[Yu-Gi-Oh!] ตำนานมหาเทพแห่งไอยคุปต์


          แม้ ยูกิโอ! หรือ เกมกลคนอัจฉริยะ ภาคล่าสุดที่กำลังฮิตกันในตอนนี้จะเป็นภาค Arc-V  แต่วันนี้ผมขอหยิบสุดยอดมอนสเตอร์ในภาค ดูเอลมอนสเตอร์ ของ มุโต้ ยูกิ มาเล่าแทนนะครับ ถือเป็นการรำลึกความหลังสำหรับคนชอบยูกิโอภาคแรกละกัน  ซึ่งมอนสเตอร์ที่ผมจะนำมาเล่าก็คือมหาเทพสไตล์อียิปต์ทั้งสามองค์นั่นเองครับ
          เทพพิทักษ์โอเบลิสค์   มังกรนภาโอซีริส   มังกรวิหคเทพรา
          ชื่อของมอนสเตอร์เทพทั้งสามองค์นี้คงเป็นที่คุ้นหูของหลายๆ คนอย่างแน่นอน  ในฐานะที่ผมชื่นชอบอารยธรรมและศาสนาของอียิปต์โบราณ ผมจะนำข้อมูลตามความเชื่อของชาวอียิปต์เกี่ยวกับเทพทั้งสามองค์นี้มาเล่านะครับ

                    โอเบลิสค์ (Obelisk)
          Obelisk the Giant God Soldier (เวอร์ชั่นอังกฤษชื่อ Obelisk the Tormentor) หรือ มหาเทพผู้พิทักษ์ โอเบลิสค์ เป็นหนึ่งในสามของการ์ดแห่งพระเจ้าสไตล์อียิปต์ ซึ่งเป็นการ์ดชุดที่ทรงพลังมากที่สุดในซีรีส์แรก และเป็นกุญแจสำคัญของเรื่อง (ต่อวิญญาณของฟาโรห์) ในช่วงครึ่งหลัง
          แต่เดิมการ์ด โอเบลิสค์ อยู่ในความครอบครองของอิชิซุ พี่สาวของมาริค แต่เธอก็ได้มอบมันให้ไคบะตอนที่มาจัดนิทรรศการอียิปต์ที่พิพิธภัณฑ์เมืองโดมิโนะ และต่อมาเมื่อไคบะพ่ายแพ้ให้ยูกิในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศของแบทเทิลซิตี้ มันก็ได้เปลี่ยนมือมาอยู่กับฟาโรห์ไร้นาม พระเอกของเราในที่สุดครับ
          ในอารยธรรมอียิปต์ โอเบลิสค์ ไม่ได้เป็นชื่อของเทพเจ้าองค์ใดครับ หากแต่เป็นชื่อของเสาหินทรงเหลี่ยมที่เรียวยาวและสูง มียอดแหลมแบบพีระมิด (เหมือน "ดาร์กทาวเวอร์" ในดิจิมอน 02 นั่นแหละครับ) เสาโอเบลิสค์นี้ถูกสร้างขึ้นในหลายวัตถุประสงค์ บางครั้งก็เพื่อถวายเกียรติแด่เทพเจ้า (อย่างเช่น รา) หรือบางคราวก็เพื่ออุทิศแด่ฟาโรห์  เสาโอเบลิสค์ต้นที่เก่าแก่ที่สุดที่พบมีอายุถึง 4,000 ปีทีเดียวครับ

                    นอกจากนี้ เทพ โอเบลิสค์ ในยูกิโอยังมีคอนเซปต์ที่เทียบได้กับเทพ เกบ (Geb) ของอียิปต์ เทพเกบเป็นเทพแห่งผืนพิภพ ดิน และหิน   ในแง่สัญลักษณ์ เทพเกบเป็นตัวแทนของการล่วงเลย กาลเวลา และความไม่จีรังยั่งยืน ซึ่งคาดว่าลักษณะของเทพเกบนี้เองที่อาจเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างเสาโอเบลิสค์ในยุคต่อมาครับ

                    โอซิริส (Osiris)
          Sky Dragon of Osiris (เวอร์ชั่นอังกฤษชื่อ Slifer the Sky Dragon) หรือ มังกรเทพนภา โอซิริส เป็นหนึ่งในสามของการ์ดแห่งพระเจ้าของอียิปต์ และเป็นการ์ดเทพใบแรกที่ยูกิได้มาครอบครอง
          แต่เดิมการ์ดเทพทั้งสามถูกฝังไว้ที่ หุบผาแห่งกษัตริย์ (เป็นสถานที่ที่มีอยู่จริงครับ เป็นที่ฝังพระศพของเหล่าฟาโรห์และบุคคลในราชวงศ์ของอียิปต์สมัยอาณาจักรใหม่) โดยฝังไว้ใบละที่ ทว่าองค์กร กูลส์ ของมาริคได้ขโมยการ์ด โอซิริส และ รา ไป (แต่ขโมย โอเบลิสค์ ไม่ได้) ต่อมาในแบทเทิลซิตี้ ยูกิก็ได้ดูเอลกับแรร์ฮันเตอร์ซึ่งใช้การ์ดโอซิริส และเขาก็เอาชนะได้ จึงได้การ์ดโอซิริสไว้ในครอบครอง
          ในปกรณัมอียิปต์ โอซิริส เป็นเทพเจ้าที่มีความสำคัญมากองค์หนึ่ง พระองค์ได้รับการยกย่องให้เป็นราชาแห่งปวงเทพ เทพแห่งความเป็นอมตะ และเทพแห่งโลกวิญญาณ
                    เทพ โอซิริส มีมเหสีชื่อว่าเทพี ไอซิส (ที่มาของชื่อ อิชิซุ นั่นแหละครับ) และมีโอรสชื่อว่า โฮรัส  โดยโอซิริสกับไอซิสเป็นพี่น้องกัน (เป็นโอรสและธิดาของเทพ เกบ และเทพี นัต) เล่ากันว่า โอซิริสกับไอซิสได้ตกหลุมรักกันตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ของมารดาเลยทีเดียวครับ
          ตามความเชื่อของอียิปต์ ในยุคแรกเทพเจ้าจะทำหน้าที่เป็นฟาโรห์ปกครองโลกมนุษย์ และโอซิริสก็ได้ขึ้นครองบัลลังก์ฟาโรห์ในสมัยหนึ่งด้วย และวันหนึ่งปัญหาก็บังเกิดด้วยฝีมือของ เซต น้องชายขี้อิจฉาของโอซิริส ซึ่งอยากครองบัลลังก์ฟาโรห์เสียเอง แถมยังหลงรักไอซิส อยากได้นางไว้ในครอบครองอีกด้วย จึงทำให้เซตรู้สึกชิงชังโอซิริสเป็นนักหนา
          วันหนึ่ง เทพเซตได้วางอุบายกระจอกขึ้นมาเพื่อสังหารโอซิริส โดยทำทีจัดงานฉลองให้โอซิริส และเมื่อไคลแม็กซ์ของงานมาถึง เซตก็ให้เจ้าหน้าที่แบกหีบไม้ที่มาใบหนึ่ง เป็นหีบงามที่ประดับไปด้วยทองคำและเพรชนิลจินดาเลิศหรู เซตประกาศว่า ถ้าใครลงไปนอนในหีบนี้ได้พอดีจะได้สมบัติทั้งหมดในหีบไปครอง หลายคนในงานก็ลองลงหีบแต่ก็ไม่มีใครนอนได้พอดีตัวเลย แต่พอโอซิริสลองลงไปก็ปรากฏว่านอนได้พอดีครับ (จะไม่พอดีได้ไง ก็เซตสั่งสร้างหีบไว้สำหรับโอซิริสแต่แรกแล้ว!) ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ก็ปิดฝาหีบและเอาเชือกมัดทันที ท่ามกลางความตกตะลึงของแขกในงาน ต่อมาเซตก็รับสั่งให้เอาหีบไปถ่วงลงแม่น้ำไนล์ และด้วยอุบายกากๆ เช่นนี้แหละครับที่ทำให้โอซิริสม่องเท่งไปเลย!
          แถมต่อมา เทพเซตยังได้ออกตามหาโลงศพ (ไอ้หีบนั่นแหละ) ของโอซิริส เมื่อพบเซตก็สั่งให้ทหารนำพระศพของโอซิริสมาตัดเป็นชิ้นๆ ได้ 14 ชิ้น และนำไปโปรยทิ้งทั่วแผ่นดินอียิปต์!  เอาเป็นว่าจะไม่ปล่อยให้โอซิริสมีโอกาสได้คืนชีพกันเลยล่ะครับ!
          แต่ด้วยความรักของเทพีไอซิส พระนางได้ออกตามหาชิ้นส่วนของเทพโอซิริสด้วยความลำบากแสนเข็ญ จนในที่สุดก็รวบรวมได้ครบ ไอซิสได้นำชิ้นส่วนทั้ง 14 มาประกอบกันแล้วเอาผ้าขาวพันเป็นมัมมี่ จากนั้นก็ทำพิธีกรรมเวทย์ชุบวิญญาณให้โอซิริส และแล้วโอซิริสก็ได้คืนชีพขึ้นในปรโลกกลายเป็นอมตะ และได้เป็นเทพเจ้าที่ปกครองโลกหลังความตายสืบไป (ทำหน้าที่เป็นยมบาลของอียิปต์ คือพิพากษาวิญญาณคนตาย)

                    รา (Ra)
          ที่จริงคำว่า รา ไม่มี ห.หีบ การันต์นะครับ แต่เราก็เรียก ราห์ ตามที่คุ้นเคยได้ เพราะพอมี ห.หีบ แล้วมันดูเท่กว่า
          Winged God Dragon of Ra (เวอร์ชั่นอังกฤษชื่อ The Winged Dragon of Ra) หรือ มังกรเทพวิหค รา เป็นหนึ่งในสามของการ์ดแห่งพระเจ้าของอียิปต์ และเป็นการ์ดเทพที่แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ในครอบครองของมาริคด้านมืด
          การ์ด รา เป็นการ์ดเทพหนึ่งในสองใบที่องค์กร กูลส์ มีในครอบครอง (อีกใบคือโอซิริส) ในแบทเทิลซิตี้ ปรากฏผู้ใช้ราสองคน คือ ริชิด (Rishid-ริชิโด้) ซึ่งดูเอลกับโจวโนะอุจิ แต่ราของริชิดเป็นการ์ดปลอม ส่วนการ์ดจริงนั้นอยู่ที่มาริค ซึ่งมาริคได้ใช้ในการดูเอลกับไม บาคุระ โจวโนะอุจิ และยูกิ สุดท้ายยูกิก็เป็นฝ่ายชนะและได้รับครอบครองการ์ด ราในที่สุดครับ

                    ในปกรณัมอียิปต์ รา (Ra) หรือ เร (Re) เป็นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ที่ได้รับการยกย่องเทิดทูนอย่างสูง (เผลอๆจะยิ่งกว่าโอซิริสเสียอีก) ราเป็นเทพสุริยะที่จะล่องเรือสุริยันไปบนฟากฟ้า 12 ชั่วโมง ทำให้เกิดเวลากลางวัน ส่วนเวลากลางคืนอีก 12 ชั่วโมงนั้นราต้องล่องเรือไปยังแดนแห่งความตาย (เรียกว่า มตภพ หรือ ดูอัต) ซึ่งมีอสูรและปิศาจเป็นจำนวนมาก (และศัตรูตัวฉกาจก็คือพญางู อโปฟิส หรือ อาเปป ที่เป็นอมตะ) ราต้องต่อสู้กับพวกมันทุกวันและก็เอาชนะได้ทุกครั้งไป เมื่อผ่านโลกแห่งความตายซึ่งเป็นกลางคืนมาได้ เรือของราก็จะผงาดแสงเข้าสู่กลางวันของเช้าวันใหม่
          นอกจากนี้ ตำนานอียิปต์ยังมีการนำเทพ รา ไปฟิวชั่นกับเทพองค์อื่นๆ ทำให้เกิดเป็นเทพองค์ใหม่ เช่น รา-โฮรัคห์ตี (รา + โฮรัส), อมุน-รา (รา + อมุน), รา-โอซิริส (รา + โอซิริส) และ อตุม-รา (รา + อตุม หรือ อเตม-ชื่อของยูกิด้านมืด) เป็นต้น
          ในอารยธรรมอียิปต์ สีทองเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้าและการบรรลุสู่พระเจ้า ในตำนาน รา เป็นบุรุษที่มีร่างกายสีทองและมีผมสีฟ้าแบบอัญมณีไพฑูรย์ ซึ่งเทียบได้กับ รา ในยูกิโอที่มีร่างสีทองและมีอัญมณีสีฟ้าอยู่บนหัวครับ

          ทีนี้ก็เล่าเรื่องเทพอียิปต์ครบครันแล้วนะครับ ทั้ง โอเบลิสค์, โอซิริส และ รา  ทีนี้ผมจะพูดถึงเทพ โฮรัคห์ตี ที่เป็นร่างรวมของเทพทั้งสามเป็นการปิดท้ายนะครับ

                    โฮรัคห์ตี (Horakhty)
          คำนี้อ่านว่า โฮรัคห์ตี นะครับ แต่ในมังงะแปลไทยแปลว่า ฮอลอาคุติ (ฮอร์อัคห์ตี)
          ในยูกิโอ โฮรัคห์ตี เป็นเทพผู้สร้างแห่งแสง ซึ่งเป็นเทพสูงสุดที่เกิดจากการรวมกันของมหาเทพทั้งสาม (อันได้แก่ โอเบลิสค์, โอซิริส และรา) ซึ่งพระองค์เป็นเทพที่ทรงพลังอำนาจมากถึงขนาดทำลายจอมปิศาจ โซคเนโครฟาเดส ได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
          ส่วนในปกรณัมอียิปต์จริงๆ ชื่อ โฮรัคห์ตี ห้วนๆ นั้นไม่มีนะครับ จะมีก็แต่ชื่อ รา-โฮรัคห์ตี (Ra-Horakhty) ซึ่งเป็นชื่อของเทพดวงอาทิตย์ยามเวลาอุทัย อันเกิดมาจากการ ‘ฟิวชัน’ หรือการรวมกันของเทพ รา (เทพแห่งดวงอาทิตย์) และเทพ โฮรัส (โอรสของเทพโอซิริส) ซึ่งผู้แต่งเขาหยิบเอาเฉพาะคำว่า โฮรัคห์ตี มาใช้นั่นเองครับ
          เมื่อผู้แต่งอยากได้เทพที่เป็นร่างรวมของ รา, โอซิริส และโอเบลิสค์ ก็ต้องใช้เทพในตำนานอียิปต์ที่เกี่ยวข้องกับทั้งราและโอซิริส (ส่วนโอเบลิสค์ไม่เกี่ยว เพราะมันไม่ใช่ชื่อเทพ) การใช้เทพ รา-โฮรัคห์ตี ก็ค่อนข้างเหมาะสมครับ เพราะเป็นเทพที่เกิดจากการรวมกันของ รา กับ โฮรัส ซึ่งเป็นบุตรของ โอซิริส  เพราะถึงแม้จะมีเทพ รา-โอซิริส ซึ่งเป็นร่างรวมของสองเทพตรงๆ แต่ชื่อมันง่ายไปครับ เอาเป็น โฮรัคห์ตี ดีแล้ว
          แถมเกร็ดให้อีกนิดหนึ่งครับ แน่นอนว่าเมื่อมีเทพอาทิตย์อุทัย (อาทิตย์ขึ้น) ก็ต้องมีเทพอาทิตย์อัสดง (อาทิตย์ตก) ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือเทพ พตาห์ (Ptah) นั่นเองครับ (แต่ในยูกิไม่มีนะครับ)

          
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่