ตามหัวข้อกระทู้เลยค่า คือครูให้เราทำแลปค่ะ ทีนี้ก็ให้มาสรุปเอาเอง และวิเคราะห์เชิงลึก เราก็เลยทำตามที่อ.บอกแต่มันคงไม่ลึกเท่าไหร่ เราแค่เอาอ่านพอเข้าใจ เป็นแลปที่ 6.6 แบบนี้อ่ะค่ะ อยากรู้ว่าเราสรุปถูกต้องมั้ยคะ? เราไม่มั่นใจว่าถูก คือเรากลัวผิดอ่ะคะ T_T เราไม่ค่อยแม่นเคมีคือทิ้งเคมีไปแล้วจริงๆ กลัวอ.แกด้วย เพราะเข้าไปถามทีไรโดนจิกด้วยสายตาและคำพูดกลับมาทุกทีเลยย
นี่รูปรายละเอียดแลปนะคะ
http://upload.siamza.com/2096939
วิเคราะห์ผลการทดลอง
**อ้างอิงจากหนังสือเคมีเล่ม 3 หน้า 29**
สารละลายโคบอลต์คลอไรด์มีสีชมพู เมื่อเทรวมกับหลอดทดลองที่ 1 จะเห็นว่าภายในหลอดกลายเป็นสีชมพู โดยการเกิดปฏิกิริยานั้นจะเห็นได้ชัดว่าจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวแต่พอปฏิกิริยาสิ้นสุดลงก็จะกลายเป็นสีชมพูดังเดิมในที่สุด แสดงว่าขณะที่ปฏิกิริยาดำเนินไป ตัวเร่งปฏิกิริยาจะเข้าไปมีส่วนร่วมในปฏิกิริยาด้วยโดยเปลี่ยนแปลงเป็นสารอื่นชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อปฏิกิริยาสิ้นสุดลงแล้วจะกลับเป็นสารเดิม ซึ่งจากการทดลองในหลอดที่ 1 เมื่อเติมโคลบอลต์ลงในโซเดียมโพแทสเซียมทาร์เทต สารนั้นเกิดเป็นสีชมพูก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มแสดงว่าขณะนั้นการดำเนินของปฏิกิริยายังไม่สิ้นสุดลงและค่อนข้างกินเวลานานพอสมควรเป็นเพราะโซเดียมโพแทสเซียมทาร์เทตเป็นตัวหน่วงปฏิกิริยาทำให้ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับโคลบอลต์ต่อไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์นั้นช้าลงก่อนจะค่อยๆกลับมาเป็นสารเดิมในที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวหน่วงปฏิกิริยาช่วยทำให้ปฏิกิริยาเคมีเกิดช้าลง เนื่องจากตัวหน่วงไปทำให้พลังงานก่อกัมมันต์ของพลังงานเพิ่มขึ้น ซึ่งยิ่งพลังงานก่อกัมมันต์มาก สารก็จะยิ่งเกิดช้า ซึ่งถ้าพลังงานก่อกัมมันต์น้อยหรือเส้น Ea ต่ำ อนึ่งตัวหน่วงไม่ได้ทำให้พลังงานของสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์เปลี่ยนแปลงไป
ว่าด้วยแลปเคมี 6.6 สมบัติของการเกิดอัตราปฏิกิริยา เราวิเคราะห์และสรุปอย่างนี้ถูกต้องไหมคะ?
นี่รูปรายละเอียดแลปนะคะ
http://upload.siamza.com/2096939
วิเคราะห์ผลการทดลอง
**อ้างอิงจากหนังสือเคมีเล่ม 3 หน้า 29**
สารละลายโคบอลต์คลอไรด์มีสีชมพู เมื่อเทรวมกับหลอดทดลองที่ 1 จะเห็นว่าภายในหลอดกลายเป็นสีชมพู โดยการเกิดปฏิกิริยานั้นจะเห็นได้ชัดว่าจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวแต่พอปฏิกิริยาสิ้นสุดลงก็จะกลายเป็นสีชมพูดังเดิมในที่สุด แสดงว่าขณะที่ปฏิกิริยาดำเนินไป ตัวเร่งปฏิกิริยาจะเข้าไปมีส่วนร่วมในปฏิกิริยาด้วยโดยเปลี่ยนแปลงเป็นสารอื่นชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อปฏิกิริยาสิ้นสุดลงแล้วจะกลับเป็นสารเดิม ซึ่งจากการทดลองในหลอดที่ 1 เมื่อเติมโคลบอลต์ลงในโซเดียมโพแทสเซียมทาร์เทต สารนั้นเกิดเป็นสีชมพูก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มแสดงว่าขณะนั้นการดำเนินของปฏิกิริยายังไม่สิ้นสุดลงและค่อนข้างกินเวลานานพอสมควรเป็นเพราะโซเดียมโพแทสเซียมทาร์เทตเป็นตัวหน่วงปฏิกิริยาทำให้ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับโคลบอลต์ต่อไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์นั้นช้าลงก่อนจะค่อยๆกลับมาเป็นสารเดิมในที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวหน่วงปฏิกิริยาช่วยทำให้ปฏิกิริยาเคมีเกิดช้าลง เนื่องจากตัวหน่วงไปทำให้พลังงานก่อกัมมันต์ของพลังงานเพิ่มขึ้น ซึ่งยิ่งพลังงานก่อกัมมันต์มาก สารก็จะยิ่งเกิดช้า ซึ่งถ้าพลังงานก่อกัมมันต์น้อยหรือเส้น Ea ต่ำ อนึ่งตัวหน่วงไม่ได้ทำให้พลังงานของสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์เปลี่ยนแปลงไป