น้องที่ทำงาน "อายุ 30 ปียังไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีเงินส่งให้พ่อแม่" ผู้ใหญ่มองว่า "ไม่ทันเพื่อน" เราควรให้กำลังใจยังไงดี

น้องที่ทำงาน "อายุ 30 ปียังไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีเงินส่งให้พ่อแม่" ผู้ใหญ่มองว่า "ไม่ทันเพื่อน" เราควรให้กำลังใจยังไงดี
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ดูแลตัวเองได้ก็บุญแล้ว

แต่ละคน ชะตา บูญเก่า ทุนชีวิตไม่เหมือนกัน

บางคนดี โชคดี เจอคนดี โอกาสดี จับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง

ยกตัวอย่าง เพื่อนไม่สนิทคน

จบมางานแรกที่ทำคือ เซลล์ขายรถ เงินเดือน 6000 บ. ทำอยู่เกือบๆปี ออก ไม่ไหวไม่พอกิน

ไม่พอแถมโดนเพื่อนรวมงานโกงเงินกู้อีกต่างหาก หมดไปเกือบ แสน

ออกมานั่งขายน้ำสตอเบอร์รีปันแถว มหาวิทยาลัย กำไรยังดีซะกว่าไม่ต้องเตรียมของ ทำอยู่เกือบปี มีทน จ้างคนมาขาย ตัวเองก็เปิดขยายสาขาเพิ่ม จาก 1 เป็น 2 เป็น 3

พอเก็บเงินได้ ก็ลองไปเป็นนายหน้า อสังหา ขายบ้าน ขายทีดิน ที่นี้ยาวเลย เงินดีมาก

จากแรก มาตอนนี้ผ่านมาเกือบ 10 ปีแล้ว จะเห็นว่า กว่าจะสบายผ่านอะไรมาเยอะ ต้องง้อคนซื้อรถ โดนโกง มานั่งขายน้ำตากแดด ตากลม อีกสารพัด

บอกน้องมัน สู้ๆ น้อง พยายามหางานอื่นทำเพิ่มด้วย จะได้มีสังคม เห็นลู่ทาง

เดียวมันก็มีทางไปเอง อย่าจมอยู่กับที เขาให้ทำบัญชี ก้ทำมันแต่บัญชี

เพื่อนผม หลายคน มีงานประจำทำ ก็ออกมาหางานเสริมทำ รับจัดดอกไม้งานแต่ง รับขายที่ดิน จำนอง ฝากขาย แม่ค้าตลาดนัด

ทำหมดแหละ บางอย่างเงินดีจะตาย
ความคิดเห็นที่ 5
แต่จะปลอบอย่างเดียวก็สปอยกันไปมั้ยคะ
ต้องไปดูล่ะ ว่าสาเหตุที่ไม่มีเพราะอะไร. หาได้น้อย หรือใช้เยอะ
ถ้าขนาดไม่ต้องส่งให้พ่อแม่ แปลว่าต้นทุนชีวิตดีพอควร
ถ้าไม่มีจากการหาได้น้อย น่าจะมีการวางแผนหารายได้เสริมไป ปล่อยไว้ก็ไม่ดี
แต่ถ้าไม่มีจากการใช้ฟุ่มเฟือยโดยไม่วางแผนอนาคต การไปปลอบเค้าว่าไม่เป็นไรให้ทำต่อไป ไม่เป็นการทำร้ายทางอ้อมเหรอคะ
บ้านหลังนึงกว่าจะผ่อนหมด เป็นสิบๆปีนะ ถ้าไม่วางแผนเริ่มตอนนี้ หลัง60จะให้ทำงานหาค่าเช่าบ้านต่อเหรอคะ
ไม่ใช่ว่าจะอ้างแต่ว่าไม่ได้เกิดมารวย ไม่ได้มีต้นทุนชีวิตที่ดี
ยิ่งพ่อแม่ไม่รวย ไม่ได้หามาให้ ยิ่งต้องพยายามสิ
ความคิดเห็นที่ 7
ไม่มีหนี้ก็เป็นอะไรที่สุดยอดแล้ว
ความคิดเห็นที่ 21
ผมนี้เกินสามสิบ ไม่มีอะไรเลย ผมไม่สนใจ ใครจะคิดใครจะพูด  คนอื่นมีเรื่องของคนอื่น มีก็ไมอิจฉา  อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ขอวตัวเอง ชีวิตลิขืตเอง
ความคิดเห็นที่ 17
ไม่ว่าอายุ 20,30,40,50 ฯลฯ ถ้าเขาดำเนินชีวิตได้อย่างมีสุขภาพกายสุขภาพจิตที่ดี เช่น ไม่เจ็บไม่ไข้,ใช้ชีวิตได้ตามปกติ,ไม่ทุกข์ไม่เครียด,ไม่น้อยใจไปกับคำตำหนินินทา ฯลฯ  แท้จริงแล้วเขาเป็นคนไม่มีปัญหาชีวิตใดๆเลย และค่อนข้างเป็นชีวิตแบบปกติสายกลางคือดำเนินชีวิตเพื่อพ้นทุกข์หรือไร้ทุกข์ และไม่ได้เกิดสุขเกิดทุกข์จนเกินไป    และขณะเดียวกันหากใครมีทรัพย์สินรายได้มากแต่ถ้ายังมีเรื่องในสังคมชีวิตให้ทุกข์เครียดในใจจิปาถะ แสดงว่ามีปัญหาสุขภาพจิตและเกิดปัญหาชีวิตอยู่ทั้งสิ้น

ส่วนถ้าทางญาติของเขาจะบ่นว่าไม่มีอะไรเหมือนคนอื่นเขา ไม่มีเงินมาให้ญาติ ฯลฯ  นั่นถือเป็นปัญหาสุขภาพจิตของญาติซึ่งควรมีความสันโดษยิ่งขึ้น ไม่มัวยึดถือไปตามค่านิยมใดๆแล้วเกิดภาวะหลงเครียดหรือหลงภาคภูมิจนเกินไป ควรพอใจยินดีเท่าที่ลูกหลานจุนเจือให้ได้ ฯลฯ

ส่วนผู้ใหญ่ที่มาให้ข้อคิดว่าเดี๋ยวไม่ทันเพื่อน ก็คือเขามีเจตนาดีที่อยากให้ผู้อื่นมีวิถีชีวิตที่สุขสันต์นั่นเอง  แต่ถ้าใครมองผู้อื่นในเชิงตำหนิถากถางว่าฐานะต่ำต้อย นั่นก็เป็นจิตอกุศลมากไป

การใช้ชีวิตของผู้คนปัจจุบันก็ว่าตามฐานะการเงินกันไป แต่อย่าลืมปรัชญาอันลึกล้ำซึ่งท้าทายมนุษย์อย่างยิ่งและไม่ควรประมาท นั่นคือฐานะทางศีล(ซึ่งพระบุ๊ดด้าเน้นสอนปรัชญาเรื่องนี้อย่างมาก)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่