คุณเคยโสดไหม....??
เฃื่อว่าหลายคนที่กำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมในตอนนี้ คงมีคนที่อยู่ในสถานะเดียวกับฉัน นั่นคือ "โสด"
ความโสดอ่ะ ไม่ใช่สถานะที่หน้ากลัว หรือ เป็นโรคร้ายแรงหรอก แต่มันก็แค่..ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตของคุณ ที่ไม่มีใคร..
ในชีวิตของ มนุษย์ แม้สิ่งที่ทุกคนคาดหวัง จะเป็น การเรียนที่ดี อาชีพที่มั่นคง หรือฐานะทางการเงินที่มั่งคั่ง ทุกคนก็คงจะปฏิเสธ
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องการในชีวิตไม่ได้ นั่นคือ... "ความรัก"
"ความรัก" ประโยคสั้นๆคำเดียว แต่ฟังแล้วโคตร สะท้อนใจเลยว่าไหม 555
สำหรับคนที่มีคู่ ก็คงคิดว่า ปัญหาความเหงา คงเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับ คนโสด เท่านั้น จริงๆแล้ว คนที่มีคู่อ่ะ ก็มีบางมุมที่เหงา
และอันที่จริงแล้ว ก็คงเหงามากกว่าคนโสด ร้อยเท่าพันเท่า ถ้าหากคู่ของคุณ ไม่ค่อยดูแลใส่ใจคุณเท่าไหร่ หรือแอบนอกใจ
มันจึงมีคำกล่าวที่ว่า "ยอมเหงา..ดีกว่ายอมมีเขาบนหัว" ^^
แต่วันนี้ ประเด็นที่จะมาพูดก็คือ "ความเหงา" ที่ต้องยอมแลก กับ "ความโสด" ของฉัน...
ตลอดเวลาในชีวิตของฉัน ฉันได้เรียนรู้เรื่องราวความรักมากมาย เป็นทั้งคนที่ "ทิ้งเขา" และ "โดนทิ้ง" ..
ในช่วงวัยรุ่น การบอกลาใครสักคน แล้วเดินออกมา ช่างเป็นเรื่องง่ายดายเหลือเกิน ในตอนนั้นในความคิดที่ว่า เรามีตัวเลือกมากมาย
หลงระเริงกับสิ่งที่ห่อหุ้มร่างกายภายนอก และความรักที่เป็นภาพลวงตา ฉันจึงกลายเป็นผู้หญิงคนนึง ที่หลงทาง
เลือกคนผิดและยอมทนกับความรักครั้งนั้น จนปล่อยเวลาผ่านไปเนิ่นนาน...นานจนฉันลืมไปว่า จริงๆแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคืออะไร..
คนที่ฉันเลือก ในตอนนั้น เขาเป็นรุ่นน้องฉันหลายปี พอคบกันได้สักระยะหนึ่ง ฉันรักเขาเพราะภายนอกที่ฉันมองว่า
ฉันจะเปลี่ยนให้เขามีความคิดที่โตทันฉันได้ วันที่ฉันพาเขาไปทำความรู้จักกับกลุ่มเพื่อนของฉันในงานเลี้ยงรุ่นของมหาลัย
เพื่อนรักของฉันต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่เหมาะสม" ในตอนนั้นฉันได้แต่ค้านเพื่อนในใจ เพราะฉันคิดว่าเพื่อนรักของฉัน
ไม่รู้จักคนรักของฉันดีพอ ในวันนั้น เพื่อนรักของฉันคนหนึ่งได้ตั้งคำถามกับฉันว่า
"ถ้าวันหนึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้า..ผู้ชายที่อายุน้อยคนนี้ทิ้งฉันไป ฉันจะทำอย่างไรกับความโสดในวัยใกล้ 30 ?? "
ฉันไม่มีคำตอบเป็นคำพูดให้กับเพื่อนของฉัน มีแต่ความเงียบ และ ความนิ่ง คำถามนั้น ฉันยังจดจำมันได้ดี
จนเมื่อมาถึงวันที่เพื่อนเคยตั้งคำถามไว้...สิ่งที่เพื่อนเคยเตือนฉันมาตลอด ได้เกิดขึ้นกับฉัน !!
สัจธรรมของโลกที่หมุนเปลี่ยนไปตามกาลเวลา สิ่งที่ฉันเคยคาดหวังและฝืนมันมาตลอด ได้เดินทางเข้ามาหาพร้อมกับ "ความผิดหวัง"
ที่ถาโถมเข้าใส่ฉัน..โดยที่ฉัน ไม่ทันได้ตั้งตัว
ฉันใช้เวลาฟื้นฟูสภาพจิตใจของตัวเองของความรัก 7 ปี ด้วยเวลา 4 เดือน ที่ ปาร์ตี้ แฮงค์เอ้าท์ และออกเดินทางไปที่ไกลจากเดิม
ใช้วันลาพักร้อนทั้งหมดที่ฉันมี เพื่อออกไปจากเส้นทางเดิมๆ ที่ฉันเคยใช้ร่วมกับเขาคนนั้น ฉันพยายามทำทุกๆอย่างที่ "คนถูกทิ้ง" เขาทำกัน
หลังจาก 4 เดือนผ่านไป ฉันได้ตระหนักว่า สิ่งที่ฉันทำ มันอาจจะทำให้ฉันหายเหงา แต่.. มันไม่ได้ทำให้ชีวิตฉันดีขึ้นมาเลย
หลังจากคิดได้ดังนั้น..ฉันเลยหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น เปลี่ยนความคิดที่วันๆคิดถึงแต่เขา มาคิดว่า หากเราไม่รักตัวเองแล้ว เราจะรู้ได้ไง
ว่าที่ผ่านมา ความรู้สึกที่เรามีให้เขานั้น คือ "ความรัก" น่านนน แลดู มีความคิดขึ้นมาเชียวว ^^
ฉันเริ่มเข้าฟิตเนส เพราะคิดว่า การที่เราดูแลสุขภาพของเราด้วยการออกกำลังกายนั้น คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของฉันในตอนนี้
และการเข้าฟิตเนสของฉันในครั้งนั้น...ก็ทำให้ฉันได้เจอกับ "เขา" ผู้ชายอีกคนหนึ่งที่เข้ามาเหมือนเป็น "Earthquake " ลูกใหญ่ สำหรับชีวิต !!
"เขา" ผู้แสนดี อ่อนโยน และดูเป็นสุภาพบุรุษ วันเวลาแม้เพียงเล็กน้อยที่เขาเข้ามาขอโอกาสในการดูแลฉัน มันเหมือนน้ำเย็นที่เข้ามาดับความทุกข์ใจของ
บาดแผลที่ยังคงสดอยู่ของฉัน ทุกๆวัน เขาดุแลฉันอย่างดี ถนุถนอมฉัน อย่างที่ไม่เคยมีใครเคยทำแบบนี้มาก่อน มันทำให้ฉันตกหลุมรักเขาอย่างง่ายดาย
แบบที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน ฉันเพิ่งรู้จากคำบอกเล่าของเขาว่า เขาเป็นลูกชายของเจ้าของนิตยาสารชื่อดังเล่มนึง ซึ่งสำหรับฉันแล้ว ไม่ใช่ประเด็นใหญ่โตอะไร เพราะที่ผ่านมาฉันคบใคร ก็ไม่ได้สนใจถึงฐานะที่ยากดีมีจนของคนๆนั้น
ช่วงเวลาเกือบสี่เดือนที่มีเขาในชีวิต ฉันดูไม่เป็นตัวของตัวเอง ฉันพยายามเปลี่ยนตัวฉันไปเป็นแบบที่ดูเหมาะสมกับเขา
หลายครั้ง..ฉันอึดอัดใจในความที่ชีวิตของเราไม่เหมือนกัน ไลฟ์สไตล์ กิจกรรม และความคิดหลายอย่างที่สวนกัน
แต่ฉัน..ก็ยังคง "ฝืน" ที่จะมีเขาไว้ในชีวิต แม้จะรู้ดีว่า "มันไม่มีความสุขเลย"
แต่ "ความเหงา" สำหรับฉันในตอนนั้น มันน่ากลัวเกินกว่าที่จะต้องเสียเขาไป
จนในคืนนึง... คืนนั้นที่ฉันไม่สบาย และคนที่ฉันนึกถึงคนแรกคือ "เขา"
ฉัน โทรหาเขากลางดึกในคืนวันนั้น ด้วยความคิดที่ว่า ในยามที่ฉันเจ็บป่วยเช่นนี้ เขาคงต้องมาดูแล ฉันแน่นอน
ทันทีที่ "เขา" รับโทรศัพท์ของฉัน แล้วรับฟังในสิ่งที่ฉันร้องขอ น้ำเสียงของเขา ไม่เหมือนเดิม ดูเร่งรีบ และเย็นชา
จนเสียงวางสายดังขึ้น ฉัน พยายามติดต่อเขาทั้งคืน ไม่เป็นอันหลับอันนอน จนกระทั่งเช้า ฉันพยายามติดต่อเขาอีกครั้ง และให้เพื่อนๆช่วยกันโทรหาเขา
เพราะสิ่งที่คิดตอนแรกคือ คิดว่า จะเกิดอันตรายขึ้นกับเขาหรือปล่าว จนกระทั่งสาย ฉันจึงได้รู้คำตอบ..คำตอบที่ฉันถึงกับ ล้มทั้งยืน ว่า ที่ผ่านมา
"ฉันเป็นเพียงเกมส์ของเขา" !! คำตอบนั้น ฉันได้รับ จากเพื่อนสนิทของเขาที่เป็นเทรนเนอร์สอนอยุ่ในฟิตเนสที่ฉันไปออกกำลังกาย เขาเป็นเพียงเสือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มองว่า ภาพลักษณ์ที่เป็นผู้หญิงดูมั่นใจอย่างฉัน จะพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์ของเขาหรือไม่ !! หลังจากวันนั้นเอง เกมส์จึงได้เริ่มขึ้น
ซ้ำร้ายกว่านั้น..พอฉันได้สติ ฉันเริ่มสืบเรื่องราวของเขา จากชื่อและข้อมูลทางโทรศัพท์ของเขา ตลอดจนโทรไปที่นิตยาสารชื่อดัง ทำให้ฉันยิ่งรู้ว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานั้น มันคือเรื่องโกหกทั้งเพ !!
ฉัน..กลับมาอยู่ในจุดเดิมอีกครั้ง จุดที่ต้องซุกตัวอยู่ในเงาของความบอบช้ำ จุดที่ต้องรู้สึกเหมือนเป็นคนแพ้ จุดที่ต้องนอนจมอยุ่กับปลอกหมอนเปื้อนน้ำตา
แต่..ความเจ็บปวดครั้งนี้ มันสอนให้ฉันได้เรียนรู้บทเรียนความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต จากสองความรักที่พังทลายลงของฉัน
บทเรียนที่สอนให้ฉันได้เรียนรู้ว่า...
ต่อให้ระยะเวลาของความรักเดินทางมาด้วยกันนานเท่าไหร่...เมื่อถึงคราวคนจะไป กี่ล้านพันนาทีของความรักในอดีต ก็รั้งไว้ไม่อยู่
ต่อให้เราพยายามที่จะเปลี่ยนคนรักของเรามากแค่ไหน...สิ่งที่เราคิดว่าดีสำหรับเขา อาจไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขาถึงไม่เปลี่ยน
ต่อให้ในตอนรัก เราคิดว่าเรารักเขามากเช่นไร แต่ถ้าเรายังไม่รู้จักรักตัวเอง..สิ่งที่เรารู้สึกกับเขานั้น มันอาจเป็นแค่ความหลง
ในทุกๆความสัมพันธ์ของชายหญิงนั้น หากเป็นรักที่แท้จริง มันจะไม่มีความรู้สึกอึดอัดใจระหว่างความรักที่เกิดขึ้น
ในทุกๆความรัก สิ่งที่สำคัญในการไตร่ตรองคนที่เข้ามาหาคุณก็คือ คุณจงใช้สติและรู้เท่าทันความรักให้ดีพอ
ในทุกๆความผิดหวัง ความเสียใจ แม้ว่าในวันนั้นมันอาจเหมือนฟ้าถล่มลงมากลางกบาล แต่..เชื่อเถอะ พอถึงเวลาที่เหมาะสม ทุกคนจะผ่านมันไปได้
แต่ถ้าใครที่เคยเจอเรื่องราวความรักที่แย่แบบฉัน คงไม่แปลก ที่คุณจะครอง โสด มาได้อย่างยาวนานนับปี (ถึงแม้ว่าความจริงจะไม่อยากโสด)
เพราะ บางครั้ง ในตอนนี้ ฉัน คนที่หลายๆคนมองว่า เป็นผู้หญิงที่เก่งและมั่นใจ ขนาดไหน สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุด ก็คือ "ความรัก" ฉันไม่อยากกลับไปเป็น
ผู้หญิงคนเดิมนั่งกอดเข่าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของตัวเอง ร้องไห้ตัวโยน และถึงแม้เวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ ความรู้สึกนั้น ฉันก็ยังจำได้ไม่มีวันลืม
ในทุกๆวันของชีวิต "โสด" ฉันพยายามหากิจกรรมหลายๆอย่างทำ เพื่อให้ดูมีคุณค่ากับตัวเองมากที่สุด แม้บางครั้ง วันที่ฉันหยุดนิ่งอยู่กับตัวเอง
มันจะทำให้ฉัน "เหงา" มากเท่าไหร่ แต่เมื่อฉันตั้งคำถามกับตัวเองว่า "หากวันใดที่คนๆนั้นยังไม่มาถึง" ฉันอาจต้องทนเหงาต่อไป เพื่อแลกกับความสุข
ในการใช้ชีวิตโสดให้คุ้มค่า และดุและตัวเองให้พร้อม เพื่อรอต้อนรับ "คนๆนั้น" ที่จะเข้ามา ในสักวัน..
**เรื่องราวของฉัน ถ้าจะทำให้ใครสักคนที่กำลังอ่านและตกอยู่ในความทุกข์ที่ฉันเคยเผชิญมานั้น ดีขึ้นได้ ฉันยินดี
ในทุกๆความทุกข์ เมื่อหันหลังไปมอง...ก็จะรู้ว่าเรามีใครบ้างที่อยู่ข้างเราจริงๆ ครอบครัว เพื่อนที่รัก อย่าเพิ่งท้อแท้
หรือจมอยู่กับความเสียใจ เป็นกำลังใจให้นะคะ ^^
"ความโสด" ความสุขที่ต้องแลกกับ "ความเหงา"
เฃื่อว่าหลายคนที่กำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมในตอนนี้ คงมีคนที่อยู่ในสถานะเดียวกับฉัน นั่นคือ "โสด"
ความโสดอ่ะ ไม่ใช่สถานะที่หน้ากลัว หรือ เป็นโรคร้ายแรงหรอก แต่มันก็แค่..ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตของคุณ ที่ไม่มีใคร..
ในชีวิตของ มนุษย์ แม้สิ่งที่ทุกคนคาดหวัง จะเป็น การเรียนที่ดี อาชีพที่มั่นคง หรือฐานะทางการเงินที่มั่งคั่ง ทุกคนก็คงจะปฏิเสธ
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องการในชีวิตไม่ได้ นั่นคือ... "ความรัก"
"ความรัก" ประโยคสั้นๆคำเดียว แต่ฟังแล้วโคตร สะท้อนใจเลยว่าไหม 555
สำหรับคนที่มีคู่ ก็คงคิดว่า ปัญหาความเหงา คงเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับ คนโสด เท่านั้น จริงๆแล้ว คนที่มีคู่อ่ะ ก็มีบางมุมที่เหงา
และอันที่จริงแล้ว ก็คงเหงามากกว่าคนโสด ร้อยเท่าพันเท่า ถ้าหากคู่ของคุณ ไม่ค่อยดูแลใส่ใจคุณเท่าไหร่ หรือแอบนอกใจ
มันจึงมีคำกล่าวที่ว่า "ยอมเหงา..ดีกว่ายอมมีเขาบนหัว" ^^
แต่วันนี้ ประเด็นที่จะมาพูดก็คือ "ความเหงา" ที่ต้องยอมแลก กับ "ความโสด" ของฉัน...
ตลอดเวลาในชีวิตของฉัน ฉันได้เรียนรู้เรื่องราวความรักมากมาย เป็นทั้งคนที่ "ทิ้งเขา" และ "โดนทิ้ง" ..
ในช่วงวัยรุ่น การบอกลาใครสักคน แล้วเดินออกมา ช่างเป็นเรื่องง่ายดายเหลือเกิน ในตอนนั้นในความคิดที่ว่า เรามีตัวเลือกมากมาย
หลงระเริงกับสิ่งที่ห่อหุ้มร่างกายภายนอก และความรักที่เป็นภาพลวงตา ฉันจึงกลายเป็นผู้หญิงคนนึง ที่หลงทาง
เลือกคนผิดและยอมทนกับความรักครั้งนั้น จนปล่อยเวลาผ่านไปเนิ่นนาน...นานจนฉันลืมไปว่า จริงๆแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคืออะไร..
คนที่ฉันเลือก ในตอนนั้น เขาเป็นรุ่นน้องฉันหลายปี พอคบกันได้สักระยะหนึ่ง ฉันรักเขาเพราะภายนอกที่ฉันมองว่า
ฉันจะเปลี่ยนให้เขามีความคิดที่โตทันฉันได้ วันที่ฉันพาเขาไปทำความรู้จักกับกลุ่มเพื่อนของฉันในงานเลี้ยงรุ่นของมหาลัย
เพื่อนรักของฉันต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่เหมาะสม" ในตอนนั้นฉันได้แต่ค้านเพื่อนในใจ เพราะฉันคิดว่าเพื่อนรักของฉัน
ไม่รู้จักคนรักของฉันดีพอ ในวันนั้น เพื่อนรักของฉันคนหนึ่งได้ตั้งคำถามกับฉันว่า
"ถ้าวันหนึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้า..ผู้ชายที่อายุน้อยคนนี้ทิ้งฉันไป ฉันจะทำอย่างไรกับความโสดในวัยใกล้ 30 ?? "
ฉันไม่มีคำตอบเป็นคำพูดให้กับเพื่อนของฉัน มีแต่ความเงียบ และ ความนิ่ง คำถามนั้น ฉันยังจดจำมันได้ดี
จนเมื่อมาถึงวันที่เพื่อนเคยตั้งคำถามไว้...สิ่งที่เพื่อนเคยเตือนฉันมาตลอด ได้เกิดขึ้นกับฉัน !!
สัจธรรมของโลกที่หมุนเปลี่ยนไปตามกาลเวลา สิ่งที่ฉันเคยคาดหวังและฝืนมันมาตลอด ได้เดินทางเข้ามาหาพร้อมกับ "ความผิดหวัง"
ที่ถาโถมเข้าใส่ฉัน..โดยที่ฉัน ไม่ทันได้ตั้งตัว
ฉันใช้เวลาฟื้นฟูสภาพจิตใจของตัวเองของความรัก 7 ปี ด้วยเวลา 4 เดือน ที่ ปาร์ตี้ แฮงค์เอ้าท์ และออกเดินทางไปที่ไกลจากเดิม
ใช้วันลาพักร้อนทั้งหมดที่ฉันมี เพื่อออกไปจากเส้นทางเดิมๆ ที่ฉันเคยใช้ร่วมกับเขาคนนั้น ฉันพยายามทำทุกๆอย่างที่ "คนถูกทิ้ง" เขาทำกัน
หลังจาก 4 เดือนผ่านไป ฉันได้ตระหนักว่า สิ่งที่ฉันทำ มันอาจจะทำให้ฉันหายเหงา แต่.. มันไม่ได้ทำให้ชีวิตฉันดีขึ้นมาเลย
หลังจากคิดได้ดังนั้น..ฉันเลยหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น เปลี่ยนความคิดที่วันๆคิดถึงแต่เขา มาคิดว่า หากเราไม่รักตัวเองแล้ว เราจะรู้ได้ไง
ว่าที่ผ่านมา ความรู้สึกที่เรามีให้เขานั้น คือ "ความรัก" น่านนน แลดู มีความคิดขึ้นมาเชียวว ^^
ฉันเริ่มเข้าฟิตเนส เพราะคิดว่า การที่เราดูแลสุขภาพของเราด้วยการออกกำลังกายนั้น คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของฉันในตอนนี้
และการเข้าฟิตเนสของฉันในครั้งนั้น...ก็ทำให้ฉันได้เจอกับ "เขา" ผู้ชายอีกคนหนึ่งที่เข้ามาเหมือนเป็น "Earthquake " ลูกใหญ่ สำหรับชีวิต !!
"เขา" ผู้แสนดี อ่อนโยน และดูเป็นสุภาพบุรุษ วันเวลาแม้เพียงเล็กน้อยที่เขาเข้ามาขอโอกาสในการดูแลฉัน มันเหมือนน้ำเย็นที่เข้ามาดับความทุกข์ใจของ
บาดแผลที่ยังคงสดอยู่ของฉัน ทุกๆวัน เขาดุแลฉันอย่างดี ถนุถนอมฉัน อย่างที่ไม่เคยมีใครเคยทำแบบนี้มาก่อน มันทำให้ฉันตกหลุมรักเขาอย่างง่ายดาย
แบบที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน ฉันเพิ่งรู้จากคำบอกเล่าของเขาว่า เขาเป็นลูกชายของเจ้าของนิตยาสารชื่อดังเล่มนึง ซึ่งสำหรับฉันแล้ว ไม่ใช่ประเด็นใหญ่โตอะไร เพราะที่ผ่านมาฉันคบใคร ก็ไม่ได้สนใจถึงฐานะที่ยากดีมีจนของคนๆนั้น
ช่วงเวลาเกือบสี่เดือนที่มีเขาในชีวิต ฉันดูไม่เป็นตัวของตัวเอง ฉันพยายามเปลี่ยนตัวฉันไปเป็นแบบที่ดูเหมาะสมกับเขา
หลายครั้ง..ฉันอึดอัดใจในความที่ชีวิตของเราไม่เหมือนกัน ไลฟ์สไตล์ กิจกรรม และความคิดหลายอย่างที่สวนกัน
แต่ฉัน..ก็ยังคง "ฝืน" ที่จะมีเขาไว้ในชีวิต แม้จะรู้ดีว่า "มันไม่มีความสุขเลย"
แต่ "ความเหงา" สำหรับฉันในตอนนั้น มันน่ากลัวเกินกว่าที่จะต้องเสียเขาไป
จนในคืนนึง... คืนนั้นที่ฉันไม่สบาย และคนที่ฉันนึกถึงคนแรกคือ "เขา"
ฉัน โทรหาเขากลางดึกในคืนวันนั้น ด้วยความคิดที่ว่า ในยามที่ฉันเจ็บป่วยเช่นนี้ เขาคงต้องมาดูแล ฉันแน่นอน
ทันทีที่ "เขา" รับโทรศัพท์ของฉัน แล้วรับฟังในสิ่งที่ฉันร้องขอ น้ำเสียงของเขา ไม่เหมือนเดิม ดูเร่งรีบ และเย็นชา
จนเสียงวางสายดังขึ้น ฉัน พยายามติดต่อเขาทั้งคืน ไม่เป็นอันหลับอันนอน จนกระทั่งเช้า ฉันพยายามติดต่อเขาอีกครั้ง และให้เพื่อนๆช่วยกันโทรหาเขา
เพราะสิ่งที่คิดตอนแรกคือ คิดว่า จะเกิดอันตรายขึ้นกับเขาหรือปล่าว จนกระทั่งสาย ฉันจึงได้รู้คำตอบ..คำตอบที่ฉันถึงกับ ล้มทั้งยืน ว่า ที่ผ่านมา
"ฉันเป็นเพียงเกมส์ของเขา" !! คำตอบนั้น ฉันได้รับ จากเพื่อนสนิทของเขาที่เป็นเทรนเนอร์สอนอยุ่ในฟิตเนสที่ฉันไปออกกำลังกาย เขาเป็นเพียงเสือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มองว่า ภาพลักษณ์ที่เป็นผู้หญิงดูมั่นใจอย่างฉัน จะพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์ของเขาหรือไม่ !! หลังจากวันนั้นเอง เกมส์จึงได้เริ่มขึ้น
ซ้ำร้ายกว่านั้น..พอฉันได้สติ ฉันเริ่มสืบเรื่องราวของเขา จากชื่อและข้อมูลทางโทรศัพท์ของเขา ตลอดจนโทรไปที่นิตยาสารชื่อดัง ทำให้ฉันยิ่งรู้ว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานั้น มันคือเรื่องโกหกทั้งเพ !!
ฉัน..กลับมาอยู่ในจุดเดิมอีกครั้ง จุดที่ต้องซุกตัวอยู่ในเงาของความบอบช้ำ จุดที่ต้องรู้สึกเหมือนเป็นคนแพ้ จุดที่ต้องนอนจมอยุ่กับปลอกหมอนเปื้อนน้ำตา
แต่..ความเจ็บปวดครั้งนี้ มันสอนให้ฉันได้เรียนรู้บทเรียนความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต จากสองความรักที่พังทลายลงของฉัน
บทเรียนที่สอนให้ฉันได้เรียนรู้ว่า...
ต่อให้ระยะเวลาของความรักเดินทางมาด้วยกันนานเท่าไหร่...เมื่อถึงคราวคนจะไป กี่ล้านพันนาทีของความรักในอดีต ก็รั้งไว้ไม่อยู่
ต่อให้เราพยายามที่จะเปลี่ยนคนรักของเรามากแค่ไหน...สิ่งที่เราคิดว่าดีสำหรับเขา อาจไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขาถึงไม่เปลี่ยน
ต่อให้ในตอนรัก เราคิดว่าเรารักเขามากเช่นไร แต่ถ้าเรายังไม่รู้จักรักตัวเอง..สิ่งที่เรารู้สึกกับเขานั้น มันอาจเป็นแค่ความหลง
ในทุกๆความสัมพันธ์ของชายหญิงนั้น หากเป็นรักที่แท้จริง มันจะไม่มีความรู้สึกอึดอัดใจระหว่างความรักที่เกิดขึ้น
ในทุกๆความรัก สิ่งที่สำคัญในการไตร่ตรองคนที่เข้ามาหาคุณก็คือ คุณจงใช้สติและรู้เท่าทันความรักให้ดีพอ
ในทุกๆความผิดหวัง ความเสียใจ แม้ว่าในวันนั้นมันอาจเหมือนฟ้าถล่มลงมากลางกบาล แต่..เชื่อเถอะ พอถึงเวลาที่เหมาะสม ทุกคนจะผ่านมันไปได้
แต่ถ้าใครที่เคยเจอเรื่องราวความรักที่แย่แบบฉัน คงไม่แปลก ที่คุณจะครอง โสด มาได้อย่างยาวนานนับปี (ถึงแม้ว่าความจริงจะไม่อยากโสด)
เพราะ บางครั้ง ในตอนนี้ ฉัน คนที่หลายๆคนมองว่า เป็นผู้หญิงที่เก่งและมั่นใจ ขนาดไหน สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุด ก็คือ "ความรัก" ฉันไม่อยากกลับไปเป็น
ผู้หญิงคนเดิมนั่งกอดเข่าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของตัวเอง ร้องไห้ตัวโยน และถึงแม้เวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ ความรู้สึกนั้น ฉันก็ยังจำได้ไม่มีวันลืม
ในทุกๆวันของชีวิต "โสด" ฉันพยายามหากิจกรรมหลายๆอย่างทำ เพื่อให้ดูมีคุณค่ากับตัวเองมากที่สุด แม้บางครั้ง วันที่ฉันหยุดนิ่งอยู่กับตัวเอง
มันจะทำให้ฉัน "เหงา" มากเท่าไหร่ แต่เมื่อฉันตั้งคำถามกับตัวเองว่า "หากวันใดที่คนๆนั้นยังไม่มาถึง" ฉันอาจต้องทนเหงาต่อไป เพื่อแลกกับความสุข
ในการใช้ชีวิตโสดให้คุ้มค่า และดุและตัวเองให้พร้อม เพื่อรอต้อนรับ "คนๆนั้น" ที่จะเข้ามา ในสักวัน..
**เรื่องราวของฉัน ถ้าจะทำให้ใครสักคนที่กำลังอ่านและตกอยู่ในความทุกข์ที่ฉันเคยเผชิญมานั้น ดีขึ้นได้ ฉันยินดี
ในทุกๆความทุกข์ เมื่อหันหลังไปมอง...ก็จะรู้ว่าเรามีใครบ้างที่อยู่ข้างเราจริงๆ ครอบครัว เพื่อนที่รัก อย่าเพิ่งท้อแท้
หรือจมอยู่กับความเสียใจ เป็นกำลังใจให้นะคะ ^^