหนซักที

มันจะมาประมาณว่า
"หนังฮอลลีวูดน่ะ มีคนไทยทำเยอะแยะ ที่เป็นทีมงาน ถ้ามีทุนเท่าเค้า เราทำได้แน่นอน"
"ดูอย่างหนังโฆษณาสิ เอฟเฟคเทียบชั้นฮอลลีวูดได้เลย คนไทยทำทั้งนั้น กวาดรางวัลมามากมาย"
"เพราะไม่มีกล้าลงทุน หนังไทยก็เลยไม่ไปถึงไหน"

ผมว่าความคิดที่ว่า มีเงิน=ทำได้ นี่มันดูเป็นความคิดที่มักง่ายไปหน่อยนะครับ
ผมเป็นคนไทย เห็นคนไทยมากมายมีฝีมือ ผมก็ชื่นชมยินดีมาก
แต่การมาบอกว่ามีเงินเท่าฮอลลีวูด แล้วจะทำหนังได้เหมือนเค้า
ผมว่าเรายังไปไม่ถึงขั้นนั้น

ถ้าใครชอบดูเบื้องหลังการทำหนัง คุณก็คงจะพอมองภาพออกว่า การที่ฮอลลีวูดจะเข็นหนังที่ยิ่งใหญ่ตระการตาออกมาได้แต่ละเรื่อง มันต้องใช้บุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถอย่าง "สูง" ในสาขาที่ตัวเองรับผิดชอบมากมายแค่ไหน
ตั้งแต่นักแสดงเจ๋งๆ  คนแต่งหน้า ช่างทำผม ทีมเซตฉาก ทีมสตั้นต์ ทีมเสียง ทีมจัดแสง ทีมประสานงานระหว่างคนทำ CG กับกองถ่าย ทีมสตอรี่บอร์ด ทีมคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆสำหรับมาใช้ในหนัง

คือบ้านเค้าพัฒนาบุคลากรด้านนี้มานานเป็นร้อยปี สั่งสมประสบการณ์มามากมาย มีการเรียนการสอนเป็นจริงเป็นจัง ค้นคว้าเทคนิคการถ่ายทำใหม่ๆ มาอย่างไม่หยุดหย่อน
ถึงกระนั้นในฮอลลีวูด ก็ยังมียอดฝีมือ ฝีมือปานกลาง และฝีมือห่วยๆ ปะปนกันไป

หนังฮอลลีวูดถึงได้ออกมาดีเลิศบ้าง พอดูได้บ้าง และห่วยแตกบ้าง
เทคโนโลยีการสร้างภาพของแต่ละบริษัท ก็ยังไม่เปิดเผยให้กันรู้ โปรแกรมที่ใช้ก็คิดค้นขึ้นมาใหม่อย่างซับซ้อน
ไม่ใช่จะมาใช้ MAYA, CINEMA4D หรืออะไรอยู่นั่น

ยกตัวอย่างหนังที่ไม่สนุกอย่าง The last airbender ที่ดูจะเหมือนเป็นหนังห่วยในสายตาหลายคน
แต่ถ้าชำแหละลงไปดูงานสร้าง งานกล้อง งานเอฟเฟก มันไม่ได้ห่วยเลย ออกจะสุดยอดด้วยซ้ำไป
มันมาห่วยที่คนเขียนบท นักแสดง และผู้กำกับ

ถามว่าบ้านเรานั้นมีศักยภาพของบุคลากรด้านต่างๆเหล่านี้พร้อมแล้วหรือยัง
โยนเงินให้หนึ่งหมื่นล้านบาท ให้ทำเพชรพระอุมา ออกมาให้คุณภาพงานสร้างเทียบเท่ากับ Indiana jones ภาคล่าสุดที่ฉายไปเมื่อหลายปีมาแล้ว
เราจะสามารถทำได้ไหม

ผมว่าไม่ครับ นอกจากว่าจะเอาเงินนี้ไป out source มาจากที่อื่นๆซึ่งมีฝือมือเชื่อถือได้

เรื่องคนไทยมีฝีมือระดับโลก คว้ารางวัลโฆษณามามากมาย นั้นก็ส่วนของโฆษณาความยาวไม่กี่วินาที
และทีมงานไทยที่ทำเอฟเฟคให้หนังระดับโลกมากมาย อย่าง the day after tomorrow นั่นก็จริง แต่เราก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของทีมงานที่ใหญ่มากๆ แต่บางคนคิดไปไกลว่าเรานี่แหละที่ทำฉากนั้นๆออกมาทั้งหมด ซึ่งมันไม่ใช่

มันคล้ายๆกับที่ว่าบ้านเรามีกูรูเรื่องมือถือมากมาย มีโรงงานอุสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ในประเทศมากมาย แต่จนบัดนี้ เรายังหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ภาคภูมิใจได้ว่าคิดค้นและพัฒนาโดยคนไทยไม่ได้เลยซักตัวเดียว มีแต่สั่งชิ้นส่วนมาประกอบ........ฮาร์ดดิสความจุต่ำๆซักตัว เรายังไม่สามารถใช้เทคโนโลยีที่มีในประเทศผลิตได้ด้วยซ้ำ มีแต่ของเค้าหมด

มันคล้ายๆกับที่ว่าบ้านเราเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่ลองมองดูเทคโนโลยีการเกษตรบ้านเราไปถึงไหนหรือยัง มีอะไรที่พัฒนาเพิ่มผลผลิตให้สมกับเป็นครัวของโลก นอกจากปุ๋ยเคมีที่ใช้เทคโนโลยีต่างประเทศในการผลิตทั้งนั้น ชาวบ้านตาสีตาสาก็ยังก้มหน้าก้มตาทำนาทำไร่ คอยฟ้าคอยฝนอยู่เหมือนเดิม

ที่ผมพูดมาทั้งหมด เหมือนจะดูถูกคนไทย แต่ไม่ใช่หรอกครับ
ผมแค่ต้องการชี้ให้เห็นว่า เพราะการศึกษาที่ล้มเหลวของบ้านเรา
มันทำให้ทุกอย่างล้มเหลวไปหมด

ประเทศไทยไม่เคยวางแผนระยะยาวเพื่อพัฒนาสิ่งใดๆเลย เราไม่เคยสามารถทำในสิ่งที่ยากๆ เหมือนอย่างที่เกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่นทำได้
สิ่งที่เราทำก็มีแต่เรื่องง่ายๆ ปรับนู่นนิดนี่หน่อย ไม่เคยเรียกได้เต็มปากว่าเป็นนวัติกรรมที่พอจะเอามาเป็นอนาคตของประเทศไทยได้เลย

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเกษตร หรือ เทคโนโลยีต่างๆ

แต่เราโชคดีที่เรามีชัยภูมิที่ดี แดดดี ดินดี น้ำดี แหล่งท่องเที่ยวดี เราก็เลยพอมีอะไรทำมาหากินให้อยู่รอดไปได้
แต่เราจะไปได้ไกลกว่านี้ไหม อาจจะไปได้ครับ แต่ก็คงช้ามาก ถ้าเรื่องการศึกษาบ้านเรายังแย่มากๆแบบนี้อยู่

ดังนั้นเรื่องที่พูดว่า มีเงิน=ทำได้  ผมว่ามันไม่จริงเลยซักนิด
ตราบใดที่เราไม่เคยพัฒนาอะไรจริงๆจังๆในระยะยาวเลย ก็อย่างหวังว่าจะทำได้เหมือนเค้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่