ปากบอกพี่ชาย..แต่ทำไมทำแบบนี้?

คือเราคุยกับคนๆหนึ่งทางโลกออนไลน์ค่ะ ผ่านทางappในมือถือ ซึ่งappนี้จะคุยกันได้ก็ต่อเมื่อต่างคนต่างสนใจในกันและกัน แล้วมันจะแมตท์เปิดห้องสนทนาไว้ให้คุยกันค่ะ ซึ่งappนี้หากใครคนใดคนหนึ่งสนใจแค่ฝ่ายเดียวก็จะไม่มีโอกาสได้คุยกัน ถือว่าเป็นการคัดคนที่คุยกับเราระดับหนึ่ง และมันจะซิงค์ข้อมูลของเราไว้กับเฟซ ซึ่งรูปที่เอามาใช้ จะต้องเป็นรูปในเฟซของเราจริงๆเท่านั้น..เราจึงวางใจได้ระดับหนึ่งว่าคนที่มาเล่นจะใช้รูปจริงของตัวเองซะส่วนใหญ่ จนเราไปแมตท์กับพี่ผู้ชายคนนึ่ง  ซึ่งเราดูจากข้อมูลแล้วก็คิดว่าไลฟ์สไตล์คล้ายๆกับเรา ชอบอะไรคล้ายๆกัน ทำงานก็แวววงเดียวกันเป็นพวกติสๆ น่าจะเข้ากันได้ ตอนแรกเขาก็ทักเรามาก่อน แต่เราไม่ได้ตอบเพราะappนี้ไม่ค่อยแจ้งเตือน กว่าจะได้ตอบก็ปาไปหลายวันเหมือนกัน เราก็ทักไปสั้นๆ และขอโทษที่ไม่ได้ตอบเขาไป พิมพ์สั้นๆสลับไปสลับมากันอยู่แบบนี้ ไม่ได้คุยกันจริงๆจังๆสักที เลยมีการขอไลน์ไว้คุยกัน เพื่อความสะดวก..เราคุยกับพี่คนนี้ก็โอเคนะ เพราะคุยแต่ละอย่างคือเราสามารถคุยกับเขาได้เรื่อยๆ เพราะทำงานสายงายเดียวกัน ความชอบอะไรก็คล้ายๆกัน เขาก็มีการแนะนำ วิธีการทำงานต่างๆให้กับเรา เพราะพี่เขาถือว่ามีประสบการณ์มากกว่า ห่างกับเราประมาณ4ปี เราก็คุยกันเฉพาะเวลาที่พี่เขาว่างเท่านั้น
เพราะพี่เขาทำงานพวกกองถ่าย เราเคยทำมาก่อน เราจะรู้ว่าเขาจะไม่ค่อยมีเวลา นอนไม่เป็นเวลา บางทีก็ฝากข้อความในไลน์ไว้ เผื่อพี่เค้าทำงานเสร็จจะได้กลับมาอ่าน ก็คุยแบบนี้เรื่อยๆ จนพี่เขานัดเจอกับเราตอนนั้นก็มีการขอเบอร์กันแล้วนะคะ ในตอนนั้นเองเราก็อยากเจอพี่เขาจริงๆนะ เพราะว่านานๆทีพี่เขาถึงจะว่าง ครั้งแรกที่เจอกัน พี่เค้านัดเราซะดึกเลยประมาณ3ทุ่มเพราะเขาพึ่งเลิกงาน ใจนึงก็กลัวนะ แต่สถานที่ที่เค้านัดไม่ได้เปลี่ยวอะไร เป็นตลาดนัดกลางคืน ซึ่งพี่เค้าบอกว่า พี่เค้ามาขายอะไหล่รถมอร์ไซค์กับพวกเพื่อนๆเขา เราเลยตกลงไป ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษส่วนใหญ่เค้าก็จะคุยเรื่องรถกันตามประสาผู้ชายเราซึ่งไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี่ก็ได้แต่นั่งขายของไปกับพวกพี่ๆ ระหว่างนั้นพี่เค้าก็ซื้อของซื้อน้ำให้เรากิน
แต่แปลกใจตรงที่เค้าให้เรากินแก้วกับพี่เค้าเลย ไม่รังเกียจเราหรอ ก็เม้าส์มอยกันไปมาจนตลาดวาย กลุ่มของพวกพี่เขาก็ชวนกันไปขี่รถเล่นก่อนจะพากันไปกินข้าวรอบดึก พี่เขาก็ชวนเราขี่รถเล่นและชวนทานข้าวตอบแทนที่เราช่วยเค้าขายของ และเก็บของ เราไม่มีธุระอะไรอยู่แล้วเลยตกลงไป ช่วงที่เรานั่งซ้อนท้ายมอร์เตอร์ไซค์เค้า เราตื่นเต้นมาก เพราะมันเป็นรถมอร์ไซค์บิ๊กไบค์ มีที่ให้คนซ้อนนั่งแค่นิดเดียว พี่เค้าเลยให้เราจับเอวพี่เขาเอาไว้ เราเข้าใจเลยว่าทำไมผู้หญิงถึงต้องเกาะแน่นขนาดนั้นเวลาซ้อนท้ายมอร์เตอร์ไซค์แฟน เพราะมันจะปลิวจริงๆนะ ยิ่งตัวเราผอมๆ หนักแค่40กว่าอยู่ด้วย -*-
แล้วพี่เค้าก็ชอบแกล้ง ชอบเร่งเครื่องให้เราจับเค้าแน่นๆ ใจเราก็อายเพื่อนพี่เขานะ กลัวคนอื่นจะมองว่ากอดเอวผู้ชายไรแบบนี้จะดูไม่ดี เลยเปลี่ยนมาจับไหล่แทน ระหว่างทางที่ขี่พี่เขาก็จับมือเราที่เราจับไหล่ ลงมาให้เราจับเอวแทนอยู่ตลอดๆ เราเลยถือโอกาสจิ้มพุงซะเลยหมั่นไส้ เราเลยพูดแซวว่าโธ่..ให้จับเอวอยู่ได้ ดูสิ๊มีแต่พุง นางก็งอนๆ บอกว่าจะลดความอ้วนแล้ว..เพราะตั้งแต่ทำงานน้ำหนักเพิ่มขึ้นเยอะ ในเวลานั้นถามว่าหวั่นไหวไหวก็หวั่นไหวนะ เวลาพูดกันตอนขี่มอร์เตอร์ไซค์แล้วมันไม่ได้ยิน ต้องเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆเพื่อฟังที่พี่เขาพูด เราก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เพราะหน้าใกล้กันมากเลย เขิน..>< ระหว่างหยุดไฟแดง พี่เขาก็จับมือเราเล่นนะ..รู้สึกแปลกทำไมเราถึงไม่ขัดขืนว่ะในตอนนั้น
จนไปถึงร้านอาหาร คนเยอะมากๆ แล้วก็มีแต่คนมองมาที่พวกเรา เพราะรถเสียงดังมาก...มากันเป็นแก๊งซ์ใหญ่ประมาณเกือบสิบคันได้ นางก็เล่นเลยจ้าทำมาเป็นจับเอวเราเลย แล้วบ่นกับเราว่า โหย..ผอมจังมีแต่กระดูก เอาไส้เก็บไว้ที่ไหนเนี่ย แล้วก็มาจับแขนเรา บอกว่าตัวเหนียวเลยนะเรา ร้อนไหม? ซึ่งเราก็อีดออดอยู่แล้วเพราะคนเยอะ ก็มีสะบัดเล่นตัว เพราะคนทั้งร้านเค้ามองเราอยู่ตั้งแต่ขี่รถเข้ามา พอนั่งก็จัดการสั่งอาหารกันเสร็จสรรพ พวกเพื่อนพี่เค้าก็แซวกัน ว่า..พลาดแล้วที่พาแฟนมาเปิดตัว..แฟนโดนกูแซวทั้งคืนแน่ อะไรทำนองนั้น ถามว่าเราฟังรู้สึกดีใจไหมก็ดีใจนะ
เพราะการที่เขาพาเรามารู้จักกับเพื่อนเค้า ชีวิตประจำวันของเขามันก็เปิดเผยดี แต่มันก็ไม่แบบนั้นไปซะหมด..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่